หุ ๆๆ ก็ถ้าคลิกเข้ามาอ่านรีวิวที่บทความนี้ “ลาแมร์” (LA MER) ตัวไหนดี แสดงว่า กำลังอยากจะลองเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ แต่ไม่รู้จะซื้อผลิตภัณฑ์ตัวไหน หรือใช้แบรนด์นี้กันอยู่แล้ว แต่อยากจะลองผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ดูบ้าง ก็บอกเลยว่า คลิกเข้ามาได้ถูกที่ถูกบทความแล้วล่ะค่าา เพราะที่นี่ ทางเราได้ไปรวบรวมมาให้แล้ว 10 ตัว LA MER ที่น่าสนใจ ซึ่งแต่ละตัวก็เด็ด ๆ ปัง ๆ มีรีวิวแน่น ดีงาม ถึงขนาดมีรีวิวกันไปทั่วทั้งโลกใบนี้เลยทีเดียว และถ้าสาว ๆ ได้ลองอ่านเนื้อหากันจนจบล่ะก็ จะต้องอยากซื้อผลิตภัณฑ์ ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่งกันอย่างแน่นอน ส่วนจะมีลาแมร์ตัวอะไรมารีวิวให้ดูกันบ้างนั้น ก็ตามมาเลยค่ะ !
สารบัญ
ลาแมร์ ของประเทศอะไร ??
หลาย ๆ คนอาจจะมีความเข้าใจว่า ด้วยชื่อของแบรนด์และชื่อของผลิตภัณฑ์ที่ดูแล้วนึกถึงภาษาฝรั่งเศส จนทำให้คิดว่า LA MER นั้น ต้องเป็นแบรนด์จากประเทศฝรั่งเศสกันแน่ ๆ แต่จริง ๆ แล้ว ลาแมร์ เป็นของประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ โดย LA MER ได้เข้ารวมอยู่ภายใต้แบรนด์ Estée Lauder เมื่อปี 1995 ซึ่งทั้งสอง ถือเป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกาค่า
ตารางเปรียบเทียบรีวิว ลาแมร์ (LA MER) ตัวไหนดี
ก็เผื่อสาว ๆ อยากจะเห็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้แบบหลาย ๆ ตัว พร้อม ๆ กัน สามารถเลื่อนไปมาซ้ายขวา เพื่อทำการเปรียบเทียบสินค้าและรายละเอียดต่าง ๆ กันได้แบบง่าย ๆ เราก็ขอแนะนำให้ลองกดที่ปุ่มด้านล่าง เพื่อเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบกันได้เลยค่าา
1. La Mer The NEW Advanced Treatment
ราคาโดยประมาณ 4,450 บาท ต่อ 100 ml
ไหนใครที่อยากจะลองเข้าวงการ เป็นมือใหม่หัดใช้ La Mer กันบ้าง แต่เห็นราคาแล้วจะเป็นลม จะสอยยกเซ็ตก็คงจะไม่ไหว อยากเริ่มจากอะไรที่ง่าย ๆ สบาย ๆ ก่อน ขอแนะนำคุณ La Mer The NEW Advanced Treatment ตัวนี้เลยค่าาา โดยตัวนี้เป็นน้ำตบตัวดังที่พึ่งปรับสูตรใหม่ล่าสุดของชี เป็นกลุ่มน้ำตบที่สามารถมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างต่อเนื่อง แถมยังฝั่งอยู่ในผิวได้แบบตลอดทั้งวัน ช่วยให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยจางลงแบบสังเกตได้ แถมคุณคนนี้ยังช่วยลดการระคายเคืองของผิว แก้ปัญหาเรื่องความแห้งกร้าน ช่วย Calm ผิวด้วยกลิ่นหอมแพง และความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดีค่ะ
มากันที่สารบำรุงของเค้ากันหน่อยค่ะ อย่างที่บอกว่าคุณเค้าพัฒนาสูตรขึ้นมาจากตัวเก่า จึงเพิ่ม Serum Strength ตัวช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก และรูขุมขน ให้มากขึ้น แถมยังมาพร้อมกับน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ ซึ่งเป็นสารสกัดในตำนานจุดเด่นของ La Mer แบบจัดหนัก มีมากกว่าสูตรเดิมแบบจุก ๆ เมื่อทั้งสองมารวมพลังกัน จึงช่วยบำรุงได้ดียิ่งกว่าเดิม ส่วนเนื้อสัมผัสก็มีความเป็น Active Liquid Hydrogel ไม่ได้ใส แต่ก็ไม่เหนอะหนะ ซึมไว ทาแล้วสบายผิวสมกับเป็น La Mer สกินแคร์ราคาแพงอันดับต้น ๆ กันเลยค่าา
| จุดเด่น | ถือเป็นตัวเริ่มต้นสำหรับมือใหม่หัดลองลาแมร์ ผิวชุ่มชื้นได้อย่างต่อเนื่องทั้งวัน ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยจางลงแบบเห็นชัดสังเกตได้ ลดการระคายเคือง |
| ประเภท | Treatment Lotion, น้ำตบ |
| สารบำรุง | Serum Strength, Miracle Broth™ |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | Active Liquid Hydrogel ไม่ได้ใส แต่ก็ไม่เหนอะหนะ ซึมไว |
| วิธีใช้ | ใช้หลังเช็ดโทนเนอร์ เทลงฝามือวอร์มผลิตภัณฑ์และกดให้ทั่วใบหน้า ลำคอ |
2. La Mer Crème de la Mer
ราคาโดยประมาณ 7,800 บาท ต่อ 30 ml
มอยเจอร์ไรเซอร์ในตำนาน ที่หลาย ๆ คนยกให้เป็นท็อปสุดของวงการไปเลยค่ะแม่ ชีคือ La Mer Crème de la Mer ใครผิวแห้ง หน้าแห้งต้องการล็อกความชุ่มชื้น คืนผิวใสฟูอย่างเร่งด่วน ลองวอร์มคุณนี้แล้วกดลงที่ใบหน้า ตื่นเช้ามาคือรู้เรื่องค่ะ! ผิวชุ่มชื้นขึ้นจริงตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ดีงามจนแบบว่า หลายคนได้พกคุณพี่เค้าไปเที่ยวต่างประเทศที่มีอากาศหนาว หิมะตก จะแห้ง จะเย็นแค่ไหน คุณ Crème de la Mer เอาอยู่ ให้ผิวที่นุ่มขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น ใช้ไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกได้ถึงความกระชับ เรียบเนียน ตอบโจทย์เรื่องลดเลือนริ้วรอย แถมยังช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ผิวแข็งแรงขึ้นตามลำดับ บำรุงได้เยอะมากก แต่ก็แพงมากกกเช่นกันค่ะ
มากันที่สารสกัดภายใน Crème de la Mer กันหน่อยค่ะ แน่นอนว่าต้องมี Miracle Broth™ ตำนานแห่งท้องทะเลลึก เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของลาแมร์ ที่ได้ทำการคัดสรรสาหร่ายซีเคลป์ชั้นดี มาบ่มหมักจนกลายมาเป็น Miracle Broth™ นั่นเอง ส่วนเนื้อสัมผัสของครีมก็จะแน่นมากกก ต้องควักครีมออกมาวอร์มก่อน จนครีมขาวข้นกลายเป็นสีใส แล้วจึงค่อย ๆ กดลงกับผิวให้ทั่ว และไม่ว่าสาว ๆ จะมีสภาพผิวแบบไหน ก็สามารถใช้ชีได้นะ ชีใช้ได้กับทุกสภาพผิว ยิ่งใครผิวแห้งถึงแห้งหนักมากยิ่งต้องชอบ และยังสามารถใช้ได้ทั้งกลางวัน – กลางคืนเลยค่ะ
| จุดเด่น | ครีมในตำนานของลาแมร์ โดดเด่นเรื่องการเพิ่มพร้อมล็อคความชุ่มชื้นให้กับผิว คืนความกระชับ เรียบเนียน ลดเลือดริ้วรอย ทำให้ผิวแข็งแรง |
| ประเภท | มอยเจอร์ไรเซอร์ครีม |
| สารบำรุง | Miracle Broth™ |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีมแน่น เข้มข้นมาก |
| วิธีใช้ | ใช้หลังเซรั่ม ก่อนใช้ต้องวอร์มเนื้อครีมให้กลายเป็นครีมใสก่อน |
3. La Mer The Moisturizing Soft Cream
ราคาโดยประมาณ 7,800 บาท ต่อ 30 ml
ใครที่ได้ลองคุณ La Mer Crème de la Mer แล้วร้ากกกมากเหลือเกิน แต่จะใช้หน้าร้อน ออกแดดประเทศไทยก็ไม่ค่อยจะไหว มันรู้สึกเหนอะหนะ หนักหน้าเสียเหลือเกิน (ยิ่งคนผิวผสม ผิวมันยิ่งรู้สึกเลยค่ะ) มาลองคุณคนนี้กันดีกว่า La Mer The Moisturizing Soft Cream ซึ่งชีก็คือครีมฟื้นบำรุงผิวตระกูลเดียวกับ Crème de la Mer เนี่ยแหละค่ะ แต่มีความบางเบาที่เบาาาาาากว่าเยอะ และยังสามารถใช้ได้โดยที่ไม่ต้องวอร์มเนื้อครีมก่อน พอไม่ต้องเสียเวลาวอร์มเนื้อครีม ก็ทำให้คุณคนนี้กลายเป็นไอเท็มฮิตติดท็อปอย่างรวดเร็ว เรียกว่าปังถูกใจ ใช้งานง่ายขึ้น และยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อน ๆ บ้านเราด้วยค่ะ
เจาะลึกมาที่ตัวผลิตภัณฑ์กันหน่อยค่ะ คุณ Soft Cream ตัวนี้ นางมีนวัตกรรม Moisturizing Spheres ซึ่งมีการผสมผสานของน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ พร้อมกับ Lime Tea มารวมพลังช่วยกันทำหน้าที่ทั้งมอบความชุ่มชื้น กับคงความชุ่มชื้นให้กับผิว และยังช่วยเรื่องแอนตี้ออกซิเด้นส์ เสริมปราการปกป้องผิวใหม่ ปรับผิวให้แข็งแรง เปล่งประกาย รวมถึงกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติขั้นสุด และด้วยความที่ตัวนี้ดีงามมากกก ทำให้เซเลปดาราไทยใช้กันเยอะมากกกก เพราะความง่ายแต่ชุ่มชื้น ผิวมันก็ยังใช้ได้สบายผิวเนี่ยแหละค่าา
| จุดเด่น | มอยเจอร์ไรเซอร์ตัวดังในประเทศไทย และอีกหลาย ๆ ประเทศ คืนความชุ่มชื้นให้ผิว ปรับผิวให้แข็งแรง เปล่งประกาย และกระจ่างใส ลดริ้วรอย ใช้ง่าย |
| ประเภท | มอยเจอร์ไรเซอร์ครีม |
| สารบำรุง | Moisturizing Spheres, Miracle Broth™ และ Lime Tea |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีมสีขาว นุ่ม |
| วิธีใช้ | ใช้หลังเซรั่ม แต้มทาลงบนผิวได้เลย ไม่ต้องวอร์ม |
4. La Mer The Moisturizing Cool Gel Cream
ราคาโดยประมาณ 7,800 บาท ต่อ 30 ml
ใครที่หน้ามันมาก มันจัด จนใช้กลุ่มครีมจะเบามากเบาน้อยก็ยังรู้สึกเหนอะหนะอยู่ หรืออยากได้อะไรที่มันทั้ง Fresh และคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างเร่งด่วนไปในตัว คุณลาแมร์เค้าก็มีค่าา อย่างคุณ La Mer The Moisturizing Cool Gel Cream ที่เค้าเป็นครีมฟื้นบำรุงผิวไลน์เดียวกับคุณ Crème de la Mer และ Soft Cream เนี่ยแหละ แต่มีการปรับเนื้อผลิตภัณฑ์ให้กลายเป็น “สูตรเจล” เย็นสดชื่น ตอบโจทย์เรื่องช่วยปลอบประโลมผิว มอบความรู้สึกมีชีวิตชีวา เติมน้ำให้ผิว พร้อมเผยผิวดูกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติสุด ๆ ค่ะ
และแน่นอนได้ชื่อว่าเป็นลาแมร์ ก็ต้องมีคุณ Miracle Broth™ ส่วนผสมในตำนาน ที่ชีจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาสัญญาณแห่งวัย ทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ แลดูจางลง รวมถึงผิวแลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งคุณคนนี้ยังทำหน้าที่เสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยล็อกน้ำในผิวให้ชุ่มชื้นคงอยู่ พร้อมกับป้องกันสิ่งแปลกปลอม สภาพแวดล้อมภายนอกที่เป็นอันตรายต่อผิวได้อีกด้วย และเนื่องจากเป็นสูตรเนื้อเจล จึงทำออกมาให้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวผสม – ผิวมันโดยเฉพาะเลยค่ะ
| จุดเด่น | มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับคนผิวผสมไปจนถึงผิวมันโดยเฉพาะ เน้นเติมน้ำให้ผิว ให้ความรู้สึก Fresh ปลอบประโลมผิว มอบความรู้สึกมีชีวิตชีวา |
| ประเภท | มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจล |
| สารบำรุง | Miracle Broth™ |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อเจล เย็นสบายผิว |
| วิธีใช้ | ใช้หลังเซรั่ม แต้มทาลงบนผิวได้เลย ไม่ต้องวอร์ม |
5. La Mer The Eye Concentrate
ราคาโดยประมาณ 9,800 บาท ต่อ 15 ml
ถ้าถามถึงสกินแคร์ลาแมร์ตัวที่ดังสุด ๆ ดาราเซเลปรีวิวใช้กันเยอะมากกกกก ก็คงต้องเป็นอายครีม La Mer The Eye Concentrate ตัวนี้เลยค่ะ ว่าก็ว่านางเป็นครีมบำรุงผิวรอบดวงตาตัวดัง ติดท็อปไอเท็มในดวงใจของใครหลาย ๆ คนมาโดยตลอด ซึ่งจุดเด่นก็คือ ช่วยแก้ปัญหา ลดเลือนรอยคล้ำรอบดวงตาได้อย่างชัดเจน ช่วยเผยผิวให้ดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น ทำให้ผิวรอบดวงตาดูสุขภาพดีขึ้น และยังมีการทดสอบพบว่า รอยคล้ำรอบดวงตา พวกริ้วรอย เส้นริ้วรอบ ๆ ดูจางลงภายใน 3 สัปดาห์เลยทีเดียว กลายเป็นคนใต้ตาอิ่มฟู ดูเหมือนคนพักผ่อนนอน 4 ทุ่ม ดื่มน้ำวันละ 3 ลิตรทุกวันไปเลยจ้า เริ่ดดด !
มากันที่ส่วนผสมหน่อยค่ะ โดยคุณคนนี้มี Concentrated Miracle Broth™ ที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่าจุก ๆ และยังมี Lime Tea Concentrate ส่วนผสม Anti-oxidant เอกลักษณ์จาก LA MER เลยทำให้คุณอายครีมตัวนี้ ช่วยมอบพลังความชุ่มชื้น ป้องกันผิวจากมลภาวะ รวมถึงสิ่งแปลกปลอมได้ดี และถึงราคาจะแรงงงงงงงงกว่าอายครีมแบรนด์อื่น ๆ แต่ซื้อทุก 1 ครั้งก็ใช้ได้นานหลักปีอยู่นะคะ เพราะคุณเค้าใช้แค่นิดเดียวก็เพียงพอ และยังมาพร้อมกับแอพพลิเคเตอร์ช่วยในการลงอายครีม ที่จะเอาไปแช่เย็นเพิ่มความ Fresh ก็ได้ พอใช้แล้วก็ช่วยให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวรอบดวงตาได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เห็นผลไวจากแอพพลิเคเตอร์เฉพาะของลาแมร์เนี่ยแหละค่าา
| จุดเด่น | ช่วยแก้ปัญหา ลดเลือนรอยคล้ำรอบดวงตา ช่วยเผยผิวที่ดูกระจ่างใสขึ้น เปลี่ยนให้ผิวรอบดวงตาดูสุขภาพดีขึ้น มีแอพพลิเคเตอร์ที่สามารถแช่เย็นเพิ่มความสดชื่นให้ดวงตาได้ |
| ประเภท | อายครีม |
| สารบำรุง | Concentrated Miracle Broth™, Lime Tea Concentrate |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | เป็นเนื้อครีมกึ่งเจล |
| วิธีใช้ | ใช้แอพพลิเคเตอร์ปาดผลิตภัณฑ์ เกลี่ย+นวดตามที่ลาแมร์แนะนำ |
6. La Mer The Concentrate
ราคาโดยประมาณ 7,050 บาท ต่อ 15 ml
เริ่มหยุดไม่อยู่แล้วสินะ ใครกำลังถล้ำลึกเข้าสู่วงการ La Mer ยินดีด้วยนะคะ คุณกำลังจะมีผิวที่สุดปังส่วนทางกับเงินในกระเป๋าตังค์แบบสุด ๆ… แต่เราจะไม่ห้ามกันค่ะ ผิวสวยผิวดีคือจบ สำหรับใครที่เริ่มอยากบำรุงผิวให้มันปังครบทั้งชั้นใน ชั้นนอก อยากได้การบำรุงที่ล้ำลึกฟื้นผิวให้แข็งแรงอย่างแท้จริงมากขึ้นอีกขั้น แนะนำเซรั่มที่ขายดีที่สุดของลาแมร์ คุณ La Mer The Concentrate ตัวนี้เลยค่าา โดยชีก็สามารถใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย รีวิวเพียบ รีวิวแน่นจากทั่วทุกมุมโลกว่า สามารถปรับผิวให้ดีขึ้น รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงให้ผิวภายใน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะเรื่องความผิวแข็งแรง ให้ผิวสุขภาพดี เรียบเนียนยิ่งขึ้นค่ะ
และแค่ผิวแข็งแรง ปัญหาไหน ๆ ก็มายุ่งวุ่นวายกับผิวเราไม่ได้แล้วเนอะ เนี่ยแหละเลยกลายเป็นจุดเด่นของเซรั่มตัวนี้ที่ทำให้ทุกคนรักหลงเสียเหลือเกิน เพราะได้รับการแก้ปัญหาจากที่ต้นเหตุจริง ๆ ซึ่งตัวเซรั่มก็มีส่วนผสมของ Concentrated Miracle Broth™ เข้มข้น ผสมผสานเข้ากับ Anitioxidant เน้นพัฒนาให้ตอบโจทย์กับการปกป้องผิวจากสภาวะแวดล้อม และมลภาวะภายนอกตัวการทำร้ายที่ทำให้ผิวแย่หนักกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะเข้ามาปลอบประโลม เปลี่ยนผิวที่บอบบางให้กลับมาแลดูสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้นจนรู้สึกได้อีกด้วย แต่ระวังนิด นางแพงจริง แพงจัง แพงโคตร ๆๆๆ ค่ะ!
| จุดเด่น | เป็นเซรั่มที่ขายที่ดีสุดในลาแมร์ ใช้ได้ทุกสภาพผิว เน้นการบำรุง พลิกฟื้นผิวให้แข็งแรงอย่างแท้จริง ผิวสุขภาพดี เรียบเนียน ช่วยปลอบประโลมผิว |
| ประเภท | เซรั่ม |
| สารบำรุง | Concentrated Miracle Broth™ เข้มข้น , Antioxidant |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อเซรั่มเข้มข้น ซึมไว |
| วิธีใช้ | วนรอบ ๆ ผิวหน้าเว้นรอบดวงตา หลังจากที่ใช้กลุ่มน้ำตบหรือพรีเซรั่ม |
7. La Mer The Lip Balm
ราคาโดยประมาณ 3,350 บาท ต่อ 9 g
รู้กันมั้ย? ว่า LA MER เค้าไม่ได้มีแค่กลุ่ม Skincare ดูแลแต่ผิวอย่างเดียวเท่านั้นนะ อย่างเช่นลิปบาล์มตัวนี้ La Mer The Lip Balm ก็เป็นไอเท็มที่น่าสนใจ ส่วนตัวใช้หมด ซื้อต่อตล๊อดดๆ นางราคาดีอะ ไม่แรงจนใจเจ็บ แถมยังชุ่มชื้นมากกกก เนื้อนุ่มกำมะหยี่ฟิน ๆ ไม่มันเยิ้มเหนอะหนะเหมือนบาล์มที่เราใช้กันทั่วไป มีกลิ่นหอมของมิ้นต์ทำให้รู้สึกสดชื่น Fresh ขึ้นอีกเท่าตัว ก็ใครที่กำลังมองหาตัวช่วยที่จะเข้ามาฟื้นบำรุง มอบสมดุลให้ปากดูนุ่มนวล เน้นคืนความชุ่มชื้น เพื่อช่วยป้องกันริมฝีปากจากสภาพแวดล้อมภายนอก ตัวนี้คือตอบโจทย์ค่ะ ลองแล้วจะรัก !
มากันที่ส่วนผสมกันหน่อยค่ะ ถึงจะเป็นลิปบาร์มน้องน้อย แต่ลาแมร์ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นเอกลักษณ์ ยังคงมีส่วนผสมของ Cell Renewing Miracle Broth™ ตำนานแห่งท้องทะเล หัวใจสำคัญของ La Mer ที่เข้าคีฟให้มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ทุกตัวจริง ๆ วิธีใช้ก็เหมือนลิปบาล์มทั่วไปค่ะ ใช้นิ้วมือ 1 นิ้ว วนรอบ ๆ เนื้อผลิตภัณฑ์และทาลงบนริมฝีปาก คุณเค้าจะเข้าเคลือบปากให้นุ่ม ชุ่มชื้น แถมยังกักเก็บไม่ให้ปากแห้งแตกง่าย ๆ อีกด้วย และ 1 ตลับก็ใช้ได้นานมากกก ยกให้เป็นอีก 1 ไอเท็มลาแมร์ที่ควรค่าแก่การตำค่ะ!
| จุดเด่น | ลิปบาล์มช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น กลิ่นหอมมิ้นท์อ่อน ๆ ช่วยป้องกันริมฝีปากจากสภาพแวดล้อมภายนอก กักเก็บไม่ให้ปากแห้งแตกง่าย ๆ |
| ประเภท | ลิปบำรุงริมฝีปาก |
| สารบำรุง | Cell Renewing Miracle Broth™ |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อขี้ผึ้งผสมมอยเจอร์ไรเซอร์ |
| วิธีใช้ | วนรอบ ๆ เนื้อผลิตภัณฑ์และทาลงบนริมฝีปาก |
8. La Mer The Renewal Oil
ราคาโดยประมาณ 5,500 บาท ต่อ 15 ml
ใครผิวแห้งหนักมากกก หรือเป็นสาวกผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์ คุณต้องมาทำความรู้จักกับ La Mer The Renewal Oil ที่เป็นออยล์บำรุงผิวหน้าสุดปังของลาแมร์ มีคุณสมบัติช่วยฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึก นุ่มเนียน ปรับผิวให้เปล่งประกาย แลดูสุขภาพดีแบบขั้นสุด และยังช่วยในเรื่องปรับผิวให้กระชับขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ แลดูจางลงอีกด้วย อย่างไรก็ตามด้วยความที่มีเนื้อสัมผัสแบบน้ำมัน เวลาทาผิวหน้าก็จะค่อนข้างเหนียวเหนอะหนะกว่าเนื้อสัมผัสแบบอื่น ๆ ค่ะ
แต่ก็ขอเจาะลึกเข้ามาอีกนีสส สำหรับ Renewal Oil ตัวนี้ก็สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้า ผิวกาย เล็บมือ เส้นผม หรือจะผสมเพิ่มประสิทธิภาพกับสกินแคร์ที่คุณใช้อยู่เป็นประจำก็ได้เลยค่ะ แต่ด้วยราคาที่แรงแสงพุ่งขนาดนี้ เราเลยขอแนะนำให้คุณใช้เฉพาะกับผิวหน้าและลำคอก็พอ หรือใส่เสริมสกินแคร์อื่น ๆ เวลาที่ต้องการความชุ่มชื้นแบบเร่งด่วนดีกว่า อย่าไปใช้ทาผิวเลย เปลืองมากกก ส่วนทางด้านส่วนผสมนั้น เค้าจะเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Miracle Broth™ กับ Lime Tea Concentrate ตัวผสมหลัก ๆ เด่น ๆ ของลาแมร์นั่นเอง ก็ใครที่ชอบสกินแคร์แบบออยล์ ๆ อยู่แล้ว ห้ามพลาดเลยค่ะ !
| จุดเด่น | ตัวช่วยที่จะเข้ามาฟื้นบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก นุ่มเนียน ปรับผิวให้เปล่งประกาย ปรับผิวให้ดูสุขภาพดีแบบขั้นสุด ใช้หยดใส่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ รวมได้ |
| ประเภท | ทรีทเมนต์ออยล์ |
| สารบำรุง | Miracle Broth™ กับ Lime Tea Concentrate |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อออยล์ |
| วิธีใช้ | หยดออยล์ลงผิว หรือหยดใส่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่คุณใช้อยู่เป็นประจำ |
9. La Mer The Hydrating Facial
ราคาโดยประมาณ 11,950 บาท ต่อ 6 แผ่น
แนะนำสำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้ผิว ผิวหมองเหมือนโดนของ ผิวแย่ แห้งสุด ๆ แบบแม่ช่วยที ผิวหน้าไม่ไหวแล้ว เสียเงินเท่าไรก็ยอมมม เราถึงจะแนะนำให้ใช้จริง ๆ ค่ะ สำหรับคุณ La Mer The Hydrating Facial มาร์กสุดปังจากคุณลาแมร์ ชีคือมาสก์ชีทสำหรับผิวหน้าที่เน้นมอบความชุ่มชื้นแบบสูงสุด ไม่ว่าจะผิวแห้งกร้านขนาดไหน โดนแดดหนักจนผิวปวดแสบปานใด แค่ใช้ชีคนนี้ ก็จะถูกฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาชุ่มชื้น ดูมีชีวิตชีวา เผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใสขึ้นได้แบบมหัศจรรย์เลยค่ะ
มากันที่สารสกัดและตัวแผ่นมาร์กกันหน่อยค่ะ ตัวนี้จะทำจากผ้าฝ้ายบริสุทธิ์ ทำให้ผิวไม่ระคายเคือง มาร์กแล้วรู้สึกสดชื่น สบายผิวดีมากกก อีกทั้งยังทำหน้าที่กระจายสารบำรุงที่อัดแน่นอยู่ในแผ่น ให้พร้อมระเบิดตัวเข้าสู่ผิวให้ไวที่สุด ซึ่งก็อุดมไปด้วยสารสกัดอันทรงคุณค่าอย่าง Miracle Broth™ ตัวหลักของลาแมร์ ก็บอกเลยใครที่มีช่วงเวลาสำคัญอยากผิวสวยมากที่สุด แนะนำเลยค่ะแผ่นเดียวเอาอยู่ เหมือนผิวเกิดใหม่ของจริง แต่ถ้าไม่จำเป็น อย่าหาเรื่องใช้นะ เพราะแต่ละแผ่นแพงงงงงงเอาเรื่องค่ะ!
| จุดเด่น | เน้นมอบความชุ่มชื้นแบบสูงสุด แก้ปัญหาผิวแห้งกร้านขั้นสุด ฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาชุ่มชื้น ดูมีชีวิตชีวา เผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใสอย่างเร่งด่วน |
| ประเภท | มาร์กชีท |
| สารบำรุง | Miracle Broth™ เข้มข้น |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | แผ่นมาร์กทำจากผ้าฝ้ายบริสุทธิ์ |
| วิธีใช้ | ใช้หลังอาบน้ำ มาร์กชีท 20 – 25 นาที ไม่ต้องล้างออก |
10. La Mer The Cleansing Foam
ราคาโดยประมาณ 4,250 บาท ต่อ 125 ml
อีกหนึ่งไอเท็มที่หลายคนอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญ แต่ถ้าหมดหรอ? ต้องซื้อเติมด่วน ๆ จ้าา ขาดไม่ได้เลย สำหรับคุณ La Mer The Cleansing Foam โฟมล้างหน้าพลังช้าง ที่เน้นทำความสะอาด พร้อมคืนสมดุลที่ดีที่สุดให้แก่ผิว ซึ่งคุณคนนี้ก็ติดอันดับเป็น Most Loved ของสาวกลาแมร์เลยก็ว่าได้ ได้รางวัลการันตีเพียบบบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเค้ามีจุดมุ่งหมายในเรื่องการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก แต่ในขณะเดียวกันความสะอาดนี้ก็ต้องไม่ทำอันตรายกับผิว ไม่ได้คลีนจนเอาบางอย่างที่ดีกับผิวออกไปค่ะ อีกทั้งยังสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวหน้าของจริง เริ่ดเวอร์ !!
มากันที่ตัวผลิตภัณฑ์กันหน่อย ตัวนี้จะมาในรูปแบบของคลีนซิ่งโฟมค่ะ มีกลิ่นหอมอ่อนหรูแพงสไตล์ลาแมร์ ช่วยมอบความสดชื่น พร้อมกับการทำความสะอาดผิวหน้า คราบมลภาวะ รวมถึงดูแลควบคุมความมันส่วนเกิน และที่สำคัญ มีสารสกัดอย่าง Deconstructed Waters™ และ Miracle Broth™ เอกสิทธิ์จากลาแมร์ ที่จะมารวมพลังช่วยกันทำให้ผิวดูนุ่มเนียน แลดูสดชื่นเปล่งประกาย ส่วนเนื้อโฟมก็ละเอียดมากกก มีความอ่อนนุ่มสูง เวลาล้างก็ช่วยให้ผิวรู้สึกสมดุล ดูกระจ่างใส สะอาดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลยค่า
| จุดเด่น | ติดอันดับเป็น Most Loved ทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างสะอาดหมดจด เน้นการปรับสมดุล กระจ่างใส ช่วยทำให้ผิวดูนุ่มเนียน แลดูสดชื่นเปล่งประกาย |
| ประเภท | โฟมล้างหน้า |
| สารบำรุง | Deconstructed Waters™, Miracle Broth™ |
| เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อโฟมสีเขียวอ่อน ตอนใช้จะเกิดฟองละเอียดตอนนวด |
| วิธีใช้ | นวดคลีนซิ่งโฟมลงบนผิวหน้าที่เปียก เว้นรอบดวงตา แล้วล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด |
เป็ายังไงกันบ้างคะ หลังจากที่ได้เห็นรีวิว “ลาแมร์” (La Mer) ตัวไหนดี กันไปแล้วถึง 10 ตัวด้วยกัน ไม่ทราบว่าสนใจ อยากจะซื้อลาแมร์ตัวไหน สกินแคร์แบบไหน ไปใช้งาน ไปใช้ทา ไปใช้บำรุงผิวกันบ้างคะ ??? ก็จากที่เห็น ๆ มาเนี่ย ก็มีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทเลยทีเดียว ไม่ว่าจะ น้ำตบ, ครีมตัวดังของแบรนด์, เซรั่ม, แผ่นมาสก์หน้า, โฟมล้างหน้า หรือแม้แต่ลิปบาล์มก็มีให้เลือกซื้อกันด้วย แต่ราคาก็แรงและแพง ! สมชื่อแบรนด์เขาจริง ๆ ยังไงก็ขอให้ได้ผลิตภัณฑ์ La Mer ตัวที่ถูกใจ ซื้อแล้วชอบ ใช้งานแล้วตอบโจทย์ ผิวสวยขึ้น ผิวสวยปังกันด้วยค่า
Beauty Blogger ที่จะมารีวิวเครื่องสำอางแบบติดตลก ด้วยความชื่นชอบในการเขียนและแต่งหน้า ก็เลยอยากจะมาแบ่งปันสินค้าตัวที่คิดว่าใช้แล้วดี แต่งแล้วสวย ไม่ทำลายผิว บางอันก็เลือกจากยอดขาย แบรนด์ไหนจัดโปรลดสุดปังก็จะได้รับเลือกอยู่บ่อย ๆ บางอันก็เลือกจากคุณภาพที่ได้ลองใช้แล้วดี มีคนเค้าบอกต่อ การันตีกันขนาดนี้ก็ต้องเอามาเล่าผ่านรีวิวกันหน่อยให้ผู้อ่านได้ไปลองใช้ดูบ้าง