เครื่องกรองน้ำ ยี่ห้อไหนดี รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ

รูปภาพปกบทความ เครื่องกรองน้ำ ยี่ห้อไหนดี รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ

ถ้าได้เข้ามาที่บทความนี้ แสดงว่า กำลังสนใจอยากจะซื้อ “เครื่องกรองน้ำ” กันอยู่สินะครับ แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อยี่ห้อไหนดี ได้ยินได้ฟังจากคนอื่น ๆ จนมึนไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการบอกให้ซื้อเครื่องกรองน้ำแบบ 5 ขั้นตอน, 6 ขั้นตอน หรือกระทั่ง 7 ขั้นตอน หรือต้องซื้อเครื่องกรองน้ำ RO หรือ UF ต้องยี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้ ฟังมาเยอะมาก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ถูกอยู่ดี ถ้างั้นลองมาอ่านเนื้อหาด้านล่างดูสิครับ ทางเราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำหลัก ๆ มาให้แล้ว รวมถึงมีรีวิวเครื่องกรองน้ำ 10 ยี่ห้อด้านล่างด้วย เผื่อจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าแล้ว ก็ไปดูกันเลยครับ



สารบัญ

ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องกรองน้ำ” ยี่ห้อไหนดี

ตารางเปรียบเทียบรีวิว "เครื่องกรองน้ำ" ยี่ห้อไหนดี

สำหรับใครที่ไม่มีเวลาอ่านเนื้อหาทั้งหมด หรืออยากดูแบบสรุปย่อ ๆ ไปเลยซะมากกว่า ถ้างั้นก็ลองกดเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบที่ปุ่มด้านล่างสิครับ ได้ทำการสรุปแบบคร่าว ๆ ไว้ให้แล้ว



1. เครื่องกรองน้ำ แบบติดตั้งกับก๊อก ยี่ห้อ Xiaomi รุ่น Mijia MUL11

สำหรับใครที่ชอบทำอาหารแล้วคิดว่า น้ำประปาที่ออกจากก๊อกนั้นยังสะอาดไม่ดีพอ ขอแนะนำให้ใช้เครื่องกรองน้ำแบบติดตั้งกับก๊อกยี่ห้อ Xiaomi รุ่น Mijia MUL11 Faucet Water Purifier ตัวนี้เลยครับ โดยมีดีไซน์ที่ดูเด่น สวย ทันสมัย และน่าใช้เอามาก ๆ ซึ่งนอกจากเรื่องดีไซน์แล้ว เรื่องการติดตั้งก็ทำได้ง่าย และเรื่องการกรองน้ำก็ทำได้ดีอีกด้วย เพราะมีการกรองถึง 4 ชั้นด้วยกัน และยังกรองละเอียดที่ระดับ 0.1 ไมครอนด้วย ก็ถือว่าช่วยทำให้น้ำประปาที่ออกจากก๊อกมีความสะอาดมากยิ่งขึ้น (แต่ก็ยังไม่เหมาะสำหรับการดื่มน้ำอยู่ดี)

อีกทั้งยังได้ออกแบบให้มีช่องโปร่งแสงเพื่อช่วยให้เห็นถึงความสกปรกของไส้กรองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องคอยแกะออกมาเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ ก็ช่วยให้รู้ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยนไส้กรองได้สะดวกดี ส่วนเรื่องการจ่ายน้ำก็มีถึง 3 แบบให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม เรียกได้ว่า เป็นเครื่องกรองน้ำแบบติดตั้งกับก๊อกที่ครบเครื่องมาก ในราคากลาง ๆ กำลังดีครับ

จุดเด่นดีไซน์สวยงาม / ติดตั้งง่าย / มีช่องโปร่งแสงสามารถมองเห็นไส้กรองได้ / การจ่ายน้ำ 3 แบบ
ขนาด / น้ำหนัก145 x 54 x 71 มม. / 0.54 กก.
การกรอง4 ชั้น
ความละเอียดในการกรอง0.1 ไมครอน
อายุการใช้งานไส้กรอง3 เดือน

2. เครื่องกรองน้ำ แบบติดตั้งกับก๊อก ยี่ห้อ Philips รุ่น X-Guard AWP3600

ถ้าคิดว่า เครื่องกรองน้ำแบบติดตั้งกับก๊อกที่กรอง 4 ชั้นยังไม่ดีพอ งั้นมากรอง 5 ชั้นกับยี่ห้อ Philips รุ่น X-Guard AWP3600 กันดูไหมล่ะครับ (แต่ราคาก็แพงขึ้นมาด้วยนะ) โดยไส้กรองจะใช้เป็นถ่านชาโคลที่มีขนาดเล็กละเอียดมาก จึงสามารถกรองน้ำได้ในระดับ 0.1 ไมครอน ทำให้พวกกลิ่นคลอรีน, กลิ่นต่าง ๆ, อนุภาคขนาดเล็กหรือใหญ่, รวมถึงเชื้อโรคต่าง ๆ ก็ลดน้อยลงจนถึงไม่มีเหลือ ได้น้ำที่สะอาดมากขึ้น ใช้ล้างผักล้างผลไม้ ซาวข้าวหุงข้าว ทำอาหารได้ดี (แต่ก็ยังไม่เหมาะสำหรับการดื่มโดยตรง)

ส่วนอีกจุดที่คิดว่าค่อนข้างพิเศษกว่ายี่ห้อไหน ๆ ก็คือ ไส้กรอง 1 ชิ้นสามารถกรอกน้ำได้มากถึง 1,000 ลิตร! หรือใช้งานได้ยาวนานถึงประมาณ 3-6 เดือนเลยทีเดียว ใครที่ขี้เกียจเปลี่ยนไส้กรองบ่อย ๆ ตัวนี้ตอบโจทย์เลยครับ และถ้าใครที่อยากซื้อไส้กรองราคาโดยประมาณ 269 บาท ของรุ่นนี้เพิ่มเติมหรือสำรองเก็บไว้ ก็ลองดูที่ปุ่มด้านล่างได้นะครับ

จุดเด่นไส้กรองมีอายุยาวนาน / กรองได้ละเอียดกว่าแบบก๊อกยี่ห้ออื่น ๆ / ยี่ห้อมีชื่อเสียงมั่นใจคุณภาพสินค้าได้ / ถ้าซื้อกับร้านค้าทางการมีประกัน 2 ปี
ขนาด / น้ำหนัก137 x 59 x 105 มม. / NA กก.
การกรอง5 ชั้น
ความละเอียดในการกรอง0.1 ไมครอน
อายุการใช้งานไส้กรอง3-6 เดือน

3. เครื่องกรองน้ำ แบบเหยือกกรองน้ำ ยี่ห้อ Stiebel Eltron รุ่น Flow Pitcher

Stiebel Eltron เป็นยี่ห้อจากเยอรมันที่ขายสินค้าเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก แต่เขาก็มีขายเหยือกกรองน้ำอยู่ด้วยนะครับ กับ Flow Pitcher ที่ถือว่ามีผลตอบรับที่ใช้ได้เลยในบ้านเรา โดยตัวเหยือกมีดีไซน์ทันสมัย สวยงาม ดูน่าใช้งาน ส่วนขนาดก็กำลังเหมาะ ยกเครื่อนย้ายไปมาได้สะดวก อีกทั้งยังสามารถเอาแช่ในตู้เย็นได้ด้วย และที่สำคัญตัวไส้กรองเป็นแบบ 5 ชั้นที่มีระบบ UF จึงกรองได้ละเอียดมากถึงระดับ 0.01 ไมครอน (พวกแบบก๊อกน้ำแพ้ราบ) และด้วยความสามารถการกรองในระดับนี้เอง จึงสามารถใช้กรองน้ำประปาสำหรับดื่มกินได้เลยครับ

แต่ด้วยการที่เหยือกมีขนาดเล็ก (จุน้ำได้ 1 ลิตร) การกรองน้ำก็คงสู้พวกเครื่องใหญ่ ๆ ไม่ได้ แนะนำว่าใช้เป็นเครื่องสำรอง หรือใช้กรองเสริมจากตู้กดน้ำ หรือกรองน้ำก่อนที่จะนำน้ำไปชงชาชงกาแฟจะดีกว่า และเช่นเดิมสำหรับใครที่อยากซื้อไส้กรองสำหรับเหยือกกรองน้ำตัวนี้เพิ่มเติม ก็เข้าไปดูร้านค้าที่ปุ่มด้านล่างได้นะครับ

จุดเด่นเคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวก / ขนาดกะทัดรัดเข้าตู้เย็นได้ / ดีไซน์สวยทันสมัย / มีระบบเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรอง
ขนาด / น้ำหนัก120 x 90 x 230 มม. / NA กก.
การกรอง5 ชั้น และมีไส้กรองแบบระบบ UF
ความละเอียดในการกรอง0.01 ไมครอน
อายุการใช้งานไส้กรอง70 ครั้ง ประมาณ 2-3 เดือน


4. เครื่องกรองน้ำ แบบเหยือกกรองน้ำ ยี่ห้อในเครือ Xiaomi, Viomi 7 รุ่น MH1Z – A

Viomi 7 จะเป็นยี่ห้อในเครือของ Xiaomi แต่หลัก ๆ สินค้าก็จะต้องได้ตามมาตรฐานของ Xiaomi ถึงจะขายได้นะครับ โดยเหยือกกรองน้ำตัวนี้ ก็มีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวก และสามารถแช่ในตู้เย็นได้เช่นกัน แต่มีราคาถูกกว่าตัวด้านหมด และไส้กรองก็ทำมาจากกากมะพร้าวคุณภาพดีจากประเทศศรีลังกา อีกทั้งยังมีการกรองถึง 7 ชั้น! ไม่ว่าจะกลิ่นคลอรีน, เชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ รวมถึงสิ่งสกปรกแปลกปลอมก็สามารถกรองได้อย่างแน่นอน และพิเศษกว่าด้วยหน้าจอ อัจฉริยะที่จะมาช่วยเตือนให้เปลี่ยนไส้กรองเมื่อถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนด้วย อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่เหมาะสำหรับใช้กรองน้ำจากก๊อกเพื่อดื่มโดยตรง จะเหมาะสำหรับใช้เป็นตัวสำรอง หรืออยากกรองเสริมเพิ่มเติมมากกว่าครับ

จุดเด่นเคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวก / ขนาดกะทัดรัดเข้าตู้เย็นได้ / หน้าจออัจฉริยะ
ขนาด / น้ำหนัก265 x 145.5 x 262 มม. / 1.5 กก.
การกรอง7 ชั้น
ความละเอียดในการกรองNA
อายุการใช้งานไส้กรองประมาณ 1.5-2 เดือน

5. เครื่องกรองน้ำ UF แบบหลอด ๆ ยี่ห้อ Clarte’ รุ่น WP811UF

ยังมีภาพจำว่า เครื่องกรองน้ำแบบหลอด ๆ ต้องมีสายพะรุงพะรัง ติดตั้งแล้วดูระเกะระกะอยู่หรือเปล่า? เดี๋ยวนี้เขาได้พัฒนาให้เครื่องกรองน้ำแบบนี้มาอยู่ในกล่องกันแล้วนะครับ กับยี่ห้อ Clarte’ รุ่น WP811UF ที่มอง ๆ แล้ว ทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น ดูสวยสบายตามากขึ้น อีกทั้งการจัดการหรือซ่อมดูแลก็ทำได้ง่ายขึ้นด้วย โดยจากรูป จะเห็นได้ว่า มีไส้กรองอยู่ 5 หลอด ก็จะเป็นการกรองน้ำแบบ 5 ขั้นตอนนั้นเอง ซึ่งขั้นตอนที่ 4 จะเป็นไส้กรองแบบ UF ที่กรองได้ละเอียดถึง 0.01 ไมครอน ส่วนไส้กรองที่เหลือก็จะกรองพวกสิ่งสกปรก แบคทีเรีย ตะกอน และอื่น ๆ จึงมั่นใจได้ว่า น้ำที่กรองนั้นมีความสะอาด และสามารถดื่มได้ อีกทั้งราคาเครื่องก็ย่อมเยา เมื่อเทียบกับคุณสมบัติขนาดนี้ ถือว่าคุ้มค่าที่จะซื้อเลยครับ แต่ถ้าน้ำประปาเค็ม ยังไงก็ต้องใช้ RO เน้อ

จุดเด่นดีไซน์ดูทันสมัย ไม่เก่าโบราณแบบเดิม ๆ / ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย / การจัดการง่าย / อายุไส้กรองใช้งานได้นาน
ขนาด / น้ำหนักNA แต่ขนาดไม่ใหญ่มาก
การกรอง5 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 4 จะเป็นไส้กรองแบบ UF
ความละเอียดในการกรอง0.01 ไมครอน
อายุการใช้งานไส้กรองขึ้นอยู่กับไส้กรองแต่ละชนิด ขั้นต่ำที่ 3-6 เดือน จนถึง 12-24 เดือน

6. เครื่องกรองน้ำ UF แบบหลอด ๆ ยี่ห้อ Meier รุ่น ME-W002

มาดูเครื่องกรองน้ำแบบหลอด ๆ ที่จัดเก็บไว้ในกล่องกันอีกสักยี่ห้อ กับ Meier รุ่น ME-W002 ที่มีรายละเอียดต่าง ๆ คล้าย ๆ กับยี่ห้อ Clarte’ ตัวด้านบนเลยครับ มีการกรอง 5 ขั้นตอนเหมือนกัน และขั้นตอนที่ 4 ก็เป็นแบบ UF เหมือนกันด้วย ส่วนอายุการใช้งานของไส้กรองก็พอ ๆ กันอีก แต่เครื่องนี้ จะมีราคาที่ย่อมเยากว่า ไม่พอยังมีสีให้เลือกซื้อกันถึง 3 สี ดำ, เงิน และทอง ให้เลือกซื้อกันตามความชอบด้วย อีกทั้งผลตอบรับในอินเตอร์เน็ทก็ดีมาก มียอดขายมากกว่า 1000+ เลยทีเดียว และถึงแม้จะกรองน้ำเค็มไม่ได้ แต่สำหรับบ้านทั่ว ๆ ไป เครื่องกรองน้ำ UF ก็คุ้มค่าและเกินพอแล้วครับ

จุดเด่นดีไซน์ดูทันสมัย ไม่เก่าโบราณแบบเดิม ๆ / ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย / การจัดการง่าย / อายุไส้กรองใช้งานได้นาน / มีหลายสีให้เลือกซื้อ
ขนาด / น้ำหนัก330 x 100 x 410 มม. / NA
การกรอง5 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 4 จะเป็นไส้กรองแบบ UF
ความละเอียดในการกรอง0.01 ไมครอน
อายุการใช้งานไส้กรองขึ้นอยู่กับไส้กรองแต่ละชนิด ขั้นต่ำที่ 4-6 เดือน จนถึง 18-20 เดือน


7. เครื่องกรองน้ำ RO แบบหลอด ๆ ยี่ห้อ UNIPURE รุ่น 75 GPD

ถ้ากำลังมองหาเครื่องกรองน้ำ RO ที่น่าสนใจ ขอแนะนำให้ลองดูยี่ห้อ UNIPURE รุ่น 75 GPD กันเลยครับ เพราะมีราคาที่ย่อมเยาเมื่อเทียบกับเครื่อง RO ยี่ห้ออื่น ๆ และยังมียอดขายดีการันตีที่ 3,000+++ ในอินเตอร์เน็ทอีกด้วย โดยจะใช้การกรอง 5 ขั้นตอนเช่นเดียวกันกับพวก UF ยี่ห้อบน ๆ แต่ตรงขั้นตอนที่ 4 จะเป็นไส้กรองแบบ RO ที่สามารถกรองได้ละเอียดถึงระดับ 0.0001 ไมครอน จึงกรองได้ละเอียดที่สุด และละเอียดกว่าแบบ UF หลายเท่ามาก ๆ ไม่ว่าจะน้ำกร่อย น้ำเค็มแค่ไหน กรองแล้ว ก็กลายเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์ได้เลยครับ

อีกทั้งยังมีกำลังการผลิตน้ำได้ถึง 300 ลิตรต่อวัน ถ้าสำหรับบ้านทั่ว ๆ ไป ก็ใช้ได้แบบเหลือ ๆ ไม่ต้องเป็นกังวลว่าน้ำจะไม่พอครับ แต่ต้องทำใจเรื่องดีไซน์กันด้วยเน้อ เพราะยังเป็นแบบเก่า ๆ ที่เป็นหลอด ๆ ต้องแขวนต้องห้อยต้องระโยงระยางแบบเดิม ๆ อีกทั้งยังต้องมีปลั๊กไฟใกล้ ๆ เพื่อเสียบใช้ถังแรงดัน และต้องมีพื้นที่วางถังสำรองพักน้ำกันด้วย ก็จะแอบใช้พื้นที่เพิ่มเติมกว่าระบบกรองน้ำแบบอื่น ๆ มานิดหนึ่ง และสำหรับใครที่มีเครื่องอยู่แล้ว หรืออยากจะซื้อไส้กรอง RO เพิ่มเติม ก็เข้าไปดูที่ปุ่มด้านล่างได้นะครับ แต่เตือนนิดหนึ่ง ว่าให้เลือกร้านค้าดี ๆ เพราะบางร้านก็มีขายกันครับ 5 ไส้กรอง แต่บางร้านมีแค่ 1 ไส้กรองครับ

จุดเด่นราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับระบบ RO ยี่ห้ออื่น ๆ / การันตีด้วยยอดขาย 3,000+ ในอินเตอร์เน็ท / เหมาะสำหรับทุกครัวเรือน
ขนาด / น้ำหนักNA
การกรอง5 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 4 จะเป็นไส้กรองแบบ RO
ความละเอียดในการกรอง0.0001 ไมครอน
อายุการใช้งานไส้กรองขึ้นอยู่กับไส้กรองแต่ละชนิด ขั้นต่ำที่ 4-6 เดือน จนถึง 12-18 เดือน

8. เครื่องกรองน้ำ RO แบบแท้งก์น้ำ ยี่ห้อ Xiaomi รุ่น 1A 400G Model MR432

อยากได้เครื่องกรองน้ำ RO แต่ไม่อยากได้แบบหลอด ๆ เพราะดีไซน์ไม่สวย ดูไม่เรียบร้อยแล้วละก็ ถ้ายังงั้นลองมอง ๆ ดู เครื่องกรองน้ำ RO แบบแท็งก์น้ำ ยี่ห้อ Xiaomi รุ่น 1A 400G Model MR432 กันดูดีไหมล่ะครับ? ต้องยอมรับเลยว่า ดีไซน์ของ Xiaomi เนี่ย ชนะขนาดจริง ๆ ดูสวยเนี้ยบมาก ๆ สามารถใช้ตั้งโชว์เป็นของประดับตกแต่งบ้านได้เลย ไม่พอยังมีตัวเครื่องทรงแคบสูง จะเอาวางตั้งไว้ด้านบนก็ได้ หรือใต้ซิงค์น้ำก็ดี ส่วนเรื่องการกรองน้ำจะมีอยู่ที่ 4 ขั้นตอน โดยขั้นตอนที่ 3 จะเป็นไส้กรองแบบ RO ที่แน่นอนว่า กรองได้ละเอียดถึง 0.0001 ไมครอน เช่นกันครับ

นอกจากนี้ ขึ้นชื่อว่า Xiaomi แล้ว ก็ต้องมีความสมาร์ทยิ่งกว่า ตรงที่ฐานก๊อกน้ำจะมีสีไฟ LED ถ้าเป็นสีฟ้าแสดงว่าดื่มได้ แต่ถ้าเป็นสีส้ม ก็ถึงเวลาที่ควรล้างทำความสะอาดหรือเปลี่ยนไส้กรอง อีกทั้งยังสมาร์ทยิ่งขึ้น โดยตัวเครื่องสามารถเชื่อมต่อผ่าน App ในมือถือได้ จึงสามารถสั่งการ, ดูคุณภาพน้ำ รวมถึงการใช้งานของไส้กรองผ่านทางมือถือได้เลย อีกทั้งการเปลี่ยนไส้กรอง ก็ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เปิดฝาด้านบน แล้วหมุน ๆ เอาไส้กรองออก จากนั้นก็ใส่ไส้ตัวใหม่ เพียงแค่นี้เอง สะดวกสบายแบบสุด ๆ โดยรวมก็ถือว่าเป็นเครื่องกรองน้ำ RO ที่ดีไซน์สวยงาม และการใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาก็ทำได้ง่าย ๆ แต่จะมีราคาที่แพงกว่าแบบหลอด ๆ ทั่วไปครับ และเช่นเคย สำหรับไส้กรองน้ำ ก็ที่ปุ่มด้านล่างได้เลยครับ แต่เลือกร้านกันดี ๆ ด้วยเน้อ

จุดเด่นดีไซน์สวยเด่น / เชื่อมต่อกับ APP ผ่านมือถือ / เปลี่ยนไส้กรองง่ายมาก
ขนาด / น้ำหนัก139 x 381 x 420 มม. / 8.9 กก.
การกรอง4 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 3 จะเป็นไส้กรองแบบ RO
ความละเอียดในการกรอง0.0001 ไมครอน
อายุการใช้งานไส้กรองขึ้นอยู่กับไส้กรองแต่ละชนิด ขั้นต่ำที่ 3-6 เดือน จนถึง 12-24 เดือน

9. เครื่องกรองน้ำ RO แบบแท็งก์น้ำ ยี่ห้อ Xiaomi รุ่น S1 800G Model MR834

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วมาดูเครื่องกรองน้ำ RO แบบแท็งก์น้ำของ Xiaomi อีกสักรุ่นกันครับ กับ S1 800G Model MR834 โดยดีไซน์จะยังคงสวย มินิมอล ตามสไตล์ของ Xiaomi และถ้าเทียบกับรุ่น 1A 400G ตัวด้านบนแล้ว รุ่นนี้จะมีความสามารถกินขาดในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะกรองน้ำได้ไวยิ่งกว่าเดิม มีหน้าจอแสดงผลที่สมาร์ทยิ่งกว่าเดิม และที่พิเศษที่สุด ก็คือมีระบบการกรองน้ำถึง 2 ระบบด้วยกัน ทั้งแบบ UF และ RO โดย UF จริง ๆ ก็สามารถดื่มได้ แต่หลัก ๆ จะเอาไว้ใช้ล้างผักผลไม้ หรือใช้ทำอาหารเพื่อเป็นการประหยัดไส้กรองของ RO ส่วน RO ก็จะเน้นเรื่องดื่มกินอย่างเดียว ถือว่าเป็นเครื่องแบบ 2 in 1 เลยนะครับ

นอกจากนี้ ตัวไส้กรองก็ยังคงเปลี่ยนง่ายเช่นเดิม ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือใด ๆ ทั้งสิ้น และวางมาในรูปแบบแนวนอนด้วย (ตามรูปด้านบน) จึงช่วยให้เปลี่ยนได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมไปอีก และด้วยการที่กรองน้ำได้ไวและปริมาณมาก ก็จะเป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ๆ หรือที่ทำงาน ออฟฟิศต่าง ๆ ด้วยครับ แต่ก็จะมีข้อเสียตรงที่ ขนาดเครื่องก็จะใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า หนักกว่า อีกทั้งราคาก็แพงกว่าเป็น 2 เท่าตัวเลยทีเดียว แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา ขอแนะนำครับ

จุดเด่นดีไซน์สวยเด่น / เชื่อมต่อกับ APP ผ่านมือถือ / ไส้กรองแนวนอนเปลี่ยนง่ายมาก / มีระบบกรองน้ำ 2 ระบบ / สมาร์ทหน้าจอแสดงผล
ขนาด / น้ำหนัก467 x 148 x 427 มม. / 12.20 กก.
การกรองมี 2 ระบบ UF หรือ RO ถ้า UF จะกรอง 3 ขั้นตอน, RO 4 ขั้นตอน
ความละเอียดในการกรองUF, 0.01 ไมครอน / RO, 0.0001 ไมครอน
อายุการใช้งานไส้กรองขึ้นอยู่กับไส้กรองแต่ละชนิด ขั้นต่ำที่ 3-6 เดือน จนถึง 12-24 เดือน

10. เครื่องกรองน้ำ UF แบบแท้งก์น้ำ ยี่ห้อ Stiebel Eltron รุ่น FOUNTAIN 7S

ถ้ามีเงินเหลือ ๆ และอยากได้เครื่องกรองน้ำที่มีดีไซน์โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองแบบสุด ๆ ต้องขอแนะนำยี่ห้อ Stiebel Eltron รุ่น FOUNTAIN 7S ตัวนี้เลยครับ โดยตัวเครื่องจะมีราคาที่ประมาณ 12,090 บาท! แพงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ เลยทีเดียว และสำหรับการกรองน้ำ ก็จะมีขั้นตอนถึง 7 ขั้นด้วยกันภายใน 1 ไส้กรอง โดยขั้นตอนที่ 6 จะเป็นชั้นของไส้กรอง UF ที่กรองได้ละเอียดที่ 0.01 ไมครอน ซึ่งถ้าเทียบกับ RO ของ ยี่ห้ออื่น ๆ ก็ยังแพ้อยู่ดี แต่ดีไซน์เด็ดจริงไรจริงครับ เป็นเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเค็ม ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน และอยากได้เอาไว้ใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านไปในตัวครับ

ส่วนใครที่อยากได้ไส้กรองหรือกำลังหาซื้ออยู่ ก็ลองดูที่ปุ่มด้านล่างได้นะครับ

จุดเด่นดีไซน์สวยเด่นสุด! / ขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา / แพง!
ขนาด / น้ำหนัก345 x 170 x 160 มม. / 4 กก.
การกรอง7 ขั้นตอนการใน 1 ไส้กรอง
ความละเอียดในการกรอง0.01 ไมครอน
อายุการใช้งานไส้กรองใช้งานได้ 4,320 ลิตร หรือ 1 ปี

มาทำความรู้จักประเภทของ “เครื่องกรองน้ำ” รวมถึงข้อดีข้อเสียก่อนซื้อกันสักนิด

มาทำความรู้จักประเภทของ "เครื่องกรองน้ำ" รวมถึงข้อดีข้อเสียก่อนซื้อกันสักนิด

เอาจริง ๆ ถ้าพูดถึงเครื่องกรองน้ำ มันมีหลายประเภทหลายแบบกันมาก ๆ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นแบบติดไว้กับก๊อก, แบบเหยือกน้ำ, แบบที่เป็นแท็งก์น้ำ, แบบเป็นขวด ๆ ไว้กรองหลายขั้นตอน และยังแยกย่อยระบบการกรองน้ำได้หลายแบบทั้ง RO, UF, UV หรืออื่น ๆ อีกเยอะมาก ถ้าจะให้ลงรายละเอียดถึงพวกนี้ทั้งหมด คงได้ร่ายยาวหลายชั่วโมงกันแน่ ๆ ดังนั้น ไปดูประเภทหลัก ๆ ที่เดี๋ยวนี้ คนไทยเรานิยมใช้กันดีกว่าครับ

เครื่องกรองน้ำแบบติดตั้งกับก๊อกน้ำ

เครื่องกรองน้ำแบบติดตั้งกับก๊อกน้ำ

ถือว่าเป็นประเภทที่เล็กที่สุด ติดตั้งค่อนข้างง่าย ไม่ยุ่งยาก และราคาก็ไม่แพงมากด้วย (ขึ้นอยู่กับดีไซน์และฟังก์ชันนะครับ) แต่เครื่องกรองน้ำแบบนี้ จะไม่เหมาะสำหรับการนำไปใช้กรองน้ำสำหรับดื่ม เนื่องจากเครื่องตัวเล็กมาก เลยยังกรองได้ไม่สะอาดเพียงพอ

แต่จะเหมาะสำหรับการกรองน้ำดิบเพื่อนำไปใช้ทำอาหาร, หุงข้าว หรือเอาไปใช้ล้างผักผลไม้ รวมถึงถ้วยชามต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยประหยัดไส้กรองของเครื่องกรองน้ำขนาดใหญ่สำหรับบ้านที่ใช้น้ำของเครื่องใหญ่มาทำอาหาร รวมถึงล้างผักล้างจานด้วยครับ อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เครื่องขนาดเล็ก ก็จะทำให้ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยประมาณ​ 3-4 เดือนครับ

เครื่องกรองน้ำแบบเหยือกกรองน้ำ

เครื่องกรองน้ำแบบเหยือกกรองน้ำ

จะเป็นประเภทที่ไม่ต้องติดตั้งเหมือนกับประเภทอื่น ๆ จึงสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ แต่ก็ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้กรองน้ำผ่านก๊อกประปาโดยตรงเพื่อการดื่มน้ำ จะเหมาะสำหรับคนที่พักอาศัยตามหอพัก, อพาร์ทเม้นท์ หรือคอนโด แล้วต้องไปกดน้ำดื่มที่ตู้กดน้ำ แต่อยากให้น้ำมีความสะอาดมากขึ้น ก็สามารถใช้เหยือกกรองน้ำกรองเสริมเพิ่มเติมได้ หรือสำหรับบ้านที่มีเครื่องกรองหลักอยู่แล้ว ก็สามารถใช้เหยือกรองน้ำเป็นตัวกรองเสริมได้เช่นกัน

อีกทั้งเหยือกกรองน้ำยังมีข้อดีตรงที่ พอได้น้ำจากเครื่องกรองหลักแล้ว ก็สามารถนำไปแช่ในตู้เย็นทั้งเหยือกได้เลย จากนั้นเวลาหิวน้ำ ก็แค่ยกออกมาเทดื่ม ก็ได้ดื่มน้ำที่สะอาดเพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากเครื่องกรองขนาดเล็กเช่นเดียวกันกับแบบติดตั้งกับก๊อกน้ำ ทำให้อายุการใช้งานของไส้กรองจะค่อนข้างสั้นด้วยเช่นกันที่ประมาณ 2-3 เดือนครับ

เครื่องกรองน้ำแบบแบบหลอด ๆ หรือแบบแท้งก์น้ำ

เครื่องกรองน้ำแบบแบบหลอด ๆ หรือแบบแท้งก์น้ำ

จะเป็นเครื่องกรองน้ำที่มีขนาดใหญ่ กรองน้ำได้ในปริมาณมาก และกรองน้ำได้สะอาดกว่าทุกประเภทเนื่องจากมีการกรองหลายขั้นตอน อีกทั้งเป็นประเภทที่สามารถกรองน้ำดิบเพื่อนำมาใช้ดื่มกินได้ แต่เครื่องกรองน้ำแบบหลอด ๆ จะมีขั้นตอนในการติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก ดีไซน์ก็ไม่ค่อยสวยงาม แต่จะราคาค่อนข้างย่อมเยา ในขณะที่แบบแท้งก์น้ำจะมีดีไซน์ที่ดูดี สามารถตั้งโชว์และเป็นของแตกแต่งบ้านได้ อีกทั้งการติดตั้งก็จะง่ายกว่า แต่ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างแพง บางยี่ห้อมีราคาล่อไปถึงหลักหมื่น

และนอกจากนี้ เครื่องกรองน้ำทั้ง 2 แบบ ยังแยกย่อยระบบการกรองน้ำออกเป็นหลายระบบอีกด้วย แต่ที่คนนิยมกันจะมีอยู่ 2 ระบบคือ Reverse Osmosis (RO) และ Ultre Filtration (UF) ซึ่งก็จะมีรายละเอียดดังนี้

ระบบการกรองน้ำแบบ Reverse Osmosis (RO)

เป็นระบบการกรองน้ำที่ซ้ำซ้อน มีการกรองที่ละเอียดแบบสุด ๆ และมีหลายขั้นตอนมาก น้ำที่ได้จึงมีความสะอาดมากที่สุด ไม่มีรส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใด ๆ ถึงขนาดนำน้ำที่ได้ไปต้มในเครื่องชงกาแฟ หรือใส่ในกระติกเก็บน้ำร้อน ก็ไม่มีตะกรันเกาะอยู่เลย โดยเป็นน้ำที่มีคุณภาพระดับเดียวกันกับพวกน้ำขวดจากโรงงาน จึงเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่อยากดื่มน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากสิ่งสกปรก อีกทั้งยังเหมาะสำหรับที่พักหรือบ้านในบริเวณที่มีน้ำประปาคุณภาพค่อนข้างต่ำ มีความเค็ม หรืออยู่ในเขตน้ำกร่อย ซึ่งการใช้เครื่องกรองน้ำระบบ RO จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเค็มได้อย่างสิ้นเชิงครับ

อย่างไรก็ตาม เครื่องกรองน้ำระบบ RO จะมีราคาค่อนข้างสูง ยิ่งซื้อพวกเครื่องดีไซน์ดี ๆ ยิ่งแพง นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับการตั้งถังแรงดันน้ำและต้องมีปลั๊กเสียบไฟด้วย เนื่องจากแรงดันของน้ำประปานั้นไม่แรงพอ จึงไม่สามารถดันน้ำผ่านการกรองที่ละเอียดของระบบ RO ได้ อีกทั้งเป็นระบบการกรองที่ค่อนข้างเปลืองน้ำมาก โดยการกรองน้ำประมาณ 4 ลิตร จะใช้ดื่มได้ประมาณ 1 ลิตรเท่านั้น และยังต้องมีการต่อท่อน้ำทิ้ง เพื่อปล่อยน้ำที่ไม่ได้คุณภาพทิ้งไปด้วย แต่สามารถนำน้ำทิ้งเหล่านี้ ไปใช้งานอื่น ๆ ได้ครับ เช่น การรดน้ำต้นไม้ หรือล้างถ้วยล้างจาน เป็นต้น

ระบบการกรองน้ำแบบ Ultre Filtration (UF)

เป็นระบบกรองน้ำที่ได้น้ำสะอาดรองจากแบบ RO แต่น้ำที่ได้ยังคงมีตะกอนเหลืออยู่ และไม่สามารถกรองน้ำประปาที่เค็มได้ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นระบบกรองน้ำที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากกว่า เพราะมีราคาย่อมเยากว่า อีกทั้งการใช้งานและติดตั้งก็ง่าย รุ่นใหม่ ๆ เดี๋ยวนี้ ไม่จำเป็นต้องทำการเจาะผนัง หรือเจาะซิงค์แต่อย่างใด รวมถึงไม่เปลืองน้ำ, ไม่มีน้ำทิ้ง และไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าเหมือน RO อีกด้วย จึงเหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเค็มครับ

มาทำความรู้จักประเภทของ “เครื่องกรองน้ำ” รวมถึงข้อดีข้อเสียกันสักนิด

เอาจริง ๆ ถ้าพูดถึงเครื่องกรองน้ำ มันมีหลายประเภทหลายแบบกันมาก ๆ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นแบบติดไว้กับก๊อก, แบบเหยือกน้ำ, แบบที่เป็นแท็งก์น้ำ, แบบเป็นขวด ๆ ไว้กรองหลายขั้นตอน และยังแยกย่อยระบบการกรองน้ำได้หลายแบบทั้ง RO, UF, UV หรืออื่น ๆ อีกเยอะมาก ถ้าจะให้ลงรายละเอียดถึงพวกนี้ทั้งหมด คงได้ร่ายยาวหลายชั่วโมงกันแน่ ๆ ดังนั้น ไปดูประเภทหลัก ๆ ที่เดี๋ยวนี้ คนไทยเรานิยมใช้กันดีกว่าครับ

เครื่องกรองน้ำแบบติดตั้งกับก๊อกน้ำ

เครื่องกรองน้ำแบบติดตั้งกับก๊อกน้ำ

ถือว่าเป็นประเภทที่เล็กที่สุด ติดตั้งค่อนข้างง่าย ไม่ยุ่งยาก และราคาก็ไม่แพงมากด้วย (ขึ้นอยู่กับดีไซน์และฟังก์ชันนะครับ) แต่เครื่องกรองน้ำแบบนี้ จะไม่เหมาะสำหรับการนำไปใช้กรองน้ำสำหรับดื่ม เนื่องจากเครื่องตัวเล็กมาก เลยยังกรองได้ไม่สะอาดเพียงพอ

แต่จะเหมาะสำหรับการกรองน้ำดิบเพื่อนำไปใช้ทำอาหาร, หุงข้าว หรือเอาไปใช้ล้างผักผลไม้ รวมถึงถ้วยชามต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยประหยัดไส้กรองของเครื่องกรองน้ำขนาดใหญ่สำหรับบ้านที่ใช้น้ำของเครื่องใหญ่มาทำอาหาร รวมถึงล้างผักล้างจานด้วยครับ อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เครื่องขนาดเล็ก ก็จะทำให้ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยประมาณ​ 3-4 เดือนครับ

เครื่องกรองน้ำแบบเหยือกกรองน้ำ

เครื่องกรองน้ำแบบเหยือกกรองน้ำ

จะเป็นประเภทที่ไม่ต้องติดตั้งเหมือนกับประเภทอื่น ๆ จึงสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ แต่ก็ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้กรองน้ำผ่านก๊อกประปาโดยตรงเพื่อการดื่มน้ำ จะเหมาะสำหรับคนที่พักอาศัยตามหอพัก, อพาร์ทเม้นท์ หรือคอนโด แล้วต้องไปกดน้ำดื่มที่ตู้กดน้ำ แต่อยากให้น้ำมีความสะอาดมากขึ้น ก็สามารถใช้เหยือกกรองน้ำกรองเสริมเพิ่มเติมได้ หรือสำหรับบ้านที่มีเครื่องกรองหลักอยู่แล้ว ก็สามารถใช้เหยือกรองน้ำเป็นตัวกรองเสริมได้เช่นกัน

อีกทั้งเหยือกกรองน้ำยังมีข้อดีตรงที่ พอได้น้ำจากเครื่องกรองหลักแล้ว ก็สามารถนำไปแช่ในตู้เย็นทั้งเหยือกได้เลย จากนั้นเวลาหิวน้ำ ก็แค่ยกออกมาเทดื่ม ก็ได้ดื่มน้ำที่สะอาดเพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากเครื่องกรองขนาดเล็กเช่นเดียวกันกับแบบติดตั้งกับก๊อกน้ำ ทำให้อายุการใช้งานของไส้กรองจะค่อนข้างสั้นด้วยเช่นกันที่ประมาณ 2-3 เดือนครับ

เครื่องกรองน้ำแบบแบบหลอด ๆ หรือแบบแท้งก์น้ำ

เครื่องกรองน้ำแบบแบบหลอด ๆ หรือแบบแท้งก์น้ำ

จะเป็นเครื่องกรองน้ำที่มีขนาดใหญ่ กรองน้ำได้ในปริมาณมาก และกรองน้ำได้สะอาดกว่าทุกประเภทเนื่องจากมีการกรองหลายขั้นตอน อีกทั้งเป็นประเภทที่สามารถกรองน้ำดิบเพื่อนำมาใช้ดื่มกินได้ แต่เครื่องกรองน้ำแบบหลอด ๆ จะมีขั้นตอนในการติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก ดีไซน์ก็ไม่ค่อยสวยงาม แต่จะราคาค่อนข้างย่อมเยา ในขณะที่แบบแท้งก์น้ำจะมีดีไซน์ที่ดูดี สามารถตั้งโชว์และเป็นของแตกแต่งบ้านได้ อีกทั้งการติดตั้งก็จะง่ายกว่า แต่ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างแพง บางยี่ห้อมีราคาล่อไปถึงหลักหมื่น

และนอกจากนี้ เครื่องกรองน้ำทั้ง 2 แบบ ยังแยกย่อยระบบการกรองน้ำออกเป็นหลายระบบอีกด้วย แต่ที่คนนิยมกันจะมีอยู่ 2 ระบบคือ Reverse Osmosis (RO) และ Ultre Filtration (UF) ซึ่งก็จะมีรายละเอียดดังนี้

ระบบการกรองน้ำแบบ Reverse Osmosis (RO)

เป็นระบบการกรองน้ำที่ซ้ำซ้อน มีการกรองที่ละเอียดแบบสุด ๆ และมีหลายขั้นตอนมาก น้ำที่ได้จึงมีความสะอาดมากที่สุด ไม่มีรส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใด ๆ ถึงขนาดนำน้ำที่ได้ไปต้มในเครื่องชงกาแฟ หรือใส่ในกระติกเก็บน้ำร้อน ก็ไม่มีตะกรันเกาะอยู่เลย โดยเป็นน้ำที่มีคุณภาพระดับเดียวกันกับพวกน้ำขวดจากโรงงาน จึงเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่อยากดื่มน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากสิ่งสกปรก อีกทั้งยังเหมาะสำหรับที่พักหรือบ้านในบริเวณที่มีน้ำประปาคุณภาพค่อนข้างต่ำ มีความเค็ม หรืออยู่ในเขตน้ำกร่อย ซึ่งการใช้เครื่องกรองน้ำระบบ RO จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเค็มได้อย่างสิ้นเชิงครับ

อย่างไรก็ตาม เครื่องกรองน้ำระบบ RO จะมีราคาค่อนข้างสูง ยิ่งซื้อพวกเครื่องดีไซน์ดี ๆ ยิ่งแพง นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับการตั้งถังแรงดันน้ำและต้องมีปลั๊กเสียบไฟด้วย เนื่องจากแรงดันของน้ำประปานั้นไม่แรงพอ จึงไม่สามารถดันน้ำผ่านการกรองที่ละเอียดของระบบ RO ได้ อีกทั้งเป็นระบบการกรองที่ค่อนข้างเปลืองน้ำมาก โดยการกรองน้ำประมาณ 4 ลิตร จะใช้ดื่มได้ประมาณ 1 ลิตรเท่านั้น และยังต้องมีการต่อท่อน้ำทิ้ง เพื่อปล่อยน้ำที่ไม่ได้คุณภาพทิ้งไปด้วย แต่สามารถนำน้ำทิ้งเหล่านี้ ไปใช้งานอื่น ๆ ได้ครับ เช่น การรดน้ำต้นไม้ หรือล้างถ้วยล้างจาน เป็นต้น

ระบบการกรองน้ำแบบ Ultre Filtration (UF)

เป็นระบบกรองน้ำที่ได้น้ำสะอาดรองจากแบบ RO แต่น้ำที่ได้ยังคงมีตะกอนเหลืออยู่ และไม่สามารถกรองน้ำประปาที่เค็มได้ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นระบบกรองน้ำที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากกว่า เพราะมีราคาย่อมเยากว่า อีกทั้งการใช้งานและติดตั้งก็ง่าย รุ่นใหม่ ๆ เดี๋ยวนี้ ไม่จำเป็นต้องทำการเจาะผนัง หรือเจาะซิงค์แต่อย่างใด รวมถึงไม่เปลืองน้ำ, ไม่มีน้ำทิ้ง และไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าเหมือน RO อีกด้วย จึงเหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเค็มครับ


เป็นยังไงกันบ้างครับ ได้เห็น “เครื่องกรองน้ำ” ยี่ห้อไหนดี หลากหลายยี่ห้อและหลากหลายรูปแบบกันแล้ว สนใจอยากจะซื้อเครื่องกรองน้ำแบบไหน ยี่ห้อไหน ไปใช้งานกันบ้าง? และขอเตือนกันนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะซื้อเครื่องแบบไหนมาใช้ก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “การดูแลรักษาและการเปลี่ยนไส้กรองเมื่อถึงเวลาที่ควรเปลี่ยน” นะครับ ถ้าไม่ทำการเปลี่ยนไส้กรองเลยเนี่ย สิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ถูกดักเอาไว้ก็จะสะสมมากยิ่งขึ้น แทนที่จะได้น้ำดื่มสะอาด ๆ กลับกลายเป็นน้ำคุณภาพต่ำแทน อีกทั้งการเปลี่ยนไส้กรองเอง ก็จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของตัวเครื่องด้วย ยังไงก็ขอให้ได้เครื่องที่ถูกใจ กรองแล้วน้ำที่ได้มีคุณภาพดีขั้นกันด้วยนะครับ สวัสดีครับ



Leave a Comment