ปฏิเสธไม่ได้ว่ากาแฟสดอร่อย ๆ นั้นเริ่มต้นจากการเลือกเมล็ดพันธุ์ วิธีการคั่ว รวมถึงวิธีการบด ดังนั้นเครื่องบดกาแฟจึงส่งผลต่อรสชาติกาแฟไม่น้อยเลยทีเดียว เครื่องบดหลายรุ่นสามารถปรับความละเอียดของการบดให้เหมาะสมกับการชงกาแฟในสไตล์ต่าง ๆ จะเอสเพรสโซ่ เฟรนช์เพรส ดริป ก็เอาอยู่ แถมยังช่วยลดเวลาในการบดได้อีกด้วย แล้วเราจะเลือกซื้อ เครื่องบดกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักคุณสมบัติ พร้อมวิธีการเลือกซื้อ จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้างตามมาอ่านกันเลยครับ
สารบัญ
วิธีเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟ
ปรับการบดได้หลายระดับ กาแฟอย่าง Espresso สุดฮิตที่คอกาแฟส่วนใหญ่ชอบดื่มนั้น มีความจำเป็นต้องบดให้ละเอียด ในขณะที่การชงกาแฟด้วยวิธี Drip หรือ French Press จะต้องบดให้มีความหยาบมากกว่า Espresso ถ้ามีความจำเป็นต้องชงหลากหลายรูปแบบ ก็อย่าลืมเลือกเครึ่องที่ปรับการบดได้หลายระดับด้วยครับ
เฟืองบดโลหะ เนื่องจากเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนจะมีความแข็งและเหนียวมาก การเลือกเฟืองบดที่ทำจากโลหะ จะช่วยคุณหลีกเลี่ยงปัญหาเฟืองแตกหักได้ครับ
มีโถเก็บกาแฟที่บดแล้วขนาดใหญ่ ถ้าเป็นร้านกาแฟที่มีลูกค้าจำนวนมาก การเลือกเครื่องบดที่มีโถกักเก็บขนาดใหญ่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการบดกาแฟครั้งละมาก ๆ ได้ อย่าลืมเรื่องนี้ก่อนซื้อนะครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องบดกาแฟ” ยี่ห้อไหนดี
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูเครื่องบดกาแฟ แบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, ระดับการบด, ลักษณะเฟืองบด, ความจุเมล็ดกาแฟ, และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านรีวิวแบบละเอียด ก็เลื่อนข้ามไปด้านล่างได้เลยครับ
1. APRESSO 500N
ราคาโดยประมาณ 3,250 บาท
สำหรับเครื่องบดกาแฟที่ราคาย่อมเยา แต่ได้ฟังก์ชันการใช้งานคุ้มค่า APRESSO 500N เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว เครื่องบดขนาดเล็ก เหมาะสำหรับบดกาแฟที่บ้าน หรือเปิดร้านเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานหนักมาก กำลังไฟ 150 วัตต์ โถใส่เมล็ดกาแฟมีความจุ 120 กรัม รวมทั้งมีโถใส่ผงกาแฟแบบสแตนเลสมาให้ด้วย สามารถใช้ก้านชงหรืออุปกรณ์ใส่ผงกาแฟ ดันสวิตช์เพื่อบดกาแฟตามต้องการได้เลย หรือจะสลับใช้สวิตช์เปิดปิดแบบปกติที่ตัวเครื่องก็ได้ครับ
ถึงจะบอกว่าไซส์เล็ก แต่เฟืองบดก็มีขนาดถึง 60 มิลลิเมตร บดกาแฟได้ดีมีประสิทธิภาพ มีทั้งเฟืองปกติทำจากเหล็ก หรือจะใช้เป็นเฟืองไทเทเนียมที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ หัวปรับระดับเป็นอะลูมิเนียม สามารถปรับการบดได้ 5 ระดับ จากบดหยาบสำหรับการ Drip จนถึงบดละเอียดสำหรับ Espresso ความเร็วในการบดอยู่ที่ประมาณ 1.8 – 2.5 กรัมต่อวินาที ทั้งนี้คงต้องดูว่าใช้เมล็ดกาแฟคั่วอ่อนหรือเข้มขนาดไหน รีวิวส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา เครื่องใช้งานง่าย เสียงไม่ดัง บดได้ละเอียด สำหรับราคานี้ถือว่าคุ้มค่าเลยครับ
กำลังไฟ | 150 W |
ปรับระดับการบด | 5 ระดับ |
ไซส์เฟืองบด | 60 mm. |
ชนิดเฟืองบด | Flat Burr, เหล็ก / ไทเทเนียม |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 120 g |
2. Timemore Grinder Go
ราคาโดยประมาณ 2,190 บาท
สายแคมป์หรือเหล่านักเดินทางที่ชอบดื่มด่ำรสชาติกาแฟคั่วบดชงเองทุกเช้า แต่ก็แอบขี้เกียจจะมานั่งบดกาแฟแบบมือหมุน รับรองถูกใจเครื่องบดรุ่นนี้แน่นอน Timmore Grinder Go เครื่องบดกาแฟไฟฟ้าพกพา ไม่ว่าคุณจะไปเดินป่ากางเต็นท์ หรือค้างแรมที่ไหนก็บดกาแฟได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยดีไซน์สวยหรูขนาดกะทัดรัดรูปทรงกระบอกสีดำกึ่งโปร่งใส วัสดุเป็นพลาสติก PCTG ทนทานปลอดภัย ใส่เมล็ดกาแฟได้เยอะแต่ไม่ควรใส่เกิน 60 กรัม ส่วนโถรองผงกาแฟเป็นแก้วใสคุณภาพดี ใช้วิธีชาร์จไฟ USB ไม่ต้องเสียบปลั๊กให้เกะกะวุ่นวาย ชาร์จ 1 ครั้ง บดได้ประมาณ 30 รอบ หากแบตใกล้หมด ไฟเครื่องจะเปลี่ยนจากแสงขาวเป็นไฟกะพริบเตือนครับ
ส่วนของการบดนั้น ใช้เฟืองบด E&B (Espresso & Brew) ซึ่งมีลักษณะฟันบด 2 ช่วง คือตัดหยาบช่วงบนแล้วจึงบดละเอียดในช่วงล่าง จึงทำให้สามารถบดเมล็ดกาแฟได้ตั้งแต่ระดับหยาบจนถึงละเอียด ซึ่งจะมี 2 วัสดุ คือสแตนเลสและไทเทเนียม ขึ้นอยู่กับร้านที่จำหน่ายว่ามีแบบไหนให้เลือกบ้าง ถึงแม้เฟืองจะมีระดับบดละเอียดแต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้บดเพื่อชง Espresso รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับบดเพื่อชงแบบ Pour Over, Moka Pot, French Press และ Cold Brew มากกว่า เมื่อบดเมล็ดหมดแล้วเครื่องจะหยุดการทำงานอัตโนมัติ หรือเมื่อมอเตอร์มีอาการติดขัดก็จะตัดการทำงานเช่นกัน เรียกว่าสะดวกปลอดภัย น่าใช้มาก ๆ เลยครับ
กำลังไฟ | 20 W |
ปรับระดับการบด | 10 ระดับ |
ไซส์เฟืองบด | N/A |
ชนิดเฟืองบด | Conical Burr, สแตนเลส / ไทเทเนียม |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 60 g |
3. De'Longhi Dedica KG521.M
ราคาโดยประมาณ 8,590 บาท
สำหรับเครื่องบดเมล็ดกาแฟ De'Longhi KG521.M รุ่นนี้บอกเลยว่า เหมาะกับใครที่เปิดร้านกาแฟไซส์กลาง ๆ หน่อย หรือต้องใช้งานบดที่มากกว่าแค่ชงดื่มกันเองที่บ้าน เพราะสามารถบดได้มากสุดถึง 14 แก้ว ตัวเครื่องดีไซน์สวยหน้าตาแบบเดียวกับเครื่องชงกาแฟตระกูล Dedica ซึ่งหากซื้อไว้ใช้คู่กันก็จะเหมาะเจาะลงตัวมาก ๆ โถใส่เมล็ดกาแฟมีความจุ 350 กรัม สามารถตั้งโปรแกรม Dosing บดอัตโนมัติ 1 ช็อต หรือ 2 ช็อตได้ โดยที่เราไม่ต้องชั่งตวงเองให้วุ่นวาย ทำให้ได้ปริมาณกาแฟคงที่ จะบดลงด้ามชงเลยหรือบดใส่ภาชนะบรรจุผงกาแฟที่มีมาให้ก็ได้ครับ
ส่วนของการแสดงผลและการตั้งค่าต่าง ๆ ใช้หน้าจอ LCD เรืองแสงสีน้ำเงิน สามารถตั้งการบดได้ถึง 18 ระดับ บดหยาบแบบ French Press ไปจนถึงบดละเอียดแบบ Espresso ตัวเฟืองบดเป็นแบบทรงกรวย ทำจากสแตนเลสมีความแข็งแรง และบดเมล็ดทั้งคั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราคาอาจจะสูงขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าแลกกับฟังก์ชันและคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้นแล้ว ก็ถือว่าไม่แพงจนเกินไป จะใช้เองที่บ้านหรือเอาไว้สำหรับเปิดร้านขายก็คุ้มแน่นอนครับ
กำลังไฟ | 150 W |
ปรับระดับการบด | 18 ระดับ |
ไซส์เฟืองบด | N/A |
ชนิดเฟืองบด | Conical Burr, สแตนเลส |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 350 g |
4. Duchess CG9100
ราคาโดยประมาณ 990 บาท
น่าจะเรียกว่าเหมาะกับคนที่มองหาเครื่องบดเพื่อใช้งานหลากหลาย ไม่ใช่แค่บดเมล็ดกาแฟแต่สามารถบดเมล็ดธัญพืชเปลือกแข็งอื่น ๆ ได้ด้วย สำหรับเครื่องบด Duchess CG9100 มีไว้ติดครัวสักเครื่องก็คงสะดวกดีทีเดียว ลักษณะจะคล้ายเครื่องบดสับที่ใช้ในครัวเรือน มีใบมีดสแตนเลสที่ออกแบบพิเศษให้แข็งแรงทนทาน บดเมล็ดเปลือกแข็งต่าง ๆ ได้ละเอียด ตัวเครื่องเป็นพลาสติกคุณภาพดี โถใส่เมล็ดกาแฟเป็นสแตนเลสความจุประมาณ 75 กรัม ติดตั้งใบมีดที่ก้นโถ เมื่อบดแล้วผงที่ได้ก็อยู่ในโถเลย ถอดล้างได้ง่ายไม่มีกลไกอะไรที่ต้องระวังมากครับ
วิธีการใช้ก็ไม่ยุ่งยาก เพียงกดปุ่ม Push ค้างไว้ อยากบดหยาบหรือละเอียดแค่ไหนก็หยุดบดได้เอง หากต้องการบดหยาบอาจใช้เวลาที่ 5-10 วินาที บดปานกลางอยู่ที่ 10-15 วินาที หรือบดละเอียดก็ใช้เวลาที่ 15-20 วินาที ตรงนี้ใครที่ไม่ชอบการปรับระดับบดที่ต้องตั้งเบอร์นั้นเบอร์นี้ หมุนคลิกเท่านั้นเท่านี้ ก็อาจจะถูกใจ แต่ก็ต้องแลกกับความไม่สม่ำเสมอของผงกาแฟ ซึ่งส่งผลต่อรสชาติของกาแฟที่ชงด้วย คอกาแฟจริงจังอาจจะไม่ชอบใจนัก แต่ถ้าเอาง่ายสะดวก ใช้งานบดอย่างอื่นในครัวได้ ก็เลือกรุ่นนี้ได้เลยครับ
กำลังไฟ | 200 W |
ปรับระดับการบด | N/A |
ไซส์เฟืองบด | N/A |
ชนิดเฟืองบด | ใบมีด, สแตนเลส |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 75 g |
5. Oggi Cold Mill
ราคาโดยประมาณ 2,650 บาท
มีหลายคนแนะนำอยู่พอสมควรสำหรับเครื่องบดกาแฟ Oggi Cold Mill ตัวนี้ ด้วยราคาที่ไม่สูงมาก แต่ฟังก์ชันค่อนข้างครบ จึงตอบโจทย์ทั้งคนที่อยากได้เครื่องบดกาแฟไฟฟ้าไว้ใช้ที่บ้าน หรือร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ต้องการเครื่องบดดี ๆ ไว้ใช้งาน ตัวโถใส่เมล็ดกาแฟจุได้ 275 กรัม มีรอบบดต่ำอยู่ที่ 450 รอบต่อนาที จึงเกิดความร้อนน้อย ช่วยให้คงคุณภาพและรสชาติของกาแฟที่บดไว้ได้ดีขึ้น ออกแบบพิเศษให้เหลือเศษผงกาแฟตกค้างในเครื่องน้อย เหมาะสำหรับการชงแบบแก้วต่อแก้ว รวมทั้ง Specialty Coffee ที่ต้องควบคุมปริมาณกาแฟให้คงที่ด้วยครับ
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิต ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องผงกาแฟที่ปลิวกระเด็นเลอะเทอะ สามารถบดใส่ก้านชงได้เลย หรือจะใส่แก้วสำหรับบรรจุผงกาแฟที่มีมาให้ก็ได้ ใช้เฟืองบดทรงกรวยที่ปรับระดับการบดได้มากถึง 31 ระดับ บดได้ตั้งแต่แบบหยาบสำหรับ French Press ไปจนถึงแบบละเอียดสำหรับ Espresso ผงกาแฟที่ได้มีความสม่ำเสมอ ค่าความเพี้ยนน้อยกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ ดูจากคุณสมบัติแล้วบอกได้เลยว่าน่าสนใจมาก ๆ ยอดขายในออนไลน์ก็โอเค ลูกค้าที่ได้ใช้ยอมรับในความคุ้มค่า ของดีมีคุณภาพแบบนี้ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากเลยครับผม
กำลังไฟ | 165 W |
ปรับระดับการบด | 31 ระดับ |
ไซส์เฟืองบด | N/A |
ชนิดเฟืองบด | Conical Burr, สแตนเลส |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 275 g |
6. Coffee Grinder 600N
ราคาโดยประมาณ 990 บาท
ถ้าจะบอกว่าเป็นเครื่องบดกาแฟที่มีทุกบ้านก็ค่อนข้างใกล้เคียง เพราะเป็นรุ่นยอดนิยมสำหรับตัว 600N นี้ ที่เห็นราคาแล้วไม่ใช่แค่ตกใจในความย่อมเยา แต่พอได้ลองใช้ก็ต้องบอกว่ามันคุ้มค่าทีเดียว แม้จะไม่มีแบรนด์ชัดเจนจริงจัง แต่คุณภาพก็เป็นที่ยอมรับในหมู่คอกาแฟอย่างมาก จะบดชงเป็น Home Use หรือจะใช้บดชงขายในร้านก็ยังไหว ตัวเครื่องไม่มีฟังก์ชันอะไรหวือหวา โถใส่เมล็ดกาแฟความจุ 250 กรัม กดสวิตช์เปิดเพื่อเริ่มบด และปิดสวิตช์เมื่อบดเสร็จ ง่าย ๆ แค่นี้เลยครับ
ส่วนของเฟืองบดทำจากเหล็กคุณภาพดี บดได้ทั้งเมล็ดคั่วเข้มไปจนถึงคั่วอ่อน แม้จะปรับระดับการบดได้ 8 ระดับ แต่ก็บดได้ละเอียดเป็นผงแป้งสำหรับการชง Espresso รวมถึงบดหยาบสำหรับชง French Press เนื่องจากเป็นเครื่องบดที่นิยมใช้กันมานาน จึงยืนยันได้ว่ามีความแข็งแรงทนทาน แม้จะใช้งานหลายปีแล้วก็ยังใช้ได้ดีอยู่ บดสะดวกไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่ต้องตั้งค่าอะไรยุ่งยาก ผงกาแฟที่บดอาจไม่สม่ำเสมอเท่าเครื่องรุ่นอื่น ๆ แต่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้และให้รสชาติโอเค ก็ถือว่าคุ้มค่าน่าคบหาแล้วกับราคานี้ครับ
กำลังไฟ | 150 W |
ปรับระดับการบด | 8 ระดับ |
ไซส์เฟืองบด | N/A |
ชนิดเฟืองบด | Flat Burr, เหล็ก |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 250 g |
7. FELLOW Ode Brew
ราคาโดยประมาณ 12,990 – 21,990 บาท
แค่เห็นตัวเครื่องก็บาดตาบาดใจมาก ๆ สำหรับเครื่องบดกาแฟ FELLOW Ode Brew ที่ดีไซน์หน้าตาได้สวยงามมินิมอล วางไว้เฉย ๆ ก็ดูดีมีชาติตระกูล เลือกได้ 2 สี ดำด้านและขาวด้าน จุเมล็ดกาแฟได้ 80 กรัม ตัวฝาปิดด้านบนจะมีรายละเอียดแนะนำระดับการบดไว้ที่ใต้ฝา มีภาชนะสำหรับใส่ผงกาแฟโดยติดเป็นแม่เหล็กรองด้านใต้เพื่อยึดกับเครื่องได้อย่างมั่นคง มีระบบ Auto Stop หยุดเองเมื่อบดเสร็จแล้ว รวมทั้งออกแบบมาให้เหลือเศษกาแฟในเครื่องน้อยที่สุด เพื่อให้ได้ปริมาณกาแฟที่แม่นยำ และยังลดเสียงการบดลง ไม่ต้องกังวลว่าจะรบกวนคนอื่น ๆ ด้วยครับ
เฟืองบดปกติของตัวนี้จะเป็นสแตนเลสแบบแบนขนาด 64 มิลลิเมตร สามารถปรับบดได้ 31 ระดับ ใช้งานบดสำหรับ Aeropress, Moka Pot, Drip, French Press ไปจนถึง Cold Brew แต่ไม่สามารถบดละเอียดสำหรับ Espresso ได้ หากใครต้องการใช้บด Espresso จะต้องเปลี่ยนเฟืองบดเป็นแบบ SSP Burr ที่ทำให้บดละเอียดมาก ๆ ได้ ซึ่งต้องลองหาร้านที่มีเฟืองชนิดนี้ให้เลือกอีกทีหนึ่ง แต่หากเป็นสายดริปเอาเฉพาะแค่เฟืองที่มากับตัวเครื่องก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังมีตัว Knocker สำหรับเคาะเครื่องหลังบดเสร็จ เพื่อเคลียร์เศษกาแฟออกมาให้มากที่สุดด้วย เรียกว่าหน้าตาก็ดี คุณสมบัติก็เด่น หากสู้ราคาไหวคงต้องมีไว้ใช้สักเครื่องแล้วล่ะครับ
กำลังไฟ | 140 W |
ปรับระดับการบด | 31 ระดับ |
ไซส์เฟืองบด | 64 mm. |
ชนิดเฟืองบด | Flat Burr, สแตนเลส |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 80 g |
8. Hario EMSG-2
ราคาโดยประมาณ 3,800 บาท
แนะนำอีกหนึ่งรุ่นสำหรับใครที่ชอบพกพาเครื่องบดกาแฟเวลาเดินทางไปไหนต่อไหน Hario EMSG-2 แบรนด์อุปกรณ์กาแฟสัญชาติญี่ปุ่นที่เชื่อถือได้ในคุณภาพ รุ่นนี้เรียกชื่อเต็มว่า Smart G Electric Handy Coffee Grinder ชื่อก็บอกแล้วว่า Handy เรียกว่าออกแบบมาเพื่อให้สะดวกพกพาโดยเฉพาะ เห็นรูปร่างของมันดูผอมเพรียวแปลกตาแบบนี้ เพราะเป็นการผสมผสานกันระหว่างเครื่องบดแบบมือหมุนกับบดแบบไฟฟ้า หากแยกตัวแท่งที่เป็นมอเตอร์สำหรับบดไฟฟ้าออกมา ก็สามารถนำไปใช้คู่กับเครื่องบดมือหมุนรุ่นอื่นอย่าง MSS และ MSG ได้ เพียงแค่ถอดอุปกรณ์ก้านหมุนออก แล้วเสียบแท่งบดไฟฟ้านี้ลงไปก็ใช้งานได้เลยครับ
ซึ่งใครที่มีเครื่องบดมือหมุนรุ่นอื่นอยู่แล้ว ก็สามารถหาร้านที่ขายเฉพาะตัวแท่งบดไฟฟ้าแยกมาใช้คู่กันได้ แต่หากไม่มีก็ซื้อยกเซ็ตแบบที่มีทั้งตัวมือหมุนรุ่น MSG-2 และแท่งบดไฟฟ้าควบคู่กันมาเลย เรียกว่าซื้อ 1 ได้ 2 เพราะจะใช้เป็นมือหมุนก็ได้ หรือจะใช้บดไฟฟ้าก็ดี ใส่เมล็ดกาแฟได้ 24 กรัม บดสำหรับชงได้สัก 2 แก้วกำลังดี ตัวเฟืองบดเป็นเซรามิก จึงไม่เหมาะกับการบดเมล็ดคั่วอ่อนที่แข็งมากนัก ตัวแท่งบดไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ในตัวชาร์จไฟ USB ใครอยากได้ที่บดไฟฟ้าแบบพกพาสะดวกก็หยิบตัวนี้ลงตะกร้าได้เลยครับ
กำลังไฟ | N/A |
ปรับระดับการบด | N/A |
ไซส์เฟืองบด | N/A |
ชนิดเฟืองบด | Conical Burr, เซรามิก |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 24 g |
9. Minimex MCG3
ราคาโดยประมาณ 4,390 บาท
หากใครกำลังมองหาเครื่องบดกาแฟที่จุเมล็ดกาแฟได้เยอะหน่อย ตัวนี้น่าจะใช้ได้เลย Minimex MCG3 แบรนด์อุปกรณ์เครื่องครัวที่มีคุณภาพเชื่อถือได้ รุ่นนี้สามารถจุเมล็ดกาแฟได้ถึง 300 กรัม เหมาะมากหากใครต้องบดกาแฟสำหรับชงขายในร้าน หรือบดในปริมาณที่มากหน่อย ตัวเครื่องหลัก ๆ ทำจากวัสดุสแตนเลส มีความแข็งแรงทนทาน ด้านหน้ามีไฟ LED ให้เลือกตั้งค่าปริมาณกาแฟที่ต้องการบดได้ และมีลูกบิดหมุนด้านข้างสำหรับตั้งค่าการบดได้ 15 ระดับครับ
ส่วนของเฟืองบดเป็นทรงกรวย ซึ่งช่วยให้ผงกาแฟที่ได้มีความสม่ำเสมอ รอบบดต่ำจึงเกิดความร้อนน้อย ทำให้ควบคุมรสชาติได้ดี สามารถบดกาแฟได้ทั้งสำหรับการ Drip ไปจนถึงละเอียดสำหรับชง Espresso ฟังก์ชันโดยรวมก็ถือว่ามีมาให้ระดับหนึ่ง ใช้งานได้ดีตามมาตรฐาน ราคาไม่แพงสำหรับเครื่องบดไซส์นี้ รวมทั้งรีวิวจากผู้ใช้ก็โอเค หลายคนบอกว่าเสียงบดเงียบ บดได้ละเอียดอย่างที่ต้องการ ก็ถือว่าเป็นอีกตัวที่คุณสมบัติโอเคครับ
กำลังไฟ | 150 W |
ปรับระดับการบด | 15 ระดับ |
ไซส์เฟืองบด | N/A |
ชนิดเฟืองบด | Conical Burr |
ความจุโถใส่เมล็ดกาแฟ | 300 g |
10. WPM ZD-10T
ราคาโดยประมาณ 3,900 บาท
WPM แบรนด์สัญชาติฮ่องกงที่ผลิตสินค้ามานานกว่า 40 ปี อาจไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในบ้านเรา แต่ก็ไว้ใจได้ในคุณภาพและมาตรฐานการผลิต เพราะได้การยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งในส่วนของเครื่องบดกาแฟรุ่น ZD-10T รุ่นนี้ ตัวเครื่องบดขนาดไม่ใหญ่แต่จุเมล็ดกาแฟได้ 250 กรัม เฟืองบดทรงกรวยสามารถปรับระดับการบดได้ 10 ระดับ บดหยาบระดับ French Press ได้จนถึงบดละเอียดสำหรับ Espresso ซึ่งตัวปรับจะค่อนข้างแปลกกว่ารุ่นอื่น ๆ ตรงที่ใช้วิธีหมุนตัวโถใส่เมล็ดกาแฟ เพื่อเลือกเบอร์บดที่ต้องการครับ
บนตัวเครื่องจะมีลูกบิดตั้งเวลาในการบด สามารถตั้งได้ 0 – 60 วินาที ซึ่งหากต้องการหยุดบดก็กดหยุดด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้เสียงบดยังไม่ดังจนเกินไป ดูจากรีวิวของคนที่ได้ลองใช้แล้ว ถือว่าน่าประทับใจทีเดียว ส่วนใหญ่มองว่าด้วยราคาเท่านี้แล้วค่อนข้างคุ้มค่า บดกาแฟได้ละเอียด ผงค้างในเครื่องน้อย ใช้งานได้มีประสิทธิภาพ เรียกว่าซื้อใช้แล้วพอใจในสินค้ามาก ๆ คุณภาพเกินราคา ใครอยากได้เครื่องบดกาแฟราคาไม่แพง แต่ใช้งานสะดวกแนะนำเลยครับ
กำลังไฟ | 150 W |
ปรับระดับการบด | 10 ระดับ |
ไซส์เฟืองบด | N/A |
ชนิดเฟืองบด | Conical Burr |
ความจุโถใส่เมล็ดกาแฟ | 250 g |
อ่านกันมาถึงตรงนี้ คงจะได้คำตอบสำหรับ เครื่องบดกาแฟ ยี่ห้อไหนดี กันแล้วแน่เลย นอกจากเครื่องบดกาแฟจะช่วยให้เราบดกาแฟได้ดี และสะดวกแล้ว อย่าลืมเรื่องความรู้เกี่ยวกับกาแฟที่จะช่วยให้เรารังสรรค์กาแฟได้อร่อยยิ่งขึ้น การเลือกระดับการคั่วเมล็ดกาแฟและพันธุ์เมล็ดกาแฟ (บางร้านมีเครื่องบดหลายตัวเลย) รวมถึงไม่ค้างกาแฟที่บดแล้วไว้ในโถนานเกินไป ก็ส่งผลต่อรสชาติกาแฟทั้งนั้น สุดท้ายนี้ก็ขอให้ได้รุ่นที่ถูกใจ บดกาแฟได้ถูกคอนักดื่มกาแฟกันนะครับ
สำหรับคนที่อยากอ่านเครื่องบดกาแฟมือหมุนก็คลิกไปอ่านต่อกันได้เลยครับ
ทำงานด้านสื่อโฆษณามานานกว่า 5 ปี เป็นนักซื้อตัวยง ที่มีประสบการณ์ใช้สินค้ามากมายหลายอย่าง เลยมีบทความใหม่ๆ ออกมาชวนผู้อ่านให้ซื้อสินค้ากันบ่อย ๆ ทั้งของอาหารเสริม เทคโนโลยี แกดเจ็ต ของใช้ในบ้าน และอื่น ๆ คัดเลือกสินค้ามาแล้วซื้อตามไม่มีผิดหวังแน่ ๆ