กราโนล่า (Granola) ยี่ห้อไหนดี มี รีวิว 9 ยี่ห้อ

รูปภาพปกบทความ กราโนล่า (Granola) ยี่ห้อไหนดี มี รีวิว 9 ยี่ห้อ

เช้า ๆ กำลังรีบ ๆ อยากหาอะไรที่ทานง่าย ๆ ไว ๆ เร็ว ๆ และช่วยทำให้อิ่มท้อง หรือบางทีก็อยากหาขนมทานเล่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่ไม่ใช่พวกขนมกรุบกรอบอย่างมันฝรั่งทอด ผมขอแนะนำให้ลองทาน “กราโนล่า” นี้เลยครับ หลาย ๆ คนอาจจะงงว่า แล้วกราโนล่าคืออะไร? ให้คิดภาพง่าย ๆ ก็เหมือนกับหนึ่งในพวกอาหารเช้าซีเรียลนั้นเอง ที่แค่เทกราโนล่าลงชาม จากนั้นจะทานกับนมหรือโยเกิร์ตก็ได้อยู่ เพียงแค่นี้ก็พร้อมทานแล้ว ไม่ต้องไปเตรียมทำอาหารให้ยุ่งยากเลย บางทีผมยังทานกราโนล่าแทนข้าวเย็นสำหรับวันไหนที่ขี้เกียจ ๆ ด้วย ถ้าไม่รู้ว่าจะซื้อกราโนล่ายังไงดี ยี่ห้อไหนดี ก็เลื่อนลงไปดูรีวิวทั้ง 9 ตัวได้เลยครับ



คำแนะนำในการเลือกซื้อ “กราโนล่า” (Granola)

คำแนะนำในการเลือกซื้อ "กราโนล่า" (Granola)

กราโนล่าส่วนใหญ่จะทำมาจาก ธัญพืชต่าง ๆ นำมาผสมกันแล้วเอาไปอบกรอบ จากที่ผมได้ลองซื้อมาทานดูหลาย ๆ ยี่ห้อ ถ้าอยากจะทานกราโนล่าให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ผมแนะนำให้เลือกซื้อยี่ห้อที่มีปริมาณของข้าวโอ๊ตสูง ๆ เพราะข้าวโอ๊ตเป็นแหล่งคุณค่าทางสารอาหารหลัก ๆ ของกราโนล่า ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน, ไขมันดี, คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พร้อมด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกเพียบ อีกทั้งทานข้าวโอ๊ตแล้ว ยังช่วยให้อิ่มนานด้วยครับ และถ้าอยากเพิ่มคุณค่าให้มากยิ่งขึ้น ก็ทานกราโนล่าพร้อมกับพวกผลไม้สดเพิ่มเติมก็ได้นะครับ อร่อยไปอีกแบบด้วย

และอีกจุดหนึ่งที่ควรสังเกตก็คือ ปริมาณของน้ำตาล ส่วนใหญ่กราโนล่าจะค่อนข้างมีน้ำตาลน้อยอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นพวกรักสุขภาพขั้นสุด ก็เลือกยี่ห้อที่มีน้ำตาลน้อย ๆ เอาครับ บางยี่ห้อมีน้ำตาลเพียงแค่ 1 กรัมเท่านั้น เมื่อเทียบกับหน่วยบริโภค แต่การที่มีน้ำตาลน้อย ก็ทำให้รสชาติจะแอบจืดไปด้วย เด็ก ๆ อาจจะไม่ชอบทานเท่าไรนัก ไม่งั้นก็ต้องนำกราโนล่าไปทานกับนมที่มีรสหวานเอาครับ

สุดท้ายก็เรื่องของรสชาติ เดี๋ยวนี้กราโนล่ามีวางขายหลากหลายรสชาติมากครับ ไม่ว่าจะรสง่าย ๆ ที่หาได้ทั่วไป อย่างรสช็อกโกแลต, รสผลไม้รวม หรือรสรวมถั่ว ถ้าเบื่อรสชาติแบบเดิม ๆ พวกนี้แล้ว ลองซื้อแบบพวกรสแปลก ๆ อย่าง ชาเขียว, กาแฟ, ชาไทย หรือทุเรียน ลองมาทานก็ได้นะครับ เวลาผมซื้อกราโนล่ามาทาน ก็วน ๆ รสชาติไป จะได้ไม่รู้สึกเบื่อด้วย ถ้าใครได้ลองทานรสแปลก ๆ แล้วชอบมาก ก็บอกผมด้วยนะ จะได้ไปหาซื้อมาทานบ้าง หรือไม่งั้นก็ลองซื้อมูสลีที่เป็นพี่น้องกับกราโนล่ามาทานดูก็ได้ครับ อยากอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับมูสลี ไปที่ด้านล่างได้เลย

ใครชอบรสช็อกโกแลต กราโนล่าเขาก็มีเด้อ !
ใครชอบรสช็อกโกแลต กราโนล่าเขาก็มีเด้อ !

ตารางเปรียบเทียบรีวิว “กราโนล่า” ยี่ห้อไหนดี

ตารางเปรียบเทียบรีวิว "กราโนล่า" ยี่ห้อไหนดี

สำหรับใครที่อยากเห็นกราโนล่าแต่ละตัว แต่ละยี่ห้อมาเทียบเคียงกันแบบจะ ๆ เอาให้เห็น ๆ กันไปเลยว่า ตัวไหนให้พลังงานอย่างไร โปรตีนมากไหม น้ำตาลเยอะหรือป่าว ก็กดเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบที่ปุ่มด้านล่างได้เลยนะครับ



1. กราโนล่า GRANOVIBES

เป็นยี่ห้อที่แพ็กเกจน่าจะดูดีมากที่สุด ด้วยถุงกระดาษสีน้ำตาลอย่างดี ไม่ได้เป็นถุงพลาสติกเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ และด้านดีไซน์ก็ให้ความรู้สึกดูหรูมาก จัดองค์ประกอบทุกอย่างได้ดี ภาพกราโนล่าบนแพ็กเกจก็ดูน่าทานด้วย โดยรวมแค่เห็นแพ็กเกจก็รู้สึกถึงความ Premium ผมก็ไม่พลาดที่จะซื้อมาทานและรีวิวให้ดูกันครับ

1.1 GRANOVIBES รส MATCHA

รสชาเขียวนี้ไปได้กับทุกของกินนะครับ ไม่เว้นแม้แต่กราโนล่า พอเปิดถุงกระดาษออกมา จะเจอกับถุงฟอยล์ 2 ถุงภายใน ซึ่งแบ่งเป็นถุงละ 175 กรัม ก็ทำให้แบ่งทานทีละถุงให้หมดได้ แต่ไม่มีซิบล็อคเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ ถ้าจะเก็บต้องพับถุงแล้วหาตัวหนีบมาหนีบครับ พอเทกราโนล่าลงชามก็พบว่า มีสีเขียวอ่อนเคลือบทั้งแผ่นข้าวโอ๊ตและพวกถั่ว ๆ อยู่ มีความร่วนเยอะมาก ไม่ค่อยมีส่วนไหนเกาะตัวกันเป็นก้อนเลยครับ

GRANOVIBES รส MATCHA กราโนล่า

กราโนล่าสีเขียว ๆ ตามสีของมัทฉะ

พอลองดมดูก็ได้กลิ่นของชาเขียวอ่อน ๆ ลองหยิบขึ้นมาทานเป็นขนมก็กรุบกรอบดีครับ ให้อารมณ์เหมือนทานพวกเมล็ดทานตะวันเล่นเลย มีความขม ๆ นิดจากผงมัทฉะ และเค็ม ๆ มัน ๆ จากถั่วซึ่งมีปริมาณเยอะมาก เห็นกระจายเต็มชามไปหมด ทาง GRANOVIBES จัดถั่วมาแบบจัดหนักจัดเต็ม แต่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ไม่ได้มาเป็นชิ้น ๆ เหมือนยี่ห้ออื่น แต่มาเป็นแบบเศษ​ ๆ เหมือนโดนบดมาบ้างแล้วครับ

พอเทนมจืดลงไปในชาม จากสีขาวก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน ๆ พอตักเข้าปากแล้วก็เต็มไปด้วยแผ่นข้าวโอ๊ตกับพวกถั่ว ๆ เต็ม ๆ เคี้ยวเพลิน เคี้ยวมันเลย และที่สำคัญ สายรักสุขภาพต้องชอบตรง ไม่ได้รู้สึกถึงความหวานเลยครับ เพราะมีน้ำตาลน้อยมาก ๆ เพียงแค่ 1 กรัมต่อหน่วยบริโภคเท่านั้น น่าจะเป็นกราโนล่าที่มีน้ำตาลน้อยที่สุดตั้งแต่ที่เจอมา แต่เนื่องจากไม่หวานเลยและขมนิด ๆ จากผงมัทฉะ เด็ก ๆ อาจจะไม่ชอบนะครับ

ส่วนประกอบข้าวโอ๊ต 50% / ข้าวไรซ์เบอร์รี่ป๊อป 10% / เมล็ดทานตะวัน 10% / เมล็ดฟักทอง 10% / เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 10% / ผงมัทฉะ 5.5% / นมมะพร้าว 2.5% / น้ำตาลมะพร้าว 1.5% / เกลือ 0.5%
แต่งกลิ่นสังเคราะห์
มีซิปล็อค
จำนวนครั้งที่ควรทานถุงละ 350 กรัม ควรแบ่งทานครั้งละ 35 กรัม ออกเป็น 10 ครั้ง
พลังงาน ต่อ 35 กรัม160 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 45 กิโลแคลอรี)
ไขมัน5 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 0 กรัม
คอเลสเตอรอล0 มก.
โปรตีน5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต23 กรัม เป็นใยอาหาร 1.5 กรัม และน้ำตาล 1 กรัม
โซเดียม55 มก.

1.2 GRANOVIBES รส DARK CHOCOLATE และ BANANA

ตัวด้านบนเป็นรสชาเขียว ลองมาดูรส DARK CHOCOLATE และ BANANA ของ GRANOVIBES กันบ้าง ถ้าดูจากส่วนประกอบแล้ว มีปริมาณข้าวโอ๊ตลดลง ส่วนพวกถั่ว ๆ ก็ยังมีอยู่เท่ากัน แต่มีการเพิ่มถั่วอัลมอนด์และกล้วยอบกรอบเข้ามาแทนที่ ทำให้สารอาหารที่ได้จะมีความหลากหลายกว่า และคราวนี้ทั้งแผ่นข้าวโอ๊ต, พวกถั่ว และกล้วยอบกรอบก็ถูกเคลือบด้วยสีน้ำตาลเข้มจากดาร์คช็อกโกแลต พอลองดมก็ได้กลิ่นของช็อกโกแลตเต็ม ๆ และถ้าหยิบมาทานเล่น ๆ จะรู้สึกได้ว่า มีความกรุบกรอบเหมือนรสชาเขียว แต่หวานกว่า โดยเฉพาะตรงกล้วยอบกรอบที่หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ อร่อยไปอีกแบบดีครับ

กราโนล่า GRANOVIBES รส DARK CHOCOLATE และ BANANA

กราโนล่าถูกเคลือบไปด้วยดาร์คช็อกโกแลตหมด รวมถึงกล้วยอบกรอบด้วยนะ

พอลองเทนมลงไป ก็มีการเปลี่ยนสีเช่นกัน จากสีขาวเป็นสีน้ำตาลช็อกโกแลต พอตักทานแล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนตัวชาเชียวเลยครับ คือเต็มปากเต็มคำไปด้วยแผ่นข้าวโอ๊ตและพวกถั่ว ๆ เคี้ยว ๆ แล้วก็อร่อยดี ที่แตกต่างก็คงจะเป็นรสชาติกับความหวานที่หวานกว่าเท่านั้นเองครับ ส่วนน้ำตาลก็น้อยอยู่แล้ว ทาง GRANOVIBES เขากะจะทำเป็นกราโนล่าสายสุขภาพทุกรสชาติ ส่วนตัวนี้ก็เอาใจคนชอบช็อกโกแลต และเด็ก ๆ น่าจะชอบด้วย แต่ถ้าคิดว่ายังหวานไม่พอ ก็เติมน้ำตาลเพิ่มเติมได้นะครับ

ส่วนประกอบข้าวโอ๊ต 36% / ข้าวกล้องป๊อป 10% / ถั่วอัลมอนด์ 10% / เมล็ดทานตะวัน 10% / เมล็ดฟักทอง 10% / เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 10% / ดาร์คช็อกโกแลต 5.5% / กล้วยหอมทองอบกรอบ 5% / นมมะพร้าว 2% / น้ำตาลมะพร้าว 1% / เกลือ 0.5%
แต่งกลิ่นสังเคราะห์
มีซิปล็อค
จำนวนครั้งที่ควรทานถุงละ 350 กรัม ควรแบ่งทานครั้งละ 35 กรัม ออกเป็น 10 ครั้ง
พลังงาน ต่อ 35 กรัม180 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 80 กิโลแคลอรี)
ไขมัน9 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 0 กรัม
คอเลสเตอรอล0 มก.
โปรตีน5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต19 กรัม เป็นใยอาหาร 1.5 กรัม และน้ำตาล 2 กรัม
โซเดียม65 มก.

1.3 GRANOVIBES รส PUMPKIN

GRANOVIBES รส PUMPKIN จากที่ได้ลองเทลงถ้วยดู จะเจอกับกราโนล่ามีสีออกเหลือง ๆ ส้ม ๆ เหมือนฟักทอง แต่ก็ไม่ได้ฟักทองมากนัก ดู ๆ แล้วก็เหมือนกับกราโนล่าทั่ว ๆ ไปมากกว่า ไม่เหมือนกับ 2 ตัวบนที่กราโนล่าจะเป็นสีเขียวจากผงชาเขียวกับสีน้ำตาลจากดาร์คช็อกโกแลต พอลองดม ๆ ดู ก็จะได้กลิ่นของฟักทองหอม ๆ และเจอกับเมล็ดฟักทองที่เยอะมาก สมกับชื่อของรสชาติที่เน้นฟักทองเป็นหลักครับ

กราโนล่า GRANOVIBES รส PUMPKIN

สีเหลืองส้ม ได้กลิ่นหอม ๆ ของฟักทองด้วย

คราวนี้พอเทนมจืดลงไป สีไม่เกิดการเปลี่ยนนะครับ นมยังคงเป็นนมสีขาวอยู่ แต่เหมือนจะมีใยฟักทองสีเหลือง ๆ หลุดออกมาจากกราโนล่าลอยหน้าอยู่บนผิวนม พอทานแค่นมก็ให้รสชาติของนมผสมกับฟักทองแบบกลมกล่อม ๆ ดี พอตักเข้าปากทั้งนมและกราโลน่า มันก็นัว ๆ กัดแล้วเจอกับแผ่นข้าวโอ๊ตเต็ม ๆ และได้รสฟักทองแบบจาง ๆ ผสมอยู่ด้วย นอกจากนี้ ก็ได้รสเค็ม ๆ มัน ๆ จากพวกถั่ว ๆ ที่ผสมอยู่ ส่วนเรื่องหวานถึงแม้จะมีน้ำตาลสูงกว่า 2 ตัวด้านบนที่ 3 กรัม แต่ก็ไม่ได้หวานจนเสียรสชาติหรือเสียสุขภาพ ก็ยังคงทานได้อร่อยอยู่ ถ้าใครเบื่อ ๆ กราโนล่ารสที่หาได้ทั่ว ๆ ไป ผมก็แนะนำให้ลองรสฟักทองรสนี้เลยครับ

ส่วนประกอบข้าวโอ๊ต 49.5% / ฟักทอง 10% / เมล็ดฟักทอง 10% / เมล็ดทานตะวัน 10% / เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 10% / นมมะพร้าว 2.5% / ควินัว 2% / เมล็ดเจีย 2% / เมล็ดแฟล็กซ์ 2% / น้ำตาลมะพร้าว 1.5% / เกลือ 0.5%
แต่งกลิ่นสังเคราะห์
มีซิปล็อค
จำนวนครั้งที่ควรทานถุงละ 300 กรัม ควรแบ่งทานครั้งละ 35 กรัม ออกเป็น 8 ครั้ง
พลังงาน ต่อ 35 กรัม160 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 60 กิโลแคลอรี)
ไขมัน6 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 0 กรัม
คอเลสเตอรอล0 มก.
โปรตีน4 กรัม
คาร์โบไฮเดรต23 กรัม เป็นใยอาหาร 4 กรัม และน้ำตาล 3 กรัม
โซเดียม60 มก.


2. กราโนล่า DAILY ME

DAILY ME เป็นยี่ห้อของกราโนล่าที่มีหลากหลายรสชาติให้เลือกซื้อเช่นเดียวกันกับยี่ห้ออื่น ๆ ครับ และนอกจากแบบถุง ๆ ขายปริมาณมากแล้ว เขายังมีแบบเป็นถ้วย ๆ ที่เพียงแค่เปิดฝาและเทนมก็พร้อมทานแล้วให้เลือกซื้อเช่นกัน แต่วันนี้ จะมีแต่แบบซอง ๆ มาให้ดูนะครับ จะมีรสอะไรบ้างนั้น ตามมากันเลย

2.1 DAILY ME รสเทรลมิกซ์

2.1 DAILY ME รสเทรลมิกซ์

ราคาโดยประมาณ 100-120 บาท ต่อถุง 250 กรัม

สำหรับกราโนล่าตัวนี้ ทั้งแผ่นข้าวโอ๊ตอบกรอบและถั่วต่าง ๆ ค่อนข้างจะแยกตัวกัน ไม่จับตัวเป็นก้อนเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ มันร่วน ๆ ดีครับ แต่ก็มีจับตัวกันบ้างเป็นก้อนเล็ก ๆ แค่นั้น ส่วนพวกถั่วต่าง ๆ ก็ค่อนข้างเยอะมาก สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะเมล็ดฟังทองที่เป็นสีเขียวตัดเด่นออกมาเลย ทาง DAILY ME เขาไม่งกถั่วจริง ๆ และเขาก็มีแพ็กแยกเรซินและแครนเบอร์รี่ออกไว้เป็นถุงต่างหากอีกด้วย เวลาจะทานก็ค่อยแกะซองเอามาผสมกันได้ครับ

กราโนล่า DAILY ME รสเทรลมิกซ์

กราโนล่าค่อนข้างร่วน ๆ กรุบกรอบและถั่วเยอะดี แต่ยังไม่ได้ใส่ลูกเกดกับแครนเบอรรี่ที่แยกถุงมานะครับ

สำหรับการทานเล่นอาจจะทานยากหน่อย เพราะมันไม่เกาะตัวเป็นก้อน ๆ ใช้มือหยิบลำบากอยู่ อาจจะต้องหาช้อนมาตักเอา แต่อร่อยนะ กรอบ ๆ ดี ไม่หวานจนเกินไป พวกถั่วก็มัน ๆ ดีครับ พอลองทานกับนมเย็น ๆ แล้ว ผมว่าดีมาก ๆ อร่อยแบบเย็น ๆ มีความกรุบกรอบ แต่ก็แอบเขี้ยวนานอยู่ เพราะมีแผ่นข้าวโอ๊ตอยู่เยอะมาก เวลาทานก็มีรสเปรี้ยวนิด ๆ ของแครนเบอร์รี่ตัดรสให้ด้วย แต่ไม่ค่อยชอบลูกเกดอบแห้งเลยครับ ถ้าไม่มีลูกเกดอบแห้งจะดีสำหรับผมมาก ๆ เลย โดยรวมเป็นกราโนล่าที่ใช้ได้ น้ำตาลน้อย และราคาก็ไม่แพงด้วยครับ

ส่วนประกอบข้าวโอ๊ต 43% / น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ 10% / อัลมอนด์ 7% / เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 7% / คอนเฟล็ก 7% / เมล็ดฟังทอง 6% / เนย 5% / ลูกเกด 5% / แครนเบอรี่ 5% / งาขี้ม่อน 2% / แฟลกซีด 2% / ไข่ขาว 1%
แต่งกลิ่นสังเคราะห์
มีซิปล็อค
จำนวนครั้งที่ควรทานถุงละ 250 กรัม ควรแบ่งทานครั้งละ 35 กรัม ออกเป็น 7 ครั้ง
พลังงาน ต่อ 35 กรัม180 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 80 กิโลแคลอรี)
ไขมัน9 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 5 กรัม
คอเลสเตอรอล5 มก.
โปรตีน5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต20 กรัม เป็นใยอาหาร 4 กรัม และน้ำตาล 3 กรัม
โซเดียม15 มก.

2.2 DAILY ME รสดาร์กช็อกโกแลต

2.2 DAILY ME รสดาร์กช็อกโกแลต

ราคาโดยประมาณ 100-120 บาท ต่อถุง 250 กรัม

DAILY ME รสดาร์กช็อกโกแลต พอฉีกซองแล้วเทลงชามก็พบว่า ตอนแรกที่เห็นกราโนล่าดูไม่ค่อยน่าทานเลย ดูเป็นแผ่น ๆ ข้าวโอ๊ตเคลือบช็อกโกแลตสีเข็ม ๆ เท่านั้น ดูมันแอบสกปรก ๆ ไม่เหมือนตัวด้านบนที่ดูคลีน ๆ กว่า แต่ก็มีปริมาณข้าวโอ๊ตสูงมากถึง 50% เท่ากับรสมัทฉะตัวด้านบนเลย แต่ถั่วจะมีแค่เฉพาะถั่วอัลมอนด์เท่านั้น พอลองหยิบมาทานเปล่า ๆ ดูก็ให้อารมณ์เหมือนทานขนมช็อกโกแลต ได้รสขมนิด ๆ ของดาร์กช็อกโก และไม่หวานมาก หวานกำลังพอดี ๆ เอามาทานเป็นขนมทานเล่นก็ดีเลยครับ แต่ถ้าใครชอบพวกรสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ อย่างมันฝรั่งทอด กราโนล่านี้ตัวนี้ น่าจะไม่เหมาะ

กราโนล่า DAILY ME รสดาร์กช็อกโกแลต

แผ่นข้าวโอ๊ตเคลือบดาร์กช็อกโกแลตและถั่วอัลมอนด์

พอเทนมจืดลงไป จากนมจืดสีขาวก็กลายเป็นนมช็อกโกแลตสีน้ำตาลเลยครับ ผมว่าพวกกราโนล่ารสช็อกโกแลตเหมาะสำหรับทานกับนมจืด ๆ ไม่เหมาะกับพวกนมหวาน ๆ ยิ่งนมช็อกโกแลตไม่น่าจะเหมาะครับ น่าจะหวานเพิ่มจนเลี่ยนไปเลย พอเวลาตักเข้าปากก็เย็น ๆ หวานนิด ๆ ได้รสช็อกโกแลตเต็มปากเต็มคำ ตัวถั่วอัลมอนด์ก็กรอบและมัน ๆ ดี โดยรวมอร่อยมาก และถ้าเป็นคนรักสุขภาพที่ชอบทานช็อกโกแลต ผมว่าตัวนี้ ตอบโจทย์เลยครับ

ส่วนประกอบข้าวโอ๊ต 50% / น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ 8% / อัลมอนด์ 15% / ดาร์กช็อกโกแลต 10% / น้ำมันมะพร้าว 5% / งาขี้ม่อน 3% / แฟลกซีด 3% / ดาร์กโกโก้ 3% / เกล็ดมะพร้าว 3%
แต่งกลิ่นสังเคราะห์
มีซิปล็อค
จำนวนครั้งที่ควรทานถุงละ 250 กรัม ควรแบ่งทานครั้งละ 35 กรัม ออกเป็น 7 ครั้ง
พลังงาน ต่อ 35 กรัม170 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 60 กิโลแคลอรี)
ไขมัน7 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 4.5 กรัม
คอเลสเตอรอล5 มก.
โปรตีน4 กรัม
คาร์โบไฮเดรต22 กรัม เป็นใยอาหาร 4 กรัม และน้ำตาล 3 กรัม
โซเดียม0 มก.

3. DIAMOND GRAINS Mix Chocolate Granola

3. DIAMOND GRAINS Mix Chocolate Granola

ราคาโดยประมาณ 120 บาท ต่อถุง 220 กรัม / 270 บาท ต่อถุง 500 กรัม

กราโนล่า DIAMOND GRAINS จริง ๆ มีหลายรสชาติให้เลือกซื้อนะครับ ทั้งรสแปลก ๆ อย่าง Thai Tea, ทุเรียน หรือชาเขียวเป็นต้น ผมคงขอลองรสที่หาได้ทั่วไปก่อนอย่างรสช็อกโกแลตนะครับ ตอนเปิดถุงออกมาแล้วแอบงงนิดหนึ่ง เพราะมันมีซองใส่เม็ดงาเล็ก ๆ แยกไว้อยู่ด้วย 1 ซอง คิดว่าตอนจะทานค่อยเอาไว้โรยหน้ากราโนล่าเอา ส่วนตัวกราโนล่ามีลักษณะคล้าย ๆ กับยี่ห้อ DAILY ME รสดาร์กช็อกโกแลต ตัวด้านบนเลยครับ แต่แค่เคลือบไม่สวยเท่าและ DAILY ME ดูน่าทานมากกว่า

DIAMOND GRAINS กราโนล่า

เหมือนกับเอาแผ่นข้าวโอ๊ตกับเม็ดมะม่วงมาเคลือบช็อกโกแลตเท่านั้นเอง แต่อร่อยนะ!

แต่พอหยิบมาทานแล้ว บอกเลยว่า อร่อยมาก! กรอบกำลังดี และหวานกำลังดีด้วยครับ ไม่หวานเลี่ยนเลย และยังได้รสของดาร์กช็อกโกแลตเข้ม ๆ ผสมอยู่ด้วย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็อร่อย ให้ความมัน ๆ แบบถั่ว ๆ พอเอาไปทานกับนมจืดก็อร่อยยิ่งขึ้นเลยครับ นมถูกเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลช็อกโก ส่วนรสชาติก็ เมื่อใส่นมเย็น ๆ ผสมกับดาร์กโกโก้เข้ม ๆ ตัดกันอย่างลงตัว แต่กลับไม่ชอบเม็ดงาเท่าไร พอผสมงาลงไปแล้ว มันเหมือนกับอาหารปลาลอยหน้าอยู่ และรสของงาเหมือนไม่เข้าพวกยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งตอนเม็ดงาแตกในปาก มันส่งกลิ่นแปลก ๆ ผมว่าทานแค่กราโนล่ากับนมอร่อยกว่านะ

และที่รู้สึกว่ากราโนล่ายี่ห้อของ DIAMOND GRAINS แตกต่างจากยี่ห้ออื่นเป็นเพราะว่า มีส่วนประกอบอย่างข้าวโอ๊ตสูงถึง 56% ในขณะที่ยี่ห้ออื่น ๆ จะมีปริมาณข้าวโอ๊ตน้อยกว่า หรือมีพวกแป้งสาลี และแป้งอื่น ๆ ผสมอยู่ด้วย ทำให้กราโนล่าตัวนี้ ทานแล้วอิ่มมากเลยครับ อยู่ท้องได้นาน และยังมีใยอาหารค่อนข้างสูง ส่วนเรื่องราคาก็ไม่ได้แพงกว่าเท่าไร ถ้าใครยังไม่เคยทานกราโนล่ามาก่อน ผมว่าเริ่มจากยี่ห้อ DIAMOND GRAINS นี้ก็ได้ครับ อร่อย คุ้มค่าคุ้มราคา ประโยชน์เยอะด้วย

ส่วนประกอบข้าวโอ๊ต 56% / เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 16% / ดาร์กโกโก้ 10% / น้ำตาลอ้อยไม่ขัดสี 9% / งาขี้ม่อน 6% / น้ำมันรำข้าว 3%
แต่งกลิ่นสังเคราะห์
มีซิปล็อค
จำนวนครั้งที่ควรทานถุงละ 220 กรัม ควรแบ่งทานครั้งละ 38 กรัม ออกเป็น 5 ครั้ง
พลังงาน ต่อ 38 กรัม180 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 50 กิโลแคลอรี)
ไขมัน6 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 1.5 กรัม
คอเลสเตอรอล0 มก.
โปรตีน5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต26 กรัม เป็นใยอาหาร 5 กรัม และน้ำตาล 9 กรัม
โซเดียม0 มก.

4. Kellogg's

Kellogg's หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดีนะครับ โดยเฉพาะอาหารเช้าคอนเฟล็กของยี่ห้อนี้ และเนื่องจากคนหันมารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ทำให้ทาง Kellogg's ก็ออกผลิตภัณฑ์อาหารเช้าใหม่ ๆ อย่าง “กราโนล่า” มาวางขายกันด้วย โดยมีหลายรสชาติและหลายแบบมากเลยครับ ตอนนี้ขอเลือกจากแพ็กเกจสวย ๆ ก่อน ถ้ามีโอกาส จะไปไล่หาซื้อมาลองทานให้หมดเลยครับ

4.1 Kellogg's Super Berry GRANOLA

4.1 Kellogg's Super Berry GRANOLA

ราคาโดยประมาณ 119-129 บาท ต่อถุง 220 กรัม

เป็นกราโนล่าที่แพ็กเกจทำออกมาได้ดี มีดีไซน์สวยดูทันสมัยแนวสีแดงดำ และชอบตรงที่มีซิบล็อค เวลาทานไม่หมดก็จะได้เก็บง่าย ๆ พอเปิดถุงแล้วเทกราโนล่าลงในชามก็พบว่า ของจริงกับภาพกราโนล่าที่ติดอยู่บนแพ็กเกจค่อนข้างจะดูแตกต่างกันมากอยู่ ของจริงมันดูแห้ง ๆ ไม่สวยเท่า ดูไม่น่าทานเท่าไรเลยครับ แต่พอลองทานแบบเปล่า ๆ ดู ก็อร่อยดี กรอบ เขี้ยวเพลินเลย ให้อารมณ์เป็นขนมทานเล่นแบบพวกข้าวพองหวาน ๆ ที่มีประโยชน์ และแอบเหมือนทานป๊อปคอร์นอยู่นิด ๆ เช่นกันครับ

Super Berry กราโนล่า

สมกับชื่อ Super Berry มีพวกผลไม้อบแห้งเยอะดีครับ

พอลองนำไปทานกับนมดู ก็อร่อยมาก นมจืดเย็น ๆ มันช่วยให้เวลาทานแล้วสดชื่น พอกัดกราโนล่าเข้าไปก็กรุบกรอบแบบเย็น ๆ ดี นมจืด ๆ กับความหวานจากกราโนล่าก็ผสมกันได้ลงตัว พวกผลไม้อบแห้งก็มีไว้ตัดรสให้เปรี้ยวบ้างหวานบ้าง มีรสชาติที่หลากหลายดีครับ แต่พอทานไปสักพักจะเริ่มรู้สึกหวานเลี่ยนอยู่ ไม่ควรทานในปริมาณมาก อย่าง Kellogg's เองก็แนะนำให้ทานครั้งละ 40 กรัมครับ

ส่วนประกอบธัญพืชโฮลเกรน 28% / ธัญพืชอบกรอบ 26% / น้ำตาลอินเวิร์ต 16% / น้ำมันพืช 7% / ผลไม้อบแห้ง 7% / มะพร้าวอบแห้ง 5% / อัลมอนด์ 3% / เมล็ดฟักทองอบแห้ง 2% / น้ำตาล 2% / เกลือ
แต่งกลิ่นสังเคราะห์
มีซิปล็อค
จำนวนครั้งที่ควรทานถุงละ 220 กรัม ควรแบ่งทานครั้งละ 40 กรัม ออกเป็น 5 ครั้ง
พลังงาน ต่อ 40 กรัม180 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 60 กิโลแคลอรี)
ไขมัน6 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 3 กรัม
คอเลสเตอรอล0 มก.
โปรตีน4 กรัม
คาร์โบไฮเดรต28 กรัม เป็นใยอาหาร 2 กรัม และน้ำตาล 9 กรัม
โซเดียม90 มก.

4.2 Kellogg's Deluxe Nuts GRANOLA

4.2 Kellogg's Deluxe Nuts GRANOLA

ราคาโดยประมาณ 119-129 บาท ต่อถุง 220 กรัม

ตัวด้านบนเป็นสูตร Super Berry สำหรับตัวนี้จะเป็นสูตร Deluxe Nuts ที่มีถั่วหลากหลายชนิดผสมอยู่ ด้านกราโนล่าอบแห้งมีสภาพเหมือนกันเลยคือ เป็นก้อน ๆ ดูแห้ง ๆ แต่ตัวนี้จะมี % ของธัญพืชน้อยกว่าตัวด้านบน แต่ก็ทดแทนด้วยพวกถั่วเปลือกแข็งในปริมาณมากแทนครับ และจากที่สังเกตเห็นในชาม จะเห็นได้ว่า พวกถั่ว ๆ เยอะจริง เห็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์เยอะเต็มชามไปหมด แต่ที่ทำให้ผมไม่ชอบกราโนล่าตัวนี้เท่าไรตรง มีลูกเกดอบแห้งค่อนข้างเยอะ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบรสชาติของลูกเกดอบแห้งครับ

Deluxe Nuts กราโนล่า

ถั่วเยอะดี แต่เรซินก็เยอะเช่นกัน

พอลองไปทานกับนมจืดเย็น ๆ ดู ก็ให้ความรู้สึกเหมือนตัวด้านบน กรุบกรอบ อร่อย เย็นสดชื่นดี เวลากัดไปโดนถั่วก็นัว ๆ แข็ง ๆ ดีครับ เข้ากันทั้งกราโนล่า นม และถั่วอย่างบอกไม่ถูก แต่พอกัดไปโดนลูกเกดอบแห้งแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไร เนื้อมันยุ่ย ๆ และหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ แบบแปลก ๆ โดยรวมเป็นกราโนล่าที่เหมาะกับพวกชอบถั่ว ๆ และลูกเกดอบแห้ง สำหรับผมคงขอผ่านครับ

ส่วนประกอบธัญพืชโฮลเกรน 26% / ธัญพืชอบกรอบ 23% / น้ำตาลอินเวิร์ต 15% / ถั่วเปลืองแข็ง 13% / น้ำมันพืช 7% / ลูกเกด 5% / มะพร้าวอบแห้ง 4% / เมล็ดฟักทองอบแห้ง 2% / น้ำตาล 2% / เกลือ
แต่งกลิ่นสังเคราะห์
มีซิปล็อค
จำนวนครั้งที่ควรทานถุงละ 220 กรัม ควรแบ่งทานครั้งละ 40 กรัม ออกเป็น 5 ครั้ง
พลังงาน ต่อ 40 กรัม190 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 70 กิโลแคลอรี)
ไขมัน8 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 3 กรัม
คอเลสเตอรอล0 มก.
โปรตีน4 กรัม
คาร์โบไฮเดรต27 กรัม เป็นใยอาหาร 2 กรัม และน้ำตาล 9 กรัม
โซเดียม90 มก.

5. กราโนล่า Nestle MILO

5. กราโนล่า Nestle MILO

ราคาโดยประมาณ 200-230 บาท ต่อกล่อง 300 กรัม

หลาย ๆ คนอาจจะเคยทานอาหารเช้าซีเรียลของไมโลที่มันเป็นเม็ดกลม ๆ กรุบกรอบ มาคราวนี้ทางไมโลก็มีแบบกราโนล่าเช่นกัน แต่ตัวกราโนล่าจะเป็นก้อน ๆ ขรุขระ มีสีน้ำตาลตามสไตล์สีของไมโล มีพวกชิ้นถั่วและคราบน้ำตาลเชื่อมติดอยู่ตามผิวด้วย ตอนแรกเห็นแล้วนึกว่าจะหวานมาก แต่พอลองทานแบบก้อน ๆ ดู กลับไม่ค่อยหวานเท่าไรเลยครับ และตัวกราโนล่าก็กรอบ ๆ เคี้ยวเพลินดี ได้รสของไมโลและรสของพวกธัญพืชแบบถั่ว ๆ ด้วย แอบอร่อยใช้ได้

กราโนล่า ไมโล

เป็นก้อน ๆ ใหญ่ ๆ เล็ก ๆ มีสีน้ำตาล

พอไปทานกับนมจืดที่เย็น ๆ ก็ให้ความรู้สึกฟินไปอีกแบบ กรอบ ๆ หวาน ๆ เย็น ๆ รสไมโล รสถั่ว ตีกันมั่วไปหมด อร่อยดีครับ ผมคิดว่า กราโนล่าตัวนี้น่าจะถูกใจเด็ก ๆ มาก หรือผู้ใหญ่ที่อยากทานขนมทานเล่นแต่เอาแบบที่ดีต่อสุขภาพ ก็ทานกราโนล่าไมโลได้เช่นกัน แต่ที่ไม่ชอบอยู่อย่างคือ ถุงฟอยล์ขนาดค่อนข้างใหญ่ถึง 300 กรัม แต่ดันไม่มีซิบล็อคมาให้ ทำให้เวลาทานไม่หมด ต้องพับถุงลงมาแล้วหาตัวหนีบมาหนีบ แอบลำบากนิดหนึ่ง ไม่เหมือนพวกมีซิปล็อคมาให้ครับ

ส่วนประกอบข้าวโอ๊ตเต็มเมล็ด 22% / แป้งข้าวสาลีจากข้าวสาลีทั้งเมล็ด 20% / น้ำตาล 15% / น้ำมันดอกทานตะวัน 9% / มอลต์สกัด 8% / นมผงขาดมันเนย 7% / ข้าวโพดบด 5% / แป้งข้าวโอ๊ตจากข้าวโอ๊ตทั้งเมล็ด 5% / ถั่วเหลืองอบกรอบ 3% / น้ำตาลอินเวิร์ต 2% / แร่ธาตุ 0.8% / โปรตีนจากถั่วเหลือง 0.4% / ผงโกโก้ 0.2%
แต่งกลิ่นสังเคราะห์
มีซิปล็อค
จำนวนครั้งที่ควรทานกล่องละ 300 กรัม ควรแบ่งทานครั้งละ 45 กรัม ออกเป็น 7 ครั้ง
พลังงาน ต่อ 45 กรัม200 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 50 กิโลแคลอรี)
ไขมัน6 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 0.5 กรัม
คอเลสเตอรอล0 มก.
โปรตีน6 กรัม
คาร์โบไฮเดรต31 กรัม เป็นใยอาหาร 3 กรัม และน้ำตาล 11 กรัม
โซเดียม95 มก.

ได้เห็น “กราโนล่า” ยี่ห้อไหนดี กันไปถึง 5 ยี่ห้อแล้ว ยี่ห้อมันอาจจะน้อยไปหน่อย แต่ก็มีกราโนล่าให้ดูกันถึง 8 ตัวเลยนะครับ แล้วมีกราโนล่าตัวไหนที่สนใจอยากจะซื้อไปทานกันบ้าง? ถ้าไม่รู้จะซื้อยี่ห้อไหนดี ก็เริ่มจากพวกตัวบน ๆ ก็ได้ บ่งบอกถึงความเป็นกราโนล่าได้ดีเลย แต่เอาจริง ๆ การทานกราโนล่าบ่อย ๆ มันก็แอบเบื่ออยู่นะครับ ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกสบายมากก็เถอะ ผมแนะนำว่า ควรจะทานสลับ ๆ กับอาหารอย่างอื่นไปบ้าง เช่น วันนี้ทานกราโนล่า พรุ่งนี้ทานขนมปังเนยถั่ว วันต่อไปทานโจ๊กก็ดีครับ จะได้ทานอะไรที่หลากหลายและไม่เบื่อด้วย แต่ถ้าชอบทานพวกซีเรียลอยู่แล้ว ก็จัดไปเลยครับ



Leave a Comment