ก็ถ้าสาว ๆ คลิกเข้ามาอ่านที่บทความนี้ “น้ำยากัดสีผม” ยี่ห้อไหนดี แสดงว่า กำลังเบื่อ ๆ กับสีผมของตัวเองที่สีมันเข้มจนเกินไป หรืออยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ ไปทำสีผมโทนสว่าง ๆ แฟชั่น ๆ กันอยู่ใช่ไหมล่ะคะ ?? ก็บอกเลยว่าคลิกเข้ามาได้ถูกที่ถูกบทความแล้ว เพราะที่นี่ ทางเราได้ไปรวบรวมน้ำยาสำหรับกัดสีผมยี่ห้อที่น่าสนใจ ยี่ห้อที่เด็ด ๆ ปัง ๆ มีรีวิวเยอะ รวมถึงบางยี่ห้อมียอดขายในโลกออนไลน์ที่สูงถึง 50k ชิ้น +++ กันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าสาว ๆ ได้ลองอ่านเนื้อหารีวิวกันจนจบล่ะก็ จะต้องเจอยี่ห้อที่ชอบ ยี่ห้อที่ใช่ ยี่ห้อที่อยากนำไปใช้กัดสีผมกันเลยค่าาา
สารบัญ
หากน้ำยากัดสีผมเข้าตา จะทำอย่างไรดี ?
ก็ก่อนที่จะไปซื้อสินค้าประเภทนี้ใช้กัน ทางเราอยากจะขอเตือนกันสักนิดว่า เวลาใช้น้ำยากัดสีผมต้องระวัง “อย่าให้ผลิตภัณฑ์โดนดวงตา” กันนะคะ เพราะสารเคมีเหล่านี้จะมีค่อนข้างมีความรุนแรง หากโดนดวงตาแล้ว จะส่งผลให้เกิดอาการแสบตา หรือระคายเคืองตากันได้ แต่หากพลาดท่ามีน้ำยากระเด็นโดนดวงตา ก่อนอื่นให้รีบไปหา “น้ำสะอาด” ตวงทิ้งไว้ในถังน้ำ จากนั้นทำการลืมตาในน้ำ เพื่อทำการล้างสารปนเปื้อน แล้วให้ทำซ้ำกันหลาย ๆ รอบ (อย่าลืมเปลี่ยนน้ำสะอาดทุกรอบ) จนมั่นใจแล้วว่า อาการแสบลดน้อยลง จนถึงไม่รู้สึกแสบเลย
และระวังอย่าใช้ยาหยอดตา หรือน้ำตาเทียมหยอดตา เพราะอาจะจะไปเร่งปฏิกิริยาของเคมี จนส่งผลให้ยิ่งแสบหนักขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการใช้น้ำสะอาดเจือจางและล้างสารเคมีจะดีที่สุด หรือถ้าเป็นไปได้ ให้ไปซื้อน้ำยาล้างตาที่ร้านขายขามาใช้ ก็จะช่วยล้างได้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามหากอาการไม่ดีขึ้น ยังรู้สึกแสบตาอยู่ ให้รีบไปพบแพทย์เป็นการด่วน จะดีที่สุดค่ะ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี
เผื่อสาว ๆ คนไหนที่อยากจะเห็นเจ้าสินค้าน้ำยาสำหรับกัดสีผมแบบพร้อม ๆ กัน รวมถึงสามารถเลื่อนตารางไปมาซ้ายขวา เพื่อทำการเปรียบเทียบรายละเอียด, ปริมาณของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์, ระดับความสว่างที่ทำได้ รวมถึงส่วนผสมต่าง ๆ และราคา กันได้แบบง่าย ๆ ทางเราก็ขอแนะนำให้คลิกที่ปุ่มด้านล่าง เพื่อเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบกันได้เลยค่า
1. NIGAO Bleaching Cream Maxx Light
ราคาโดยประมาณ 175 บาท
กัดสีผมเตรียมพร้อมการย้อมผมสีสันสดใส ให้เฉิดฉายกว่าเดิมแบบไม่ต้องง้อซาลอนอีกต่อไปด้วย NIGAO Bleaching Cream Maxx Light น้ำยากัดสีผมเนื้อครีม ไม่หนืด และใช้งานง่ายเกลี่ยได้ทั่วเส้นผมตั้งแต่โคนจรดปลาย อีกทั้งยังสามารถช่วยปรับระดับความสว่างของเส้นผมได้อย่างสม่ำเสมอมากถึง 8 ระดับด้วยกัน ไม่ว่าสาว ๆ จะสีผมดกดำเข้มเป็นธรรมชาติแค่ไหน ก็สามารถสัมผัสได้ถึงเส้นผมที่สว่างขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งอยากได้สว่างแค่ไหน ทางแบรนด์เค้าก็มีปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผมและสีผมให้เลือกถึง 4 ระดับด้วยกัน คือ 3% 6% 9% และ 12% ค่ะ
ในส่วนรีวิวของผู้ใช้งานจริงส่วนใหญ่นั้น ก็ค่อนข้างประทับใจในเนื้อสัมผัสที่เป็นครีมเกลี่ยง่าย ใช้งานสะดวก ไร้กลิ่นฉุนของแอมโมเนียเหมือนน้ำยากัดสีผมทั่วไป และแม้ว่าจะช่วยกัดสีผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หลายคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช้แล้วไม่แสบหรือรู้สึกระคายเคืองหนังศีรษะ และยังสัมผัสได้ถึงเส้นผมหลังฟอกสีผมไม่แห้งเสียอีกด้วย ก็ใครที่กำลังมองหาน้ำยาฟอกผมราคาถูกและดี เป็นมิตรกับเส้นผมและหนังศีรษะอยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำเลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน! และขอกระซิบอีกนิดว่าถ้าอยากกัดสีผมแล้วผมยังสุขภาพดีนุ่มสลวยอยู่นั้น สามารถใช้คุณคนนี้ร่วมกับแชมพูหรือทรีตเมนต์บำรุงผมของแบรนด์ควบคู่ไปด้วยเลย เส้นผมยิ่งสวย ยิ่งดีขึ้นกันเลยค่ะ
จุดเด่น | ปรับระดับความสว่างของเส้นผมสม่ำเสมอ / ใช้งานง่าย เนื้อครีมไม่หนืดข้น / ลดปัญหาผมแห้งกระด้างหลังฟอกสีผม |
ชนิด | ครีม |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | 3% / 6% / 9% / 12% |
ระดับความสว่าง | 8 ระดับ |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | N/A |
2. L'Oreal Excellence Bleach Supreme
ราคาโดยประมาณ 389 บาท
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่หาซื้อง่าย ราคาจับต้องได้ คุณภาพเยี่ยมนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย ต้องยกให้ยี่ห้อลอรีอัลเท่านั้น และใหม่ล่าสุดแบบสด ๆ ร้อน ๆ กับน้ำยากัดสีผมที่จะช่วยคุณประหยัดเงินประหยัดเวลาแบบไม่ต้องเดินเข้าออกร้านทำผมอีกต่อไป ขอแนะนำ L'Oreal Excellence Bleach Supreme ที่จะมาช่วยเพิ่มความสว่างให้เส้นผมมากถึง 8 ระดับ !! เส้นผมจะสีเข้มแค่ไหนก็สว่างขึ้นได้ เท่านั้นยังไม่พอ ทางแบรนด์เค้ายังได้เสริมอุปกรณ์เพิ่มเติมในกล่อง อย่าง แชมพูและมาสก์บำรุงเส้นผมที่จะมาช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง และเติมความชุ่มชื้นเพิ่มความนุ่มสลวยให้เส้นผมแบบจัดเต็มอีกด้วยค่ะ
ส่วนการใช้งานก็ง่ายมากก เพียงสาว ๆ ผสมส่วนผสมของน้ำยากัดสีผมเข้าด้วยกัน เกลี่ยครีมกัดสีผมให้ทั่วบริเวณที่ต้องการทิ้งไว้ไม่เกิน 45 นาทีแล้วล้างออก จากนั้นชะล้างทำความสะอาดสารเคมีที่เกาะอยู่บนเส้นผมและหนังศีรษะอีกรอบด้วยแชมพูที่มีค่า pH อ่อนโยนไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ และปิดท้ายเสริมทัพให้เส้นผมนุ่มสลวย ไม่แห้งเสียด้วย Nourishing Mask ชโลมให้ทั่วบริเวณที่ฟอกสีผมและล้างออก เสร็จแล้วก็สามารถไดร์ผมให้แห้ง หรือแต่งแต้มสีสันจัดทรงผมได้ตามต้องการแล้วล่ะค่า
จุดเด่น | ปรับสีเส้นผมได้สว่างแม้ผมสีเข้ม / มีแชมพูและมาสก์บำรุงผมในกล่อง |
ชนิด | ครีม |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | N/A |
ระดับความสว่าง | 8 ระดับ |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | Hydroxypropyltrimonium Hydrolyzed Wheat Protein / Panthenol / 2-Oleamido-1,3-Octadecanediol |
3. Lolane Pixxel Hair Bleaching Powder
ราคาโดยประมาณ 35 บาท
โลแลน ยี่ห้อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะที่เราคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้ำยากัดสีผมที่มาในรูปแบบผงละเอียดผสมง่าย คุณภาพดีเยี่ยมเกินราคาอย่าง Lolane Pixxel Hair Bleaching Powder ผงกัดสีผมที่จะช่วยลดความเข้ม เพิ่มความสว่างแก่เส้นผมของสาว ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการย้อมสีสันอันสดใสต่อไป โดยจะสามารถเพิ่มความสว่างได้มากถึง 11+ ระดับเลยทีเดียว ซึ่งทางแบรนด์ก็มีให้เลือก 3 สูตรด้วยกัน ได้แก่ สูตร Gentle Lift เพิ่มความสว่างได้มากถึง 11+ ระดับ มาพร้อมกับปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 8%, สูตร Normal Lift มอบสีผมสว่าง 8 ระดับด้วยปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 9% และสูตร Extreme Lift ที่มีความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 11% ช่วยให้สีผมที่เข้มจัดสว่างขึ้นในทันตาถึง 9+ ระดับ
และที่สำคัญ ความพิเศษของผงกัดสีผมนี้ก็คือ สามารถช่วยลดเม็ดสีเหลืองบนเส้นผมได้ หมดกังวลเวลากัดผมฟอกผมแล้วติดเหลืองไปได้เลยค่ะ แต่ด้วยความเข้มข้นของสารเคมีที่ค่อนข้างสูง หลายคนก็แอบให้คะแนนติดลบเรื่องกลิ่นฉุนจนแสบจมูกขณะฟอกสีผม แต่ก็แลกมากับราคาที่ย่อมเยามากกก ราคาหลักสิบเท่านั้น ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ ก็ซื้อใช้กันได้ง่าย ๆ สบายกระเป๋าค่าา
จุดเด่น | ช่วยลดความเข้มของเส้นผม / ปรับสีผมให้สว่าง / ผงละเอียดผสมง่าย |
ชนิด | ผง |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | 8% / 9% / 11% |
ระดับความสว่าง | 11+ ระดับ |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | N/A |
4. Berina Hair Bleaching Powder
ราคาโดยประมาณ 35 บาท
ผงกัดสีผมอีกหนึ่งยี่ห้อที่เป็นระดับตำนานของสายฟอกผมต้องยกให้ Berina Hair Bleaching Powder น้ำยากัดสีผมที่มาในรูปแบบผงเนื้อละเอียด ใช้งานง่ายเพียงผสมกับดีเวลลอปเปอร์ แล้วปาดให้ทั่วบริเวณที่ต้องการฟอก จากนั้นชะล้างออกด้วยน้ำสะอาดก็สัมผัสได้ถึงเส้นผมที่สว่างกว่าเดิม เตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนแต่งแต้มย้อมสีผมต่อไป อีกทั้งทางแบรนด์ยังเคลมว่า เป็นผงฟอกสีผมที่ใช้แล้วไม่ทำลายเส้นผมหรือโครงสร้างเส้นผม แถมหลังใช้เส้นผมก็มีความอ่อนนุ่มสลวย ปราศจากความแห้งกระด้างอีกด้วยค่ะ
โดยความเข้มข้นของดีเวลอปเปอร์ หรือปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่ทางเบอร์ริน่าให้มานั้น ก็มากถึง 12% เลยทีเดียว ทำให้ไม่ว่าสาว ๆ จะมีสีผมดกดำเข้มเป็นธรรมชาติ หรือสีน้ำตาลเข้มสไตล์สาวเกาหลี ก็สามารถใช้ผงกัดสีผมนี้ได้อย่างไร้กังวล สีผมสว่างขึ้นชัวร์ ! และโดยการฟอกสีผมครั้งแรก จะได้ความสว่างประมาณ 3-4 ระดับ แต่อาจจะติดสีเหลืองอยู่นะคะ ซึ่งหากมีสภาพสีผมเข้มจัด ๆ เราขอแนะนำให้ฟอกประมาณ 2-3 รอบ ก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจแล้ว แต่ทั้งนี้ด้วยความที่ความเข้มข้นค่อนข้างสูง อาจต้องระวังการใช้งานกันด้วยค่ะ
จุดเด่น | ช่วยให้เส้นผมสว่างขึ้น / ไม่ทำลายเส้นผมและโครงสร้างเส้นผม / เส้นผมอ่อนนุ่มหลังใช้งาน |
ชนิด | ผง |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | 12% |
ระดับความสว่าง | 3-4 ระดับ |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | N/A |
5. Yougee Blondie Hair Lightener
ราคาโดยประมาณ 35 บาท
บอกลาน้ำยากัดสีผมแบบเดิม ๆ ที่กัดสีผมจนระคายเคืองหนังศีรษะ รุนแรงจนเส้นผมแห้งเสีย และกลิ่นแรงจนแสบจมูก แล้วลองหันมาทำความรู้จักกับยี่ห้อ Yougee Blondie Hair Lightener ที่มาในรูปแบบผงสูตร Dust-Free ไม่ฟุ้งกระจาย แถมปราศจากกลิ่นฉุนแสบจมูกจากแอมโมเนีย มาพร้อมกับนวัตกรรม SILKLIT Complex ช่วยลดโอกาสการทำลายโครงสร้างเส้นผม จนทำให้เส้นผมเปราะบางขาดง่ายขณะฟอกสีผมได้เป็นอย่างดี และยังมอบสีสวยชัดด้วยความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 9% และ 12% โดยขอแนะนำให้ใช้ปริมาณผงฟอกสีผมให้สอดคล้องกับความยาวของเส้นผม คือ 1 ชุดสำหรับผมสั้น, 2-3 ชุดสำหรับผมประบ่า และ 4 ชุดขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีผมยาวสลวย เพื่อป้องกันปัญหาผมด่าง สีไม่สม่ำเสมอหลังใช้งานนั่นเองค่ะ
และไม่เพียงแต่จะช่วยฟอกสีผมโดยไม่ทำลายโครงสร้างเส้นผมแล้ว ผงกัดสีผมยี่ห้อนี้ยังมาพร้อมกับ PhytOil Technology ที่อัดแน่นไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อการบำรุงเส้นผมหลังฟอกสีผมแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น สารสกัดจากผลทับทิม, สารสกัดจากน้ำมันเมล็ดองุ่นแดง และน้ำมันอาร์แกน ที่ล้วนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างโครงสร้างเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงไปพร้อม ๆ กับเพิ่มความชุ่มชื้นนุ่มลื่นสลวยให้แก่เส้นผม ส่วนราคาก็ไม่แพงเลย ก็ลองใช้กันดูก่อน ไม่แน่อาจจะติดใจ จนเลิฟ ๆ กันเลยค่าา
จุดเด่น | ฟอกสีผมโดยไม่ทำลายโครงสร้างเส้นผม / บำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวย / Dust-Free / กลิ่นไม่ฉุน |
ชนิด | ผง |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | 9% / 12% |
ระดับความสว่าง | N/A |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | สารสกัดผลทับทิม / สารสกัดน้ำมันเมล็ดองุ่นแดง / น้ำมันอาร์แกน |
6. Dcash Bleaching Powder Lightener
ราคาโดยประมาณ 55 บาท
เตรียมเส้นผมให้พร้อมกับการย้อมสีผมให้สดใสในขั้นตอนต่อไปด้วย Dcash Bleaching Powder Lightener น้ำยากัดสีผมที่มาในรูปแบบผง เนื้อสัมผัสละเอียด เกลี่ยง่าย มอบเส้นผมที่มีความสว่าง หรือมีสีที่อ่อนลงอย่างสม่ำเสมอจรดปลายเส้นผมด้วยความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มากถึง 12% จึงสามารถช่วยปรับความสว่างของเส้นผมได้ 7-9 ระดับเลยทีเดียว และถึงแม้ว่าคุณจะมีผมสีเข้มดกดำเป็นธรรมชาติก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงสีของเส้นผมได้ในครั้งเดียว ที่สำคัญทางแบรนด์เคลมมาเรียบร้อยแล้วว่า ใช้แล้วไม่ทำลายโครงสร้างเส้นผมและไม่ทำให้เส้นผมแห้งกระด้างหลังใช้งานอีกด้วยค่ะ
มากไปกว่าการฟอกเส้นผมให้มีสีที่อ่อนลงแล้ว น้ำยากัดสีผมของดีแคชรุ่นนี้ยังมีให้เลือก 4 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่ สีขาว, สีทอง, สีเทา และสีแดง ก็เรียกได้ว่าสามารถช่วยฟอกและทำสีผมในขั้นตอนเดียว ฉะนั้นจะหยิบมาฟอกสีผมทั้งศีรษะ หรือหยิบมาทำเป็นไฮไลท์ปรับลุคทรงผมให้สวยเก๋ก็สะดวกสบายสุด ๆ แบบไม่ต้องเดินเข้าร้านเสริมสวยให้เวลาเลยล่ะค่ะ โดยผู้ใช้งานจริงส่วนใหญ่ค่อนข้างประทับใจที่กลิ่นไม่ฉุนมาก เวลาใช้ไม่แสบหนังศีรษะ แถมหลังใช้ผมมีความนุ่มไม่แห้งเสีย ก็ถือเป็นผงกัดสีผมราคาหลักสิบที่คุณภาพเกินร้อยจริง ๆ ค่ะ!
จุดเด่น | ผงละเอียดเกลี่ยง่าย / มีให้เลือกหลายเฉดสี / ฟอกสีผมโดยไม่ทำลายโครงสร้างเส้นผม / เส้นผมอ่อนนุ่มหลังใช้ |
ชนิด | ผง |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | 12% |
ระดับความสว่าง | 7-9 ระดับ |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | N/A |
7. DIPSO Focus Highlight Powder Bleach
ราคาโดยประมาณ 59 บาท
DIPSO ถือเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่เป็นที่รู้จักของหนุ่มสาวชาวไทยมาอย่างยาวนานเกินครึ่งศตวรรษ เพราะไม่เพียงแต่จะมีคุณภาพที่เกินราคาแล้ว ยังสามารถหาซื้อได้ง่ายทั่วไปทั้งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านค้าออนไลน์ทั่วไป และหนึ่งในไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมกันมากนั้นก็คือ น้ำยากัดสีผม รุ่น DIPSO Focus Highlight Powder Bleach ที่มาในรูปแบบของผงกัดสีผม ช่วยปรับสีผมให้สว่างเป็นโทนขาวมุกมากยิ่งขึ้นเพื่อง่ายต่อการย้อมสีในขั้นตอนถัดไป โดยสามารถฟอกสีผมให้สว่างได้มากถึง 10 ระดับเลยทีเดียว และที่สำคัญหลังใช้งานไม่ทำให้เส้นผมแห้งเสียอีกด้วยค่ะ
โดย DIPSO จะมาพร้อมกับดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเข้มข้น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับ 6% สำหรับผมเสียมาก หรือผมที่ผ่านสารเคมีมามาก, ระดับ 9% เหมาะสำหรับผมเสียเล็กน้อยจนถึงปานกลาง และระดับ 12% สำหรับผมสุขภาพดีแข็งแรง มีสีเข้มตามธรรมชาติ หรือไม่เคยผ่านสารเคมีมาก่อน ซึ่งผู้ใช้งานจริงส่วนใหญ่นั้นชื่นชอบกับประสิทธิภาพของการฟอกสีผมที่รวดเร็ว มีสีสม่ำเสมอทั้งเส้นผม ใช้ครั้งเดียวก็ได้เส้นผมที่สว่างขึ้นอย่างน่าพอใจ แต่ถ้าหากคุณมีเส้นผมสีเข้มและหนา แนะนำกัดสีผมประมาณ 2 รอบน่าจะเอาอยู่ค่ะ
จุดเด่น | ปรับสีผมให้สว่างง่ายต่อการลงสีมากขึ้น / ไม่ทำให้ผมแห้งเสียหลังกัดสีผม |
ชนิด | ผง |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | 6% / 9% / 12% |
ระดับความสว่าง | 10 ระดับ |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | N/A |
8. CRUSET Hair Bleaching Powder
ราคาโดยประมาณ 48 บาท
เปลี่ยนลุคให้ทรงผมสวยเก๋มากกว่าที่เคยด้วย CRUSET Hair Bleaching Powder น้ำยากัดสีผมรูปแบบผงที่จะช่วยเพิ่มความสว่างให้แก่เส้นผมของสาว ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ต้องเสียเวลากับเสียเงินเป็นจำนวนมากในการไปร้านเสริมสวยสักนิด โดย CRUSET เขาจะเป็นผงฟอกสีผมที่มีความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มากถึง 12% จึงสามารถช่วยลดความเข้มของเส้นผมได้ค่อนข้างมาก แม้ว่าจะเป็นเส้นผมที่มีโครงสร้างแข็งแรงสุขภาพดีก็ตามค่ะ
และสำหรับใครที่กังวลว่า ฟอกผมแล้วจะทำให้เส้นผมติดเหลืองจนไปต่อได้ยากหรือไม่นั้น เราขอบอกเลยว่าหายห่วงค่ะ เพราะทางครูเซ็ทเค้าคิดมาให้แล้ว! โดยผงฟอกสีผมรุ่นนี้เค้าจะมีให้เลือก 2 เฉดสีด้วยกัน คือ เฉดสีขาวที่เหมาะสำหรับคนอยากย้อมผมโทนสีเทา และเฉดสีทองที่เหมาะสำหรับคนอยากย้อมผมโทนสีน้ำตาลหรือโทนอื่น ๆ นั่นเองค่ะ ในส่วนของเนื้อสัมผัส ก็เป็นผงละเอียด ผสมง่าย เกลี่ยง่ายได้ทั่วเส้นผม กลิ่นไม่ฉุนมากนัก และไม่ทำให้ระคายเคืองหนังศีรษะจนเกินไป ก็ถ้าใครที่ใช้ยี่ห้ออื่น ๆ แล้วไม่ชอบกันมากนัก ลองหันมาใช้ครูเซ็ทกันเลยค่า
จุดเด่น | ช่วยปรับสีผมให้สว่างก่อนการย้อมผม / มีให้เลือกเฉดสี |
ชนิด | ผง |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | 12% |
ระดับความสว่าง | N/A |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | N/A |
9. Biowoman Magic Bleaching Cream
ราคาโดยประมาณ 89 บาท
หมดกังวลปัญหาแสบหนังศีรษะขณะฟอกผม หรือเส้นผมช็อตแห้งเสียจากสารเคมีหลังฟอกผมอีกต่อไป ด้วย Biowoman Magic Bleaching Cream น้ำยากัดสีผมเนื้อครีมสีฟ้าละมุนไร้กลิ่นฉุนแสบจมูก พร้อมทั้งมีเนื้อเนียนละเอียด เกลี่ยง่าย ใช้งานสะดวกสบาย และโดดเด่นด้วยส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะจากน้ำมันสกัดของพืชผลธรรมชาติกว่า 7 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น Argan Oil ที่อุดมไปด้วยวิตามิน E คอยช่วยให้เส้นผมมีความชุ่มชื้นนุ่มลื่น, Evening Primrose Oil สามารถช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและบำรุงหนังศีรษะ, Avocado Oil เพิ่มความเงางามให้เส้นผมไปพร้อม ๆ กับปกป้องโครงสร้างเส้นผมจากแสงแดด
หรือจะเป็น Macadamia Nut Oil เติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมและหนังศีรษะไม่ให้แห้งง่ายต่อการระคายเคือง, Sesame Oil ลดการแตกปลายของเส้นผม, Grape Seed Oil ปลอบประโลมเส้นผมและหนังศีรษะจากอาการแพ้ระคายเคือง และสุดท้ายมีส่วนผสมของ Lavender Oil คอยช่วยดับกลิ่นฉุนของสารเคมีและเพิ่มความผ่อนคลายขณะใช้งาน ฉะนั้นแล้วจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมหลังใช้ Biowoman แล้วสาว ๆ ถึงสัมผัสได้ว่า เส้นผมมีความนุ่มสลวยสบายหนังศีรษะนั่นเองค่ะ! และในส่วนการเพิ่มความสว่างลดความเข้มของสีผมก็ทำได้ดีเยี่ยม เพราะสามารถช่วยเพิ่มระดับความสว่างมากถึง 6-8 ระดับเลยทีเดียวค่ะ
จุดเด่น | เนื้อครีมสีฟ้า / ปรับสีผมให้สว่างขึ้นเพื่อการย้อมผมที่สม่ำเสมอทั่วศีรษะ / เส้นผมไม่แห้งกระด้างหลังใช้ / Ammonia Free |
ชนิด | ครีม |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | N/A |
ระดับความสว่าง | 6-8 ระดับ |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | Argan Oil / Evening Primrose Oil / Avocado Oil / Lavender Oil / Macadamia Nut Oil / Sesame Oil / Grape Seed Oil |
10. Lolane Pixxel Hair Bleaching Cream
ราคาโดยประมาณ 115 บาท
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับผงกัดสีผมของโลแลนกันเป็นอย่างดี แล้วรู้หรือไม่? ว่าทางโลแลนนั้นก็มีน้ำยากัดสีผมที่มาในรูปแบบของครีมฟอกสีผมด้วยเช่นกันนะ! ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่หัดกัดสีผมเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ เพราะเนื้อครีมของเค้านั้นนุ่มละเอียดเกลี่ยง่าย ไร้กลิ่นฉุนแสบจมูก และค่อนข้างอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะเป็นอย่างมาก ขอแนะนำ Lolane Pixxel Hair Bleaching Cream ครีมกัดสีผมที่จะช่วยเพิ่มความสว่างลดความเข้มของเส้นผมได้มากถึง 8-10 ระดับ ในการฟอกเพียงครั้งเดียว และไม่ทำให้เส้นผมแห้งเสียหรือระคายเคืองหนังศีรษะอีกด้วยค่ะ
โดยมาพร้อมกับดีเวลลอปเปอร์หรือออกซี่มิ้ลค์ โลชั่นที่มีความเข้มข้นระดับ Gentle Level 6%, Medium Level 9% และ Extreme Level 12% เหมาะสำหรับสภาพเส้นผมและความต้องการที่แตกต่างกันออกไป ที่สำคัญเป็นน้ำยากัดสีผมที่อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เพื่อการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ อย่าง โอเมก้าออยล์ที่จะคอยช่วยเติมความชุ่มชื้นเพิ่มความนุ่มสลวย ให้เส้นผมห่างไกลปัญหาแห้งกระด้างหลังการกัดสีผม และมีส่วนผสมของเลซิตินช่วยเพิ่มความเงางามให้แก่เส้นผมอีกด้วย ก็ใครที่ไม่ชอบใช้แบบผง ๆ มาลองตัวนี้กันเลยค่า
จุดเด่น | เนื้อครีมเกลี่ยง่าย กลิ่นไม่ฉุน / ฟอกสีผมอย่างอ่อนโยน / บำรุงเส้นผมไม่ให้แห้งกระด้างหลังใช้ |
ชนิด | ครีม |
ปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ | 6% / 9% / 12% |
ระดับความสว่าง | 8-10 ระดับ |
ส่วนผสมช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ | โอเมก้าออยล์ / เลซิติน |
เป็นยังไงกันบ้างคะ ทุก ๆ คนนนน หลังจากที่ได้เห็นรีวิว “น้ำยากัดสีผม” ยี่ห้อไหนดี กันไปแล้วถึง 10 ยี่ห้อด้วยกัน ไม่ทราบว่าสนใจ อยากจะซื้อยี่ห้อไหน ตัวไหน ไปใช้กัดสีผม ไปใช้ฟอกเส้นผมให้สีสว่าง ๆ กันบ้างคะ ?? ก็จากที่เห็น ๆ มาเนี่ย หลัก ๆ เขาก็จะมีกันอยู่ 2 ประเภทคือ แบบผงที่มีราคาค่อนข้างถูก แต่เวลาใช้งานจะยุ่งยากนิดหนึ่ง ส่วนแบบครีมก็จะมีราคาแพงกว่า แต่ก็พร้อมใช้งานกันได้เลย ยังไงถ้ายังไม่ชัวร์ ลองเลือกซื้อแบบผงมาใช้ดูก่อนก็ได้ ซื้อง่าย ราคาสบายกระเป๋า ไม่ต้องคิดกันเยอะ สุดท้ายก็ขอให้ได้ยี่ห้อที่ถูกใจ ใช้แล้วชอบ ตอบโจทย์ เส้นผมสว่าง สีสวยกันด้วยค่า
Beauty and Lifestyle Blogger เริ่มต้นจากความสนใจในการแต่งหน้า เห็นรีวิวจาก Blogger ท่านอื่น ๆ แล้วอยากซื้อตาม เวลาเจอตัวไหนใช้ดี แต่งแล้วสวยก็ต้องมีไปบอกต่อเพื่อน ๆ จนตอนนี้หันมาเขียนรีวิวเองบ้างแล้ว เจอตัวไหนดีก็จะมาอวยยศให้เต็มที่ ปัจจุบันก็เขียนรีวิวสินค้าให้หลายเว็บไซต์ได้ 3 ปีแล้ว หวังว่าผู้อ่านจะได้รีวิวดี ๆ จากเรานะคะ