ใครกำลังมองหาสาย HDMI ที่เอาไว้ใช้ในการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต เพื่อใช้ดูหนัง พรีเซนต์งาน หรือจะใช้ร่วมกับเครื่องเล่นเกมส์อย่าง PlayStation 5, PlayStation 4, Nintendo Switch ไปจนถึงกล่อง Apple TV กับสมาร์ททีวีแล้วละก็ แต่ไม่รู้จะซื้อสายรุ่นไหน แบบไหน เราได้รวบรวม “สาย HDMI” ยี่ห้อไหนดี มาไว้ให้ถึง 10 รุ่น ที่จะช่วยให้ภาพที่ฉายขึ้นสมาร์ททีวีนั้นมีความคมชัด เก็บทุกรายละเอียด แถมยังให้เสียงที่สมจริง ไม่ดีเลย์ แล้วจะมีสายรุ่นไหนกันบ้าง เรามาดูกันค่ะ
สารบัญ
วิธีเลือกซื้อสาย HDMI ให้ตรงกับการใช้งาน
ประเภทของสาย HDMI ประเภทของ HDMI มีหลายประเภท เช่น HDMI to DVI, Type-C to HDMI, Mini DP to HDMI หากเป็นจำพวกสมาร์ทโฟน ส่วนมากจะเป็นหัวแบบ Type C แต่หากเป็นอุปกรณ์ชนิดอื่น ๆ อาจจะต้องตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อค่ะ
มาตรฐานและคุณสมบัติ สังเกตได้ง่าย ๆ เช่น HDMI 2.0, 2.1 ตัวเลขมาตรฐานเหล่านี้มีคุณสมบัติแตกต่างกันชัดเจน คือ
- HDMI 2.0 ให้ภาพคมชัดระดับ 4K มี Refresh Rate สูงสุด 60Hz ความเร็วในการส่งสัญญาณสูงสุดอยู่ที่ 18 Gbps
- HDMI 2.1 ให้ภาพคมชัดระดับ 4K-8K มี Refresh Rate 60 ,120, 144HZ ความเร็วในการส่งสัญญาณสูงสุดอยู่ที่ 48 Gbps ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น HDMI 2.0 หรือ 2.1 ก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่รองรับอีกด้วยนะคะ
ความยาวของสาย HDMI แน่นอนละค่ะว่าความยาวของสายช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องความห่างระหว่างกับอุปกรณ์ แต่หากเลือกซื้อสายที่ยาวจนเกินไป (โดยเฉพาะที่ราคาถูก สายไฟข้างในมีคุณภาพต่ำ) จะทำให้ประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณข้อมูลลดลง คุณภาพของภาพและเสียงที่ได้รับอาจเกิดปัญหาติด ๆ ดับ ๆ ได้ ความยาวที่เหมาะสมและแนะนำคือ 3 เมตร ค่ะ
วัสดุของสาย
- PVC (พลาสติก) มีความยืดหยุ่นพอประมาณ หาซื้อได้ง่าย ราคาถูก สายอาจแตกหักได้ง่ายเมื่อเก็บไม่ถูกวิธี
- Cable Sleeving (สายเชือกถัก) มีความยืดหยุ่นสูง ทนทาน แข็งแรง ไม่หักงอง่าย ปลอดภัย อายุการใช้งานนานกว่าแบบ PVC แต่จะมีราคาค่อนข้างสูง
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “สาย HDMI” ยี่ห้อไหนดี
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านสาย HDMI แบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ประเภท ความเร็วการรับส่งสัญญาณ ความละเอียดของภาพ ระบบเสียง ความยาวของสายและราคา เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยค่ะ
1. Jasoz รุ่น HDMI 2.1 Cable
ราคาโดยประมาณ 99 – 1,189 บาท
สาย HDMI จากแบรนด์ Jasoz ที่มาพร้อมคุณสมบัติรองรับอัตราการรีเฟรชเรทสูงสุดที่ 60Hz และความเร็วในการรับส่งสัญญาณถึง 48Gbps ทำให้สามารถเล่นภาพยนตร์ความละเอียดสูงระดับ 3D ได้อย่างราบรื่น รองรับฟังก์ชั่น HDR แบบไดนามิก ช่วยให้ภาพที่ได้มีความสมจริง แถมยังรองรับความละเอียดภาพสูงสุดได้ถึง 8K และการใช้งานคู่กับโหมด VRR ของเกมอีกด้วยนะคะ
สายรุ่นนี้จะมีการซิงโครเสียงและวิดีโอโดยอัตโนมัติ รองรับได้ถึง 32 ช่องสัญญาณ ซัพพอร์ตกับระบบเสียง Surround ทั้งแบบ 5.1 และ 7.1 ทำให้เสียงที่ได้ ชัดเจนสมจริงแบบรอบทิศทาง เหมือนหลุดเข้าไปในโลกเสมือน ใครคอหนัง อยากได้ภาพคมชัด เสียงสมจริง ใช้สาย HDMI ของ Jasoz ถือว่าตอบโจทย์เลยค่ะ
ประเภท | HDMI 2.1 |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 48Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 2K/60Hz, 4K/120Hz, 8K/60Hz รองรับ Dynamic HDR |
ระบบเสียง | 32 channel audio, Surround 5.1 และ Surround 7.1 |
ความยาวสาย | 0.5 – 20m |
2. UGREEN รุ่น HD104
ราคาโดยประมาณ 115 – 550 บาท
สาย HDMI แบบ 2.0 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสายเชื่อมต่อที่ได้รับความนิยม หลายบ้านมักจะใช้ต่อกล่องทีวีเข้ากับโทรทัศน์ หรือแม้แต่ใช้เชื่อมต่อเครื่องเกม รองรับความละเอียดของภาพได้ถึง 4K full HD อัตราการรีเฟรชสูงสุดอยู่ที่ 60Hz ความเร็วในการส่งสัญญาณอยู่ที่ 18Gbps ภาพที่ได้ จึงออกมาสมูท ไม่มีกระตุก ใช้งานร่วมได้ทั้ง Laptop, Monitor, Projector ไปจนถึงเครื่องเล่น PS3 หรือ PS4
ในเรื่องของระบบเสียง เขาสามารถรองรับช่องสัญญาณระบบเสียงได้ถึง 32 channel audio พร้อมระบบเสียงแบบ Surround ช่วยให้ได้เสียงที่สมจริง เพิ่มอรรถรสในการรับชม มีเทคโนโลยีช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้ได้เสียงและภาพที่มีความเสถียรสูง แถมยังใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทานในการผลิต หัวเชื่อมต่อแบบ 24K Gold-Plated และสายที่หุ้มด้วย PVC ช่วยให้ม้วนเก็บได้ตามต้องการ หมดปัญหาสายขาดหรือหักงอค่ะ
ประเภท | HDMI 2.0 |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 18Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 4K/60Hz |
ระบบเสียง | 32 channel audio, Surround |
ความยาวสาย | 0.5 – 20m |
3. UGREEN รุ่น HD135
ราคาโดยประมาณ 167 – 335 บาท
เอาใจคอหนังที่อยากได้ประสบการณ์ในการรับชมที่ชัดเปรี๊ยะสมจริง ด้วยสาย HDMI UGREEN รุ่น 135 ที่สามารถรองรับความละเอียดได้สูงกว่า 8K 60Hz พร้อม Refresh Rate แบบสูงสุด ไม่มีดรอปกลางทาง ลดการดีเลย์ ทั้งยังรองรับฟังก์ชั่น Dynamic HDR ช่วยให้ได้ภาพที่สดใสยิ่งขึ้น รับกับระบบเสียงแบบ eARC และ Enhanced Audio Return ทำให้ได้เสียงที่แม่นยำ ตรงภาพ แบบเดียวกับนั่งดูในโรงหนังเลยค่ะ
ใครเป็นสายเกมเมอร์ก็ไม่ต้องน้อยใจ เพราะสายรุ่นนี้จะเป็นแบบ 2.1 สามารถใช้คู่กับเครื่องเล่นเกมคอนโซลได้สบาย ช่วยให้เล่นเกมได้ราบรื่นและแม่นยำ ตัววัสดุก็มีความทนทาน ด้วยหัวเสียบที่เป็นแบบ Zinc Alby Casing และสายก็เป็นเชือกถักไนลอน มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อและแรงกดทับได้ดี หักงอยาก ซื้อครั้งเดียวใช้ได้ยาว ๆ ใครกำลังมองหาสายเชื่อมต่อสำหรับไว้ดูหนังหรือเล่นเกมที่บ้าน UGREEN รุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ประเภท | HDMI 2.1 |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 48Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 4K/120Hz, 8K/60Hz รองรับ Dynamic HDR |
ระบบเสียง | eARC, Enhanced Audio Return |
ความยาวสาย | 0.5 – 3m |
4. Jasoz รุ่น HDMI to DVI 2.0
ราคาโดยประมาณ 129 – 249 บาท
สำหรับบ้านไหนที่มีอุปกรณ์หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ไม่มีอินเตอร์เฟซแบบ HDMI จะเชื่อมต่อแต่ละทีก็ต้องหาซื้อหัวแปลงสายมาอีกทอดหนึ่ง คราวนี้เรามีตัวช่วยมาลดความยุ่งยากนี้ให้แล้วค่ะ ด้วยสายเชื่อมต่อ HDMI จากแบรนด์ Jasoz ที่สามารถแปลงสัญญาณภาพจาก HDMI เป็น DVI เหมาะสำหรับใช่คู่กับจอรุ่นเก่าหรือเมนบอร์ดคอมบางรุ่น โดยไม่ต้องลำบากซื้อตัวแปลงมาเพิ่ม
สายตัวนี้สามารถให้ความละเอียดภาพสูงสุดได้ถึง 4K 60Hz มีความยาวสายให้เลือกตั้งแต่ 1.5 เมตร, 3 เมตร ไปจนถึง 5 เมตร วัสดุเป็น PVC ที่มีความยืดหยุ่นสูง ไม่หักงอง่าย ทั้งยังมีการเสริมวงแหวนแม่เหล็กถึง 2 ชิ้น ช่วยป้องกันปัญหาสัญญาณรบกวนได้ดี ทำให้สัญญาณภาพที่ส่งผ่านระหว่างอุปกรณ์มีความคมชัดและเสถียร ไม่มีเหตุไฟกะพริบมากวนใจแน่นอนค่ะ
ประเภท | HDMI to DVI 2.0 |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 18Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 4K/60Hz |
ระบบเสียง | 32 channel audio |
ความยาวสาย | 1.5 – 5m |
5. Belkin รุ่น Ultra HD High Speed HDMI 2.1
ราคาโดยประมาณ 1,090 บาท
ใครมองหาสาย HDMI จากแบรนด์ชั้นนำ คุณภาพดี แบรนด์จากอเมริกาอย่าง Belkin ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นถึงแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจาก Apple ให้เป็นถึง Official Partner การันตีได้เรื่องคุณภาพและความทนทานแน่นอน โดยเขารองรับทั้งฟังก์ชัน Dolby Vision และระบบ eARC ซึ่งเป็นระบบยกระดับภาพและเสียงชั้นนำของโลก ทั้งยังรองรับไปจนถึงคอนเทนต์ผ่าน App สตรีมมิ่งชั้นนำอย่าง Apple TV, Netflix, Amazon และอื่น ๆ อีกด้วยนะคะ
สายรุ่นนี้ยังสามารถรองรับความละเอียดได้ทั้งแบบ 8K 60Hz และ 4K 120Hz ความเร็วในการรับส่งสัญญาณสูงถึง 48Gbps รองรับเฟรมเรทที่ 120 fps รับรองว่าได้ภาพที่ไหลลื่น ไม่มีสะดุด ใช้งานคู่กับเครื่องเล่นเกมคอลโซลต่าง ๆ ไปจนถึง PS5 ได้สบาย ๆ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่เกมเมอร์ไม่น้อย ตัวสายมีความยาวถึง 2 เมตร ใช้วัสดุหุ้มสายเป็น PVC ที่มีความยืดหยุ่น กันน้ำได้ดี หุ้มด้วยฉนวนกันคลื่นรบกวน ได้ความเสถียรสูง สะใจทั้งคอหนัง คอเกมแน่นอนค่ะ
ประเภท | HDMI 2.1 |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 48Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 4K/120Hz, 8K/60Hz รองรับ HDR10 |
ระบบเสียง | Dolby Vision, eARC |
ความยาวสาย | 2m |
6. VENTION รุ่น Type-C to HDMI
ราคาโดยประมาณ 242 – 288 บาท
สายอินเตอร์เฟซ Type-C ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสายเชื่อมต่อที่ได้รับความนิยมสูง เข้ากันได้ดีกับหลายอุปกรณ์ไอทีในปัจจุบัน โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนและแท็ปเล็ต ฉะนั้นสาย HDMI to Type-C ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการช่วยให้งานของเราสะดวกขึ้น สายรุ่นนี้เขาสามารถรองรับรายละเอียดของภาพได้สูงถึง 4K 30Hz แบบ Plug-n-Play ได้ทั้งภาพและเสียงในสายเดียว
สามารถเสียบใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้ทันที (เฉพาะอุปกรณ์ที่รองรับ ต้องตรวจสอบรุ่นก่อนซื้อ) ไม่ต้องใช้ App หรือลงไดร์เวอร์ให้ยุ่งยาก ตัวสายเป็นแบบหนา หุ้มด้วย PVC อย่างดี มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นประมาณหนึ่ง ตัวหัวเชื่อมต่อเป็นแบบชุบทอง ช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อน ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ตอบโจทย์คนที่ชอบทำงานผ่าน iPad Pro, Macbook, Mac Mini ไปจนถึงสมาร์ทโฟน Android ตัวท็อปอย่าง Samsung Galaxy ทั้งตระกูล S และ Note เลยค่ะ
ประเภท | Type-C to HDMI 1.4 |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 5Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 4K/30Hz |
ระบบเสียง | Audio Return |
ความยาวสาย | 1.5 – 2 m |
7. llano รุ่น HDMI 2.1 8K
ราคาโดยประมาณ 276 – 719 บาท
ไหนใครเจอปัญหาสาย HDMI ที่ใช้อยู่มันช่างขาดง่ายเสียเหลือเกิน แบบนี้ต้องเปลี่ยนเป็นสายจากยี่ห้อ Ilano เลยค่ะ เพราะเขาเป็นสาย HDMI 2.1 ที่มีความทนทานสูง ตัวหัวผลิตมาจาก Zinc Alloy ที่มีความแข็งแรงยิ่งกว่าเดิม ส่วนตัววัสดุอินเตอร์เฟซเป็นทองแดงชุบทอง และตัวสายเป็นแบบเชือกถัก ทนทานต่อการหักงอและสายขาดยาก ซื้อครั้งเดียวใช้งานได้ยาวนานสมใจอยากเลยค่ะ
นอกจากเรื่องความคงทนแล้ว เขายังมีความโดดเด่นในเรื่องของการรองรับเทคโนโลยี VRR และ ALLM เอาใจสายเกมเมอร์ ลดอาการ Input Lag หรือการกระตุกระหว่างเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เล่นเกมโปรดได้อย่างไหลลื่น ด้วยภาพความคมชัดระดับ 8K 60Hz รองรับระบบ Dynamic HDR ไปจนถึงระบบเสียงชั้นนำอย่าง eARC ทำให้ได้ทั้งเสียงและภาพที่สมจริง เข้ากันได้หมดทั้งกับเครื่องเล่นบลูเรย์ Fire TV, Apple TV, PS3, PS4 ไปจนถึงคอมพิวเตอร์และจอแสดงผลรุ่นอื่น ๆ เลยค่ะ
ประเภท | HDMI 2.1 |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 48Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 2K/60Hz, 4K/120Hz, 8K/60Hz รองรับ Dynamic HDR |
ระบบเสียง | 32 channel audio, eARC |
ความยาวสาย | 1 – 3m |
8. VENTION รุ่น Mini DP to HDMI
ราคาโดยประมาณ 249 – 329 บาท
อีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ Vention ที่คราวนี้เรียกได้ว่าผลิตมาเพื่อเอาใจสายทำงานด้วยแล็ปท็อปและ Macbook โดยเฉพาะ เพราะเขาเป็นสายอินเตอร์เฟซแบบ Mini DP to HDMI ซึ่งเหมาะสำหรับใช้คู่กับหน้าจอแล็ปท็อปอยู่แล้ว โดยเขาสามารถให้ภาพที่มีความละเอียดอยู่ที่ 4K 30Hz เชื่อมต่อกับโปรเจคเตอร์หรือหน้าจอต่าง ๆ ตอบโจทย์เหล่านักศึกษามหาลัยและพนักงานออฟฟิศได้ดีเลยค่ะ
สายรุ่นนี้มาพร้อมกับหัวอินเตอร์เฟซที่มีความยาวและใหญ่กว่าปกติ เพื่อช่วยป้องกันเหตุสายหักงอ ภายในมีการติดตั้งชิป TI149 ช่วยป้องกันเรื่องสัญญาณรบกวนและลดปัญหาการเกิดภาพซ้อน ตัวสายมีความยาวให้เลือกตั้งแต่ 1.5 เมตร, 2 เมตร ไปจนถึง 3 เมตร ภายในจะหุ้มด้วยฟอยล์อะลูมิเนียม ชั้นนอกหุ้มด้วย PVC ที่ถึงแม้จะไม่แข็งแรงเท่าสายถักแต่ก็ถือว่ามีความยืดหยุ่นประมาณหนึ่งค่ะ
ประเภท | Mini DP to HDMI |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 2.25Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 4K/30Hz |
ระบบเสียง | Audio Return |
ความยาวสาย | 1.5 – 3m |
9. OWIRE รุ่น HDMI 2.0
ราคาโดยประมาณ 49 – 229 บาท
เอาใจคนงบน้อยด้วยสาย HDMI ที่มีราคาเริ่มต้นแค่หลักสิบ แต่คุณภาพดี ไม่น่าเกลียด ใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป รองรับความละเอียดสูงสุดได้ถึง 4K 60Hz ถึงไฟล์ต้นฉบับจะมีความละเอียดเพียง Full HD 1080p ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้ง่าย ๆ ไม่มีปัญหา แถมยังรองรับระบบไฟลภาพ 3 มิติ Dual Stream 1080p 3D และเทคโนโลยี ARC ย้อนกลับได้ทั้งภาพและเสียง คุณภาพคับใจจริง ๆ ค่ะ
สายรุ่นนี้เป็นแบบมาตรฐาน 2.0 มาพร้อมความเร็วในการรับส่งสัญญาณอยู่ที่ 10.2 Gbps หัวเชื่อมต่อเป็นแบบทองแดง 30AWG ซึ่งมีความบริสุทธิ์สูง ส่วนข้อต่อชุบด้วยทอง 24K ทำให้การนำส่งสัญญาณมีความเสถียร ไม่สะดุด ป้องกันสัญญาณไฟฟ้ารบกวนจากภายนอกได้ดี ความยาวสายมีให้เลือกตั้งแต่ 0.5 ไปจนถึง 5 เมตร หุ้มภายนอกด้วยวัสดุ PVC ซึ่งถือว่ามีความหนาและแข็งแรงในระดับหนึ่งเลยค่ะ
ประเภท | HDMI 2.0 |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 10.2 Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 4K/60Hz |
ระบบเสียง | ARC |
ความยาวสาย | 0.5 – 5m |
10. DTECH รุ่น Fiber Optic
ราคาโดยประมาณ 899 – 3,899 บาท
สายสุดไฮเทคที่ผลิตจากวัสดุพิเศษอย่าง Fiber Optic มาพร้อมชิปโมดูล Optoelectronics ทำให้สามารถรับส่งสัญญาณได้ไกลและบรรจุข้อมูลได้มาก มีระบบป้องกันสัญญาณรบกวนอย่างดี พร้อมความเร็วในการรับส่งสัญญาณที่สูงกว่าสายทองแดงทั่วไปถึง 18Gbps อัตราลดทอนสัญญาณต่ำ ภาพคมชัดไม่มีดรอป หมดปัญหาภาพกระตุกเสียงไม่ตรงปกค่ะ
Fiber Optic เป็นสายที่ใช้ถ่ายทอดสัญญาณแบบทิศทางเดียวที่มีความเสถียรสูง มีคุณสมบัติเป็นฉนวน ทำให้สัญญาณไม่ถูกรบกวนทางไฟฟ้า และลดอัตราการเกิดไฟดูดได้ดี อีกทั้งยังมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา อายุการใช้งานก็ยาวนาน แต่มีข้อควรระวังคือสายไฟเบอร์จะมีความแข็ง ไม่ยืดหยุ่นเหมือนสายทั่วไป ทำให้สามารถหักงอได้ง่ายกว่า ขณะติดตั้ง ต้องระวังเป็นพิเศษนะคะ
ประเภท | HDMI Fiber optic 2.0 |
ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ | 18Gbps |
ความละเอียดสูงสุด | 4K/60Hz รองรับ Dynamic HDR |
ระบบเสียง | Audio Return, 32 channel audio |
ความยาวสาย | 5 – 100m |
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ “สาย HDMI” ยี่ห้อไหนดี ที่เราได้รวบรวมมาให้ถึง 10 รุ่น ไม่ทราบว่าสนใจจะซื้อตัวไหนไปไว้ใช้งานกันบ้าง ? แน่นอนว่าสายแต่ละรุ่นมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ทั้งเรื่องความคมชัด อัตราเฟรมเรทที่ช่วยให้ภาพสมูทมีความสมจริง เรื่องการให้ระบบเสียงต่าง ๆ รวมถึงความแข็งแรงทนทานในการใช้งานของสาย แต่หากคุณเป็นสายทำงาน ใช้พรีเซนต์งานเพียงอย่างเดียว แนะนำว่าให้เลือกสายที่มีความละเอียด 2K/30-60Hz หรือ 4K/60Hz เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ
จบการศึกษาด้านอักษรศาสตร์ รู้สึกสนุกกับการเขียนรีวิวสินค้าหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะหนังสือ ของใช้ในบ้าน เน้นการเขียนรีวิวที่อ่านเข้าใจง่าย เข้าถึงทุกคน