คนที่ชอบดื่มกาแฟเป็นประจำ ก็คงจะมีอาการขี้เกียจกับการไปซื้อกาแฟบ่อย ๆ ต้องเสียเวลาเดินทาง และอาจจะต้องรอคิวนาน ๆ ด้วย ครั้นจะชงกาแฟเองก็อาจจะได้รสชาติไม่เหมือนกันในแต่ละครั้งที่ชง จะดีกว่าไหมถ้าเราจะหา เครื่องชงกาแฟแคปซูล มาติดบ้านติดออฟฟิศของเรา ช่วยประหยัดเวลาอันมีค่า และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว แถมยังได้ดื่มกาแฟหลากหลายรสชาติอีกด้วย แล้วเราจะซื้อ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้เราได้รวบรวมเปรียบเทียบสเปคจากหลากหลายยี่ห้อ รวมถึงวิธีการเลือกซื้อเครื่องให้ด้วย ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาอ่านกันเลยครับ
สารบัญ
กาแฟแคปซูล และเครื่องชงกาแฟแคปซูล คืออะไร
กาแฟแคปซูล คือ กาแฟคั่วบด แบบที่เราไปซื้อตามร้านกาแฟสด ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ซึ่งถูกดีไซน์มาเป็นพิเศษ ช่วยให้รสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี เมื่อใช้งานร่วมกับเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีแรงดันและความร้อนสูง ก็จะช่วยดึงรสชาติพร้อมกลิ่นหอม ๆ ให้คุณได้ทานกันแบบไม่เสียเวลา นอกจากนี้ตัวเครื่องและแคปซูลก็ยังเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการชงกาแฟอีกด้วย แถมยังมีกาแฟแคปซูลรสชาติใหม่ ๆ ออกมาให้ได้ลิ้มลองกันอยู่เรื่อย ๆ แล้วก็ยังมีแคปซูลบางสูตรของ Nescafe ที่เป็นกาแฟสกัดทำให้มีรสชาติแตกต่างกันออกไปอีก สร้างความแปลกใหม่ได้ดีเลยครับ
วิธีการเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟแคปซูล
ขนาดถังน้ำ เนื่องจากเราจำเป็นต้องเติมน้ำเพื่อชงกาแฟอยู่เสมอ โดยเฉพาะถ้าอยู่ในออฟฟิศหรือในบ้านที่มีคนดื่มกาแฟหลายคน การเลือกซื้อรุ่นที่ถังน้ำมีขนาดใหญ่ จะช่วยลดความถี่ในการเติมน้ำได้ ยิ่งถ้าสามารถมองเห็นระดับน้ำได้ชัด ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะถ้าเผลอน้ำหมดนอกจากจะเสียแคปซูลกาแฟแล้ว ตัวเครื่องยังอาจจะพังได้ด้วยนะครับ
ความดันบาร์ บาร์จะเป็นหน่วยแรงดัน บางคนอาจจะคิดว่ายิ่งมากก็น่าจะยิ่งดี เพราะสามารถดันรสชาติและความหอมที่อยู่ในกาแฟแคปซูลออกมาได้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับช่วยให้ชงกาแฟได้เร็วขึ้นอีกด้วย แต่ในความเป็นจริงจะทำให้รสชาติที่ได้มีความเข้มข้นมาก ซึ่งก็จะติดความขมมามากด้วย ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนชอบกาแฟรสนุ่มนวล ลองดูรุ่นที่แรงดันบาร์น้อย ๆ จะดีกว่าครับ
เลือกรุ่นที่ใส่แคปซูลได้หลากหลาย ตอนนี้รูปแบบแคปซูลที่เห็นในท้องตลาดส่วนใหญ่จะมี Nespresso, Dolce Gusto (Nescafe), Boncafe และ Illy ซึ่งจะมีขนาดหรือรูปทรงที่แตกต่างกันไป ทำให้ใช้แคปซูลข้ามยี่ห้อกันไม่ได้ ดังนั้นถ้าอยากข้ามค่าย ก็ลองซื้อยี่ห้อที่รองรับหลาย ๆ แบบแทนนะ เค้าจะมีถาดเปลี่ยนมาให้ใช้งานได้ครับ
เลือกแคปซูลให้ถูกรุ่น สำหรับใครที่ชื่นชอบ StarBuck หรือ DoiChang เค้าก็มีกาแฟแคปซูลวางขายด้วย อย่าลืมเช็คว่าแคปซูลที่ซื้อใช้กับค่ายไหนได้บ้าง และสุดท้ายสำหรับแคปซูลกาแฟ Illy นอกจากจะมีแคปซูลแบบที่ต้องใช้กับเครื่องของ Illy เองแล้ว ยังมีแคปซูลแบบที่ใช้กับเครื่อง Nespresso ได้ด้วย เวลาซื้อดูแคปซูลกันดี ๆ นะครับ เตือนแล้วน้า
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องชงกาแฟแคปซูล” ยี่ห้อไหนดี 2021
อยากดูข้อมูลของเครื่องชงกาแฟแคปซูลแต่ละยี่ห้อแบบสรุป ๆ อ่านง่าย วางเรียงเปรียบเทียบสเปค แรงดัน, ความจุถังน้ำ, ระดับความเข้มของกาแฟที่ทำได้ และที่สำคัญคือตัวเครื่องใช้กับแคปซูลกาแฟรูปแบบไหนได้บ้าง เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านข้อมูลแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปอ่านต่อแบบละเอียด ๆ เลยครับ
1. Xiaomi Scishare Capsule Coffee Machine Mini
ราคาโดยประมาณ 2,150 บาท
แค่นาทีเดียว กาแฟสดก็พร้อมเสิร์ฟ ด้วยเครื่องชงกาแฟแคปซูล Xiaomi Scishare Capsule Coffee Machine Mini ซึ่งเป็นการ Co-Branding ระหว่าง Xiaomi และ Scishare ด้วยตัวเครื่องไซส์เล็ก แต่ดีไซน์มินิมอลสวยสะดุดตามากครับ ใช้แรงดันสกัด 19 บาร์ ที่ดึงกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อมของกาแฟแคปซูลออกมาได้เป็นอย่างดี มีระดับความเข้มให้เลือก 2 ระดับ คือ 40 ml. และ 110 ml. รวมทั้งยังปรับระดับตามความชอบเองได้ด้วยนะครับ แค่กดปุ่มระดับ 110 ml. ค้างไว้ เครื่องจะสกัดกาแฟตั้งแต่ 25-180 ml. สามารถสร้างสรรค์รสชาติกาแฟของตัวคุณเองได้ ไม่ว่าจะดื่มช็อต เติมนม หรือไซรัป ก็ได้ครับ
ด้วยความที่เป็นรุ่น Mini ฟังก์ชันการใช้งานอาจไม่มากเท่ารุ่นอื่น ๆ แต่ก็ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย สะดวก ถาดรองแก้วสามารถถอดออก เพื่อรองรับแก้วกาแฟได้หลายขนาดครับ ตัวเครื่องน้ำหนักเพียง 4 กิโลกรัม ประหยัดพื้นที่ใช้สอย แต่โดดเด่นด้วยดีไซน์สวยที่ถูกใจคนรักการแต่งบ้านแน่นอนครับ และยังรองรับกาแฟแคปซูลยี่ห้อต่าง ๆ ได้หลายยี่ห้อ รวมไปถึงแคปซูลที่ใช้กับเครื่อง Nespresso ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน สำหรับคอกาแฟที่อยากดื่มด่ำกาแฟสดหอมนุ่ม แบบไม่ต้องชงยากซับซ้อน รุ่นนี้ก็นับว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ
แรงดันสกัด | 19 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 620 มิลลิลิตร |
น้ำหนัก | 4 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | 2 ระดับ (40, 110 มล.) |
ขนาด | 30 x 8.5 x 21.5 CM |
กำลังไฟ | 1200 W |
แรงดันไฟฟ้า | 220-240 V / 50 Hz |
วัสดุ | ABS |
สี | Black, Rose Gold |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้ 10 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Nespresso |
2. Nescafe Dolce Gusto Genio
ราคาโดยประมาณ 4,990 บาท
เอาใจคนรักกาแฟไซส์ XL ด้วยเครื่องชงกาแฟแคปซูล Nescafe Dolce Gusto Genio โดย Krups แบรนด์เครื่องชงกาแฟชั้นนำ กับเครื่องชงรุ่น Genio ด้วยฟังก์ชันใช้งานที่แสนสะดวกมาก ๆ ครับ ตัวเครื่องกะทัดรัด พร้อมดีไซน์เอกลักษณ์ที่หลายคนมักจะเรียกหน้าตาของเจ้าเครื่องรุ่นนี้กันว่าเพนกวินครับ ใช้แรงดันสูง 15 บาร์ สามารถสกัดกาแฟได้ Crema นุ่มนวล ถังน้ำจุได้มากถึง 1 ลิตร ถาดรองน้ำปรับได้ 3 ระดับเพื่อรองรับถ้วยทุกขนาด รวมทั้งยังปรับความร้อน, เย็น และปรับระดับน้ำได้ง่าย ๆ ด้วยก้านควบคุม 4 ทิศทาง เลือกปรับได้สูงสุดถึงระดับเครื่องดื่มไซส์ XL ใหญ่พิเศษด้วยครับ
ตัวแคปซูลของ Nescafe Dolce Gusto ค่อนข้างมีเมนูหลากหลาย จึงเป็นตัวเลือกที่หลายคนนิยมเป็นอย่างมากนะครับ สามารถชงเครื่องดื่มได้ทั้งกาแฟดำ กาแฟนม ไม่ว่าจะเป็น Cappuccino, Latte, Mocha และอื่น ๆ ได้สะดวก ด้วยการใช้แคปซูลที่มี ไม่ต้องเติมนมเพิ่มเองเลยครับ และนอกจากกาแฟแล้ว ยังมีเครื่องดื่มอื่น ๆ ให้เลือก ทั้งช็อคโกแลต ชาเขียว อีกทั้งยังรองรับแคปซูลแบรนด์อื่น ๆ รวมถึง Starbucks ที่ใช้กับ Dolce Gusto ได้ด้วยเช่นกันครับ เรียกว่าเป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะมีติดบ้านไว้สักเครื่องนะครับ
แรงดันสกัด | 15 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 1 ลิตร |
น้ำหนัก | 2.68 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | ปรับได้ 7 ระดับ |
ขนาด | 39 x 19.4 x 37.5 CM |
กำลังไฟ | 1500 W |
วัสดุ | N/A |
สี | Red, Pink Gold |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้ 5 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Dolce Gusto |
3. Nescafe Dolce Gusto Mini Me
ราคาโดยประมาณ 4,490 บาท
เครื่องชงกาแฟแคปซูลตัวจิ๋ว แต่โดดเด่นด้วยฟังก์ชัน จาก Nescafe Dolce Gusto โดย Krups รุ่น Mini Me ซึ่งเครื่องตัวนี้เขารวบรวมฟังก์ชันใช้งานหลัก ๆ มาครบครับ ไม่ว่าจะเป็นการสกัดกาแฟด้วยแรงดัน 15 บาร์ ให้ได้กลิ่นหอมและความ Crema เนียนนุ่ม ใช้งานง่าย แค่ใส่แคปซูล แล้วปรับระดับน้ำตามต้องการด้วยฟังก์ชัน Play & Select ซึ่งสามารถปรับเลือกได้ถึง 7 ระดับ เลยครับ เลือกชงแบบร้อนหรือเย็นง่าย ๆ ด้วยก้านควบคุม ถาดรองน้ำสามารถปรับได้ 3 ระดับ ตามขนาดแก้วที่ใช้ หรือถอดออกเพื่อรองรับแก้วไซส์ใหญ่กว่าก็ได้ครับ
ตัวเครื่องรุ่น Mini Me ออกแบบมาให้ไซส์เล็กลงกว่ารุ่น Genio ที่ฟังก์ชันคล้ายกัน น้ำหนักเบาลง เคลื่อนย้ายสะดวก ถังใส่น้ำขนาด 0.8 ลิตร ทำความสะอาดง่าย รวมทั้งการปรับระดับน้ำที่ทำได้ง่ายขึ้นด้วยการขยับแถบอุปกรณ์ที่ระดับน้ำได้เลยครับ ไม่ต้องโยกที่ก้านควบคุมแบบเดิม และความโดดเด่นของเจ้าเครื่อง Nescafe Dolce Gusto ก็คือมีเมนูเครื่องดื่มแคปซูลที่มีหลากหลายนั่นเองครับ ตัวแคปซูลจะแนะนำระดับน้ำที่ต้องใช้ไว้แล้ว เรียกว่าง่ายและสะดวกมาก ๆ ไม่ว่าจะมือใหม่แค่ไหน ก็ชงเครื่องดื่มอร่อย ๆ ได้เลยครับ
แรงดันสกัด | 15 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 800 มิลลิลิตร |
น้ำหนัก | 2.55 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | ปรับได้ 7 ระดับ |
ขนาด | 30.5 x 20.7 x 38.2 CM |
กำลังไฟ | 1500 W |
วัสดุ | N/A |
สี | Cherry Black, Black, White |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้ 5 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Dolce Gusto |
4. Nescafe Dolce Gusto Picolo XS
ราคาโดยประมาณ 2,490 บาท
ใครรักความ Manual ต้องรักเครื่องชงกาแฟแคปซูลตัวนี้ครับ Nescafe Dolce Gusto Picolo XS ถ้าเทียบฟังก์ชันการใช้งานของเครื่องชง Nescafe Dolce Gusto โดย Krups แต่ละรุ่นแล้ว รุ่น Picolo XS นี้จะมีความแตกต่างที่ชัดเจนในเรื่องของการปรับระดับน้ำครับ ผู้ชงต้องควบคุมเองแบบ Manual ไม่มีระบบตัดน้ำอัตโนมัติ ต้องการระดับน้ำเท่าไหร่สามารถเปิดปิดได้ตามใจเลยครับ ในส่วนของขนาดเครื่องมาแบบไซส์เล็กกะทัดรัดกว่าทุกรุ่น น้ำหนักเพียง 2 กิโลกรัม แต่ยังคงใช้แรงดัน 15 บาร์ เพื่อสกัดกาแฟให้ได้กลิ่นหอมและความ Crema ไม่แพ้เครื่องชงกาแฟระดับมืออาชีพครับ
นอกจากระบบควบคุมน้ำแบบ Manual ที่ให้อิสระในการชงแล้ว ยังสามารถเลือกชงร้อน, เย็น ได้สะดวกด้วยก้านควบคุม ถาดรองน้ำปรับได้ 3 ระดับ รองรับถ้วยได้หลายขนาด ใช้งานง่าย ตัวเครื่องชงไซส์เล็กทำให้ไม่กินพื้นที่ เพียงแค่เสียบปลั๊ก เครื่องจะเริ่มทำงานอัตโนมัติครับ จากนั้นก็เปิดฝาครอบและดึงที่ใส่แคปซูลออกมา ก็พร้อมใช้งานภายใน 40 วินาที ให้คุณสนุกกับการชงเครื่องดื่มด้วยมือของคุณเอง ไปกับแคปซูลอัจฉริยะของ Nescafe Dolce Gusto ที่มีให้เลือกหลากหลาย ให้รสชาติกาแฟเต็มเปี่ยมถูกใจคอกาแฟแน่นอนครับ
แรงดันสกัด | 15 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 800 มิลลิลิตร |
น้ำหนัก | 2 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | ปรับแบบ manual |
ขนาด | 14 x 28 x27 cm |
กำลังไฟ | 1340 -1600 W |
วัสดุ | N/A |
สี | Black, White |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้ 1 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Dolce Gusto |
5. Xiaomi Miija Capsule Coffee Machine S1301
ราคาโดยประมาณ 2,390 บาท
เรียกว่าเอาใจสาวกแบรนด์ Xiaomi ที่หลงรักในความ Minimal ได้แน่นอนครับ กับเครื่องชงกาแฟแคปซูล Xiaomi Miija Capsule Coffee Machine S1301 ดีไซน์เรียบง่าย ใช้สีขาวสะอาดตา ไซส์เล็กกะทัดรัด จะวางมุมไหนของบ้านก็ดูเก๋ แต่ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นนะครับ การใช้งานยังโดดเด่นไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ ด้วยแรงดันสกัดสูง 20 บาร์ ให้รสชาติกาแฟและกลิ่นหอมที่เทียบเท่าเครื่องชงกาแฟใหญ่ ๆ ใช้งานง่าย ด้วยปุ่มเลือกระดับน้ำ 40 และ 110 มิลลิลิตร แค่กดปุ่มเดียวก็ได้ดื่มด่ำกาแฟสดรสชาตินุ่มในทุกวันแล้วล่ะครับ
ถึงจะมีระดับน้ำอัตโนมัติแค่ 2 ระดับ แต่ก็มีการเพิ่มฟังก์ชันความจำ ให้สามารถปรับระดับน้ำที่ต้องการได้ด้วยครับ โดยการกดปุ่มบนตัวเครื่องเพื่อจดจำระดับน้ำที่ใช้ ซึ่งจะทำให้ได้ปริมาณกาแฟที่เท่ากันในทุกครั้ง ถาดรองน้ำปรับได้ 2 ระดับ และถอดออกได้ เพื่อรองรับถ้วยหลายขนาด สำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูลของ Xiaomi จะรองรับแคปซูลที่ใช้กับเครื่อง Nespresso ซึ่งมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกครับ เรียกว่าสามารถชงเครื่องดื่มเองได้อย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะชงที่บ้าน หรือที่ทำงานก็สบายหายห่วงเลยครับ
แรงดันสกัด | 20 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 600 มิลลิลิตร |
น้ำหนัก | 2.4 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | 2 ระดับ (40, 110 มล.) |
ขนาด | 32 x 8.5 x21.3 cm |
กำลังไฟ | 1150 W |
วัสดุ | ABS |
สี | White |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้ 10 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Nespresso |
6. Xiaomi Scishare Capsule Coffee Machine
ราคาโดยประมาณ 2,950 บาท
ไม่ว่าคุณจะเป็นคอกาแฟระดับไหน Xiaomi Scishare Capsule Coffee Machine ก็จัดให้คุณได้ถึง 9 ระดับไปเลยครับ แม้จะเป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูลตัวเล็ก แต่ด้วยแรงดันสกัดสูง 19 บาร์ ทำให้ดึงรสชาติความหอมของกาแฟได้แบบมืออาชีพ และสามารถปรับระดับน้ำเพื่อเลือกความเข้มของกาแฟได้มากถึง 9 ระดับ ตั้งแต่ 15 ถึง 85 ml. และตั้งค่าเองได้สูงสุดถึง 180 ml. เรียกว่าชอบกาแฟเข้มน้อย-กลาง-มาก ก็เลือกได้ตามใจครับ ด้วยก้านคันโยกที่ใช้งานง่าย เพียง 1 นาที โยกแล้วกด เท่านี้กาแฟสดหอม ๆ ก็พร้อมเสิร์ฟตรงหน้าได้ทันที
ในส่วนของการใช้งานอื่น ๆ ก็จัดว่าให้มาครบนะครับ ไม่ว่าจะเป็นถาดรองน้ำที่ปรับได้ 2 ระดับ หรือจะถอดออก เพื่อรองรับถ้วยได้หลายขนาด ถังน้ำจุ 580 มิลลิลิตร และฟังก์ชันประหยัดพลังงานที่จะปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้ 15 นาที ในส่วนของแคปซูลที่ใช้ สามารถรองรับแบรนด์ที่ใช้กับเครื่อง Nespresso ครับ ด้วยราคาที่จับต้องได้ และคุณภาพของแบรนด์ Xiaomi ก็น่าจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่คอกาแฟจะตัดสินใจเลือกซื้อได้ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ
แรงดันสกัด | 19 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 580 มิลลิลิตร |
น้ำหนัก | 2.9 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | ปรับได้ 9 ระดับ |
ขนาด | 34 x 10 x26 cm |
กำลังไฟ | 1200 W |
วัสดุ | N/A |
สี | White |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้ 15 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Nespresso |
7. illy X9 iperEspresso Machine
ราคาโดยประมาณ 9,490 บาท
ถ้าจะมีเครื่องชงกาแฟสักเครื่องที่ทำให้คุณสะดุดตาได้ illy X9 iperEspresso Machine น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นครับ ด้วยรูปลักษณ์ทรงรี และดีไซน์ที่หรูหราล้ำสมัย ทำให้เครื่องรุ่นนี้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ถังน้ำจุ 700 ml. ที่สามารถถอดเติมน้ำได้ระหว่างใช้เครื่อง การกดปุ่มตั้งโปรแกรมปรับระดับน้ำได้ 2 ระดับ เพื่อเลือกช็อตกาแฟเข้มข้นที่ชอบได้ และยังมีลูกเล่นฉายไฟ LED ส่องถ้วยกาแฟในระหว่างชง รวมทั้งสามารถอุ่นถ้วยกาแฟบนเครื่องได้อีกด้วยครับ
ในส่วนของระบบแคปซูล illy นั้นมีความพิเศษกว่าแคปซูลแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ได้มีการจดสิทธิบัตรเฉพาะด้วยนะครับ โดยใช้การทำเอสเพรสโซ่ 2 ขั้นตอน ทำให้ได้เอสเพรสโซ่เข้มข้น หอมนุ่ม คงความ Crema ยาวนานกว่ากาแฟทั่วไป แต่ในข้อดีนี้ก็นับว่ามีข้อด้อยที่ทำให้ไม่อยู่ในตัวเลือกของคอกาแฟหลาย ๆ คนครับ เพราะเครื่องชง illy นี้ไม่สามารถใช้แคปซูลร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ ได้ ต้องใช้กับแคปซูลของ illy เท่านั้นครับ
แรงดันสกัด | 15 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 23.7 ออนซ์ (700 มิลลิลิตร) |
น้ำหนัก | 5 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | ปรับได้ 2 ระดับ |
ขนาด | 27 x 12.2 x 26.7 cm |
กำลังไฟ | 1200 W |
วัสดุ | อะลูมิเนียมชุบโครเมียม |
สี | Silver, Red, Black |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งาน 30 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Illy |
8. illy Y3.3 iperEspresso Machine
ราคาโดยประมาณ 4,890 บาท
เครื่องชงกาแฟแคปซูล illy Y3.3 iperEspresso Machine นับว่าเป็นเครื่องชง illy รุ่นที่หลายคนนิยมกันนะครับ ด้วยดีไซน์มินิมอล (Minimal) เรียบหรูดูดี เพราะได้สถาปนิกชื่อดังของอิตาลี Piero Lissoni เป็นผู้ออกแบบให้ แต่ถึงจะหน้าตามินิมอลแบบนี้ ก็มีฟังก์ชันมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นแรงดันสกัด 19 บาร์ ที่ทำให้ชงกาแฟได้หอมและมีความ Crema นุ่ม ๆ ถูกใจคอกาแฟแน่นอนครับ รวมทั้งสามารถปรับระดับน้ำ เพื่อเลือกความเข้มของกาแฟ 2 ระดับ คือ Espresso หรือ Lungo พร้อมสำหรับการชงเมนูต่าง ๆ ได้อย่างที่ต้องการเลยครับ
และสำหรับเอกลักษณ์ของเครื่องชงกาแฟแคปซูล illy นั้น ก็คือระบบแคปซูลที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งมีการจดสิทธิบัตรเฉพาะของ illy เท่านั้นครับ ทำให้ได้เอสเพรสโซ่รสเข้มข้น กลิ่นหอม มีความ Crema ยาวนานกว่ากาแฟทั่วไป รวมทั้งเป็นแคปซูลที่ง่ายต่อการทำความสะอาด และการจัดการรีไซเคิลด้วย แต่ข้อจำกัดก็อยู่ตรงนี้เช่นกันครับ เพราะใช้ได้แค่แคปซูลเฉพาะของ illy เท่านั้น หากอยากได้รสชาติหลากหลายจากแคปซูลกาแฟแบรนด์อื่นๆ ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้นะครับ
แรงดันสกัด | 19 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 750 มิลลิลิตร |
น้ำหนัก | 4.15 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | ปรับได้ 2 ระดับ |
ขนาด | 29.8 x 10 x 25.4cm |
กำลังไฟ | 850 W |
วัสดุ | ABS |
สี | White, Red, Blue |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งาน 15 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Illy |
9. Capristta U
ราคาโดยประมาณ 3,799 บาท
ถ้าให้พูดถึงเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก หนึ่งในนั้นก็ต้องเป็นเครื่องรุ่นนี้เลยครับ Capristta U เรียกว่าใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน เครื่องนี้มีแรงดันน้ำ 15 บาร์ แน่นอนว่าดึงรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟได้ไม่ต่างกับเครื่องชงกาแฟรุ่นใหญ่ ๆ ครับ และสามารถปรับระดับน้ำได้ 2 ระดับ แบบ Espresso Shot 30-40 ml. หรือแบบปกติ 70-90 ml. ก็เลือกได้เลย จะชงกาแฟเมนูไหนก็อร่อยได้ทุกเมนูครับ แค่เติมนม ไซรัป (Syrup) หรือจะผสมน้ำผลไม้ ส้มยูซุ เลมอนโซดา ก็สามารถสร้างสรรค์ได้ตามชอบเลยล่ะครับ
สำหรับเครื่องรุ่นนี้จะรองรับแคปซูลของ Boncafe และ Segafredo (ที่จำหน่ายโดย Boncafe เท่านั้น) ซึ่งก็มีหลายรสชาติพอสมควร ในส่วนของตัวถังน้ำจุได้ถึง 1 ลิตร เรียกว่าเติมครั้งเดียวก็ชงได้หลายแก้วครับ ซึ่งอย่างที่บอกว่าเครื่องรุ่นนี้ไม่ซับซ้อน ไม่ได้มีฟังก์ชันอะไรให้เลือกมากนัก อาจไม่ได้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเท่าเครื่องชงกาแฟแคปซูลรุ่นอื่น ๆ แต่ถ้าสำหรับคอกาแฟที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก หรือคิดพลิกแพลงเมนูมากมาย ตัวเครื่องนี้ก็ค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับการใช้งานที่ง่ายและสะดวกได้ดีครับ
แรงดันสกัด | 15 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 1 ลิตร |
น้ำหนัก | 3.1 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | ปรับได้ 2 ระดับ |
ขนาด | 26 x 16.2 x 30.5 cm |
กำลังไฟ | 1200-1400 W |
วัสดุ | N/A |
สี | White, Red, Black |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งาน 10 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Boncafe |
10. Oggi Mc2
ราคาโดยประมาณ 2,730 บาท
ต้องบอกว่าน่าสนใจมาก ๆ สำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูลรุ่นนี้ Oggi Mc2 สำหรับคอกาแฟที่ต้องการความหลากหลาย ถูกใจแน่นอนครับ เพราะแค่เครื่องนี้เครื่องเดียว สามารถชงได้ทั้งแคปซูล Nespresso, Dolce Gusto รวมถึง Coffee POD และยังชงกาแฟคั่วบดได้ด้วย เรียกว่า 4 in 1 กันไปเลยครับ นอกจากนี้ถ้าอยากใช้กับกาแฟอื่น ๆ ก็ยังซื้อ Adapter เพิ่มได้อีก สำหรับคนรักกาแฟที่ไม่ชอบความซ้ำซากจำเจ ต้องไม่พลาดเครื่องรุ่นนี้แล้วล่ะครับ
นอกเหนือจากความหลากหลายแล้ว ฟังก์ชันต่าง ๆ ก็ไม่ต่างกับเครื่องรุ่นอื่น ๆ นะครับ ไม่ว่าจะเป็นแรงดันสกัด 19 บาร์ ซึ่งเขาใช้ ULKA Pump ของอิตาลี เพื่อดึงรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟแบบมืออาชีพ การปรับระดับน้ำทำได้ 2 ระดับ ในเรื่องดีไซน์หน้าตาเครื่องมีความสนุกสนานเหมือนกับฟังก์ชันการชงเครื่องดื่มที่หลากหลาย แต่เนื่องจากไม่ใช่แบรนด์ดังในท้องตลาด บางคนจึงอาจจะยังไม่มั่นใจในเรื่องคุณภาพของตัวเครื่องมากนัก แต่เท่าที่ลองค้นหาข้อมูลใน Pantip ก็พบว่าไม่มีใครบ่นถึงปัญหาของเครื่องรุ่นนี้เลย แบบนี้ก็ต้องลองซื้อมาพิสูจน์ด้วยตัวเองกันแล้วล่ะครับ
แรงดันสกัด | 19 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 600 มิลลิลิตร |
น้ำหนัก | 2.4 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | ปรับได้ 2 ระดับ |
ขนาด | 27 x 11 x 25 cm |
กำลังไฟ | 1450 W |
วัสดุ | N/A |
สี | White, Red |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งาน 15 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Dolce Gusto / Nespresso / กาแฟบด / Illy , Kimbo Coffee Pod |
11. Nespresso Inissia
ราคาโดยประมาณ 4,490 บาท
Nespresso Innissia เป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูล ที่มีความน่าสนใจในเรื่องแคปซูลกาแฟที่ใช้ได้กับเครื่องยี่ห้อนี้มีเยอะเอามาก ๆ หลายยี่ห้ออย่าง StarBuck Illy หรือแม้กระทั่งแบรนด์ไทยอย่าง Doi Chang ก็ออกแคปซูลมาให้ใช้กับรุ่นนี้ได้ด้วย แถมแคปซูลกาแฟ Nespresso เองก็ได้รับการยอมรับว่าดีเอามาก ๆ ขยันออกตัวลิมิตเต็ดเด็ด ๆ มาให้ลิ้มลองรสชาติใหม่ ๆ กันบ่อย ๆ ตัวเครื่องดีไซน์สวยงาม การันตีงานดีไซน์ด้วยการชนะเลิศการประกวด Red Dot Design 2014 จะวางไว้มุมไหนในบ้านหรือออฟฟิศก็ดูดีไปหมดแน่นอน แถมตัวเครื่องก็ยังมีขนาดเล็ก ไม่เปลืองพื้นที่ สามารถโยกย้ายได้สะดวกจากหูหิ้วอีกด้วย มีที่ใส่น้ำขนาด 700 มิลลิลิตร เพียงต่อการชง 4-5 แก้วต่อการเติมน้ำ 1 ครั้ง
ทางด้านสเปคนั้น ตัวเครื่องจะใช้ไฟฟ้า 1260 Watt ให้แรงดันน้ำสูงถึง 19 Bar ช่วยให้ดึงรสชาติและกลิ่นออกมาจากแคปซูลได้อย่างเต็มที่ เพียงแค่กดสวิตช์ก็จะได้กาแฟภายใน 25 วินาที สามารถเลือกชงกาแฟแบบ Espresso หรือ Lungo ได้ โดยโหมด Lungo จะทำให้น้ำออกมามากขึ้นนั้นเอง ทำให้ความเข้มข้นถูกเจือจางโดยน้ำมากกว่าโหมด Espresso จุดเด่นอีกอย่างของ Nespresso Inissia ที่สำคัญคือ สามารถพับถาดรองแก้วขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวก เมื่อเราต้องการใช้แก้วทรงสูง หรือกระบอกน้ำ ใครอยากจะได้สูตรกาแฟ ก็คลิกไปดูได้ที่เว็บ Nesspresso เลยครับ
แรงดันสกัด | 19 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 700 มิลลิลิตร |
น้ำหนัก | 2.4 กิโลกรัม |
ระดับความเข้มกาแฟ | 2 ระดับ (40, 110 มล.) |
ขนาด | 12 x 23 x32.1 cm |
กำลังไฟ | 1260 W |
วัสดุ | N/A |
สี | Red, Black |
ประหยัดพลังงาน | ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งาน 9 นาที |
รูปแบบแคปซูล | Nespresso |
อ่านกันมาถึงตรงนี้น่าจะหาเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ถูกใจได้แล้วใช่ไหมครับ ส่วนใหญ่เครื่องชงกาแฟจะมีสเปคที่ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก มีเพิ่มเติมลูกเล่น สามารถปรับระดับความเข้มข้นกาแฟได้มากน้อย แต่ที่น่าสนใจคือเรื่องระดับแรงดันน้ำ ที่อาจจะส่งผลต่อรสชาติกาแฟให้เข้มข้นหรือนุ่มนวล รวมถึงรูปแบบของแคปซูลกาแฟที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ ดังนั้นก่อนซื้อเครื่องชงกาแฟแคปซูล หรือเจ้าแคปซูลกาแฟ จะต้องละเอียดรอบคอบในการเลือกกันสักนิด ซึ่งรูปแบบแคปซูลที่ได้รับความนิยมสูงจะเป็นแบบที่ใช้ได้กับเครื่องของ Nespresso รองลงมาก็จะเป็น Dolce Gusto ส่วนใครที่อยากลองเครื่องชงที่สามารถใช้แคปซูลได้หลายค่าย ก็ต้องเป็น Oggi Mc2 เลยครับ ขอให้มีความสุขกับการดื่มกาแฟกันนะครับ
ทำงานด้านสื่อโฆษณามานานกว่า 5 ปี เป็นนักซื้อตัวยง ที่มีประสบการณ์ใช้สินค้ามากมายหลายอย่าง เลยมีบทความใหม่ๆ ออกมาชวนผู้อ่านให้ซื้อสินค้ากันบ่อย ๆ ทั้งของอาหารเสริม เทคโนโลยี แกดเจ็ต ของใช้ในบ้าน และอื่น ๆ คัดเลือกสินค้ามาแล้วซื้อตามไม่มีผิดหวังแน่ ๆ