เครื่องดูดฝุ่นเป็นอีกตัวช่วยที่ลดเวลาในการทำความสะอาดได้มาก จะเอาไม้กวาดมาใช้ก็เก็บเศษขนาดเล็ก ๆ ได้ไม่หมด แถมเดี๋ยวนี้ตัวเครื่องยังนิยมออกแบบ ให้มีขนาดเล็กลงเหมาะสำหรับใช้งานในคอนโด น้ำหนักเบายกไปใช้งานในที่สูงก็สะดวก มีทั้งแบบมีสายและไร้สายให้เลือกซื้ออีกด้วย ทางด้านหน้าตาก็ดูมินิมอล วางไว้ในห้องก็ดูสวยงาม พูดถึงข้อดีมาขนาดนี้แล้ว จะป้ายยาตัวไหนเอ้ยเลือกซื้อ เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี เรารวบรวมรุ่นที่น่าสนใจมากองไว้ในบทความนี้แล้วครับ
สารบัญ
วิธีการเลือกซื้อ เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี
แรงดูดและกำลังไฟ ถ้าแรงดูดน้อยเวลาทำความสะอาดในบางจุด อาจจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้ ทำให้ต้องเสียเวลาทำความสะอาดนานขึ้น ส่วนใหญ่แบบมีสายมักจะมาพร้อมกับแรงดูดที่สูงอยู่แล้ว ในขณะที่แบบไร้สายถูกดีไซน์มาให้ใช้ไฟน้อยกว่า พลังดูดเลยน้อยตาม ไม่งั้นเดี๋ยว Battery จะหมดไว บางรุ่นอาจจะไม่บอกตัวเลขแรงดูดมา (หรือบอกหน่วยมาไม่ตรงกันเปรียบเทียบได้ยาก) ก็อาจจะลองสังเกตตัวเลข Watt ที่ใช้จริงแทน ยิ่งแรงดูดสูงกำลังไฟ Watt ที่ใช้ก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัวครับ
น้ำหนักเบา ถึงเครื่องจะดีไซน์มาน้ำหนักเบาแล้ว แต่อย่าลืมว่าการถือเป็นเวลานาน ๆ จะเพิ่มความเมื่อยล้าให้กับแขนของท่านได้มากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ ถ้าต้องใช้ดูดในที่สูงหรือต้องพกพาออกไปไกล ๆ ก็อย่าลืมดูน้ำหนักกันด้วยนะจ๊ะ
แบบมีสายหรือไร้สาย แบบไร้สายถึงแม้จะสะดวก แต่พอเทียบสเปคกับแบบมีสายแล้วถือว่าแตกต่างกันพอสมควร ไม่ว่าจะแรงดูด ความจุที่เก็บฝุ่น แถมยังไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมด ใช้ไป 2 ปีอาจจะต้องกังวลเรื่องแบตจะเสื่อมอีกด้วย แต่ถ้าต้องเอาไปทำความสะอาดที่สูง หรือออกนอกสถานที่บ่อย ๆ แบบไร้สาย ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า น้ำหนักเบา ขนาดเล็กกว่า เคลื่อนย้ายสะดวกแน่นอนครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องดูดฝุ่น” ยี่ห้อไหนดี
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูเครื่องดูดฝุ่นแบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, ขนาด, กำลังไฟฟ้า, แรงดูด และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ
1. Deerma DX118C
ราคาโดยประมาณ 699 บาท
Deerma เป็นแบรนด์ที่หลาย ๆ คนนั้นคุ้นเคยดี การันตีได้ทั้งคุณภาพและราคา Deerma 2 in 1 DX118C มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่แรงดูดนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน ด้วยกำลังไฟถึง 600W ทำให้การดูดฝุ่นนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แรงดูดสูงถึง 16000 Pa หมดกังวลเรื่องดูดฝุ่นไม่เข้าอีกต่อไป ด้ามจับออกแบบมาให้สามารถจับได้ง่าย ด้ามจับสามารถต่อเป็นแบบยาว หรือถอดออกมาเป็นด้ามจับแบบสั้นได้สามารถดูดได้ทั้งบนพื้น ผนัง เตียง โต๊ะ และผ้าม่าน
มาพร้อมกับหัวดูดทั้ง 3 แบบ อย่างหัวดูดแบบกว้างสำหรับใช้กับพื้น หัวดูดปากแบนสำหรับการเข้าที่แคบหรือต้องการความแรงสูง และสุดท้ายหัวดูดแปรงขนวงกลมสำหรับบริเวณที่ต้องการขัดถู ช่วยให้การดูดฝุ่นของคุณนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ทำให้ห้องของคุณนั้นสะอาดยิ่งขึ้นครับ
ขนาด / น้ำหนัก | 14.5 x 12.5 x 61 ซม. / 1.8 กก. |
กำลังไฟ | 600W |
ความจุเก็บฝุ่น | 1.2 ลิตร |
แรงดูด | 16000Pa |
ความยาวสายไฟ | 5 เมตร |
เสียงรบกวน | 76dB |
การรับประกัน | 1 ปี |
2. Deerma DX700
ราคาโดยประมาณ 859 บาท
ต่อกันที่เครื่องดูดฝุ่นรุ่นถัดไปของ Deerma รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่ขนาดใหญ่กว่ารุ่น DX118C เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น ตัวด้ามจับออกแบบมาให้จับใช้งานได้ง่ายขึ้น สามารถใช้งานได้ทั้งแบบข้อต่อสั้นและยาว ตัวข้อต่อที่ออกแบบมาให้ถอดและใส่ได้ง่ายขึ้น ส่วนหัวดูดนั้นก็มีมาให้เลือกถึง 3 แบบ เหมือนกับรุ่น DX118C เช่นกัน การดูดฝุ่นตามซอกนั้น รุ่นนี้ทำได้ดีกว่ารุ่น DX118C แน่นอน
เนื่องจากรุ่นนี้ได้ย้ายตัวมอเตอร์และถังเก็บฝุ่นไปอยู่ด้านบน ทำให้บริเวณช่วงข้อต่อด้านล่างนั้นดูยาวขึ้น บางและเล็กลง ทำให้สามารถสอดตัวเครื่องเข้าไปในบริเวณพื้นที่แคบๆ เพื่อดูดทำความสะอาดได้ดีขึ้น แต่ก็แลกมากับน้ำหนักที่มากขึ้นเล็กน้อยในขณะจับใช้งาน ส่วนตัวสินค้ารุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี (สีเทา DX700, สีดำ DX700S) ให้ได้เลือกตามความชอบด้วยครับ
ขนาด / น้ำหนัก | 27 x 18 x 67 ซม. / 1.8 กก. |
กำลังไฟ | 600W |
ความจุเก็บฝุ่น | 0.8 ลิตร |
แรงดูด | 15000Pa |
ความยาวสายไฟ | 4.5 เมตร |
เสียงรบกวน | 75dB |
การรับประกัน | 1 ปี |
3. Mi Handheld Vacuum Cleaner
ราคาโดยประมาณ 1,059 บาท
สินค้าแบรนด์ Xiaomi นั้น นอกจากจะมีราคาที่ถูกแล้ว เรื่องคุณภาพนั้นไม่แพ้สินค้าแบรนด์ดังที่ขายตามท้องตลาดอย่างแน่นอน รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์แบบมินิมอล เรียบง่าย ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา วัสดุที่แข็งแรงทนทาน ตัวถังเก็บฝุ่นที่ดูทึบ เพื่อไม่ให้ตัวเครื่องมองดูแล้วสกปรกจนเกินไป (มีแถบใสด้านหลังให้มองเห็นปริมาณฝุ่น)
มาพร้อมกับแรงดูดที่ทรงประสิทธิภาพ เพื่อมอบประสบการณ์การดูดฝุ่นที่ดียิ่งขึ้น พร้อมกับหัวดูดทั้ง 3 แบบ (หัวดูดพื้น หัวดูดปากแบนยาว หัวดูดปากแบนพร้อมแปรง) ซึ่งหัวดูดแต่ละแบบนั้นจะเหมาะกับการดูดฝุ่นในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การดูดฝุ่นนั้นไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ที่สำคัญรุ่นนี้สามารถปรับความแรงได้ถึง 2 ระดับ และมีตัวติดผนังไว้สำหรับยึดเครื่องด้วยครับ
ขนาด / น้ำหนัก | 24 x 15.2 x 108.5 ซม. / 2.1 กก. |
กำลังไฟ | 600W |
ความจุเก็บฝุ่น | 0.6 ลิตร |
แรงดูด | 10000Pa – 16000Pa |
ความยาวสายไฟ | 5 เมตร |
เสียงรบกวน | 79dB |
การรับประกัน | 1 เดือน |
4. Simplus XCQI002
ราคาโดยประมาณ 529 บาท
Simplus XCQI002 เป็นอีกรุ่นที่เป็นสินค้าขายดีใน Online Shopping ทั้งใน Lazada และ Shopee ด้วยยอดขายกว่า 2 หมื่นชิ้นขึ้นไป ใน Tiktok ก็ไลฟ์โชว์สินค้าได้ดี มีความมืออาชีพมาก ก็เลยอยากจะมาแนะนำรุ่นนี้กันครับ ด้วยราคาที่ถูกและจับต้องได้ ถึงสเปคอาจจะไม่ได้สูงเหมือนยี่ห้อก่อนหน้านี้ แต่ในเรื่องดีไซน์ดูดีไม่แพ้กัน ส่วนวัสดุที่ให้มานั้นก็มีคุณภาพดีอีกด้วย
เครื่องดูดฝุ่น Simplus XCQI002 มาพร้อมกับหัวแปรงทั้ง 2 แบบ อย่างหัวดูดพื้นแบบปากกว้างและหัวดูดปากแบน ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นบนโต๊ะ พื้นที่ช่องว่างโซฟา ตามซอกมุมต่างๆ และผ้าม่าน การใช้งานนั้นถือว่าคุ้มค่ามากจริง ๆ ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก จับถือง่าย สามารถใช้งานได้ทั้งข้อต่อแบบสั้นและยาว และน้ำหนักเบา จึงทำให้เวลาจับใช้งานนั้นๆ ไม่รู้สึกเมื่อยหรือล้าอย่างแน่นอน
ขนาด / น้ำหนัก | 35 x 105 ซม. / 1.075 กก. |
กำลังไฟ | 300W |
ความจุเก็บฝุ่น | ไม่ได้ระบุ |
แรงดูด | 11000Pa |
ความยาวสายไฟ | 4 เมตร |
เสียงรบกวน | 78dB |
การรับประกัน | 1 ปี |
5. Simplus XCQI001
ราคาโดยประมาณ 729 บาท
ต่อกันกับอีกรุ่นของเครื่องดูดฝุ่น Simplus XCQI001 กันนะครับ รุ่นนี้จะต่างจากรุ่นบนตรงที่มีการอัปเกรดความแรงที่เพิ่มขึ้นเป็น 16000Pa หัวดูดที่เพิ่มขึ้นเป็น 11 หัว ช่วยให้การดูดฝุ่นในพื้นที่ต่าง ๆ ทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพในการดูดฝุ่นที่ดีขึ้น มีน้ำหนักที่เบา ทำให้เวลาถือจับทำงานเป็นเวลานาน ๆ ไม่เมื่อยมือจนเกินไป
ส่วนเสียงรบกวนนั้นถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีเสียงดังรบกวนห้องด้านข้างได้ อีกทั้งยังมีสีให้เลือก 2 สี (สีเขียว และ สีน้ำเงิน) สำหรับคนที่อยากได้แบบมินิมอลที่มีสีสันที่ดูสวยงาม เรียบง่าย ตามสไตล์วัยรุ่น ด้วยราคาที่ถูก และสเปคที่จัดเต็มอย่างนี้ ทำให้ Simplus XCQI001 รุ่นนี้มียอดขายใน Online Shopping อย่าง Lazada กับ Shopee กว่า 3 หมื่นชิ้น ซึ่งถือว่าขายดีกว่ารุ่นน้องอย่าง XCQI002 ด้วยครับ
ขนาด / น้ำหนัก | 22 x 120 ซม. / 1.3 กก. |
กำลังไฟ | 600W |
ความจุเก็บฝุ่น | 0.8 ลิตร |
แรงดูด | 16000Pa |
ความยาวสายไฟ | 4 เมตร |
เสียงรบกวน | 65dB |
การรับประกัน | 1 ปี |
6. Alectric Dust VC-A
ราคาโดยประมาณ 699 บาท
หากใครมองหารุ่นที่มีราคาไม่แพง ขอแนะนำเครื่องดูดฝุ่น Alectric Dust VC-A ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบ เป็นเครื่องที่มีพลังดูดสูงถึง 16000 Pa ทำให้ดูดฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีหัวเปลี่ยนสำหรับเครื่องถึง 11 หัว สามารถใช้งานกับพื้นผิวได้ทุกรูปแบบ ทั้งยังมีเสียงรบกวนที่ต่ำ ทำให้ไม่รบกวนผู้อื่นในขณะใช้งานอีกด้วย
Alectric Dust VC-A มีสีให้เลือกถึง 4 สี (สีม่วงลาเวนเดอร์ สีฟ้า สีชมพู และสีเทา) เหมาะสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นที่มีสีไม่จำเจ และไม่ซ้ำใคร ส่วนสำหรับคนที่ไม่ชอบเรื่องของสีสัน ก็จะมีสีพื้นฐานอย่างสีเทามาให้ ที่สำคัญสินค้ารุ่นนี้รับประกันจากผู้จัดจำหน่ายถึง 3 ปี ประกันยาว ๆ อย่างนี้ คุ้มค่าอย่างแน่นอน หากใครสนใจก็รีบจับจองเป็นเจ้าของกันได้นะครับ
ขนาด / น้ำหนัก | 22 x 120 ซม. / 1 กก. |
กำลังไฟ | 600W |
ความจุเก็บฝุ่น | 0.8 ลิตร |
แรงดูด | 16000Pa |
ความยาวสายไฟ | 4 เมตร |
เสียงรบกวน | 65dB |
การรับประกัน | 3 ปี |
7. SCE Plus XG1
ราคาโดยประมาณ 499 บาท
สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดเล็ก สำหรับห้องขนาดเล็ก ที่มีพื้นที่ไม่มากนัก และราคาไม่แพง ขอแนะนำ SCE Plus – XG1 เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง นอกจากจะมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดแล้ว ตัวเครื่องยังมีน้ำหนักที่เบา ส่วนด้ามจับก็สามารถต่อให้ยาวขึ้น ไว้ใช้งานสำหรับดูดพื้น ดูดฝุ่นและใยแมงมุมตามผนังที่สูง หรือจะใช้เป็นด้ามจับแบบสั้น สำหรับการใช้งานบนโต๊ะ เตียง ซอกมุมต่าง ๆ
ถึง SCE Plus – XG1 จะมีขนาดเล็ก แต่แรงดูด 13000 Pa นั้น ก็เพียงพอต่อการทำความสะอาดอย่างแน่นอน ตัวเครื่องมาพร้อมกับหัวดูด 2 หัว (หัวดูดพื้น และหัวดูดร่องเล็ก) พร้อมที่เก็บฝุ่นขนาด 1.2 ลิตร มีสีให้เลือกถึง 3 สี อย่าง สีชมพู สีเทา สีฟ้า เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบสีที่จำเจอีกด้วยครับ
ขนาด / น้ำหนัก | 15 x 15 x 52 ซม. / 1.3 กก. |
กำลังไฟ | 500W |
ความจุเก็บฝุ่น | 1.2 ลิตร |
แรงดูด | 13000Pa |
ความยาวสายไฟ | 4 เมตร |
เสียงรบกวน | 75dB |
การรับประกัน | 1 ปี |
8. PerySmith PS7000
ราคาโดยประมาณ 699 บาท
PerySmith เป็นแบรนด์สินค้าสัญชาติอเมริกา ที่เน้นในเรื่องของคุณภาพของสินค้าเป็นอย่างมาก ที่สำคัญราคาต้องไม่แพงจนเกินไป เครื่องดูดฝุ่น PerySmith PS7000 รุ่นนี้ตัวบอดี้ใช้พลาสติกแบบ BUNA ซึ่งจะมีความเหนียว คงทนกว่าพลาสติกแบบ ABS ทั่วไป ที่ใช้ในแบรนด์อื่น มาพร้อมดีไซน์ที่เล็ก กะทัดรัด จับถือได้ง่าย จะใช้งานแบบด้ามยาวหรือด้ามสั้นก็ได้ พร้อมกับหัวดูด 2 หัว (หัวดูดพื้น และหัวดูดรูร่องเล็ก)
กำลังไฟสูงถึง 700W ทำให้การดูดฝุ่นใช้งานทั่วไปนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดูดของหนัก ๆ ขึ้นมาอย่างง่ายดาย รวมถึงโดยเฉพาะฝุ่นที่อยู่ตามร่องพื้น ตามซอกหลืบต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญสินค้าแบรนด์นี้รับประกันจากทางผู้จัดจำหน่ายในไทยถึง 2 ปี ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ด้วยครับ
ขนาด / น้ำหนัก | 15 x 15 x 52 ซม. / 1.5 กก. |
กำลังไฟ | 700W |
ความจุเก็บฝุ่น | 0.6 ลิตร |
แรงดูด | 10000Pa |
ความยาวสายไฟ | 4.2 เมตร |
เสียงรบกวน | 68dB |
การรับประกัน | 2 ปี |
9. PerySmith Series X10
ราคาโดยประมาณ 1,299 บาท
ต่อกันที่รุ่นถัดไปของเครื่องดูดฝุ่น PerySmith กันนะครับ ตัวรุ่นนี้ยังใช้วัสดุคุณภาพดีเหมือนกับรุ่น PS7000 แต่ถ้าเทียบกับรุ่น PS7000 แล้ว จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ทั้งด้านการออกแบบ และสิ่งที่สำคัญคือ กำลังไฟที่สูงถึง 1000W กับแรงดูดที่สูงถึง 19500Pa ทำให้เครื่องรุ่นนี้มีแรงดูดเป็นอย่างมาก ทำให้การดูดฝุ่นที่อยู่ตามร่อง ตามซอกมุมต่างๆนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงฝุ่นผงละเอียดต่าง ๆ และเศษขยะที่มีน้ำหนักเยอะก็ดูดได้เช่นกัน ที่สำคัญสินค้ารุ่นนี้มีน้ำหนักที่เบา (1 กก.) ทำให้การใช้จับใช้งานนั้นไม่รู้สึกหนักจนเกินไป ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก จัดเก็บได้ง่าย เหมาะสำหรับห้องพักหรือบ้านที่มีพื้นที่ขนาดเล็กอีกด้วย
PerySmith Series X10 มาพร้อมกับหัวดูดฝุ่น 2 หัว (หัวดูดฝุ่นธรรมดา กับหัวดูดตามซอกปลายแหลมพร้อมกับแปรงขนที่ถอดเข้า-ออกได้) มีข้อต่อสามารถยืด-หดได้ ถึงแม้ว่ารุ่นนี้จะมีราคาที่สูง เมื่อเทียบกับรุ่นอันดับบน ๆ แต่สินค้ารุ่นนี้ก็มาพร้อมกับวัสดุคุณภาพดี กำลังไฟและแรงดูดที่มาก รวมถึงมีประกันให้จากทางผู้จัดจำหน่ายถึง 2 ปี ซึ่งทำให้รุ่นนี้ดูน่าสนใจมาก ๆ ครับ
ขนาด / น้ำหนัก | 25 x 18 x 46 ซม. / 1 กก. |
กำลังไฟ | 1000W |
ความจุเก็บฝุ่น | 0.8 ลิตร |
แรงดูด | 19500Pa |
ความยาวสายไฟ | 4.8 เมตร |
เสียงรบกวน | 72dB |
การรับประกัน | 2 ปี |
10. Pando V9 Pro
ราคาโดยประมาณ 1,299 บาท
สำหรับสินค้าตัวสุดท้ายนะครับ ตัวนี้เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Pando V9 Pro ซึ่งข้อดีของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายคือ ไม่มีสายไฟมาเกะกะ ไม่ต้องเสียบสายไฟ สามารถถือไปใช้งานได้ทุกที่ในบ้านได้อย่างสะดวก รุ่นนี้มาพร้อมกับขนาดที่เล็ก จับถือได้ง่าย ที่สำคัญ มีน้ำหนักที่เบาเพียง 650 กรัมเท่านั้น ถือว่าเบามากๆถ้าเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นรุ่นบน ๆ ที่แนะนำไปก่อนหน้านี้
Pando V9 Pro มาพร้อมกับหัวดูด 3 หัว (หัวดูดพื้น หัวดูดโซฟา เตียง ผ้าม่าน และหัวดูดตามซอกแบบ 2 in 1) สายคล้องเครื่องดูดฝุ่น ที่แขวนเก็บได้ทุกที่ ช่วยให้การเก็บเป็นไปอย่างง่ายดาย ปรับความแรงได้ 2 ระดับ ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สามารถใช้งานได้สูงสุด 25 นาที ถือว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่มีราคาไม่แพง วัสดุดี และฟังก์ชั่นการใช้งานแบบจัดเต็มด้วยครับ
ขนาด / น้ำหนัก | 22.4 x 12.7 x 108.3 ซม. / 0.65 กก. |
กำลังไฟ | 120W |
ความจุเก็บฝุ่น | 0.1 ลิตร |
แรงดูด | 5000Pa – 12000Pa |
ความยาวสายไฟ | ไร้สาย แบตเตอรี่ 2200mAh |
เสียงรบกวน | 80dB |
การรับประกัน | 1 ปี |
อ่านกันมาถึงตรงนี้คงได้คำตอบสำหรับ เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี แล้วแน่เลย หลายรุ่นก็ดูน่าสนใจ ยอดขายก็ดีมาก ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่เน้นใช้งานในคอนโด อพาร์ทเม้นต์ ราคาก็เบา ๆ ใช้งานก็สะดวก จนหลาย ๆ คนน่าจะลืมเครื่องดูดฝุ่นตัวใหญ่สมัยคุณพ่อคุณแม่ใช้ เวลาซื้อก็ลืมดูว่าจะใช้ดูดบริเวณไหนบ้าง ถ้าต้องดูดในที่สูงบ่อย ๆ ก็อาจจะต้องคำนึงถึงน้ำหนักอีกด้วย ส่วนใครต้องพกพาเอาไปไกลบ่อย ๆ ก็อาจจะเลือกซื้อแบบไร้สายเลย แต่แบบไร้สายนั้นไม่เหมาะสำหรับงานหนัก ฝุ่นเยอะ ดูดเป็นบริเวณกว้าง ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี สุดท้ายนี้ก็ขอให้ได้เครื่องดูดฝุ่นที่ถูกใจ ใช้งานทนทาน ไม่มีปัญหากันนะครับ
นักเขียนอิสระ ที่มีประสบการณ์ในแวดวง IT Gadget มือถือ มากกว่า 5 ปี มีความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้า IoT เป็นอย่างดี เลือกจัดอันดับสินค้าอย่างตั้งใจ ซื้อตามกันไม่มีผิดหวังแน่นอน