เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ดูดแรง ใช้งานสะดวก พ่อบ้านแม่บ้านคนไหนที่กำลังมีคำถามนี้ ต้องรีบอ่านบทความนี้กันเลย เพราะเราได้รวบรวมข้อมูล และสเปคเบื้องต้น ยี่ห้อที่น่าสนใจ หรือขายดี มาไว้ในนี้แล้ว รวมไปถึงวิธีการเลือกซื้อแบบง่าย ๆ ว่าต้องดูอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้เอามาเป็นอาวุธสำหรับต่อกร กับเจ้าฝุ่นสกปรกตัวร้าย ที่อยู่ตามซอกมุมหรือพื้นผิวต่าง ๆ รวมถึงข้อควรระวังเวลาใช้งาน จะมีอะไรกันบ้างตามไปอ่านเลยครับ
สารบัญ
วิธีการเลือกเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย
สำรวจพื้นที่ใช้งาน ถ้าหากคุณกำลังเลือกเครื่องดูดฝุ่นไร้สายเพื่อไปใช้ตามห้อง ตามคอนโด หรือบริเวณเล็ก ๆ แล้วก็ เครื่องดูดฝุ่นไร้สายจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก นอกจากจะเบา ประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้ดี จะหยิบไปใช้ดูดตรงไหนก็สะดวก ปีนขึ้นไปดูดที่สูงก็สบาย แต่ ๆ ๆ ถ้าต้องดูดฝุ่นบริเวณกว้าง ใช้งานยาวนาน ยิ่งถ้าเป็นบ้านที่มีขนาดใหญ่ หรือบริเวณที่มีความสกปรกสูง เราขอแนะนำให้ซื้อเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายจะดีกว่า เพราะจะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องชาร์จไฟ และขนาดของถังเก็บฝุ่นที่มักจะมีขนาดเล็กด้วย แล้วตัวเครื่องเองก็ออกแบบสำหรับให้ใช้งานได้ยาว ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นพื้นที่จะกว้างใหญ่แค่ไหนก็ไม่ต้องกังวล หรือถ้าจะซื้อทั้ง 2 แบบไว้ใช้งานให้เหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ ก็ดีครับ
ดูสเปคต่าง ๆ และอุปกรณ์เสริม สเปคของตัวเครื่องจะเริ่มตั้งแต่ความจุถ้วยเก็บฝุ่น แบตเตอรี่ ระยะเวลาในการชาร์จไฟ แรงดูด น้ำหนัก ก็จะส่งผลต่อการใช้งานโดยตรงเลย เลือกไว้เยอะหน่อยก็ดี แต่งบก็อาจจะเพิ่มตามได้ ถ้าซื้อรุ่นแพงมากแล้วเกิดเสียขึ้นมา ค่าซ่อมแพงหรือต้องซื้อใหม่ก็จะอาจจะไม่ค่อยคุ้ม อาจจะต้องชั่งน้ำหนักกันสักนิด ส่วนอุปกรณ์เสริม หัวดูดสำหรับพื้นผิวแบบต่าง ๆ ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ได้มากขึ้น บางยี่ห้อถึงกับมีไฟส่องสว่างให้ด้วย เวลาเลือกซื้ออย่าลืมดูตรงนี้ด้วยครับ
ข้อควรระวังเวลาใช้งานเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย
ทำความสะอาดเส้นผมที่หัวแปรงหมุน หรือถอดหัวแปรงหมุนออก บางรุ่นบางยี่ห้อที่มีราคาถูก เส้นผมมักจะเข้าไปพันจนทำให้หัวแปรงหมุน ขัดข้องหรือเสียหายได้ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ถอดหัวแปรงหมุนออกมาทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อลดปัญหาในจุดนี้ หรือจะถอดหัวแปรงหมุนออกไปเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องมาทำความสะอาด ลองหาวิธีถอดจากคู่มือดูนะครับ
ทำความสะอาด Filter เป็นประจำ นอกจากเราจะต้องทิ้งเศษขยะในกล่องหรือถ้วยเก็บฝุ่นแล้ว ยังมีอีกชิ้นที่หลายคนอาจจะลืม นั้นก็คือตัว Filter นั้นเอง มักจะอยู่บริเวณด้านบนหรือจุดที่มีลมออก สามารถหมุนคลายล็อคเพื่อเปิดฝา จึงจะสามารถหยิบ Filter ออกได้ สามารถเอามาเคาะฝุ่น เอาแปรงขนอ่อนปัด หรือซื้อตัว Filter อันใหม่เปลี่ยนได้ ถ้าหากไม่ทำความสะอาด Filter ตัวนี้ เครื่องจะไม่มีแรงดูดนะครับ
ไม่ใช้แบตเตอรี่จนหมดเกลี้ยง หลายรุ่นหลายยี่ห้อใหม่ ๆ จะมีแบตเตอรี่แบบ Lithium ถ้าเราใช้ไฟจนหมดจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่า หลังจากชาร์จเต็มก็ควรถอดสายชาร์จออกด้วยครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย” ยี่ห้อไหนดี 2021
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, ความแรงในการดูด, ความจุถังเก็บฝุ่น, แบตเตอรี่, และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ
1. Xiaomi Mijia Wireless Vacuum Cleaner Lite
ราคาโดยประมาณ 2,890 บาท
สำหรับใครที่กำลังตามหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่ใช้ง่าย น้ำหนักเบา เสียงไม่ดัง ราคาไม่แรง อยากให้ลองตัวนี้ดูครับ Xiaomi Mijia Wireless Vacuum Cleaner Lite ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 1.2 กิโลกรัม ทำให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมาก ๆ ไม่ว่าจะดูดพื้น หรือจะยกดูดในผนังที่สูง ๆ ก็เบาแรงได้ดี มีหัวเปลี่ยน 3 แบบ ทั้งแบบปกติสำหรับการทำความสะอาดพื้น แบบเล็กใช้ดูดตามซอกมุมที่เข้าถึงยาก และแบบหัวแปรงที่สามารถใช้กับโซฟา ตู้ หรือพื้นที่ทำงานได้สะดวก จัดเก็บง่ายด้วยแท่นชาร์จติดผนังทำให้บ้านดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
นอกจากนี้ยังมีโหมดการใช้งานได้ 2 แบบ คือ Standard Mode สำหรับการดูดฝุ่นปกติในชีวิตประจำวัน และ Max Mode สำหรับการดูดฝุ่นหนัก ๆ ในส่วนของการชาร์จไฟจะใช้เวลาชาร์จประมาณ 5 ชั่วโมง และใช้งานได้นานต่อเนื่อง 45 นาที มีไส้กรอง 3 ชั้น สามารถกรองแบคทีเรียและเชื้อโรคที่มองไม่เห็นได้ถึง 99.98 เปอร์เซ็นต์ มอเตอร์ที่ใช้เป็นแบบไม่มีใบพัด ทำให้ความดังเสียงน้อยกว่า 79 เดซิเบล เรียกว่าถูกใจใครที่ไม่ชอบเครื่องดูดฝุ่นเสียงดัง ๆ แน่นอน รีวิวจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็เห็นว่าใช้งานได้ดี ประสิทธิภาพอาจไม่เท่ากับรุ่นท็อป ๆ แบรนด์อื่น แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคาครับ
แรงดูด | 17000 PA |
ความจุถ้วยฝุ่น | 0.5 L |
โหมดดูด | Standard 45 นาที / Max 13 นาที |
ความจุแบตเตอรี่ | 2500 mAh |
แรงดันไฟฟ้า | 110-240 V |
กำลังไฟ | 220 W |
ขนาด | 24 x 14.8 x 113.2 CM |
น้ำหนัก | 1.2 kg |
เวลาชาร์จ | 5 ชม. |
เสียงรบกวน | ≤79 dB |
สี | ขาว |
2. Deerma VC20 PLUS
ราคาโดยประมาณ 1,799 บาท
หนึ่งในแบรนด์จากจีนที่เข้ามาตีตลาดเมืองไทย และได้รับความนิยมจากผู้ใช้ไม่น้อยก็คือ Deerma ด้วยราคาไม่แพง และคุณสมบัติที่น่าสนใจ จึงทำยอดขายได้ดี อย่างเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่น VC20 Plus ตัวนี้ ที่มีการพัฒนาฟังก์ชันมากขึ้นจากรุ่นก่อน ๆ และยังได้รับรางวัลการออกแบบผลิตภัณฑ์ทั้งจาก IF ประเทศเยอรมนี และ K-Design ประเทศเกาหลี ซึ่งก็การันตีถึงประสิทธิภาพได้ระดับหนึ่งแล้วนะครับ ทั้งยังมีจุดเด่นอยู่ที่หัวถูพื้นบาง 47 มิลลิเมตร สามารถทำความสะอาดใต้ตู้ ใต้เตียง ได้ดี และมีหัวเปลี่ยน 3 แบบ เพื่อการใช้งานในทุกซอกทุกมุมของบ้านได้อย่างทั่วถึง
การชาร์จไฟต่อครั้งใช้เวลาประมาณ 4.5 ชั่วโมง และสามารถใช้งานได้ 2 โหมด คือแบบมาตรฐานใช้ได้ต่อเนื่อง 30 นาที และโหมดแรงที่ใช้ต่อเนื่องได้ 15 นาที น้ำหนักเบา 1.8 กิโลกรัม เฉพาะตัวเครื่องหลักหนักเพียง 1 กิโลกรัม ทำให้สามารถดูดที่สูงตามผนังและเพดานได้สะดวก ระดับเสียงรบกวนน้อยกว่า 80 เดซิเบล เรียกว่าไม่ดังจนเกินไป เมื่อเทียบคุณสมบัติต่าง ๆ กับราคาแล้ว แม้แรงดูดจะไม่สูงมาก แต่ก็ใช้งานได้ดีในระดับที่น่าพอใจ อาจไม่เหมาะกับงานดูดหนัก ๆ นัก แต่ถ้าใช้แค่ในห้อง คอนโด อพาร์ทเม้นท์ ที่เป็นการดูดฝุ่นง่าย ๆ ก็ตอบโจทย์ได้ดีนะครับ
แรงดูด | 8000 PA |
ความจุถ้วยฝุ่น | 0.6 L |
โหมดดูด | มาตรฐาน 30 นาที / แรง 15 นาที |
ความจุแบตเตอรี่ | 2200 mAh |
แรงดันไฟฟ้า | 14.4 V |
กำลังไฟ | 150 W |
ขนาด | 23.5 x 17.58 x 115 CM |
น้ำหนัก | 1.8 kg |
เวลาชาร์จ | 4.5 ชม. |
เสียงรบกวน | ≤80 dB |
สี | ขาว |
3. BOSCH GAS 18V-1
ราคาโดยประมาณ 4,450 บาท
ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับอุตสาหกรรมแล้ว หลายคนคงรู้จัก BOSCH เป็นอย่างดี การันตีได้ในเรื่องคุณภาพที่ไว้ใจได้ อย่างเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย รุ่น GAS 18V-1 ตัวนี้ แม้จะเป็นเครื่องดูดฝุ่นตัวเล็ก แต่ประสิทธิภาพใช้ได้ดีทีเดียวเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีแรงลมหมุนเวียน 3 ระดับ เกิดการสูญเสียแรงดูดน้อยสุดตลอดการใช้งาน เปลี่ยนหัวในการดูดฝุ่นได้ 3 แบบ เพื่อการทำความสะอาดได้ทั่วถึง มีท่อต่อให้ทั้งแบบอ่อนและแบบแข็ง จึงสามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย
ส่วนของแบตเตอรี่นั้น ใช้แรงดันไฟ 18 โวลต์ อยู่ภายนอกตัวเครื่อง และตัวแบตสามารถใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ของแบรนด์นี้ ที่ใช้แรงดัน 18 โวลต์ ได้เช่นกัน เรียกว่าออกแบบมาให้สะดวกสำหรับใครที่ใช้อุปกรณ์ของเขาอยู่แล้วนะครับ การทิ้งผงก็สะดวก การทำความสะอาดตัวเครื่องก็ง่าย จากการใช้งานจริงชาร์จไฟเต็มแล้วจะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 30 นาที เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่กว้างมาก ใช้งานในห้องหรือในรถก็ค่อนข้างสะดวก แม้ว่าแรงดูดจะไม่สูงมาก แต่ก็ถือว่าใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง
แรงดูด | 6000 PA |
ความจุถ้วยฝุ่น | 0.7 L |
โหมดดูด | N/A |
ความจุแบตเตอรี่ | N/A |
แรงดันไฟฟ้า | 18 V (แบตเตอรี่) |
กำลังไฟ | N/A |
ขนาด | 45 x 18.4 x 12.1 CM |
น้ำหนัก | 1.3 kg (ไม่รวมแบตเตอรี่) |
เวลาชาร์จ | N/A |
เสียงรบกวน | N/A |
สี | ดำ/น้ำเงิน |
4. Electrolux ZB3411
ราคาโดยประมาณ 4,990 บาท
ได้ยินชื่อของ Electrolux แล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก แน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์คุณภาพที่เชื่อถือได้ สำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย รุ่น ZB3411 ตัวนี้ ออกแบบมาให้ใช้งานสะดวก ใช้ได้ทั้งแบบมือถือ ดูดบนโต๊ะ โซฟา หรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ และแบบดูดพื้นปกติ ใช้หัวแปรง PowerPro ใช้ดูดฝุ่นได้ง่ายไม่เปลืองแรง มีขนแปรงอ่อนนุ่ม ไม่ทำลายพื้นผิวให้เป็นรอย และยังดูดตามซอกได้ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ ถึง 6 เท่า ดูดได้ทั้งฝุ่นที่มีขนาดใหญ่ไปจนถึงฝุ่นผงเล็ก ๆ ดูแล้วสามารถใช้งานได้สะดวกไม่ยุ่งยาก มีความแข็งแรงเหมาะกับการใช้งานในบ้านได้ดีครับ
ตัวเครื่องมาพร้อมแท่นชาร์จแบบตั้งพื้น ใช้เวลาชาร์จประมาณ 4 ชั่วโมง และใช้งานต่อเนื่องได้ 2 ระดับ คือโหมดปกติที่ใช้ต่อเนื่องได้ 48 นาที โหมดดูดแรงจะใช้ต่อเนื่องได้ 16 นาที มีแสงไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่บนตัวเครื่อง และมีที่กรองฝุ่น 2 ชั้น คือกรองฝุ่นแบบหยาบ และแบบละเอียด มีฟังก์ชันทำความสะอาดหัวดูดฝุ่น Brush Roll Clean ได้ง่าย ๆ เพียงแค่กดปุ่ม เรียกว่าสะดวกมาก ๆ น้ำหนักเครื่องไม่ได้ถึงกับเบามาก แต่ก็ไม่หนักจนเกินไป สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่น่าสนใจครับ
แรงดูด | N/A |
ความจุถ้วยฝุ่น | 0.5 L |
โหมดดูด | ปกติ 48 นาที / แรง 16 นาที |
ความจุแบตเตอรี่ | N/A |
แรงดันไฟฟ้า | 18 V (แบตเตอรี่) |
กำลังไฟ | N/A |
ขนาด | 15 x 26.3 x 107 CM |
น้ำหนัก | 3 kg |
เวลาชาร์จ | 4 ชม. |
เสียงรบกวน | N/A |
สี | Titan Blue |
5. A 4. Electrolux ZB3411
ราคาโดยประมาณ 2,299 บาท
หากใครกำลังต้องการเครื่องดูดฝุ่นไร้สายพลังแรง หยิบจับใช้งานง่าย หน้าตาโฉบเฉี่ยว ที่สำคัญราคาน่าคบ แนะนำรุ่นนี้เลยครับ Airbot Supersonics 2.0 ที่อัพเกรดขึ้นมาจากรุ่นเดิม ให้ประสิทธิภาพดีขึ้นมาก พลังดูดแรงถึง 19000 PA เพิ่มประสิทธิภาพของมอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน (BLDC) เพื่อให้ดูดฝุ่นขนาดเล็กได้ดีขึ้น ใช้ได้กับทุกสภาพพื้นผิว ใช้เวลาชาร์จประมาณ 4 ชั่วโมง ทำงานได้ 2 โหมด คือโหมด Low Speed ใช้งานต่อเนื่องได้ 45 นาที และโหมด High Speed สำหรับการดูดฝุ่นอนุภาคขนาดเล็ก ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 15 นาที
ตัวเครื่องน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ไม่หนักมากจนเกินไป สามารถใช้ดูดที่สูง ตามผนัง เพดาน และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้ รวมทั้งยังมีขนแปรง Motorized Brush ออกแบบมาให้สามารถดูดฝุ่นที่อยู่ตามซอกหรือบนพรมได้ดี การทิ้งเศษผงก็ง่ายมาก แค่กดเปิดฝาเพื่อทิ้งได้เลยใน 2 วินาที และรุ่นนี้ยังสามารถซื้อหัวดูดไรฝุ่น (Mite Brush) เพิ่มเติม เพื่อใช้ดูดกำจัดตัวไรบนที่นอนได้ด้วย เรียกว่าเครื่องเดียว แต่ฟังก์ชันการใช้งานจัดมาครบ ราคาไม่แพงทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่าย คุ้มค่ากับการลองหามาใช้งานที่บ้านสักเครื่องนะครับ
แรงดูด | 19000 PA |
ความจุถ้วยฝุ่น | 0.6 L |
โหมดดูด | Low Speed 30-45 นาที / High Speed 10-15 นาที |
ความจุแบตเตอรี่ | 2200 mAh |
แรงดันไฟฟ้า | 110-240 V |
กำลังไฟ | 150 W |
ขนาด | 68 x 18.5 x 14.5 CM |
น้ำหนัก | 2.2 kg |
เวลาชาร์จ | 4-5 ชม. |
เสียงรบกวน | 60-65 dB |
สี | แดง |
6. Dyson Digital Slim Fluffy
ราคาโดยประมาณ 19,900 บาท
Dyson คือแบรนด์ High-End ของเครื่องดูดฝุ่นอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่ามาพร้อมกับราคาที่สูงพอสมควร แต่ก็มั่นใจได้ในคุณภาพที่จัดเต็ม อย่างรุ่นนี้ Dyson Digital Slim Fluffy ที่มีการออกแบบโดยรวมท่อไซโคลนกับมอเตอร์เป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้เครื่องเล็กและน้ำหนักลดลงจากรุ่นก่อนอย่างมาก สามารถใช้งานดูดฝุ่นตามจุดต่าง ๆ ได้สะดวก เลือกโหมดทำงานได้ 3 โหมด คือแบบ Eco แรงดูดปกติใช้ต่อเนื่องได้ 40 นาที, Med แรงดูดปานกลาง 25 นาที และ Boost แรงดูดสูงสุด 5 นาที ซึ่งการดูดฝุ่นทั่วไปใช้เพียงแค่โหมด Eco ก็เพียงพอแล้วครับ
หัวดูด Slim Fluffy ดีไซน์ให้ขนาดเล็กและเบากว่าเดิมถึง 40 เปอร์เซ็นต์ สามารถดูดในพื้นที่แคบและตามร่องพื้นได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีหัวแปรงแบบอื่น ๆ สำหรับการใช้งานได้หลากหลายพื้นที่ มีหัวดูดปากแคบพร้อมไฟส่องสว่าง เมื่อใช้ดูดตามซอกที่มืดก็มองเห็นได้สะดวก ส่วนของถังฝุ่นค่อนข้างจุได้น้อย 0.3 ลิตร หากดูดฝุ่นเยอะ ๆ อาจต้องทิ้งบ่อยหน่อย แต่การเทผงฝุ่นทิ้งก็ทำได้ง่าย แค่กดเปิดฝาแล้วทิ้ง ที่สำคัญตัวแบตเตอรี่รุ่นนี้สามารถถอดเปลี่ยนได้ หากเราต้องการใช้งานนาน ก็ใช้แบตสำรองเปลี่ยนใส่ได้เลย โดยรวมแล้วคุณสมบัติก็จัดเต็มตามสไตล์แบรนด์ แม้ราคาค่อนข้างสูง แต่รับรองว่าคุ้มค่าครับ
แรงดูด | 100 AW (โหมด Boost) |
ความจุถ้วยฝุ่น | 0.3 L |
โหมดดูด | Eco 40 นาที / Med 25 นาที / Boost 5 นาที |
ความจุแบตเตอรี่ | N/A |
แรงดันไฟฟ้า | 21 V (แบตเตอรี่) |
กำลังไฟ | 380 W (แบตเตอรี่) |
ขนาด | 110 x 25 x 25 CM |
น้ำหนัก | 1.9 kg |
เวลาชาร์จ | 3.5 ชม. |
เสียงรบกวน | 85 dB |
สี | เงิน |
7. Samsung Jet 60 Turbo รุ่น VS15A6031R1/ST
ราคาโดยประมาณ 8,990 บาท
เบาแต่หนักแน่นด้วยพลัง คือคำจำกัดความของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายตัวนี้ Samsung Jet 60 Turbo รุ่น VS15A6031R1/ST ซึ่งหลายคนถูกใจสีเขียวมิ้นท์สดใสของตัวเครื่อง พลังดูดสูงด้วยมอเตอร์อินเวอร์เตอร์ดิจิทัล พลังดูดสูง 150 วัตต์ และยังเปลี่ยนโหมดเพิ่มแรงดูดได้สูงสุดถึง 410 วัตต์ ด้วยดีไซน์ระบบ Jet Cyclone ที่มีช่องให้อากาศเข้ามากถึง 27 ช่อง ช่วยลดการสูญเสียแรงดูด และช่วยแยกอนุภาคฝุ่นละเอียดออกจากอากาศที่เข้าในเครื่องได้ด้วย ทำความสะอาดได้ดีทั้งพื้นแข็ง และพื้นพรม ด้วยหัวดูดพื้น Jet Fit Brush ซึ่งขยับได้ 180 องศา จะปรับเปลี่ยนทิศทางการดูด จะขยับไปทางไหนก็สะดวกมากครับ
ในส่วนของการปรับโหมดดูด สามารถเลือกได้ 3 โหมด ตามความแรงของการดูด แรงดูดต่ำใช้งานต่อเนื่องได้นาน 40 นาที ปานกลาง 20 นาที และแรงดูดสูงอยู่ที่ 5 นาที แท่นชาร์จเป็นแบบ 2-in-1 Charging Station จะใช้ติดผนังหรือแยกชาร์จก็ได้ โดยตัวแบตเตอรี่สามารถถอดเปลี่ยนเพื่อใช้แบตสำรองได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการกรองฝุ่นถึง 5 ชั้น ดักจับฝุ่นได้ถึง 99.999 เปอร์เซ็นต์ และกรองฝุ่นได้ถึงระดับไมโครเลยทีเดียว ที่สำคัญฟังก์ชันครบขนาดนี้ แต่น้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.48 กิโลกรัม (ไม่รวมอุปกรณ์อย่างอื่น) เรียกว่าถึงจะเบาแต่ประสิทธิภาพไม่เบาเลยล่ะครับ
แรงดูด | 150-410 W |
ความจุถ้วยฝุ่น | 0.8 L |
โหมดดูด | Eco 40 นาที / Med 25 นาที / Boost 5 นาที |
ความจุแบตเตอรี่ | 2200 mAh |
แรงดันไฟฟ้า | 21.6 V (แบตเตอรี่) |
กำลังไฟ | N/A |
ขนาด | 112 x 25 x 20.3 CM |
น้ำหนัก | 2.3 kg |
เวลาชาร์จ | 3.5 ชม. |
เสียงรบกวน | 86 dB |
สี | เขียวมิ้นท์ |
8. Roborock H6
ราคาโดยประมาณ 13,900 บาท
หากคุณสมบัติพลังดูดแรง ดูดฝุ่นได้นาน คือสิ่งที่คุณกำลังมองหา ขอแนะนำเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่น Roborock H6 รับรองว่าไม่ผิดหวังครับ ด้วยพลังดูดที่สูง 25000 PA หรือ 150 AW รวมถึงมอเตอร์ที่มีกำลังสูงถึง 420 วัตต์ ช่วยให้ดูดฝุ่น ไรฝุ่น ทั้งบนพื้นพรม โซฟา ที่นอน เบาะรถยนต์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการนำแบตเตอรี่ Li-Po (Lithium Polymer) มาใช้กับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายเป็นครั้งแรก ทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุดถึง 90 นาที จากโหมดใช้งาน 3 โหมด คือ โหมด Eco 90 นาที, โหมดปานกลาง 45 นาที และโหมด Max แรงดูดสูงสุด อยู่ที่ 10 นาที
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีน้ำหนักเบาเพียง 1.4 กิโลกรัม สามารถใช้มือถือได้สะดวกมาก ๆ และยังมีหัวแปรงให้เปลี่ยนใช้ได้ถึง 4 แบบ ไม่ว่าจะดูดพื้น ฟูก โซฟา เฟอร์นิเจอร์ หรือตามซอกมุมต่าง ๆ ก็เลือกใช้ได้ตามที่ต้องการ ขณะดูดฝุ่นจะมีหน้าจอ OLED อยู่บริเวณด้ามจับ ซึ่งจะแสดงผลแบตเตอรี่, ระยะเวลาคงเหลือ, โหมดการดูด และแจ้งเตือนการบำรุงรักษา ทำให้เราใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น การกรองฝุ่นมีถึง 5 ชั้น กรองอนุภาคฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน สูงสุดถึง 99.97 เปอร์เซ็นต์ ฟิลเตอร์ทุกชิ้นสามารถถอดออกมาล้างน้ำทำความสะอาดได้ เรียกว่าคุ้ม ครบ จบ ในตัวเดียวเลยครับ
แรงดูด | 25000 PA ( 150 AW ) |
ความจุถ้วยฝุ่น | 0.4 L |
โหมดดูด | Eco 90 นาที / Med 45 นาที / Max 10 นาที |
ความจุแบตเตอรี่ | 3610 mAh |
แรงดันไฟฟ้า | 100-240 V |
กำลังไฟ | 420 W (มอเตอร์) |
ขนาด | 28.4 x 11.1 x 22.1 (ตัวเครื่อง) |
น้ำหนัก | 1.4 kg |
เวลาชาร์จ | 4 ชม. |
เสียงรบกวน | 72 dB |
สี | แดง |
9. SHARP EC-LH18-BR
ราคาโดยประมาณ 2,999 บาท
สำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่ใช้งานได้ดี ไม่หวือหวา แต่ราคาน่ารัก ก็ต้องบอกว่ารุ่นนี้น่าสนใจไม่น้อย SHARP EC-LH18-BR แม้ราคาจะย่อมเยา แต่ด้วยตัวแบรนด์ที่มีชื่อเสียงก็ทำให้ผู้ใช้รู้สึกไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบ 2-in-1 ใช้ดูดพื้นและถอดด้ามเป็นแบบมือถือได้ สามารถดูดฝุ่นได้หลากหลายพื้นที่เหมือนกับเครื่องรุ่นอื่น ๆ ปรับโหมดการดูดได้แบบ Low ใช้งานต่อเนื่อง 35 นาที หรือแบบ High ใช้งานต่อเนื่อง 18 นาที เปลี่ยนโหมดการใช้งานได้สะดวกด้วยการกดเพียงปุ่มเดียวครับ
การกรองมีการใช้ตัวกรองฝุ่นระบบไซโคลน ก็ถือว่ากรองได้ประสิทธิภาพดีพอสมควร โดยรวมคงต้องบอกว่าเครื่องรุ่นนี้ไม่ได้มีฟังก์ชันอะไรโดดเด่นมากนัก คุณสมบัติก็จะคล้าย ๆ กับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายทั่วไป อาจจะมีข้อด้อยในเรื่องของการใช้งานต่อเนื่องได้เพียงประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งไม่เหมาะกับบ้านที่กว้าง ๆ หรือการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องดูดฝุ่นนาน ๆ อย่างไรก็ดี ถ้าเทียบกับราคาและคุณภาพของแบรนด์ SHARP แล้ว ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่กำลังอยากหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายราคาเบา ๆ สักเครื่องมาไว้ใช้งานนะครับ
แรงดูด | 150 W |
ความจุถ้วยฝุ่น | 0.4 L |
โหมดดูด | Low 35 นาที / High 18 นาที |
ความจุแบตเตอรี่ | N/A |
แรงดันไฟฟ้า | 18 V (แบตเตอรี่) |
กำลังไฟ | 135-150 W (มอเตอร์) |
ขนาด | 55 x 22 x 20 CM |
น้ำหนัก | 2.7 kg |
เวลาชาร์จ | 4 ชม. |
เสียงรบกวน | N/A |
สี | น้ำตาล |
10. Hoover ONEPWR Jet
ราคาโดยประมาณ 13,990 บาท
จะดูดฝุ่น หรือจะถูพื้น ก็ทำได้ในเครื่องเดียว สำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Hoover ONEPWR Jet แบรนด์ดังจากสหรัฐอเมริกาตัวนี้ มากับฟังก์ชันการใช้งานที่โดนใจใครหลายคนมาก ๆ เพราะสามารถดูดฝุ่น ถูพื้น และเช็ดแห้ง เรียกว่าจบงานได้เลยไม่ต้องเสียเวลาใช้หลายอุปกรณ์ จะเศษฝุ่นแห้งๆ หรือเศษอาหารที่หกตามพื้นก็เคลียร์ได้สะอาด แม่บ้านพ่อบ้านที่ชอบความสะอาดต้องเลิฟเจ้าตัวนี้แน่นอน ตัวเครื่องจะมีแท็งก์ใส่น้ำสำหรับถูพื้น ซึ่งสามารถใส่น้ำเปล่าหรือน้ำยาถูพื้นก็ได้ แต่ที่สำคัญคือห้ามใส่น้ำยาฆ่าเชื้อเข้มข้นอย่างพวกเดทตอลเลยนะครับ เพราะจะเกิดการอุดตันและทำลายตัวเครื่อง โดยยังส่งผลให้ทางแบรนด์ไม่รับประกันอีกด้วย
โหมดการทำงานมี 2 ระดับ คือแบบ Eco ใช้ต่อเนื่องได้ประมาณ 1 ชั่วโมง และแบบ Hard ใช้ได้ 25 นาที ขนแปรงที่ให้มามี 2 แบบ สามารถถอดเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน ที่สำคัญคือมีถาดสำหรับล้างขนแปรงโดยเฉพาะ ตัวเครื่องจะทำความสะอาดเองแบบอัตโนมัติ แบตเตอรี่สามารถถอดเปลี่ยนเพื่อใช้แบตสำรองได้หากต้องการใช้งานต่อเนื่องนานกว่าปกติ ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อการดูดฝุ่นพื้นโดยเฉพาะ หากใครต้องการใช้แบบมือถือเพื่อดูดตามที่สูงหรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ คงไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าเป็นการดูดฝุ่น ถูพื้น และเช็ดแห้ง แล้วล่ะก็ คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอนครับ
แรงดูด | 16-20 AW |
ความจุถ้วยฝุ่น | N/A |
โหมดดูด | Eco 60 นาที / Hard 25 นาที |
ความจุแบตเตอรี่ | 4000 mAh |
แรงดันไฟฟ้า | N/A |
กำลังไฟ | 157 W (มอเตอร์) |
ขนาด | 70 x 30 x 30 CM |
น้ำหนัก | 5 kg |
เวลาชาร์จ | 3.5 ชม. |
เสียงรบกวน | 85 dB |
สี | น้ำเงิน |
อ่านกันมาถึงตรงนี้คงได้คำตอบสำหรับ เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ยี่ห้อไหนดี กันแล้วแน่เลย หลายรุ่นหลายยี่ห้อก็มีสเปคที่น่าสนใจทั้งนั้น ราคาก็มีตั้งแต่สองพันบาท ไปจนถึงหมื่นปลาย ๆ เลยทีเดียว โดยหลัก ๆ ก็ต่างกันที่กำลังดูด ระยะเวลาใช้งาน ความจุแบตเตอรี่ วัสดุ อุปกรณ์เสริม ซึ่งทุกรุ่นก็จะเหมาะสมสำหรับใช้งานในพื้นที่เล็ก ๆ อย่างอพาร์ทเม้นท์ คอนโด จะปีนป่ายดูดฝุ่นในที่สูง หรือในรถก็ทำได้สะดวก เวลาใช้งานก็อย่าปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง เดี๋ยวแบตเสื่อมไวนะ แปรงหมุนก็ต้องหมั่นเอาเส้นผมออกด้วยไม่งั้นมีพังได้ สุดท้ายนี้ก็ขอให้เลือกได้รุ่นที่ถูกใจใช้งานทนทานนะครับ
ทำงานด้านสื่อโฆษณามานานกว่า 5 ปี เป็นนักซื้อตัวยง ที่มีประสบการณ์ใช้สินค้ามากมายหลายอย่าง เลยมีบทความใหม่ๆ ออกมาชวนผู้อ่านให้ซื้อสินค้ากันบ่อย ๆ ทั้งของอาหารเสริม เทคโนโลยี แกดเจ็ต ของใช้ในบ้าน และอื่น ๆ คัดเลือกสินค้ามาแล้วซื้อตามไม่มีผิดหวังแน่ ๆ