ใครที่กำลังมองหา รีวิว เครื่องบดกาแฟมือหมุน ยี่ห้อไหนดี แต่ยังไม่มีข้อมูล มาลองอ่านบทความนี้กันก่อน เพราะเราได้คัดเลือกรุ่นเด่นรุ่นดังที่น่าสนใจ แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ ราคาและสเปคเป็นอย่างไรบ้าง มารวมกันให้เลือกดู เลือกซื้อแล้ว พร้อมทั้งวิธีการเลือกซื้อเบื้องต้น ใครที่เป็นคอกาแฟจริงจัง อยากบดเมล็ดกาแฟเพื่อชงกาแฟสดเอง ก็เลื่อนไปอ่านต่อกันได้เลยครับ
สารบัญ
วิธีการเลือกซื้อ เครื่องบดกาแฟมือหมุน
เลือกเฟืองบดแบบสเตนเลสหรือโลหะ จากประสบการณ์ของหลาย ๆ คนที่เคยซื้อรุ่นที่เป็นเฟืองบดแบบแบบ Ceramic เวลาเจอเมล็ดกาแฟคั่วอ่อน ที่มีความเหนียวและแข็ง อาจจะทำให้เฟืองหรือใบมีด Ceramic เสียหายได้ จนถึงขั้นบดต่อไม่ได้ เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ลองดูรุ่นที่เฟืองหรือใบมีดเป็นแบบสเตนเลสหรือโลหะอื่น ๆ จะดีกว่านะ
เลือกขนาดที่เหมาะสำหรับการพกพา ใครที่มีรสนิยมอยากจะไปชงกาแฟบนยอดเขา การเลือกซื้อเครื่องบดที่มีขนาดเล็ก ก็ดูจะเป็นไอเดียที่น่าสนใจมากทีเดียว หรือจะเก็บสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินที่เครื่องบดแบบไฟฟ้าเสียหาย ก็สามารถประหยัดพื้นที่เก็บของได้อีกด้วย สามารถดูขนาดจากข้อมูลในตารางได้เลยครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว ” เครื่องบดกาแฟมือหมุน” ยี่ห้อไหนดี
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูเครื่องบดกาแฟ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, วัสดุเฟือง, ขนาด, ความจุช่องใส่กาแฟ และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวต่อไปเลยครับ
1. MOHO S
ราคาโดยประมาณ 1,690 บาท
สำหรับมือใหม่ ที่กำลังมองหาเครื่องบดกาแฟมือหมุนมาใช้เพื่อฝึกฝีมือสักเครื่อง เราขอแนะนำเครื่องบดกาแฟ MOHO S รับรองจะไม่ผิดหวัง ด้วยราคาเบา ๆ แต่คุณภาพไม่เบา จึงถูกอกถูกใจคนที่ได้ลองใช้เป็นอย่างมาก เริ่มจากดีไซน์ภายนอก รูปทรงกระบอกสีดำที่ดูเรียบ ๆ แต่ก็ดูเท่ไปในตัว มาพร้อมสายยางกันลื่นช่วยให้จับถนัดมือเวลาใช้งาน ตัวบอดี้ของเครื่องทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์ และที่จับ (Handle Khob) ก็ผลิตด้วยไม้วอลนัทช่วยเพิ่มความสวยหรูดูดีขึ้นไปอีก เอาเป็นว่าเฉพาะหน้าตาก็เรียกลูกค้าได้แล้วนะครับ
มาดูที่เรื่องของการบดกาแฟกันบ้าง รุ่นนี้เขาใช้เฟือง 6 แฉก ขนาด 38 มิลลิเมตร ทำจากสเตนเลสอย่างดี และผลิตด้วยเครื่อง CNC (Computer Numerical Control) ที่มีความแม่นยำสูง ช่วยให้เครื่องบดกาแฟ MOHO S นี้สามารถบดเมล็ดกาแฟได้ง่าย บดละเอียดได้เร็ว ไม่ต้องใช้แรงมาก และได้ความละเอียดของกาแฟที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ มีจุดปรับระดับการบดด้วยการหมุน และมีคำแนะนำในคู่มือบอกระดับการบด ไม่ว่าจะเป็น Espresso, Moka-Pot, Hand Drip และ French Press ว่าต้องหมุนประมาณกี่คลิก ซึ่งเราก็สามารถบดตามที่แนะนำได้อย่างสะดวก หรือจะปรับลดเพิ่มเองตามที่ต้องการก็ได้ครับ
ตัวเครื่อง | Aluminum Alloy |
เฟือง | 6 Core / 38 mm. / Stainless Steel |
ขนาดเครื่อง | N/A |
สี | Black |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 20-25 g. |
น้ำหนัก | N/A |
2. Hario MSG-2
ราคาโดยประมาณ 1,083 บาท
ใครที่ชอบอะไรเคลียร์ ๆ ชัด ๆ ล่ะก็ เครื่องบดกาแฟมือหมุน Hario MSG-2 แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นรุ่นนี้ตอบโจทย์เลยนะ ราคาก็เป็นมิตรมาก เหมาะจะเอาไว้ใช้บดกาแฟที่บ้านง่าย ๆ สักตัว ส่วนที่บอกว่าเคลียร์ชัดนั้นเป็นเพราะตัว Main body ของเขา มีการออกแบบเป็นวัสดุโปร่งใส หน้าตาดูแล้วอาจทำให้นึกไปถึงอุปกรณ์ในห้องเรียนวิทยาศาสตร์ เวลาบดกาแฟทีเราก็จะสามารถมองเห็นได้เลยว่า เมล็ดกาแฟที่เรากำลังบดอยู่นั้นบดไปถึงไหน ได้ปริมาณกาแฟบดออกมาเท่าไรแล้ว รวมทั้งมีตัวเก็บก้านหมุนไว้ด้านข้างไม่ให้เกะกะด้วยครับ
ตัวเครื่องรุ่นนี้จะใช้เฟืองบดเป็นเซรามิก ปรับความละเอียดตามการหมุน หากต้องการแบบหยาบให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา แต่ถ้าต้องการละเอียดให้หมุนตามเข็มนาฬิกา ชอบความละเอียดระดับไหนก็สามารถลองปรับได้ตามต้องการ ซึ่งการที่วัสดุตัวเฟืองเป็นเซรามิกนั้น อาจจะมีจุดด้อยที่ความแข็งแรง ถ้าเจอเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนที่มีความเหนียวแข็ง เฟืองอาจเกิดการแตกหักได้ รวมทั้งยังใช้แรงและเวลามากในการหมุนบดแต่ละครั้ง แต่ถ้าใครชอบเครื่องบดที่ใช้ง่าย น้ำหนักเบา จะใช้ในบ้าน หรือพกพาไปใช้นอกสถานที่ก็สะดวกล่ะก็ รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแน่นอนครับ
ตัวเครื่อง | Methacrylate Resin |
เฟือง | Ceramic |
ขนาดเครื่อง | 15 x 5.3 x 19 cm |
สี | Transparent / Transparent Black |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 24 g. |
น้ำหนัก | N/A |
3. Comandante C40
ราคาโดยประมาณ 12,955 บาท
ถ้าพูดถึงแบรนด์อันดับต้น ๆ คงต้องยกให้กับ เครื่องบดกาแฟมือหมุน Comandante จากประเทศเยอรมนี เป็นที่พูดถึงใน Pantip กันเลยทีเดียวว่าดีมาก เรียกว่าจัดเต็มคุณภาพระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุ การออกแบบ ฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งมั่นใจได้ว่าทุก ๆ การบดเมล็ดกาแฟแต่ละครั้ง จะได้กลิ่นหอมและรสชาติที่ดีที่สุดแน่นอน อย่างเครื่องบดรุ่น C40 นี้ ที่มีดีไซน์ภายนอกสวยหรูสะดุดตา ตัวบอดี้ภายนอกและที่จับ (Handle Knob) นั้นทำจากไม้ และมีโหลใส่กาแฟเป็นแก้วใสเนื้อหนา ตัวเครื่องมีสีสันสวยงามให้เลือกถึง 8 สีครับ
จุดเด่นอย่างหนึ่งสำหรับเครื่องรุ่นนี้ คือใบมีดที่ใช้ในการบดกาแฟ ซึ่งเป็น Nitro Blade ผลิตจาก High-Alloy & High-Nitrogen Stainless Steel มีความหนัก ทนทาน และที่สำคัญคมมาก ๆ เพื่อใช้งานในการบดกาแฟอย่างจริงจัง ใช้บดเมล็ดกาแฟขนาดใหญ่สำหรับ Pour Over Coffee ไปจนถึงละเอียดมาก ๆ อย่าง Espresso ได้ และนอกจากบดกาแฟแล้ว ยังสามารถนำไปใช้บดเครื่องเทศหรือใบชาได้ด้วย แน่นอนว่าคุณภาพสูงย่อมมาคู่กับราคาที่ค่อนข้างสูงครับ แต่หากเป็นคอกาแฟที่ต้องการงานเนี้ยบ งานละเอียด บอกได้เลยว่าลงทุนกับเครื่องบดมือตัวนี้ไม่เสียดายเงินแน่นอน
ตัวเครื่อง | Stainless Steel / Wood |
เฟือง | High-Alloy & High-Nitrogen Stainless Steel |
ขนาดเครื่อง | N/A |
สี | American Cherry (ลายไม้สีอ่อน) / Black (ดำ) / Burgundy (แดง) / Cobalt (น้ำเงิน) / Grün (เขียว) / Red Sonja (แดง) / Wenge (ลายไม้สีเข้ม) |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 40 g. |
น้ำหนัก | 1.2 kg. |
4. KINGrinder K2
ราคาโดยประมาณ 2,180 บาท
อีกหนึ่งรุ่นสำหรับเครื่องบดกาแฟมือหมุนคุณภาพดี แต่ราคาเบา ๆ KINGrinder K2 ซึ่งเขาว่ากันว่าเป็นแบรนด์ลูกของ 1Zpresso แบรนด์ระดับท็อป ๆ ที่หลายคนรู้จักดี ถ้าเป็นตามนี้ก็ต้องบอกว่าคุณภาพน่าจะมั่นใจได้ระดับหนึ่งเลยครับ มาดูกันที่รูปร่างหน้าตาภายนอกกันก่อน บอดี้ของรุ่นนี้ทำจากอะลูมิเนียมทั้งชิ้น มียางกันลื่นให้มาเรียบร้อย ส่วนของที่จับ (Handle Knob) เป็นไม้ทรงกลม ดีไซน์เรียบหรูดูแพง เรียกว่าเห็นแล้วไม่รู้สึกก๊องแก๊งแน่นอน
ส่วนของการบดกาแฟนั้น โดดเด่นมาก ๆ ในเรื่องของการบดได้เร็ว เมื่อเทียบกับรุ่นที่สเปคใกล้เคียงกัน ใช้เวลาไม่นาน และสามารถบดได้ตั้งแต่ Pour Over จนถึง Espresso ด้วยตัวเฟืองทำจากสเตนเลสมีขนาดใหญ่ถึง 48 มิลลิเมตร และยังมีความละเอียดถึง 40 คลิกต่อรอบ ทำให้ถูกใจคนรักกาแฟที่ต้องการปรับระดับได้มาก ๆ แต่ก็มีเสียงบ่นนิดหน่อยสำหรับคู่มือการใช้งาน ที่ไม่ได้แนะนำว่าการบดระดับไหน ควรปรับอย่างไร แต่แนะนำว่าลองเข้าไปดูใน Official Website ของ KINGrinder กันได้ ซึ่งเขาทำตารางการปรับระดับไว้ให้แล้วครับ
ตัวเครื่อง | Aluminum Alloy |
เฟือง | 48 mm. / Stainless Steel |
ขนาดเครื่อง | N/A |
สี | Silver / Iron Gray |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 25 g. |
น้ำหนัก | 0.58 kg. |
5. 1Zpresso K Plus
ราคาโดยประมาณ 7,220 บาท
หนึ่งในแบรนด์ระดับพรีเมียมของเครื่องบดกาแฟมือหมุน 1Zpresso และรุ่นท็อปที่อยากจะแนะนำคือ 1Zpresso K Plus ซึ่งการันตีคุณภาพด้วยรางวัลการออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจากเวที Red Dot Design Award 2018 เรียกว่าเป็นเครื่องบดมือระดับ High-End ที่ราคาไม่ถึงหมื่น เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องบดกาแฟคุณภาพสูงสักเครื่อง สำหรับรุ่นนี้ดูภายนอกแล้ว รู้สึกถึงความแข็งแรงทนทาน ทั้งด้วยความหนาของตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ในส่วนต่าง ๆ มาพร้อมกระเป๋าหิ้วใส่อุปกรณ์ (Travel Case) ที่เหมาะสำหรับพกไปใช้นอกสถานที่ได้ด้วย
ตัวเฟือง K-Burr ทำจากสเตนเลส มีขนาดใหญ่ 48 มิลลิเมตร ใบมีดคมกริบ ช่วยให้บดกาแฟได้เร็ว ปรับความละเอียดได้มากถึง 90 คลิกต่อรอบ และปรับได้สะดวกกว่ารุ่นอื่น ๆ เพราะสามารถปรับจากด้านนอกได้เลย ไม่ต้องถอดเครื่องเพื่อปรับด้านใน เป็นฟังก์ชันที่หลายคนถูกใจมากพอสมควร ตัวโถกาแฟเป็นแม่เหล็กถอดได้ง่ายไม่ต้องหมุนเกลียว รวมทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมที่ไม่ค่อยได้เห็นกัน อย่าง Espresso Smart Dosing Funnel นำมาสวมแทนก้นรองโถกาแฟ ใช้สำหรับกรองและกระจายผงกาแฟให้ตกลงในด้ามชงได้ทั่วถึง เหมาะกับการบดกาแฟเพื่อใช้ใส่ด้ามชง Espresso โดยเฉพาะครับ
ตัวเครื่อง | Aluminum Alloy |
เฟือง | 48 mm. / Stainless Steel |
ขนาดเครื่อง | 18.6 x 6.2 x 15 cm. |
สี | Gray / Brown |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 35-40 g. |
น้ำหนัก | 0.8 kg. |
6. Timemore Grinder Chestnut X
ราคาโดยประมาณ 8,700 บาท
สำหรับระดับ High-End แล้ว ถ้าไม่มี เครื่องบดกาแฟมือหมุน Timemore ก็คงจะไม่ได้ เพราะนี่คืออีกหนึ่งแบรนด์ในใจคอกาแฟหลาย ๆ คน ที่ไว้ใจได้ทั้งเรื่องคุณภาพ การใช้งาน การออกแบบผลิตภัณฑ์ อย่างรุ่น Chestnut X ที่เราอยากจะแนะนำนี้ ก็ได้รางวัล Good Design Award 2020 ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อได้ลองดูฟังก์ชัน คุณสมบัติต่าง ๆ แล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจเลยครับที่ได้รางวัล เริ่มจากหน้าตาภายนอก ที่แค่เปิดกล่องก็สัมผัสได้ถึงความหรูหราของตัวเครื่อง ซึ่งเป็น Alluminum alloy ที่มีผิวสัมผัสแบบด้าน (Matt Finish) ดีไซน์ก้านจับให้สามารถพับเก็บลงด้านข้างได้ ไม่ต้องถอดเก็บแยกชิ้น สะดวกต่อการพกพา และป้องกันเศษผงกาแฟที่ค้างอยู่หล่นร่วงได้เป็นอย่างดี
ความพิเศษของรุ่นนี้ คงต้องยกให้นวัตกรรมเฟืองบดที่เรียกว่า S2C ที่ได้สิทธิบัตรครั้งแรกในโลก ด้วยคอนเซ็ปต์ Spike First Cut Later ที่มีการออกแบบตัวคมมีดพิเศษเพิ่มขึ้นมา ทำให้ควบคุมความละเอียดของการบดกาแฟได้ดีมาก ๆ ตัวเฟืองมีขนาดใหญ่ 42 มิลลิเมตร บดกาแฟละเอียดอย่าง Espresso ได้เร็ว รวมทั้งมีตัวเลขกำกับการเลือกระดับการบด ปรับได้ 24 ระดับ และมีระดับรองอีก 5 ระดับ ทำให้ปรับได้ละเอียดถึง 120 ระดับ พร้อมคู่มือแนะนำการใช้งาน ทำให้สามารถปรับได้ง่ายและได้ความละเอียดที่ต้องการ เอาเป็นว่าใครได้ลองใช้เจ้าตัวนี้ เชื่อว่าต้องติดใจกันแน่นอนครับ
ตัวเครื่อง | Unibody Aluminum Alloy |
เฟือง | 42 mm. / Stainless Steel |
ขนาดเครื่อง | 16 x 5.5 cm. |
สี | Black / Green Safari |
ความจุเมล็ดกาแฟ | 30 g. |
น้ำหนัก | 0.76 kg. |
7. Bialetti Macinacaffe
ราคาโดยประมาณ 1,450 บาท
สำหรับคอกาแฟแล้วคงรู้จักเจ้าหม้อต้มกาแฟ Moka Pot ของ Bialetti กันดี ซึ่งนอกจากหม้อต้มกาแฟแล้วก็มีอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สำหรับการชงกาแฟ รวมถึง เครื่องบดกาแฟ มือหมุน Bialetti หน้าตาเก๋ไก๋ รุ่น Macinacaffe ตัวนี้ด้วยครับ ถ้าใครชงกาแฟด้วย Moka Pot อยู่แล้ว จะเลือกใช้เครื่องบดรุ่นนี้ก็ดูเข้าคู่กันได้ดี ด้วยหน้าตาดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์สไตล์ Bialetti ตัวเครื่องภายนอกเป็นพลาสติก PP คุณภาพดี ฝาปิดอุปกรณ์เป็นซิลิโคน สามารถยึดติดกับตัวเครื่องและเปิดออกเพื่อใส่เมล็ดกาแฟได้โดยไม่ต้องถอดออกให้ยุ่งยาก
ส่วนของการบดนั้น เครื่องบดกาแฟมือหมุน อิตาลี รุ่นนี้ทำได้ง่ายและสะดวก ตัวโถใส่กาแฟจะเป็นแบบใส มีสเกลบอกปริมาณ 1, 3 และ 6 Cup เหมาะสำหรับใครที่ขี้เกียจชั่งตวงเมล็ดกาแฟ ก็สามารถบดและดูสเกลเป็นปริมาณแนะนำได้ ตัวเฟืองบดเป็นเซรามิก ปรับความละเอียดของการบดได้ โดยการหมุนตัวปรับไปตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกา เหมือนกับเครื่องบดกาแฟทั่วไป โดยรวมแล้วเครื่องตัวนี้อาจไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก แต่ด้วยราคาน่าคบ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับมือใหม่ หรือใครที่อยากลองบดกาแฟชงเองที่บ้านครับ
ตัวเครื่อง | PP |
เฟือง | Ceramic |
ขนาดเครื่อง | 11.5 x 8.5 x 21.5 cm. |
สี | Black / Red |
ความจุเมล็ดกาแฟ | N/A |
น้ำหนัก | 0.4 kg. |
8. Kalita Coffee mill KH-3AM
ราคาโดยประมาณ 1,590 บาท
เอาใจสายย้อนยุคกับ เครื่องบดกาแฟมือหมุน วินเทจ ดีไซน์คลาสสิกอย่าง Kalita Coffee mill KH-3 จากญี่ปุ่น ที่ออกแบบด้วยการผสมผสานความมินิมอลสไตล์ Japanese ได้ลงตัวมาก ๆ แม้ว่าฟังก์ชันการใช้งานจะไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ก็ชนะใจคนรักกาแฟที่ต้องการความเรียบง่ายสุดคลาสสิกได้แน่นอน ตัวกระบอกและโถใส่กาแฟทำจากไม้สวยงาม ตัวถ้วยด้านบนเป็นโลหะใช้ใส่เมล็ดกาแฟ พร้อมด้วยก้านหมุนและหัวจับไม้แบบเดียวกับตัวกระบอก แค่เห็นก็รู้สึกถึงความสวยงามน่าใช้แล้วครับ
เห็นตัวเล็กแบบนี้ แต่การบดเมล็ดกาแฟนั้นก็ทำได้ดี โดยมีเฟืองบดเป็นเหล็ก และมีตัวปรับระดับความละเอียดได้ แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขบอกระดับในการปรับ ผู้ใช้ต้องกะความกว้างแคบของเฟือง และทดลองปรับด้วยตัวเองจนได้ความละเอียดที่ต้องการ ซึ่งอาจจะดูยากแต่ก็ต้องเรียกว่าเป็นเสน่ห์ของความวินเทจ ที่เครื่องบดกาแฟมือหมุนแบบใหม่ ไม่สามารถมอบให้ได้ เป็นอีกอรรถรสหนึ่งของกระบวนการชงกาแฟที่น่าสัมผัสไม่แพ้กันครับ
ตัวเครื่อง | Wood |
เฟือง | Cast Iron |
ขนาดเครื่อง | 17 x 8.5 x 21 cm. |
สี | ลายไม้ |
ความจุเมล็ดกาแฟ | N/A |
น้ำหนัก | 0.54 kg. |
9. Akirakoki A-12
ราคาโดยประมาณ 760 บาท
อีกหนึ่งรุ่นสำหรับเครื่องบดกาแฟมือหมุน วินเทจ จากแบรนด์ดังของไต้หวันอย่าง Akirakoki รุ่น A-12 ต้องบอกว่าเครื่องบดกาแฟแนวคลาสสิกแบบนี้ เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับคนที่หลงรักของเก่า เพราะนอกจากจะใช้งานได้จริงแล้ว ยังเป็นของตกแต่งไปในตัวได้อีกด้วย หน้าตาของเครื่องรุ่นนี้ ตัวกระบอกเป็นไม้เคลือบมัน ดีไซน์ทรงโดม มีบานเปิดปิดช่องใส่เมล็ดกาแฟ ดูมีลูกเล่นและยังช่วยป้องกันการกระเด็น เวลาที่เราใช้งานได้ด้วยนะครับ
ส่วนการใช้งานในการบดเมล็ดกาแฟนั้น คล้ายกับเครื่องบดวินเทจตัวอื่น ๆ มีตัวปรับระดับความละเอียดของเมล็ดกาแฟ โดยการหมุนที่ตัวปรับบนเครื่อง สามารถปรับความหยาบหรือละเอียดได้เองตามชอบ ตัวเฟืองบดทำจากเหล็ก สามารถบดกาแฟคั่วเข้ม กลาง อ่อน ได้ดี แต่หมุนไม่ลื่นเท่าแบบเฟืองสเตนเลส ซึ่งรีวิวจากผู้ใช้ส่วนใหญ่พอใจกับอุปกรณ์ ทั้งรูปร่างหน้าตา และการบดเมล็ดที่ทำได้ไม่มีปัญหา สำหรับเครื่องบดกาแฟมือหมุนวินเทจแล้วก็ถือว่าได้คุณภาพที่ดีครับ
ตัวเครื่อง | Wood |
เฟือง | Iron |
ขนาดเครื่อง | 16 x 8.7 cm. |
สี | ลายไม้ |
ความจุเมล็ดกาแฟ | N/A |
น้ำหนัก | 0.6 kg. |
10. Meigoo Coffee Grinder
ราคาโดยประมาณ 319
หากใครกำลังอยากได้ เครื่องบดกาแฟมือหมุน โบราณ ที่รูปลักษณ์สวยเด่นสะดุดตา ไม่เน้นแบรนด์ แต่เน้นความเก๋าคลาสสิก วางตรงไหนของบ้าน หรือของร้าน ก็ช่วยให้กลิ่นอายดูย้อนยุคแล้วล่ะก็ ขอแนะนำเครื่องบดตัวนี้เลยครับ โดยเครื่องบดกาแฟมือหมุน โบราณ รุ่นนี้จะดีไซน์ก้านหมุนไว้ด้านข้างเป็นวงรูเล็ตรูปทรงชิงช้าสวรรค์ หรือบางคนเห็นแล้วอาจจะนึกถึงตัวหมุนของจักรเย็บผ้าโบราณแบบนั้นเลย ซึ่งแค่หน้าตาก็กินขาดไปแล้ว เชื่อว่าถูกใจสายกาแฟที่รักความ Retro อย่างมากแน่นอน
ตัวเครื่องนั้นใช้เหล็กหล่อ กับฐานไม้ ส่วนถ้วยใส่เมล็ดกาแฟจะมีฝาปิดป้องกันเศษกาแฟกระจายได้ และที่เก็บกาแฟ (ที่ผ่านการบดแล้ว) ก็เป็นรูปแบบของลิ้นชัก ส่วนตัวเฟืองบดนั้นทำจากเซรามิก มีตัวปรับความละเอียดของการบดได้ตามต้องการ ในส่วนของคนที่ได้ลองใช้แล้วนั้น มีทั้งรีวิวชื่นชมในเรื่องของความสวยงาม และเสียงติในส่วนของการบด ซึ่งยังมีความฝืดและวัสดุยังดูไม่แข็งแรงมากนัก ส่วนหนึ่งอาจเพราะตัวเฟืองเป็นเซรามิก และความเนี้ยบในการผลิต ก็ยังสู้พวกแบรนด์ดังไม่ได้ แต่ด้วยราคาไม่กี่ร้อย มีดีไซน์สวยโบราณแบบนี้ และสามารถใช้งานได้จริงในระดับหนึ่ง ก็ทำให้รุ่นนี้ได้รับความสนใจอยู่นะครับ
ตัวเครื่อง | Wood / Iron |
เฟือง | Ceramic |
ขนาดเครื่อง | 27 x 11.5 cm. |
สี | ดำ-น้ำตาล |
ความจุเมล็ดกาแฟ | N/A |
น้ำหนัก | 0.9 kg. |
จบกันไปแล้วสำหรับเครื่องบดกาแฟมือหมุน ยี่ห้อไหนดี 10 รุ่นที่เลือกมา น่าจะต้องมีสักรุ่นที่ต้องตาต้องใจคุณผู้อ่าน ก่อนตัดสินใจซื้อก็อย่าลืมดูว่า เฟืองบดเป็นโลหะหรือเปล่า ถ้าเป็นเฟืองหรือใบมีดเซรามิก เวลาบดเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนอาจจะแตกได้ ส่วนใครที่อยากได้เครื่องที่มีขนาดเล็กไว้เพื่อการพกพา หรือประหยัดพื้นที่จัดเก็บก็สามารถดูจากขนาดเครื่องในตารางได้เลย สุดท้ายนี้ก็ขอให้ได้รุ่นที่ถูกใจ ตอบโจทย์การใช้งานทุกคนนะครับ
ทำงานด้านสื่อโฆษณามานานกว่า 5 ปี เป็นนักซื้อตัวยง ที่มีประสบการณ์ใช้สินค้ามากมายหลายอย่าง เลยมีบทความใหม่ๆ ออกมาชวนผู้อ่านให้ซื้อสินค้ากันบ่อย ๆ ทั้งของอาหารเสริม เทคโนโลยี แกดเจ็ต ของใช้ในบ้าน และอื่น ๆ คัดเลือกสินค้ามาแล้วซื้อตามไม่มีผิดหวังแน่ ๆ