เครื่องปริ้นรูปพกพา ยี่ห้อไหนดี รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ

รูปภาพปกบทความ เครื่องปริ้นรูปพกพา ยี่ห้อไหนดี รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ

เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่นิยมถ่ายรูปด้วยมือถือจนลืมกล้องแบบอื่นกันแล้ว แต่จะให้โชว์แค่ในเฟสบุ๊กหรืออินสตราแกรม ก็อาจจะไม่เพียงพอ จะให้ใช้กล้องโพลารอยด์ ก็แอบเปลืองแผ่นฟิล์มถ้าหากเกิดถ่ายรูปเสีย จึงเป็นที่มาของ เครื่องปริ้นรูปภาพพกพา ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ แล้วเราจะซื้อ เครื่องปริ้นรูปภาพพกพา ยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับสเปค พร้อมวิธีการเลือกซื้อกันครับ



วิธีการเลือกซื้อ เครื่องปริ้นรูปพกพา

วิธีการเลือกซื้อ เครื่องปริ้นรูปพกพา

กระดาษพิมพ์เฉพาะรุ่น ก่อนซื้อเครื่องปริ้นรูปลองดูขนาดกระดาษที่ใช้ได้ก่อน ว่าตรงความต้องการของเราหรือไม่ มีแบบสติกเกอร์ให้เลือกใช้ด้วยหรือเปล่า กระดาษแต่ละรุ่นทำมาไม่เท่ากัน เทคโนโลยีต่างกัน ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้กระดาษขนาดอื่น ๆ หรือต่างยี่ห้อได้ และที่สำคัญกระดาษยังมีจำหน่ายหรือไม่ หาซื้อได้ยากหรือเปล่า บางรุ่นพอออกมาได้สักพัก ดันไม่มีกระดาษขาย เลิกทำตลาดขึ้นมาปริ้นไม่ได้จะลำบาก ต้องหาสั่งจากเมืองนอกเอานะครับ

ราคากระดาษพิมพ์ ถ้าราคาคือปัจจัยหนึ่งในการเลือกใช้ ก่อนจะเลือกเครื่องพิมพ์ต้องไปดูราคากระดาษก่อน บางยี่ห้อราคากระดาษตกแผ่นละ 40 บาท ราคาขนาดนี้ยอมเสียเวลาไปร้านอัดรูปน่าจะดีกว่าเนอะ แต่บางยี่ห้ออย่าง Xiaomi ราคากระดาษเฉลี่ยแค่ 10-15 บาท ถูกกว่ากันเยอะเลย แถมยังหาซื้อได้ง่ายมากใน Shopee อีกด้วยครับ

Zero Ink หรือ Dry Sublimation ถึงแม้ Dry Sublimation จะให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ดีกว่า Zero Ink แต่ทว่าราคากระดาษที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ที่รองรับ Dry Sublimation อาจจะทำให้คุณลาขาดกับเจ้าเทคโนโลยีนี้ได้ด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าราคาไม่ใช่ปัญหาก็จัด Dry Sublimation เพื่อคุณภาพที่ดีกว่าได้เลยครับ

การเชื่อมต่อและแอพ ส่วนใหญ่แทบทุกเครื่องจะมีแอพสำหรับเชื่อมต่อเครื่องปริ้นรูปพกพากับมือถือกันหมดแล้ว แต่การเชื่อมต่อแต่ละเครื่อง อาจจะรองรับไม่เหมือนกัน บางรุ่นต่อ Bluetooth บางรุ่นได้เฉพาะ Wi-Fi หรือได้ทั้ง 2 อย่างเลยก็มี เวลาซื้อก็อย่าลืมดูเรื่องของการเชื่อมต่อด้วยครับ


ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องปริ้นรูปพกพา” ยี่ห้อไหนดี

ตารางเปรียบเทียบรีวิว "เครื่องปริ้นรูปพกพา" ยี่ห้อไหนดี

สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูเครื่องปริ้นรูปพกพาแบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, ขนาดกระดาษ, ความละเอียด และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ



1. Xiaomi รุ่น Mi Pocket Photo Printer

เครื่องปริ้นรูป หรือโฟโต้พรินเตอร์แบบพกพาที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ Xiaomi Mi Pocket Photo Printer เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่คนไทยเลือกใช้ อาจด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ที่เริ่มติดหู การออกแบบถูกใจ คุณภาพสินค้าอยู่ในเกณฑ์ดี และราคาที่ผู้ใช้จับต้องได้แบบสบายกระเป๋า ถึงแม้ว่าคนทั่วไปเลือกที่จะเก็บภาพเป็นไฟล์ไว้ในโทรศัพท์มือถือ แต่จะดีกว่าไหมที่เราจะเก็บความประทับใจเอาไว้ในอัลบัม และหยิบมาเปิดดูได้โดยไม่ต้องกลัวไฟล์หาย โฟโต้พรินเตอร์เป็นตัวเลือกที่ดีและตอบโจทย์ครับ

โฟโต้พรินเตอร์ขนาดเล็กรุ่นนี้ มีขนาดเพียง 1 ฝ่ามือ สามารถสั่งพิมพ์ได้โดยเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบไร้หมึก Zero Ink ให้ความละเอียด 313 x 400 dpi รองรับไฟล์ภาพ JPEG, PNG ใช้พร้อมกันได้ 3 คน ระยะเวลาการพิมพ์ภาพ 45 วินาที / 1 แผ่น ตัวเครื่องบรรจุกระดาษได้ 10 แผ่น และสามารถพิมพ์ภาพได้ 20 แผ่น / 1 รอบการชาร์จแบตเตอรี่ พรินเตอร์รุ่นนี้รองรับการพิมพ์ภาพถ่ายแบบ AR และใส่กราฟิกสวยงามเพิ่มเติมในภาพได้ การใช้งานก็ง่ายมาก เพียงเชื่อมต่อและสั่งงานผ่านแอพพลิเคชัน Mi Home ที่คุ้นเคย ตัวเครื่องใช้วัสดุพลาสติก ABS+PC แข็งแรง น้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาใส่กระเป๋าครับ  

ประเภทเครื่องพิมพ์ภาพถ่าย, สติกเกอร์เลเบล
ขนาด85 X 124 X 24.6 mm
น้ำหนัก181 g
วิธีการพิมพ์การพิมพ์ไร้หมึก ZINK (Zero Ink)
ความละเอียด313 dpi
การเชื่อมต่อMicro-USB (Charge), Bluetooth
ขนาดกระดาษ50 x 76 mm
แหล่งพลังงานแบตเตอรี่ (500 mAh)
รองรับระบบปฏิบัติการiOS, Android

2. Kodak รุ่น Mini 3 Retro Photo Printer Square P300R

เครื่องปริ้นรูปแบบพกพารุ่นล่าสุดจากแบรนด์ชั้นนำด้านฟิล์มถ่ายภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้มีออกมาแล้ว 2 รุ่น และนี่คือรุ่นที่ 3 ที่ออกแบบมาในสไตล์ย้อนยุค แต่ดู ๆ ไปก็เข้าท่าไม่ใช่เล่น Kodak Mini 3 Retro Photo Printer Square พรินเตอร์ที่ให้คุณเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ได้ตราบนานเท่านาน ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของแบรนด์ ที่เรียกว่า 4PASS โดยใช้หลักการระเหิดของสีผ่านแถบฟิล์มลงบนกระดาษ ที่ให้คุณภาพของภาพออกมาเทียบเท่ากระดาษอัดจากร้านอัดภาพเลยทีเดียว แต่ต้องใช้กระดาษโฟโต้เฉพาะของ Kodak เท่านั้นนะครับ

โฟโต้พรินเตอร์รุ่นนี้ ใช้ความเร็วในการพิมพ์ภาพ 50 วินาที / 1 แผ่น และสามารถสั่งงานพิมพ์ได้ 25 แผ่น / 1 รอบการชาร์จแบตเตอรี่ การพิมพ์จะเหมือนการสไลด์เข้าออกเพื่อดึงสีทีละเลเยอร์ จุดที่น่าสนใจคือภาพที่ได้จะคมชัดเหมือนภาพถ่ายจริง (Real Photo) พร้อมคุณสมบัติ กันน้ำ กันแดด กันลายนิ้วมือ และด้วยการเคลือบลามิเนต ทำให้ภาพบนกระดาษจะมีอายุได้ถึง 100 ปีเลยทีเดียว สามารถพิมพ์ภาพแบบมีขอบได้ รองรับภาพแบบ AR และตกแต่งรูปภาพก่อนสั่งพิมพ์ได้โดยการทำงานผ่านแอพพลิเคชัน KODAK Instant ถ้าใครยังเป็นสาวกของแบรนด์นี้อยู่ ยังไงก็ซื้ออยู่แล้วจริงไหมครับ

ประเภท เครื่องพิมพ์ภาพถ่าย
ขนาด 127 X 102 X 25 mm
น้ำหนัก 447 g
วิธีการพิมพ์ การพิมพ์ไร้หมึก 4PASS (Dry-Sublimation Thermal)
ความละเอียด Real Photo
การเชื่อมต่อ Micro-USB (Charge), Bluetooth
ขนาดกระดาษ 76 x 76 mm
แหล่งพลังงาน แบตเตอรี่ 740 mAh
รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android

3. Huawei รุ่น CV80 Pocket Photo Printer

ในบ้านเราอาจจะรู้จักแบรนด์นี้จากสินค้าโทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ตเราเตอร์ แต่ Huawei มีสินค้าไอทีมากมาย หนึ่งในนั้นคือเครื่องปริ้นรูปขนาดพกพาที่หน้าตาดูจะเรียบ ๆ ไม่น่าจะมีลูกเล่นอะไรหวือหวา แต่จากคุณภาพของภาพที่พิมพ์ด้วยระบบ ZINK ที่ออกมาก็ถือว่าใช้ได้ ด้วยการเชื่อมต่อที่ง่าย สะดวกในการพกพา มีหลายโหมดการพิมพ์ภาพ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าพิจารณาอยู่ครับ

Huawei รุ่น CV80 Pocket Photo Printer มีจุดที่น่าสนุกคือสามารถเลือกโหมดการพิมพ์ภาพได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกภาพและสั่งพิมพ์ได้เลย หรือจะวางรูปหลาย ๆ รูปและพิมพ์ลงในภาพเดียวกันก็ได้ พิมพ์ภาพติดบัตรขนาดต่าง ๆ ก็ได้ด้วย หรือจะพิมพ์นามบัตรก็มีเทมเพลตมาให้เลือกใช้ มีกระดาษที่ใช้เป็นสติกเกอร์ในตัว และขาดไม่ได้กับฟีเจอร์พิมพ์ภาพแบบ AR Scan ที่ให้ภาพเคลื่อนไหวได้เมื่อใช้กล้องจากมือถือส่อง สามารถพิมพ์ภาพที่ความละเอียด 313 x 490 dpi ระยะเวลาการพิมพ์ภาพ 57 วินาที / 1 แผ่น และพิมพ์ได้ 25 แผ่น / 1 รอบการชาร์จแบตเตอรี่ ใช้งานง่ายโดยการสั่งงานผ่านแอพพลิเคชัน Huawei Printer ส่วนกระดาษนั้นมีให้เลือกซื้ออยู่เต็มตลาดเลย ใช้ของแบรนด์ไหนก็ได้ด้วยครับ

ประเภท เครื่องพิมพ์ภาพถ่าย, สติกเกอร์เลเบล
ขนาด 120 X 80 X 22.3 mm
น้ำหนัก 195 g
วิธีการพิมพ์ การพิมพ์ไร้หมึก ZINK (Zero Ink)
ความละเอียด 313 dpi
การเชื่อมต่อ Micro-USB (Charge), Bluetooth, Huawei Share
ขนาดกระดาษ 50 x 76 mm
แหล่งพลังงาน แบตเตอรี่ 500 mAh
รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android


4. Fujifilm รุ่น Instax Link Wide

เก็บทุกช่วงเวลาในชีวิต “ให้ใหญ่กว่าเดิม” ด้วยจุดเด่นของขนาดภาพ ทำให้โฟโต้พรินเตอร์รุ่นนี้น่าสนใจมากขึ้นหลายเท่า เพราะในตลาดเครื่องพิมพ์ภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือนั้น ก็เรียกได้ว่า Fujifilm รุ่น Instax Link Wide สามารถให้ขนาดของภาพออกมาใหญ่ในแนวกว้าง ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ อย่างชัดเจน และยังมีฟีเจอร์ที่ให้คุณสนุกกับการพิมพ์ภาพในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างไม่รู้เบื่อ มีเทมเพลตให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ถือเป็นหนึ่งในคู่แข่งที่เบียด Polaroid ได้เลยทีเดียวครับ

เครื่องปริ้นรูปรุ่นนี้ ใช้ระบบการพิมพ์แบบ 3-color exposure with OLED ให้ภาพปรากฏบนกระดาษ Instax WIDE Film ซึ่งเป็นกระดาษฟิล์มเฉพาะของทาง Fujifilm ให้ภาพออกมาคมชัดสดใสสมจริงมาก ๆ (เหมือนโพลารอย) โดยใช้เวลาในการพิมพ์เพียง 12 วินาที / 1 แผ่น และพิมพ์ภาพได้ 100 แผ่น / 1 รอบการชาร์จแบตเตอรี่ สั่งงานพิมพ์ทุกอย่างด้วยแอพพลิเคชัน Instax สามารถปรับแต่งคุณภาพสีของงานพิมพ์ได้ มีโหมด QR Print เชื่อมต่อรูปของคุณไปยังยูทูป แชร์ตำแหน่ง ซ่อนข้อความในรูป หรืออัดเสียงก็ยังได้ ถ้าคุณชอบเก็บภาพความทรงจำไว้ในอัลบัม ก็พิจารณาพรินเตอร์รุ่นนี้เป็นตัวเลือกในอันดับต้น ๆ ได้เลยครับ

ประเภท เครื่องพิมพ์ภาพถ่าย
ขนาด 139 × 127.5 × 33.7 mm
น้ำหนัก 340 g
วิธีการพิมพ์ การพิมพ์ไร้หมึก 3-color exposure with OLED
ความละเอียด 318 dpi
การเชื่อมต่อ Micro-USB (Charge), Bluetooth
ขนาดกระดาษ 85 x 108 mm
แหล่งพลังงาน แบตเตอรี่ (ไม่ระบุความจุ)
รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android

5. Canon รุ่น SELPHY SQUARE QX10 Mobile Photo Printer

Canon รุ่น SELPHY SQUARE QX10 Mobile Photo Printer

ราคาโดยประมาณ 4,590 บาท

ในตลาดพรินเตอร์มาตรฐาน Canon ถือเป็นผู้นำในตลาดมาช้านาน แต่ในกลุ่มพรินเตอร์แบบพกพานั้น อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่ ซึ่งแบรนด์นี้ก็มีของดีกับเขาด้วยเช่นกัน เครื่องปริ้นรูป Canon รุ่น SELPHY SQUARE QX10 ขอบอกเลยว่ามีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีงานพิมพ์ใกล้เคียงเจ้าตลาดฟิล์มอย่าง Kodak กันเลยทีเดียว เพราะใช้เทคโนโลยีถ่ายโอนความร้อน Dry-Sublimation คล้ายกัน อีกทั้งยังพิมพ์ลงบนกระดาษพิเศษอเนกประสงค์ ที่เป็นสติกเกอร์เลเบลในตัว กันน้ำ กันฝุ่น กันรอยนิ้วมือ และเก็บได้ 100 ปีอีกด้วยครับ

ความเร็วในการพิมพ์ภาพที่ 43 วินาที / 1 แผ่น ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน และสามารถพิมพ์ภาพได้ 20 แผ่น / 1 รอบการชาร์จแบตเตอรี่ ความละเอียด 287 x 287 dpi สั่งงานพิมพ์ผ่านแอพพลิเคชัน SELPHY Photo Layout มีฟังก์ชันเลือกปรับแต่งได้ทั้งรูปแบบของภาพ ใส่ฟิลเตอร์ เพิ่มแสตมป์ ใส่กรอบ ใส่ข้อความ หรือจะใส่ลวดลายจากการวาดลงบนภาพ รวมไปถึงใส่ลายน้ำเคลือบบนผิวก็ยังได้อีกด้วย เสร็จแล้วก็สั่งพิมพ์นำไปตกแต่งอัลบัมหรือดิสเพลย์ที่ต้องการได้เลย มีข้อสังเกตอยู่นิดหน่อย ตรงนี้โฟโต้พรินเตอร์รุ่นนี้เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi ไม่ใช่ Bluetooth ครับ ใครไม่ติดขัดตรงจุดนี้ก็เลือกใช้กันได้ตามต้องการครับ

ประเภท เครื่องพิมพ์ภาพถ่าย, สติกเกอร์เลเบล
ขนาด 102.2 × 143.3 × 31.0 mm
น้ำหนัก 445 g
วิธีการพิมพ์ การพิมพ์ไร้หมึก Dry-Sublimation Thermal
ความละเอียด 287 dpi
การเชื่อมต่อ Micro-USB (Charge), Wi-Fi
ขนาดกระดาษ 72 x 85 mm
แหล่งพลังงาน แบตเตอรี่ (ไม่ระบุความจุ)
รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android

6. LifePrint รุ่น 3×4.5 Hyperphoto Printer

เครื่องปริ้นรูปหรือโฟโต้พรินเตอร์ที่เชื่อมต่อกับ iOS และ Android นั้นเรียกได้ว่ามีให้เลือกในตลาดค่อนข้างเยอะ แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่รุ่นนี้มีดีตรงไหนกันนะ นี่คือ LifePrint รุ่น 3×4.5 Photo & VDO Printer พรินเตอร์ที่ให้คุณสร้างสรรค์งานพิมพ์บนกระดาษจากกล้องของคุณ สู่เครื่องพิมพ์ของตัวเอง หรือเครื่องของเพื่อนที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่าย LifePrint ได้ทั่วโลกครับ

เครื่องพิมพ์ที่ดูเรียบหรูรุ่นนี้ ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ ZINK (Zero Ink) พิมพ์ลงบนกระดาษขนาด 3 x 4.5 นิ้ว (76.2 x 114.3 mm) ไม่ต้องกลัวว่าจะหากระดาษไม่ได้ เพราะ LifePrint มีขายอยู่แล้ว เป็นกระดาษ ZINK ที่เป็นสติกเกอร์ในตัว รองรับฟังก์ชันภาพเคลื่อนไหว AR สามารถพิมพ์ภาพ Live Photo จากอัลบัม หรือภาพจากแอพพลิเคชัน Snapchat, Vine, Twitter, Facebook, Instagram, ภาพ GIF และ Videos Embed ด้วยระบบ Hyperphoto ให้ภาพเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิตเมื่อส่องภาพพิมพ์จากกล้องมือถือ (เหมือนในแฮรี่ พอตเตอร์เลย) เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi และ Bluetooth สั่งการทำงานทั้งหมดผ่านแอพพลิเคชัน LifePrint ใช้เวลาในการพิมพ์ 42 วินาที / 1 แผ่น และพิมพ์ภาพได้ 25 แผ่น / 1 รอบการชาร์จแบตเตอรี่ ก็น่าใช้ดีใช่ไหมครับ

ประเภท เครื่องพิมพ์ภาพถ่าย, สติกเกอร์เลเบล
ขนาด 160 X 115 X 25.4 mm
น้ำหนัก 341 g
วิธีการพิมพ์ การพิมพ์ไร้หมึก ZINK (Zero Ink)
ความละเอียด 300 dpi
การเชื่อมต่อ Micro-USB (Charge), Wi-Fi, Bluetooth
ขนาดกระดาษ 76.2 x 114.3 mm
แหล่งพลังงาน แบตเตอรี่ (ไม่ระบุความจุ)
รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android


7. Canon รุ่น iNSPiC PV-123 Mini Photo Printer

อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจจากแบรนด์ Canon ซึ่งเป็นเครื่องปริ้นรูปไร้หมึกระบบ ZINK ที่สเปคของตัวเครื่องนั้นแทบไม่แตกต่างไปจากแบรนด์อื่น ๆ ที่ใช้ระบบเดียวกันเลย ไม่ว่าจะเป็นความละเอียด 314 x 400 dpi รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่อง และขนาดความจุของแบตเตอรี่ก็ยังเหมือนกัน ต่างกันที่ความเชื่อมั่นในแบรนด์ ซึ่งแน่ล่ะว่าแบรนด์ระดับหัวแถวของวงการพรินเตอร์นั้น ย่อมให้ความมั่นใจที่เหนือกว่าแน่นอน นี่คือโฟโต้พรินเตอร์ Canon รุ่น iNSPiC PV-123 Mini Photo Printer ครับ

ตัวเครื่องนี้ทั้งการออกแบบและสี เหมือน Power Bank มาก เหมาะกับการพกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้สบาย ใช้เวลาในการพิมพ์ 42 วินาที / 1 แผ่น และพิมพ์ภาพได้ 20 แผ่น / 1 รอบการชาร์จแบตเตอรี่ รองรับขนาดกระดาษที่ขนาด 50 x 76 mm ก็สมชื่อ Mini อยู่แล้ว อีกทั้งยังสามารถเพิ่มกรอบรูปเก๋ ๆ ข้อความ ตกแต่งด้วยอีโมจิ สติกเกอร์ และอื่น ๆ อีกมากมายด้วยแอพพลิเคชั่น Canon Mini Print ทำภาพแบบจิ๊กซอว์ก็ยังได้ด้วย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ชอบแบรนด์นี้ครับ

ประเภท เครื่องพิมพ์ภาพถ่าย, สติกเกอร์เลเบล
ขนาด 118.31 x 82.36 x 18.7mm
น้ำหนัก 160 g
วิธีการพิมพ์ การพิมพ์ไร้หมึก ZINK (Zero Ink)
ความละเอียด 314 dpi
การเชื่อมต่อ Micro-USB (Charge), Bluetooth
ขนาดกระดาษ 50 x 76 mm
แหล่งพลังงาน แบตเตอรี่ 500 mAh
รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android

8. HP รุ่น Sprocket 2nd Edition Photo Printer

ครั้งแรกที่เห็นสเปคคร่าว ๆ ของเครื่องปริ้นรูป HP รุ่น Sprocket 2nd Edition Photo Printer (โดยที่ยังไม่เห็นตัวเครื่อง) ในใจคิดว่าอีกแล้วเหรอ พรินเตอร์พกพาที่ใช้เทคโนโลยีไร้หมึก ZINK มันทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วแน่ ๆ เพราะสเปคโดยรวมนั้นคล้ายกันหมดเลย แต่เมื่อได้ดูตัวเครื่องแล้ว ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว เพราะทาง HP ได้ใช้การออกแบบพื้นผิวที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นมาก อีกทั้งยังออกแบบฝาประกบแบบแม่เหล็ก ให้แยกเปิดออกเพื่อใส่กระดาษ และประกบเข้าไปได้ง่าย ๆ และโลโก้แบรนด์เป็นห่วงหนังยื่นออกมา ดูสวยงามและสปอร์ตเลยครับ

ก่อนหน้านี้ HP ได้ออกโฟโต้พรินเตอร์ในซีรีส์นี้มาแล้ว 1 รุ่น นี่คือรุ่นที่ 2 ที่สเปคภายในอาจจะคล้ายของเดิม แต่ไม่เดิมซะทีเดียวนะ เพราะสามารถทำความเร็วในการพิมพ์โดยประมาณได้ที่ 30 วินาที / 1 แผ่น อ่านไม่ผิด 30 วินาทีจริง ๆ ถือว่าเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ระบบ ZINK ของแบรนด์อื่นที่ใช้เวลาอย่างต่ำก็ 40 วินาทีขึ้นไป การใช้งานผ่านแอพพลิเคชัน HP Sprocket ก็สามารถเพิ่มกรอบภาพ เขียนลวดลาย และลูกเล่นทั่ว ๆ ไปได้ เลือกพิมพ์เฟรมบางเฟรมในคลิปวิดีโอก็ได้ เทมเพลตก็เยอะ และแน่นอนว่าต้องรองรับ AR อยู่แล้ว ใช้กล้องมือถือส่องรูปที่พิมพ์ออกมาให้เคลื่อนไหวในจอก็ทำได้ด้วย ที่สำคัญ ราคาออกมาสบายกระเป๋าเป็นที่สุดครับ

ประเภท เครื่องพิมพ์ภาพถ่าย, สติกเกอร์เลเบล
ขนาด 80.1 X 117.6 X 24.8 mm
น้ำหนัก 172 g
วิธีการพิมพ์ การพิมพ์ไร้หมึก ZINK (Zero Ink)
ความละเอียด 321 dpi
การเชื่อมต่อ Micro-USB (Charge), Bluetooth
ขนาดกระดาษ 50 x 76 mm
แหล่งพลังงาน แบตเตอรี่ 500 mAh
รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android

9. Fujifilm รุ่น Instax Mini Link

เครื่องปริ้นรูปขนาดมินิ จาก Fujifilm ที่พร้อมท้าชน Mini ทุกแบรนด์ ด้วยการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร เจาะกลุ่มสาว ๆ แน่นอนเพราะตัวเครื่องใช้สีหวานมาก ขนาดที่จับกระชับถนัดมือพกพาสะดวก นั่งเม้ามอยกัน 5 คนก็เชื่อมต่อพรินเตอร์เครื่องเดียวกันได้เลย เพียงเชื่อมต่อแอพพลิเคชัน Instax Mini Link ก็มีฟังก์ชันแปลก ๆ ให้เล่นไม่ว่าจะเป็น ใช้ตัวเครื่องคุมการถ่ายภาพผ่านกล้องในตัวแอพพลิเคชันเองได้ พิมพ์ 2 ภาพใน 1 แผ่นด้วยการถ่าย 2 ครั้งก็ได้ ที่น่ารักสุด ๆ คือโหมดวัดความสนิทของคน 2 คนในภาพ อยากรู้ว่าเราสนิทกับเพื่อนในภาพมากแค่ไหนก็ต้องลุ้นเมื่อสั่งพิมพ์ภาพออกมา เจ๋งไหมล่ะครับ

ความเร็วในการพิมพ์นั้นก็หายห่วง เพราะใช้เวลาในการพิมพ์เพียง 12 วินาที / 1 แผ่น และพิมพ์ภาพได้ 100 แผ่น / 1 รอบการชาร์จแบตเตอรี่ ในส่วนของเทคโนโลยีการพิมพ์นั้นก็จะเป็นระบบ 3-color exposure with OLED ก็คือยิงแสงลงบนฟิล์มโพลารอยนั่นเอง ยิ่งภาพต้นฉบับมีความละเอียดมากแค่ไหน ภาพที่พิมพ์ออกมาก็จะสวยแค่นั้น เพราะสามารถไล่เฉดสีได้มากถึง 256 เฉด / สี เลยทีเดียว จุดที่ชอบมากคือเมื่อเราตีลังกาเครื่องให้ช่องปล่อยกระดาษอยู่ด้านล่าง และกดปุ่มกลางเครื่อง ก็สามารถพิมพ์ภาพสุดท้ายออกมากี่แผ่นก็ได้โดยไม่ต้องเข้าแอพพลิเคชั่น การตกแต่งก็ทำได้เหมือนกับเครื่อง Instax รุ่นอื่น ๆ ถ้าชอบในความเป็นรูปแบบโพลารอย ก็สามารถเลือกซื้อ Fujifilm รุ่น Instax Mini Link ได้เลยครับ

ประเภท เครื่องพิมพ์ภาพถ่าย
ขนาด 90.3 X 34.6 X 124.5 mm
น้ำหนัก 209 g
วิธีการพิมพ์ การพิมพ์ไร้หมึก 3-color exposure with OLED
ความละเอียด 318 dpi
การเชื่อมต่อ Micro-USB (Charge), Bluetooth
ขนาดกระดาษ 86 x 54 mm
แหล่งพลังงาน แบตเตอรี่ (ไม่ระบุความจุ)
รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android

10. Kodak รุ่น Mini 2 Retro P210R Photo Printer

สำหรับเครื่องปริ้นรูปขนาดเล็กแบรนด์ Kodak ที่ออกแบบมาในสไตล์เรโทรนั้น ไม่ได้มีแค่รุ่นปัจจุบันที่เป็นรุ่น Mini 3 แต่ยังมีอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่รุ่นเก่าหรือตกรุ่นแต่อย่างใด เพียงแค่ออกมารองรับขนาดของกระดาษที่แตกต่างกันกับรุ่น 3 เท่านั้น (โฟโต้พรินเตอร์ขนาดเล็กทั้วไปไม่สามารถเปลี่ยนขนาดกระดาษไปจากที่กำหนดได้) นี่คือ Kodak รุ่น Mini 2 Retro P210R Photo Printer ซึ่งรุ่นนี้จะรองรับการพิมพ์ภาพบนกระดาษขนาด 4 เหลี่ยมผืนผ้า ไม่ใช่จัตุรัสเหมือนกับรุ่น Mini 3 ครับ

โฟโต้พรินเตอร์รุ่นนี้มีหน้าตาคล้าย ๆ Power Bank การใช้งานที่ง่ายมาก เพียงใส่กระดาษ เปิดเครื่อง ลิ้งเข้ามือถือ แล้วก็สั่งพิมพ์ภาพออกมาได้เลยทันทีไม่มีลีลา จะตกแต่งภาพก่อนสั่งพิมพ์หรือเปลี่ยนรูปแบบการรวมภาพก็ทำได้ตามมาตรฐานเครื่องพิมพ์ภาพถ่ายทั่วไป ด้วยแอพพลิเคชัน Kodak Photo Printer จะสั่งพิมพ์แบบเว้นขอบ หรือไร้ขอบก็ได้ คุณภาพของภาพที่ออกมาก็ยอดเยี่ยมระดับ Real Photo ด้วยเทคโนโลยี 4PASS อันลือลั่น ที่มีคุณสมบัติ กันน้ำ กันแดด กันลายนิ้วมือ และไม่ซีดจางนานนับ 100 ปี ใช้ความเร็วในการพิมพ์ภาพจากการทดสอบจริงประมาณ 60 วินาที / 1 แผ่น และสามารถสั่งงานพิมพ์ได้ 20 แผ่น / 1 รอบการชาร์จแบตเตอรี่ ถ้าชอบภาพใหญ่ ๆ รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ

ประเภท เครื่องพิมพ์ภาพถ่าย
ขนาด 76 X 133 X 25 mm
น้ำหนัก 245 g
วิธีการพิมพ์การพิมพ์ไร้หมึก 4PASS (Dry-Sublimation Thermal)
ความละเอียด Real Photo
การเชื่อมต่อMicro-USB (Charge), Bluetooth
ขนาดกระดาษ 53.34 x 86.36 mm
แหล่งพลังงานแบตเตอรี่ 620 mAh
รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android

อ่านกันมาถึงตรงนี้คงจะได้คำตอบสำหรับ เครื่องปริ้นรูปพกพา ยี่ห้อไหนดี กันแล้วแน่เลย ก่อนซื้อก็อย่าลืมเรื่องไซต์กระดาษที่ต้องการ รวมถึงหาซื้อได้ง่ายหรือเปล่า ใครพลาดไปซื้อรุ่นที่หากระดาษยาก ลองหาสั่งตาม Amazon หรือ Aliexpress จากต่างประเทศแทน อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือราคากระดาษ ถ้างบประมาณคือเรื่องใหญ่ ลองไปตรวจสอบราคากระดาษ ก่อนเลือกซื้อเครื่องจะเป็นการดีที่สุด ยี่ห้อดังราคากระดาษนั้นโหดมาก สุดท้ายนี้ก็ขอให้ได้รุ่นที่ใช้งานสะดวก พิมพ์ภาพสวยถูกใจ ไม่มีปัญหากันนะครับ


1 thought on “เครื่องปริ้นรูปพกพา ยี่ห้อไหนดี รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ”

  1. I really enjoyed reading this post! I’m in the market for a portable photo printer and this review has been super helpful. I’ve been looking at a few of the brands mentioned, but I think I’m leaning towards the HP Sprocket. Has anyone else had any experience with it? Thanks for taking the time to share your research and recommendations!

    ตอบกลับ

Leave a Comment