ฮั่นแน่ !! ก็ถ้าคลิกเข้ามาอ่านที่บทความนี้ “เคสกันกระแทก iPhone” ยี่ห้อไหนดี แสดงว่า กลัวจะทำเจ้ามือถือ iPhone ตกเสียหาย หรือกลัวใส่เคสธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไป จะช่วยป้องกันการตกหล่น หรือป้องกันแรงกระแทกได้ไม่ดีพอ ก็บอกเลยว่า คลิกเข้ามาได้ถูกที่ถูกบทความแล้ว เพราะที่นี่ ทางผมได้ไปคัดและรวบรวมเคสที่เป็นเคสกันกระแทกสำหรับมือถือ iPhone ยี่ห้อที่น่าสนใจ ยี่ห้อที่เด็ด ๆ ปัง ๆ ดีไซน์สวย มีรีวิวดีงาม มาให้ดูกันหลายยี่ห้อเลยทีเดียว ก็ลองไล่ ๆ ดูเคสที่บทความนี้กันดูก่อน ไม่แน่ อาจจะเจอยี่ห้อที่ถูกใจ ยี่ห้อที่กำลังตามหาก็ได้ครับผม
สารบัญ
ตารางเปรียบเทียบ “เคสกันกระแทก iPhone” ยี่ห้อไหนดี
ก็ก่อนที่จะไปดูรีวิวเคสกันกระแทกของแต่ละยี่ห้อ ผมอยากให้ลองกดที่ปุ่มด้านล่าง เพื่อเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบกันก่อน เพราะจะได้เห็นเคสทั้งหลายมาวางเรียงเทียบกัน พร้อมทั้งมีรูปดีไซน์, ราคา และรายละเอียดคร่าว ๆ ไว้ให้ด้วย ก็อาจจะช่วยให้เห็นภาพรวม และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นครับ
1. ยี่ห้อ Skinarma รุ่น Kyanseru Takusan Taito Collection
ราคาโดยประมาณ 990 – 1,090 บาท
ใครเป็นสายไลฟ์สไตส์ สายแฟชั่น ชอบความโดดเด่น Outstanding ไม่ซ้ำใคร ต้องขอแนะนำให้ลองเคสกันกระแทก iPhone 13 จากประเทศญี่ปุ่นยี่ห้อ Skinarma กันลยครับ (มีสำหรับ iPhone รุ่นอื่น ๆ ด้วย แต่ต้องลองหาในร้านดู) เพราะเห็นเพียงแค่ดีไซน์ ก็แปลก แหวกแนว สวยเด่นแตกต่างจากคนอื่น ๆ เอามาก ๆ ตัวสติกเกอร์ที่แปะตามเคสก็ให้อารมณ์คลู ๆ รวมถึงมีทั้งสีขาวหรือสีดำ ให้เลือกซื้อตามชอบกันด้วย
ส่วนเรื่องการกันกระแทก ทางแบรนด์ก็เคลมมาว่า เป็น Military Grade Drop Test พร้อมมีมุมกันกระแทกทั้ง 4 จุด จึงสามารถช่วยป้องกันการกระแทกได้ดี และได้ในระดับความสูงถึง 1.2 เมตรเลยทีเดียว น้ำหนักของเคสก็กลาง ๆ ประมาณ 32 กรัมเท่านั้น ถือว่ายังไม่หนักมาก พอรวมกับน้ำหนัก iPhone แล้ว ยังสามารถถือใช้งานได้สบาย ๆ อยู่ โดยรวมใครที่เน้นทั้งการกันกระแทกและแฟชั่น ยี่ห้อ Skinarma นี้ ตอบโจทย์สุด ๆ เลยครับ
ลักษณะและจุดเด่น | ดีไซน์ดูเท่ คูล โดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น ๆ เหมาะสำหรับคนไลฟ์สไตส์สายสตรีท |
มาตรฐานการกันกระแทก | Military Grade Drop Test |
ความสูงที่ป้องกันได้ | 1.2 เมตร |
น้ำหนัก | 32 กรัม |
วัสดุ | โพลีคาร์บอเนต, TPU (Thermoplastic Polyurethane) |
2. ยี่ห้อ UAG รุ่น Monarch
ราคาโดยประมาณ 2,059 – 2,890 บาท
ถ้าเป็นคนซุ่มซ่าม ชอบทำ iPhone ตกบ่อย ๆ บอกเลยว่าเคสกันกระแทก iPhone ยี่ห้อ UAG รุ่น Monarch เคสนี้ จะช่วยลดความกังวล ลดความเสียหายของการตกหล่นมือถือได้เยอะเลยทีเดียวครับ เพราะตัวเคสทำมาจากวัสดุคุณภาพดี มีความแข็งแรง ทนทาน พร้อมทั้งมีการยกขอบทั้งด้านหน้ากับด้านหลังให้สูงขึ้น เพื่อช่วยลดการสัมผัสของหน้าจอและเลนส์กล้องเวลาตกพื้น อีกทั้งตัวเคสด้านในก็มีลักษณะคล้ายรังผึ้ง ซึ่งจะช่วยซึมซับและกระจายแรงขณะกระแทกได้ดี และยังมาพร้อมกับการป้องกันแบบ 5 layers อีกด้วย ทำให้เวลานำไปทดสอบการ Drop Test แล้ว จะสามารถป้องกันการกระแทกของมือถือได้ในระดับความสูงถึง 6 เมตร! เลยครับ
อย่างไรก็ตาม ทางด้านดีไซน์อาจจะดูแน่น ๆ อึดอัด ๆ ไม่ดูบางเบาเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ อีกทั้งยังให้ลักษณะที่ดูเข้ม ๆ แมน ๆ ซึ่งสาว ๆ อาจจะไม่ค่อยถูกใจเท่าไรนัก และด้วยความที่ป้องกันการกระแทกได้ดีมาก ก็ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างแพงตกเคสละประมาณ 2,000 บาท ++ เลยทีเดียว คือถ้าไม่ได้เป็นคนซุ่มซ่าม ไม่ได้ทำมือถือตกบ่อย ลองดูยี่ห้ออื่น ๆ ก็อาจจะดีกว่าครับ
ลักษณะและจุดเด่น | ป้องกันการกระแทกได้ดีเป็นยี่ห้ออันดับต้น ๆ / ดีไซน์ดูแข็งแรง ดูแน่น ๆ |
มาตรฐานการกันกระแทก | Military Standrad 810G-516.6 |
ความสูงที่ป้องกันได้ | 6 เมตร |
น้ำหนัก | 40 กรัม |
วัสดุ | Leather, Rubber, Polycarbonate, Thermoplastic Polyurethane |
3. ยี่ห้อ SPIGEN รุ่น Ultra Hybrid
ราคาโดยประมาณ 790 บาท
ใครที่ชอบเคสคลีน ๆ ใส ๆ ใส่แล้วโชว์ความสวยงามของตัวเครื่อง ผมคิดว่า เคสกันกระแทก iPhone ของ SPIGEN รุ่น Ultra Hybrid น่าจะตอบโจทย์ไม่น้อย ก็ดูจากรูปด้านบนสิครับ เห็นสีสัน โชว์ความสวยงามของมือถือ iPhone 13 กันเลยทีเดียว หรือถ้าไม่ชอบเคสใส ทางแบรนด์ก็มีสีดำให้เลือกซื้อกันด้วย และถึงจะดูบาง ๆ เบา ๆ แต่ก็มีการป้องกันการกระแทกที่ใช้ได้สำหรับระดับการใช้งานทั่ว ๆ ไป สามารถช่วยเชฟการตกจากที่สูงได้ประมาณ 1.2 เมตร และยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Air Cushion ของทางแบรนด์ ที่จะมาช่วยซับแรงกระแทกอีกด้วย ส่วนราคาอาจจะแพงเมื่อเทียบกับเคสทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าเทียบกับเคสกันกระแทกแล้วล่ะก็ ถือว่าโอเคเลยครับ
ลักษณะและจุดเด่น | เคสใส น้ำหนักเบา ใส่แล้วโชว์ความสวยของเครื่อง |
มาตรฐานการกันกระแทก | Military Grade |
ความสูงที่ป้องกันได้ | 1.2 เมตร |
น้ำหนัก | 34 กรัม |
วัสดุ | โพลีคาร์บอเนต, TPU (Thermoplastic Polyurethane) |
4. ยี่ห้อ NIMMY 360 Protection
ราคาโดยประมาณ 600 บาท
เอาใจคนรักสัตว์ รักน้องหมาน้องแมวกันสักนิดด้วยเคสกันกระแทก iPhone จาก NIMMY 360 Protection ที่ต้องบอกเลยว่า ดีไซน์โดดเด่นด้วยลวดลายของสัตว์ต่าง ๆ มากกก ไม่ว่าจะ ลายน้องหมา, น้องแมว, น้องหมี หรือน้องเสือ ก็มีให้เลือกซื้อกัน ซึ่งลายที่ออกแบบมาก็ทำได้คูล มีความน่ารักแบบเท่ ๆ อย่างลงตัว เท่านั้นยังไม่พอตัวลายยังเป็นแบบนูน 3D ไม่ใช่ลายพิมพ์ธรรมดา ๆ จึงทำให้เคสดูมีชีวิตชีวามากกก สีสันของเคสก็สวยงามอีกด้วย คือถ้ายก iPhone ขึ้นมาใช้ที ต้องมีแต่คนหันมามองกันแน่ ๆ แต่เรื่องกันกระแทกจะช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานที่สมบุกสมบัน เน้นใช้งานชิล ๆ มองความน่ารักของน้อง ๆ เป็นสำคัญครับ
ลักษณะและจุดเด่น | ลวดลายน้องหมา น้องแมวน่ารักมาก สีสันดูสดใสสุด |
มาตรฐานการกันกระแทก | N/A |
ความสูงที่ป้องกันได้ | N/A |
น้ำหนัก | N/A |
วัสดุ | โพลีคาร์บอเนต, TPU (Thermoplastic Polyurethane) |
5. ยี่ห้อ UAG รุ่น Civilian
ราคาโดยประมาณ 1,699 บาท
ถ้ากำลังอยากได้เคส iPhone ที่มีคุณสมบัติกันกระแทกได้ดีเหมือนยี่ห้อ UAG รุ่น Monarch แต่ไม่มีดีไซน์ที่ดูแข็ง ๆ ทื่อ ๆ หรือดูแน่น ๆ จนเกินไป ต้องขอแนะนำยี่ห้อ UAG รุ่น Civilian กันเลยครับ โดยเรื่องการกันกระแทกนั้น ถือว่าทำได้ดีพอ ๆ กับรุ่น Monarch เลยทีเดียว ไม่ว่าจะผ่านมาตฐานการ Drop test ของ Military Standrad ที่ 810G-516.6 ซึ่งสามารถช่วยเซฟการกระแทกตกหล่นได้ที่ความสูงถึง 6 เมตร! ในขณะที่ดีไซน์ดูไม่หนัก ดูบางเบากว่า อีกทั้งยังมีสีสันให้เลือกหลายสีด้วย
แต่สีที่ดูน่าสนใจ จะเป็นสี Frosted Ice ที่ให้อารมณ์เหมือนกำลังใส่เคสใส มาพร้อมด้วยลวดลายของผลึกน้ำแข็ง ทำให้เวลาใช้งาน ก็นอกจากจะช่วยปกป้องเครื่องแล้ว ยังช่วยโชว์ความสวยงามของตัวเครื่อง iPhone พร้อมด้วยดีเทลที่ดูแปลกตาครับ
ลักษณะและจุดเด่น | ป้องกันการกระแทกได้ดีเป็นยี่ห้ออันดับต้น ๆ / ดีไซน์ดูแข็งแรง แต่ไม่แน่น ไม่อึดอัดมาก มีความบางมากกว่ารุ่นอื่น ๆ |
มาตรฐานการกันกระแทก | Military Standrad 810G-516.6 |
ความสูงที่ป้องกันได้ | 6 เมตร |
น้ำหนัก | 30.5 กรัม |
วัสดุ | TPU (Thermoplastic Polyurethane) |
6. ยี่ห้อ rock space
ราคาโดยประมาณ 259 บาท
โดยปกติพวกเคสสำหรับกันกระแทก จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าเคสทั่ว ๆ ไป (ก็ลองดูจากยี่ห้อที่ผ่าน ๆ มาสิครับ ราคาระดับ 600 บาท ++) ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีงบ แต่ยังอยากได้เคสกันกระแทก iPhone อยู่ล่ะก็ อยากให้ลองดูยี่ห้อ rock space นี้เลยครับ เพราะตัวเคสมีราคาที่ไม่แพง ตกเคสล่ะประมาณ 259 บาทเท่านั้น และถึงจะมีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่า แต่ก็ยังช่วยป้องกันการกระแทกได้ดีในระดับหนึ่ง โดยตัวเคสได้ออกแบบมาให้แนบสนิทกับตัวเครื่อง มีความบางเบา ทำให้ถือแล้วไม่เทอะทะ
และตรงบริเวณมุมทั้ง 4 ก็มีการเสริมความแข็งแรง ทำให้รับแรงกระแทกได้เพิ่มมากขึ้น ดีไซน์ก็เป็นแบบใส ๆ มีความนิ่ม จับแล้วไม่แข็งกระด้างด้วย โดยรวมถือเป็นเคสกันกระแทก iPhone อีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
ลักษณะและจุดเด่น | เคสใสแบบนิ่ม จับแล้วไม่แข็งกระด้างมาก / ราคาไม่แพง |
มาตรฐานการกันกระแทก | N/A |
ความสูงที่ป้องกันได้ | N/A |
น้ำหนัก | N/A |
วัสดุ | โพลีคาร์บอเนต, TPU (Thermoplastic Polyurethane) |
7. ยี่ห้อ HI-SHIELD รุ่น SILKY SILICONE
ราคาโดยประมาณ 699 บาท
เจอกันแต่เคสพลาสติกแบบใส ๆ หรือพวกเคสพลาสติกแบบหนา ๆ แต่ไม่ชอบความรู้สึกของมือถือที่ถูกหุ้มด้วยพลาสติกแข็ง ๆ อยากได้เคสที่มีความนุ่ม ๆ ซอฟ ๆ ให้ภาพลักษณ์ที่ดูดี ดูหรูซะมากกว่า ถ้ายังงั้นลองมาใช้เคสกันกระแทก iPhone ยี่ห้อ HI-SHIELD รุ่น SILKY SILICONE กันเลยครับ เพราะตัวเคสจะทำมาจากซิลิโคนเป็นหลัก ทำให้ไม่เหลือความแข็ง ๆ ของพลาสติกอยู่เลย อีกทั้งเวลาสวมใส่ ก็แนบสนิทไปกับเครื่อง จึงช่วยป้องกันเครื่องได้รอบด้าน รวมถึงมีความนุ่ม จับแล้วแน่น กระชับมือ จึงช่วยลดโอกาสการลื่นหล่นขณะใช้งานอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่สีมีแค่สีดำเท่านั้น ถ้าไม่ชอบสีดำ คงต้องไปหาซื้อยี่ห้ออื่น ๆ ครับ
ลักษณะและจุดเด่น | เคสสีดำ ให้ภาพลักษณ์ที่แอบดูหรู ดูผู้ใหญ่ สีสันไม่ฉูดฉาด |
มาตรฐานการกันกระแทก | N/A |
ความสูงที่ป้องกันได้ | N/A |
น้ำหนัก | N/A |
วัสดุ | โพลีคาร์บอเนต, Liquid Silicone |
เป็นยังไงกันบ้าง หลังจากได้เห็นรีวิว “เคสกันกระแทก iPhone” ยี่ห้อไหนดี กันไปแล้วหลายยี่ห้อด้วยกัน ไม่ทราบว่า สนใจ อยากจะซื้อ ยี่ห้อไหน เคสไหน ไปใช้ใส่ iPhone เพื่อช่วยกันกระแทกกันบ้างครับ ??? ก็จากที่เห็น ๆ มาเนี่ย ก็มีทั้งยี่ห้อที่ราคาค่อนข้างแรง แพงกว่าคนอื่นไปมาก ๆ แต่ก็มีคุณสมบัติดี ป้องกันการกระแทกได้สูง ส่วนพวกยี่ห้อที่ราคาย่อมเยากว่า ก็ช่วยกันกระแทกได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังถือว่าช่วยอยู่นะ ยังไงก็ขอให้ได้ยี่ห้อที่ถูกใจ ใส่แล้วชอบ ดีไซน์สวย ทำ iPhone ตกแล้ว ไม่เกิดความเสียหายกันด้วยครับ
บรรณาธิการที่มีประสบการณ์ในการเขียนรีวิวสินค้าหลายชนิด
- สุขภาพ: อาหารเสริม, ออกกำลังกาย, การดูแลผิวพรรณ
- เครื่องใช้ไฟฟ้า: สมาร์ทโฮม, เครื่องใช้ในครัว, เครื่องใช้ในบ้าน, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
- ของกิน: ขนมหวาน เครื่องดื่ม, อาหารสุขภาพ, และเทรนด์อาหารอื่น ๆ