ถ้าได้หลงคลิกเข้ามาอ่านที่บทความ “เลซิติน” (Lecithin) ยี่ห้อไหนดี แสดงว่า กำลังมองหา และอยากซื้ออาหารเสริมเลซิตินสักยี่ห้อที่มีคุณภาพดีเพื่อนำไปทานช่วยบำรุงร่างกายและสมองกันอยู่ใช่ไหมล่ะครับ? ก็มาได้ถูกที่แล้ว เพราะบทความนี้ จะบอกหมดเปลือกเกี่ยวกับอาหารเสริมตัวนี้เลยว่า เลซิตินคืออะไร, เลซิตินช่วยอะไรบ้าง, ทานตอนไหนดี รวมถึงมีรีวิวอาหารเสริมเลซิตินที่น่าสนใจกันอีก 10 ยี่ห้อให้ดูด้วย ผมรับรองว่า ต้องมีสักยี่ห้อนี้แหละ ที่คุณผู้อ่านอยากจะซื้อไปทานกันแน่ ๆ ถ้างั้นเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา ไปอ่านบทความนี้กันได้เลยครับ
สารบัญ
มาทำความรู้จักกับสารอาหารอย่าง “เลซิติน” กันสักนิด
เลซิติน (Lecithin) คือ สารอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันต่าง ๆ หลายชนิดรวมกันเรียกกันว่า กลีเซอโรฟอสโฟลิปิด (Glycerophospholipids) ซึ่งจะประกอบไปด้วย Phosphatidylcholine (เป็นตัวที่พบเจอได้มากที่สุดในอาหารเสริมเลซิติน) , Phosphatidylethanolamine, Phosphatidylinositol, Phosphatidylserine และ Phosphatidic Acid ครับ
และเจ้าสารอาหารอย่างเลซิตินเนี่ย จะพบได้มากในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะทั้งของพืชและของสัตว์ ซึ่งสำหรับร่างกายของคนเรานั้น จะพบเลซิตินได้มากที่ ตับ, หัวใจ และสมอง โดยเฉพาะสมองจะพบเลซิตินได้มากถึง 30% เลยทีเดียว จึงช่วยบำรุงสมองได้ดีมาก ส่วนแหล่งอาหารที่พบเลซิตินได้มากก็จะมี ไข่แดง, เนื้อสัตว์, ถั่วเหลือง, เมล็ดพืช เช่น ดอกทานตะวันเมล็ด และผักบางชนิด เช่น ข้าวโพด เป็นต้น ถ้าคิดว่าทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริมเลซิตินก็ได้ครับ
เลซิตินช่วยอะไร?
เอาจริง ๆ เลซิตินช่วยบำรุงร่างกายในหลายด้านเอามาก ๆ ไม่ว่าจะ ช่วยบำรุงหัวใจให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น, ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกัน, ช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น, ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นและนุ่มนวล, ช่วยทำให้ท่อน้ำนมของคุณแม่ไม่อุดตัน และทำให้การให้นมเด็ก ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น (คุณหมอชาวแคนนาดาแนะนำให้ทาน เลซิตินครั้งละ 1,200 mg ที่ 4 ครั้งต่อวัน เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องท่อน้ำนมอุดตัน) แต่ที่คนเราหันมาทานอาหารเสริมเลซิตินโดยหลัก ๆ ก็เพื่อที่จะให้เลซิตินช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายและบำรุงสมองครับ
โดยได้มีงานวิจัยที่ให้ผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูงในร่างกาย ได้ทานอาหารเสริมเลซิตินที่ 500 mg เป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน พอตรวจร่างกายแล้วก็พบว่า ปริมาณของคอเลสเตอรอลโดยรวมในร่างกายได้ลดลงถึง 42% ส่วน LDL คอเลสเตอรอล ก็ลดลงถึง 56.15% ด้วย เพราะฉะนั้นผู้ที่อยากลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย ก็หันมาทานเลซิตินเพิ่มเติมกันดีกว่าครับ (แต่ไม่มีงานวิจัยระบุว่า ถ้าทานที่ความเข้มข้นสูงกว่านี้ จะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ดีขึ้น ก็แนะนำลองทานที่ 500 mg ดูก่อนครับ)
ส่วนเรื่องการบำรุงสมอง เนื่องจากเลซิตินมีส่วนประกอบสำคัญคือ โคลีนที่ได้จาก Phosphatidylcholine ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมอง รวมถึงมีส่วนช่วยให้ความสามารถในการจดจำได้ดีขึ้น โดยจากงานวิจัยอีกเช่นกัน ที่ได้มีการให้เลซิตินกับสัตว์ทดลองอย่าง “หนู” ตอนยังเป็นทารกเพิ่มเติม ผลปรากฏว่า พฤติกรรมต่าง ๆ ของหนูดูเป็นระเบียบและระบบมากขึ้น ก็แสดงว่า มีความทรงจำที่ดีมากขึ้นนั้นเอง นอกจากนี้ ด้วยการที่โคลีนมีผลต่อการพัฒนาและบำรุงสมอง การทานเลซิตินจึงสามารถช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับสมองต่าง ๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์, ภาวะสมองเสื่อม รวมถึงพวกความผิดปกติของระบบประสาทได้ด้วยครับ
แต่นอกจากเลซิตินแล้ว ยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่สามารถช่วยบำรุงสมองได้ดีเช่นกัน ทำให้ถ้าทานเลซิตินและสารอาหารเหล่านี้อีก ก็จะยิ่งบำรุงสมองได้ดีมากขึ้น ถ้ายังไงสนใจละก็ ขอฝากบทความด้านล่างด้วยครับ
ทานเลซิตินตอนไหนดี เท่าไรดี?
ถ้าเอาตามหลักทฤษฎีจริง ๆ ทางทฤษฎีได้แนะนำไว้ว่า ควรที่จะทานเลซิตินในขณะที่ท้องว่าง และควรทานก่อนมื้ออาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง และไม่ควรทานเลซิตินหลังจากมื้ออาหารแล้วอย่างน้อย 30 นาที แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องไปตามนี้เป๊ะ ๆ ก็ได้ครับ เน้นเรื่องความสะดวกจะดีกว่า อีกทั้งหลาย ๆ แบรนด์ที่ขายอาหารเสริมก็ยังแนะนำให้ทานพร้อมกับมื้ออาหารเลยด้วย
ส่วนปริมาณที่ควรทาน เนื่องจากองค์กรอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาไม่ได้ระบุปริมาณที่ควรทานเอาไว้ จึงไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดว่าควรทานเท่าไร แต่มีคำแนะนำว่า ไม่ควรทานเกินวันละ 5,000 mg นอกจากนี้ อาหารเสริมเลซิตินส่วนใหญ่จะทำมาจาก “ถั่วเหลือง” ถ้าเป็นคนที่แพ้ถั่วเหลือง ก็ต้องระวังตัวกันด้วยนะครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เลซิติน” ยี่ห้อไหนดี
ก็สำหรับใครที่อาจจะไม่มีเวลาอ่านเนื้อหาทั้งหมด หรืออยากจะอ่านแบบสรุปย่อ ๆ เลยซะมากกว่า ก็กดเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบที่ปุ่มด้านล่างได้นะครับ ทางผมได้นำแต่ละยี่ห้อมาวางเรียงเทียบกันให้แล้ว จะได้เห็น ๆ กันไปเลยว่า แต่ละยี่ห้อมีราคาประมาณเท่าไร ความเข้มข้นของสารอาหารเลซิตินเป็นอย่างไร มีส่วนผสมเพิ่มเติมอื่น ๆ อีกไหม จะเป็นการช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ก็เหมือนกับเป็นการสรุปคร่าว ๆ ให้ด้วยครับ
1. เลซิติน ยี่ห้อ DHC Lecithin
ราคาโดยประมาณ 230 บาท ต่อ 120 เม็ด
ถ้ากำลังมองหาอาหารเสริมเลซิตินยี่ห้อที่มีคุณภาพดี, ราคาย่อมเยา และหาซื้อได้ง่ายอยู่ละก็ ผมขอแนะนำยี่ห้อ DHC จากญี่ปุ่นกันเลยครับ โดยจะมาในซองสีเหลืองขาวที่มีซิปล็อค จึงช่วยให้จัดเก็บได้ง่าย และที่ 1 เม็ด ก็จะมีความเข้มข้นของเลซิตินที่ 337.5 mg และมีไขมันฟอสโฟไลปิดที่ 202.5 mg ด้วย อาจจะดูความเข้มข้นน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ แต่ทาง DHC เอง ก็แนะนำว่า ให้ทานวันละ 4 เม็ด ก็จะทำให้ได้เลซิตินถึง 1,350 mg ก็ถือว่าสูงใช้ได้ อีกทั้งด้วยความที่แต่ละเม็ดมีความเข้มข้นน้อย ก็ทำให้ไม่จำเป็นต้องทานทีเดียว สามารถแบ่งการทานออกได้ เช่น แบ่งเป็นเช้า 2 เย็น 2 เป็นต้น หรือถ้าคิดว่า 4 เม็ดนั้นมากเกินไป ก็ทานวันละ 2 เม็ด ยังได้ครับ
ประเภท | เม็ดนิ่ม |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | 337.5 mg |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | 202.5 mg |
ส่วนผสมอื่น ๆ | – |
ปริมาณที่ควรทาน | ทางแบรนด์แนะนำ วันละ 4 เม็ด |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
2. อาหารเสริมเลซิติน ยี่ห้อ now Foods, Lecithin
ราคาโดยประมาณ 350 บาท ต่อ 100 เม็ด
now Foods เป็นหนึ่งในยี่ห้อจากสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงเรื่องของอาหารเสริม และมีขายกันหลากหลายชนิดเอามาก ๆ ซึ่งอาหารเสริมเลซิตินเอง ทางเขาก็มีขายเช่นกันครับ โดยถ้าดูจากตารางข้อมูลด้านล่างแล้ว จะเห็นว่า มีความเข้มข้นของเลซิตินที่สูงถึง 1,200 mg ต่อเม็ดเลยทีเดียว สูงกว่า DHC ตัวด้านบนถึง 4 เท่า! แต่ราคากลับแพงกว่านิดเดียวเท่านั้น อีกทั้งทางแบรนด์เอง ก็ยังแนะนำว่า ให้ทานวันละ 3 เม็ด ก็จะได้เลซิตินถึง 3,600 mg และไขมันฟอสโฟไลปิดที่ 500 mg ด้วย ในขณะที่ DHC ถ้าอยากได้ความเข้มข้นเท่ากัน ต้องทานถึง 11-12 เม็ดเลยทีเดียว ยังไงถ้าเน้นเรื่องความเข้มข้นและความคุ้มค่าแล้วละก็ ยี่ห้อนี้ตอบโจทย์เลยครับ
ประเภท | เม็ดนิ่ม |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | 1,200 mg |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | 166.67 mg |
ส่วนผสมอื่น ๆ | – |
ปริมาณที่ควรทาน | ทางแบรนด์แนะนำ วันละ 3 เม็ด |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
3. ยี่ห้อ now Foods, Sunflower Liquid Lecithin
ราคาโดยประมาณ 850 บาท ต่อ 473 ml
สำหรับใครที่ไม่ชอบทานอาหารเสริมเลซิตินแบบเม็ด ๆ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเพราะ ทาง Now Food เขาก็มีอาหารเสริมเลซิตินแบบของเหลวให้เลือกทานกันด้วยนะครับ กับ Sunflower Liquid Lecithin ที่มีความพิเศษกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ตรงที่ ไม่มีส่วนผสมของถั่วเหลือง ใครที่แพ้ถั่วเหลืองก็สามารถทานได้อย่างสบายใจ และด้วยความที่เป็นของเหลว ก็สามารถประยุกต์การทานได้หลายอย่างเลยทีเดียว ไม่ว่าจะทานแบบเพียว ๆ 1 ช้อนโต๊ะก็ได้ หรือจะนำไปผสมกับนม, เวย์โปรตีน, น้ำผลไม้ต่าง ๆ หรือเอาไปใช้เป็นน้ำสลัด ทานกับสลัดผักก็ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารเพิ่มเติมหลายอย่าง (ดูได้จากตารางด้านล่าง) จึงให้คุณประโยชน์ที่มากกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ที่มีแต่เลซิตินเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ก็น่าเสียดายที่ทางแบรนด์เขาไม่ได้ระบุว่า มีเลซิตินเข้มข้นที่เท่าไร เขาจะระบุมาในแบบของไขมันฟอสโฟไลปิด 3 ชนิด แบบเป็น % แทน ก็ถ้ากังวลเรื่องความเข้มข้น การทานแบบเม็ดจะดีกว่า ซึ่งส่วนใหญ่อาหารเสริมแบบเม็ดจะเข้มข้นกว่าแบบของเหลวอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากลองของใหม่ ๆ ที่ทานง่ายกว่า และอร่อยกว่า ต้องลองยี่ห้อนี้แบบของเหลวเลยครับ
ประเภท | ของเหลว |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | N/A |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | มี 3 ชนิด Phosphatidyl Choline 19 % / Phosphatidyl Inositol 12% / Phosphatidyl Ethanolamine 7% |
ส่วนผสมอื่น ๆ | Calcium 23 mg / Potassium 75 mg / Iron 0.3 mg / Phosphorus 256 mg |
ปริมาณที่ควรทาน | วันละ 1 ช้อนโต๊ะ |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
4. ยี่ห้อ Blackmores Lecithin 1200
ราคาโดยประมาณ 265 บาท ต่อ 100 เม็ด
Blackmore ยี่ห้ออาหารเสริมจากออสเตรเลียที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก คนไทยน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว โดยถ้าเทียบเรื่องยอดขายของอาหารเสริมเลซิตินกับยี่ห้ออื่น ๆ แล้วละก็ Blackmore ชนะขาดเลยครับ เพราะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเมืองไทย และยังมียอดขายในอินเตอร์เน็ทระดับ 1,000-2,000 ++ เลยด้วย โดยความเข้มข้นของเลซิตินก็จะอยู่ที่ 1,200 mg เช่นเดียวกันกับยี่ห้อ now Foods แบบเม็ดตัวด้านบน และไขมัน Phospholipid ก็ที่ 172.5 mg มีความใกล้เคียงกันด้วย แต่ Blackmore จะมีราคาต่อหน่วยที่ถูกกว่า คุ้มค่ากว่า ก็ถ้าไม่อยากคิดมาก หรือไม่รู้จะซื้อเลซิตินยี่ห้อไหนดี จัด Blackmore ไปเลยครับ
ประเภท | แคปซูล |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | 1,200 mg |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | 172.5 mg |
ส่วนผสมอื่น ๆ | – |
ปริมาณที่ควรทาน | วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร |
สัญชาติ | ออสเตรเลีย |
5. ยี่ห้อ Kyolic, Aged Garlic Extract with Lecithin
ราคาโดยประมาณ 495 บาท ต่อ 100 เม็ด
สำหรับอาหารเสริมเลซิตินตัวนี้จะดูแปลก ๆ ไปจากยี่ห้ออื่น ๆ เพราะให้เลซิตินที่น้อยมาก เพียงแค่เม็ดละ 190 mg และให้ไขมัน Phospholipid น้อยด้วยที่ 27.3 mg เท่านั้น (น้อยกว่า DHC ตัวด้านบนซะอีก) ซึ่งจริง ๆ แล้ว อาหารเสริมตัวนี้จะไม่ได้เน้นเลซิตินเป็นหลัก แต่จะไปเน้นเรื่องของสารสกัดกระเทียมที่เข้มข้นถึง 300 mg ต่อเม็ดแทน ซึ่งเจ้าสารสกัดกระเทียมเนี่ย ก็จะมาช่วยละลายไขมันที่อุดตันและเกาะตามผนังของหลอดเลือด เมื่อไขมันลดน้อยลง เลือดก็จะสามารถไหลเวียนได้ง่ายขึ้น ความดันโลหิตจึงลดลง อีกทั้งยังช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี เพิ่มไขมันดีด้วย ก็ถือว่ามาเสริมประสิทธิภาพในการต่อสู้กับไขมันพร้อมกับเลซิตินเลยครับ แต่ถ้าอยากได้ความเข้มข้นของเลซิตินสูง ๆ ละก็ ยี่ห้อนี้จะไม่ตอบโจทย์ครับ
ประเภท | แคปซูล |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | 190 mg |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | ไม่ระบุ ประมาณการที่ 27.3 mg |
ส่วนผสมอื่น ๆ | สารสกัดกระเทียม 300 mg |
ปริมาณที่ควรทาน | ทางแบรนด์แนะนำ วันละ 4 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร แบ่งเป็นมื้อเช้า 2 เย็น 2 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
6. ยี่ห้อ Mega we care Lecithin
ราคาโดยประมาณ 224 บาท ต่อ 100 เม็ด
Mega We care Lecithin ถ้าดูจากตารางข้อมูลด้านล่างแล้ว เรียกว่าแทบจะเหมือนกับยี่ห้อด้านบนอย่าง Blackmores 1200 และ now Foods แบบเม็ดเลยครับ โดยจะมีความเข้มข้นของเลซิตินที่เท่ากัน 1,200 mg ต่อเม็ด และไขมันฟอสโฟไลปิดก็ที่พอ ๆ กันด้วย แล้วแบบนี้จะแตกต่างกันที่ตรงไหน? ก็ Mega we care จะเป็นของคนไทย ส่วนอีกสองยี่ห้อจะเป็นของนอก ซึ่งปกติของนอกจะมีมาตรฐานการผลิตที่ดีกว่า แต่เอาจริง ๆ ณ ปัจจุบันนี้ คนไทยก็ผลิตก็ได้มีมาตรฐานเหมือน ๆ กันแล้ว ไม่ต้องคิดมาก จะซื้อของไทยหรือของนอกก็สบายใจได้ อีกทั้งชื่อแบรนด์ Mega We care ก็ยิ่งไม่ต้องห่วงมั่นใจได้ นอกจากนี้ ราคาก็ถูกกว่า Blackmore ด้วยนะ ก็ถ้าไม่คิดอะไรมาก ขอแนะนำยี่ห้อนี้เลยครับ
ประเภท | แคปซูล |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | 1,200 mg |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | 180 mg |
ส่วนผสมอื่น ๆ | – |
ปริมาณที่ควรทาน | วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร |
สัญชาติ | ไทย |
7. ยี่ห้อ VISTRA Soy Lecithin
ราคาโดยประมาณ 180 บาท ต่อ 90 เม็ด
VISTRA อีกหนึ่งยี่ห้ออาหารเสริมของคนไทยที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา ซึ่งทางแบรนด์ก็มีขายอาหารเสริมเลซิตินเช่นกันครับ กับ VISTRA Soy Lecithin ที่ให้ความเข้มข้นของเลซิตินต่อเม็ดที่ 1,200 mg ก็อยู่ในระดับเดียวกันกับหลาย ๆ ยี่ห้อ ส่วนไขมันฟอสโฟไลปิดที่เม็ดละ 198 mg ก็แอบจะดูมากกว่านิดหนึ่ง แต่ที่แตกต่างอย่างแน่นอนก็คือ มีการใส่วิตามิน E มาเพิ่มที่ 7.66 mg ก็ทำให้เวลาทานยี่ห้อนี้ จะได้รับสารอาหารที่มากกว่ายี่ห้ออื่น ๆ และที่สำคัญราคาก็ถือว่าถูกกกกด้วย เพราะตกเม็ดละ 2 บาทเท่านั้น ก็เป็นอาหารเสริมเลซิตินอีกยี่ห้อที่น่าสนใจและน่าจับตามองครับ
ประเภท | แคปซูล |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | 1,200 mg |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | 198 mg |
ส่วนผสมอื่น ๆ | วิตามิน E 7.66 mg |
ปริมาณที่ควรทาน | วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร |
สัญชาติ | ไทย |
8. ยี่ห้อ Centuria Lecithin
ราคาโดยประมาณ 199 บาท ต่อ 50 เม็ด
ยังมีอาหารเสริมเลซิตินจากสหรัฐอเมริกากันอีกหลายยี่ห้อ และหนึ่งในนั้นที่น่าสนใจก็คือ ยี่ห้อ Centuria Lecithin ตัวนี้เลยครับ โดยถ้าดูความเข้มข้นของเลซิตินก็อยู่ที่ 1,200 mg เช่นเดียวกันกับยี่ห้ออื่น ๆ แต่ยี่ห้อนี้ จะมีไขมัน Phospholipid ที่แบ่งเป็น Phosphatidylcoline 228 mg และ Phosphatidylinnositol 108 mg พอรวมกันแล้วก็จะได้ความเข้มข้นถึง 336 mg ก็ทำให้ค่อนข้างสูงกว่าหลาย ๆ ยี่ห้อเลย ถ้าสนใจที่กรดไขมัน Phospholipid เป็นหลัก ยี่ห้อนี้จะตอบโจทย์ครับ แต่ราคาต่อหน่วยก็แอบแพงกว่าด้วยเน้อ
ประเภท | แคปซูล |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | 1,200 mg |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | 336 mg |
ส่วนผสมอื่น ๆ | – |
ปริมาณที่ควรทาน | วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
9. ยี่ห้อ Healthy Care Super Lecithin
ราคาโดยประมาณ 340 บาท ต่อ 100 เม็ด
ถ้าพูดถึงอาหารเสริมจากประเทศออสเตรเลียที่ดัง ๆ ในบ้านเราละก็ หลาย ๆ คนคงจะยกให้กับยี่ห้ออย่าง Blackmores ใช่ไหมล่ะครับ แต่เอาจริง ๆ ทางออสเตรเลียเขายังมียี่ห้ออื่น ๆ อีกเพียบอย่างยี่ห้อ Healthy Care และถ้าพูดถึงอาหารเสริมเลซิตินสำหรับแบรนด์นี้ละก็ ต้อง Healthy Care Super Lecithin ตัวนี้เลยครับ โดยจะให้ความเข้มข้นของเลซิตินที่ 1,200 mg เหมือนยี่ห้ออื่น ๆ เช่นกัน แต่แบรนด์นี้ เขาไม่ได้ระบุว่า ทานแล้วจะได้กรดไขมัน Phospholipid เท่าไร แต่ก็คิดว่าน่าจะเท่ากับยี่ห้ออื่น ๆ ที่ 180-200 mg รวม ๆ แล้วก็คุณสมบัติเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ แต่เป็นของดีมีคุณภาพจากออสเตรเลีย ถ้ายังไงสนใจ ก็ลองซื้อไปทานได้ครับ
ประเภท | แคปซูล |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | 1,200 mg |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | ไม่ระบุ ประมาณการที่ 180-200 mg |
ส่วนผสมอื่น ๆ | – |
ปริมาณที่ควรทาน | ทางแบรนด์แนะนำ วันละ 1-3 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร |
สัญชาติ | ออสเตรเลีย |
10. ยี่ห้อ Swisse Lecithin
ราคาโดยประมาณ 610 บาท ต่อ 150 เม็ด
Swisse Lecithin เป็นอีกหนึ่งอาหารเสริมเลซิตินจากประเทศออสเตรเลียที่ต้องขอบอกเลยว่า เป็นเกรด Premium มีการใช้วัตถุดิบอย่างดี และมีมาตรฐานที่สูงในการผลิตด้วย แต่ด้วยความที่เกรด Premium ก็ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างแพงมาก และแพงเป็นอันดับต้น ๆ ในกลุ่มอาหารเสริมตัวนี้เลยทีเดียว แต่คุณสมบัติกลับไม่ค่อยมีอะไรที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่น ๆ เท่าไร ความเข้มข้นของเลซิตินก็เท่ากัน ให้กรดไขมัน Phospholipid ที่พอ ๆ กันด้วย ก็เป็นยี่ห้อที่ถ้ามีเงินเหลือ ๆ หรือเป็นคนชอบของเกรด Premium ก็ขอแนะนำ แต่ถ้างบไม่พอ ไปซื้อยี่ห้ออื่นทานเถอะครับ
ประเภท | แคปซูล |
ปริมาณ Lecithin ต่อเม็ด | 1,200 mg |
ให้กรดไขมัน Phospholipid | ไม่ระบุ ประมาณการที่ 180-200 mg |
ส่วนผสมอื่น ๆ | – |
ปริมาณที่ควรทาน | ทางแบรนด์แนะนำ วันละ 5 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร ถ้าคิดว่าเยอะไป วันละ 2-3 เม็ดพอ |
สัญชาติ | ออสเตรเลีย |
เป็นยังไงกันบ้างครับ ได้เห็น “เลซิติน” ยี่ห้อไหนดี กันไปแล้วทั้งหมด 10 ยี่ห้อด้วยกัน สนใจอยากจะซื้อยี่ห้อไหนตัวไหนไปทานเพื่อช่วยบำรุงสมอง และต่อสู้กับพวกโคเลสเตอรอลตัวร้ายกันบ้างครับ? โดยยี่ห้อส่วนใหญ่เท่าที่เห็นมาเนี่ย ก็จะมีความเข้มข้นของเลซิตินอยู่ที่ 1,200 mg จะมีเพียงบางยี่ห้อที่มีความเข้มข้นน้อยกว่านี้ ก็ลอง ๆ เลือกซื้อกันดูว่า ยี่ห้อไหนความเข้มข้นเท่าไหร่ที่เหมาะสมมากที่สุด ยังไงก็ขอให้ได้ตัวที่ถูกใจ ทานแล้วช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายและสมองกันด้วยนะครับผม
บรรณาธิการที่มีประสบการณ์ในการเขียนรีวิวสินค้าหลายชนิด
- สุขภาพ: อาหารเสริม, ออกกำลังกาย, การดูแลผิวพรรณ
- เครื่องใช้ไฟฟ้า: สมาร์ทโฮม, เครื่องใช้ในครัว, เครื่องใช้ในบ้าน, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
- ของกิน: ขนมหวาน เครื่องดื่ม, อาหารสุขภาพ, และเทรนด์อาหารอื่น ๆ