ก็ถ้าคลิกเข้ามาอ่านรีวิวที่บทความนี้ “น้ำตาเทียม” ยี่ห้อไหนดี แสดงว่า กำลังมีปัญหากับอาการตาแห้ง อาการระคายเคือง หรือพอมองหน้าจอนาน ๆ ตาก็พร่ามัว มองภาพข้างหน้าไม่ค่อยชัด กันอยู่ใช่ไหมล่ะครับ ?? ก็บอกเลยว่า คลิกเข้ามาได้ถูกที่ถูกบทความแล้ว เพราะที่นี่ ทางผมได้ไปรวบรวมยี่ห้อน้ำตาเทียมที่น่าสนใจ ยี่ห้อที่เด็ด ๆ ปัง ๆ มียอดขายสูง มีรีวิวดีงาม รวมถึงบางยี่ห้อก็นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มาให้ดูกันถึง 10 ยี่ห้อ 10 หลอดกันเลยทีเดียว และถ้าทุกคนได้ลองอ่านเนื้อหากันจนจบล่ะก็ จะต้องอยากซื้อ ไม่ยี่ห้อใดก็ยี่ห้อหนึ่ง หรืออยากลองหลาย ๆ ยี่ห้อกันอย่างแน่นอน ส่วนจะมียี่ห้ออะไรมารีวิวให้ดูแบบจัดหนักจัดเต็มกันบ้างนั้น ก็ตามมาเลยครับ !
สารบัญ
ประเภทของน้ำตาเทียม
ก็ถ้าใครรู้จักประเภทของน้ำตาเทียมกันดีอยู่แล้ว ก็ข้ามผ่านหัวข้อนี้ไปดูรีวิวกันต่อได้เลยนะครับ แต่ถ้าอยากจะอ่านสักหน่อยล่ะก็ น้ำตาเทียมหลัก ๆ จะมี 3 ประเภทดังนี้
1. แบบของเหลว
เป็นแบบที่พบเห็นได้มากที่สุด คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะใช้งานง่าย เพียงแค่หยดน้ำยาลงบนดวงตา และหลังจากหยดแล้ว ก็จะให้ความชุ่มชื้นที่ดีมาก ลดอาการตาแห้งได้ในทันที อีกทั้งถ้าใช้ยี่ห้อที่มีความเย็นระดับสูง ๆ ก็จะยิ่งรู้สึกตื่นตัว รู้สึกเฟรช พร้อมสำหรับการทำงานในรอบบ่าย แต่อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการให้ความชุ่มชื้นจะสั้นที่สุดเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ จึงต้องหยดตาบ่อยกว่าด้วยนั่นเองครับ
2. แบบเจล
เป็นประเภทที่ให้ความชุ่มชื้นในระดับปานกลางจนถึงดี ซึ่งถ้าเทียบกับแบบของเหลวจะชุ่มชื้นน้อยกว่า รวมถึงการใช้งานก็จะยุ่งยากกว่า แต่ระยะเวลาในการเติมความชุ่มชื้นให้ดวงตาจะนานกว่า โดยหลังจากบีบเจลลงบนดวงตาเสร็จ ดวงตาจะโดนเจลเคลือบ ทำให้มองเห็นภาพไม่ค่อยชัด แต่ก็ไม่นานมาก กะพริบตาถี่ ๆ ตัวเจลก็ไหลไปเคลือบตาจนหมด ซึ่งประเภทนี้ จะเหมาะสำหรับคนที่ตาแห้งมาก หรือคนที่ใช้แบบของเหลวแล้วไม่เพียงพอ จนต้องการใช้แบบเจลเสริมในระหว่างวัน รวมถึงตอนกลางคืนครับ
3. แบบขี้ผึ้ง
เป็นประเภทที่มีลักษณะเหนียว ๆ หนืด ๆ จึงไม่สามารถหยดลงบนดวงตาได้ ต้องทำการป้ายตา หรือเอาปลายหลอดมาอยู่ใกล้ ๆ ตา แล้วค่อยบีบขี้ผึ้งให้แปะกับตา ซึ่งเรื่องความชุ่มชื้นก็สู้พวกแบบของเหลวกับแบบเจลไม่ได้เลย แต่ถ้าเทียบเรื่องระยะเวลาในการให้ความชุ่มชื้น ขี้ผึ้งก็จะดีกว่ามาก โดยป้ายตาทีสามารถอยู่ได้นานถึง 5-6 ชั่วโมง แต่เวลาป้ายตา ก็จะมองภาพข้างหน้าไม่ชัดหลายนาทีอยู่เหมือนกัน ดังนั้นประเภทนี้ จึงเหมาะสำหรับคนที่ตาแห้งมาก ๆๆ เท่านั้น และควรที่จะใช้ก่อนนอนเท่านั้นด้วยครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว น้ำตาเทียม ยี่ห้อไหนดี
ก็สำหรับใครที่ไม่มีเวลาอ่านเนื้อหารีวิวทั้งหมด หรืออยากจะอ่านแบบสั้น ๆ มีการสรุปรวบรัดให้แล้ว ทางผมก็ขอแนะนำให้ลองกดที่ปุ่มด้านล่าง เพื่อเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบ รวมถึงสามารถเลื่อนตารางไปมาซ้ายขวา ให้เห็นสินค้าทั้ง 10 ยี่ห้อแบบพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
1. ยี่ห้อ Rohto cool
ราคาโดยประมาณ 70-90 บาท ต่อ 1 กระปุก
ถ้าถามถึงยี่ห้อน้ำตาเทียมที่ผมซื้อซ้ำบ่อย ใช้ค่อนข้างบ่อย คงต้องยกให้กับยี่ห้อ Rohto cool ฝาสีน้ำเงิน จากประเทศญี่ปุ่นกันเลยครับ ส่วนหนึ่งที่ซื้อใช้บ่อยก็เพราะว่า ราคาไม่แพงมาก ตกขวดละประมาณ 70-90 บาท เท่านั้น ทำให้ซื้อใช้บ่อย ๆ ได้สบาย ๆ อีกทั้งการหยดตาก็ทำได้ง่าย กระปุกออกแบบมาดี และที่สำคัญมีส่วนผสมในการบำรุงที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินอี, วิตามินบี 6, โซเดียม กับโพแทสเซียม และพอหยดตาแล้ว จะรู้สึกความเฟรช ความชุ่มชื้นในทันทีเลยทีเดียว และที่สำคัญ คุณภภาพดีงามมากจนมีรีวิวและยอดขายสูงมากในโลกออนไลน์ถึงระดับ 60k ชิ้น ++ คือบอกเลยว่า ถ้ายังไม่รู้จะซื้อยี่ห้อไหนดี ลองเริ่มจากตัวนี้ได้เลยครับ
ประเภท | ของเหลวใส |
ความชุ่มชื้น | ให้ 5/5 หยดแล้วชุ่มชื้นตาดีมาก |
ความเย็น | มีความเย็นระดับหนึ่ง ทำให้รู้สึกตื่นตัวและเฟรช แต่ถ้าไม่ชอบ ลองฝาสีส้มที่มีความเย็นน้อยกว่าได้ |
ความแสบตา | ไม่แสบตา |
ความรู้สึกหลังใช้ | ดี หลังหยดแล้วตาใส ภาพชัด ลดอาการตาแห้งได้ดี |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 1-2 ชั่วโมง |
อื่น ๆ | ราคาไม่แพง ซื้อใช้บ่อย ๆ ได้ ไม่เปลือกมาก แต่ถ้าตาแห้งมาก แนะนำตัวอื่นจะดีกว่า |
2. ยี่ห้อ Rohto Gold40
ราคาโดยประมาณ 275-300 บาท ต่อ 1 กระปุก
สำหรับใครที่ตาแห้งมาก ใช้พวกน้ำตาเทียมทั่ว ๆ ไปแล้วเอาไม่อยู่ ผมอยากให้ลองยี่ห้อ Rohto Gold40 กระปุกสีทองจากญี่ปุ่นกันเลยครับ เพราะเป็นยี่ห้อที่เขาบอกตัวเองว่า ทำออกมาสำหรับผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า 40 ปีเป็นต้นไป และจากที่ผมได้ทดลองใช้มาก็พบว่า ดีงามมากกกก หยดตาแล้วตาใส ตาสดชื่น ลดอาการระคายเคืองตาได้ดีแบบสุด ๆ และดีกว่ายี่ห้อ Rohto cool ตัวด้านบนด้วย แต่เป็นยี่ห้อที่หยดตาแล้วแสบตาค่อนข้างมาก แสบตาเหมือนตอนโดนยาหม่องป้ายตายังไงยังงั้น ซึ่งตอนผมหยดครั้งแรกคือสะดุ้งเลยทีเดียว แต่หลังจากนั้นคือดีจริง ตาใส ตาหายระคายเคือง ตาชุ่มชื้นแบบสุด ๆ ก็ใครที่ตาแห้งมากขอแนะนำจริง ๆ ครับ !
ประเภท | ของเหลวใส |
ความชุ่มชื้น | ให้ 5/5 หยดแล้วชุ่มชื้นตาดีมาก |
ความเย็น | มีความเย็นระดับหนึ่ง ทำให้รู้สึกตื่นตัวและเฟรช แต่ถ้าไม่ชอบ ลองฝาสีเขียวที่มีความเย็นน้อยกว่าได้ |
ความแสบตา | แสบตามาก เหมือนโดนยาหม่องป้ายตา |
ความรู้สึกหลังใช้ | ดีงามสุด ตาใส อาการระคายเคืองหายปลิดทิ้ง |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 1-2 ชั่วโมง |
อื่น ๆ | ราคาค่อนข้างแพง แพงกว่าพวกยี่ห้อทั่ว ๆ ไป 3-4 เท่า แต่ของดีจริง |
3. ยี่ห้อ GenTeal Gel
ราคาโดยประมาณ 210 บาท ต่อ 1 หลอด
ใครที่คิดว่า มีดวงตาค่อนข้างแห้ง ใช้แค่น้ำตาเทียมแบบของเหลวหยด ๆ แล้วไม่เพียงพอ อยากจะได้แบบประเภทเจลมาช่วยเสริมในระหว่างวัน ผมคงต้องขอแนะนำยี่ห้อ GenTeal Gel ตัวนี้กันเลยครับ โดยตัวเจลจะมีสีใสคล้ายน้ำและมีความเหนียวเล็กน้อย พอตอนนำไปใช้บีบลงบนตาแล้ว ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นนิด ๆ กับความชุ่มชื้นบริเวณที่โดนเจลเท่านั้น ส่วนอื่น ๆ ต้องรอให้เกิดการกะพริบตาก่อนถึงจะรู้สึกได้ และหลังจากที่ใช้ ก็จะรู้สึกได้ถึงดวงตาที่มีความชุ่มชื้นค่อนข้างยาวนาน ไม่ต้องคอยหยดตาบ่อย ๆ เหมือนพวกของเหลว จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่สะดวกหยด หรือคนที่ต้องใช้ดวงตาทำงานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน และใครที่ตาแห้งมาก ๆ ก็ควรหามาใช้เสริมครับ
ประเภท | เจลใส |
ความชุ่มชื้น | ให้ 3/5 ความชุ่มชื้นปานกลาง |
ความเย็น | เย็นเล็กน้อย |
ความแสบตา | ไม่แสบตา |
ความรู้สึกหลังใช้ | ตาจะมีเจลมาเคลือบ ทำให้ตามัว ๆ หลายนาที / ส่วนความชุ่มชื้นอยู่ในระดับพอใช้ได้ |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 3-4 ชั่วโมง |
อื่น ๆ | เหมาะสำหรับคนตาแห้งที่ต้องการเสริมด้วยเจลตอนกลางวันหรือกลางคืน |
4. ยี่ห้อ PATANJAIL Drishti
ราคาโดยประมาณ 79 บาท ต่อ 1 หลอด
ใครที่ชอบความท้าทาย อยากได้น้ำตาเทียมแบบโหด ๆ ต้องบอกเลยว่ายี่ห้อนี้ PATANJAIL Drishti จากประเทศอินเดีย เขาสามารถทำให้ได้ครับ โดยตัวน้ำยาจะมีสีออกน้ำตาลขุ่น ๆ พร้อมทั้งมีส่วนผสมของเครื่องเทศ อย่าง หอมกับกระเทียมผสมมาด้วย (ตอนหยดได้กลิ่นของพวกนี้จริงจัง) และจากที่ผมได้ลองใช้หยดมาคือ แสบตามากกกกก หยดแล้วตาแสบจนลืมตาไม่ได้ และมีน้ำตาไหลออกมานองเต็มที่ ต้องหลับตานานเกือบกว่านาทีถึงจะค่อย ๆ ลืมตาออกมาได้ แต่หลังจากเรื่องความแสบแล้ว ดวงตารู้สึกดีทีเดียว ภาพใส คมชัด และที่สำคัญ รู้สึกชุ่มชื้นค่อนข้างยาวนาน ไม่ต้องหยดตาบ่อย ๆ เหมือนพวกยี่ห้อทั่ว ๆ ไปด้วย ส่วนราคาก็ไม่แพงด้วย ก็ใครที่อยากได้ของดี ราคาถูก จัดเลยครับ !
ประเภท | ของเหลว สีน้ำตาลขุ่น ๆ มีกลิ่นกระเทียม |
ความชุ่มชื้น | ให้ 4/5 ความชุ่มชื้นดี |
ความเย็น | เย็นธรรมดา |
ความแสบตา | แสบตามากก แสบตาที่สุดที่เคยใช้มา แสบตาจนน้ำตาไหล |
ความรู้สึกหลังใช้ | หลังจากหยดแล้วคือ ลืมตาไม่ได้เลย ต้องหลับตานิ่ง ๆ หลายวินาทีกว่าจะลืมตาได้ แต่พอลืมตาคือ ตาใสมากก ภาพชัด |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 2-3 ชั่วโมง |
อื่น ๆ | แสบที่สุดที่เคยใช้มา / ชุ่มชื้นได้ดีระดับหนึ่ง / ราคาไม่แพง |
5. ยี่ห้อ Rohto PC
ราคาโดยประมาณ 250 บาท ต่อ 1 กระปุก
Rohto PC กระปุกเหลืองจากประเทศญี่ปุ่นตัวนี้ ทางแบรนด์เขาโฆษณาไว้ว่า เป็นสูตรที่ช่วยปกป้องแสงสีฟ้า (Blue Light) จากหน้าจอคอม, มือถือ และพวกอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ ก็พอเห็นแบบนี้แล้ว ทำให้ผมสนใจและได้ลองซื้อมาใช้งานกันครับ โดยผมเลือกซื้อแบบสูตรสำหรับคนไม่ใส่คอนแทคเลนส์ และจากที่ใช้ไปสักระยะ ผมรู้สึกว่า เออ…ก็ชุ่มชื้นตาได้ดี ให้ระดับ 4/5 หยดแล้วก็ไม่แสบ ไม่เย็น สดชื่นตามปกติดี แต่ที่ทำให้ตัวนี้พิเศษกว่าใครก็คือ เวลามองหน้าจอนาน ๆ แล้ว ดวงตากลับไม่ได้รู้สึกล้า หรือปวดตาเท่าไรนัก รู้สึกตาแข็งแรงสู้แสงหน้าจอได้ อีกทั้งยังรู้สึกชุ่มชื้นแบบไม่ต้องหยดตาเพิ่มได้นานถึง 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ก็ถ้าใครที่ต้องทำงานผ่านหน้าจอบ่อย ๆ ล่ะก็ คิดว่ายี่ห้อนี้ตอบโจทย์ครับ
ประเภท | ของเหลว สีเหลือง |
ความชุ่มชื้น | ให้ 4/5 ความชุ่มชื้นดี |
ความเย็น | เย็นธรรมดา |
ความแสบตา | ไม่แสบตา |
ความรู้สึกหลังใช้ | ชุ่มชื้นดี ไม่มีปัญหาอะไร และพอจ้องมองจอนาน ๆ รู้สึกตาไม่ล้า ไม่ปวดเท่าไรด้วย |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 2-3 ชั่วโมง |
อื่น ๆ | ราคาค่อนข้างแพง / เหมาะสำหรับคนที่จ้องมองหน้าจอคอมหรือมือถือนาน ๆ |
6. ยี่ห้อ Alcon DURATEARS
ราคาโดยประมาณ 200 บาท ต่อ 1 หลอด
สำหรับใครที่ตาแห้งมากจริง ๆ แห้งมากหนัก ๆ จนต้องการให้ดวงตาชุ่มชื้นตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึงช่วงเวลานอน ผมอยากให้ซื้อยี่ห้อ Alcon DURATEARS มาใช้เสริมจากยี่ห้อทั่ว ๆ ไปกันเลยครับ เพราะยี่ห้อนี้เขาเป็นน้ำตาเทียมแบบขี้ผึ้ง จึงเหมาะมาก ๆ สำหรับการใช้ก่อนนอน เพื่อให้ดวงตาได้รับความชุ่มชื้นตลอดทั้งคืน ซึ่งจากที่ผมได้ลองใช้มาก็รู้สึกว่า พอตื่นนอนแล้ว ดวงตาก็ไม่ได้รู้สึกแห้ง ไม่ได้รู้สึกแสบตามากเท่าตอนที่ไม่ได้ใช้ คือรู้สึกเห็นผลได้จริง รู้สึกดีตอนตื่นนอนด้วย แต่ตอนป้ายขี้ผึ้งจะยากนิด ๆ และต้องระวังเรื่องความสะอาด อย่าบีบลงบนมือแล้วไปป้ายตา ให้บีบจากปลายหลอดเอาทีเดียวเลยจะดีกว่า และใครที่ไม่ได้ตาแห้งมาก ไม่แนะนำให้ใช้ครับ
ประเภท | ขี้ผึ้ง |
ความชุ่มชื้น | ให้ 2/5 ความชุ่มชื้นสู้ประเภทอื่น ๆ ไม่ได้ |
ความเย็น | ไม่เย็น |
ความแสบตา | ไม่แสบตา แต่ต้องระวังความสะอาดจากการป้ายตา |
ความรู้สึกหลังใช้ | จะมีขึ้ผึ้งเคลือบตา ทำให้มองภาพข้างหน้าไม่ชัด และไม่ได้รู้สึกชุ่มชื้นต่อดวงตามากมายนัก |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 5-6 ชั่วโมง หรือตลอดการนอน |
อื่น ๆ | ราคาค่อนข้างแพงกว่าประเภทของเหลว / ไม่ควรใช้ตอนกลางวัน / เหมาะสำหรับคนที่ตาแห้งมาก ๆ เท่านั้น |
7. ยี่ห้อ Himalaya Ophtha Care
ราคาโดยประมาณ 49 บาท ต่อ 1 หลอด
ซื้อน้ำตาเทียมบ่อย ใช้บ่อย แต่ไม่อยากเปลืองเงิน และไม่มีงบมากนัก ถ้ายังงั้นยี่ห้อ Himalaya Ophtha Care ยี่ห้อนี้ น่าจะตอบโจทย์กันเลยครับ เพราะเป็นยี่ห้อที่มีราคาถูกมากกก น่าจะถูกเกือบที่สุดแล้ว โดยตกหลอดล่ะประมาณ 49 บาทเท่านั้น ก็ถูกกว่ายี่ห้ออื่น ๆ หลายเท่าเลยทีเดียว ส่วนตัวน้ำตาเทียมก็ใช้งานได้ดี ให้ความชุ่มชื้นที่โอเค หยดแล้วไม่แสบตา แต่ก็ไม่หวืดหวาอะไรมาก ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่จะมีปัญหาเวลาหยดกันนิดหนึ่ง เหมือนตัวปลายหลอดเขาออกแบบมาไม่ค่อยดี ทำให้เวลาหยด หยดแล้วไม่ค่อยโดนลงตา ต้องหยดสองถึงสามรอบ กว่าจะหยดลงโดนตาได้ แต่ถ้าชินแล้ว อาจจะไม่มีปัญหาครับ
ประเภท | ของเหลวใส |
ความชุ่มชื้น | ให้ 4/5 ความชุ่มชื้นดี |
ความเย็น | เย็นธรรมดา |
ความแสบตา | ไม่แสบตา |
ความรู้สึกหลังใช้ | ชุ่มชื้นดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 1-2 ชั่วโมง |
อื่น ๆ | ราคาถูกมาก ค่อนข้างถูกที่สุด / ตัวปลายหลอดออกแบบมาไม่ค่อยดี เวลาหยดกะยาก ต้องหยดสองถึงสามรอบกว่าจะหยดลงโดนตา |
8. ยี่ห้อ Rohto Lycee
ราคาโดยประมาณ 175 บาท ต่อ 1 กระปุก
น้ำตาเทียมยี่ห้อ Rohto Lycee จากญี่ปุ่นนี้ สาว ๆ หรือคนที่ชอบของหอม ๆ น่าจะเลิฟกันมาก เพราะเวลาใช้หยดตาที จะได้กลิ่นหอม ๆ เบา ๆ ลอยออกมาด้วย ก็แอบให้ความรู้สึกที่พิเศษกว่า มีความหอมเด่นกว่ายี่ห้ออื่น ๆ อีกทั้งตัวแพ็กเกจและน้ำยาเอง ก็มีสีชมพูหวาน ๆ ดูน่ารัก สามารถพกเป็นของประดับติดตัวกันได้เลยทีเดียว หยิบออกมาใช้หยดตาที ต้องมีคนอื่น ๆ มองมากันบ้างแหละ ส่วนเรื่องความชุ่มชื้นก็ทำได้ดี ระดับมาตรฐาน หยดแล้วเย็นธรรมดา ไม่แสบตา และชุ่มชื้นได้นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็ใครที่ชอบของหอมและไม่เคยซื้อยี่ห้อนี้มาใช้หยดตา ขอแนะนำเลยครับ
ประเภท | ของเหลว สีชมพู |
ความชุ่มชื้น | ให้ 4/5 ความชุ่มชื้นดี |
ความเย็น | เย็นธรรมดา |
ความแสบตา | ไม่แสบตา |
ความรู้สึกหลังใช้ | ชุ่มชื้นดี ไม่มีปัญหาอะไร / มีกลิ่นหอม ๆ ลอยออกมาช่วยให้ผ่อนคลาย |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 1-2 ชั่วโมง |
อื่น ๆ | มีกลิ่นหอมเบา ๆ |
9. ยี่ห้อ Vidisic Gel
ราคาโดยประมาณ 169 บาท ต่อ 1 หลอด
สำหรับน้ำตาเทียมแบบเจลยี่ห้อ Vidisic ก็ให้อารมณ์เหมือนกับยี่ห้อ GenTeal โดยมีลักษณะของเจลที่เหมือนกัน มีความใส มีความหนืดคล้าย ๆ กัน แต่ส่วนผสมจะแตกต่างกัน โดยยี่ห้อนี้จะมี คาร์โบเมอร์ 2 mg, เซตริมัยด์ 0.1 mg, ซอร์บิทอล, โซเดียมไฮดรอกไซด์ และน้ำ ส่วน GenTeal Gel จะมี Hypromellose 0.3% เป็นส่วนผสมหลัก ก็จากที่ลองใช้ทั้ง 2 ยี่ห้อแล้ว ความรู้สึกส่วนตัว GenTeal ดูจะให้ความชุ่มชื้นที่ดีกว่า ดวงตารู้สึกสบายมากกว่า ส่วน Vidisic ก็โอเคในระดับหนึ่ง มีราคาที่ถูกกว่า แต่ผมต้องเติมเจลตัวนี้บ่อยกว่าเช่นกัน ดังนั้นถ้าเน้นราคาถูกต้องจัด Vidisic เน้นความชุ่มชื้นต่อดวงตา ต้องจัด GenTeal ครับ
ประเภท | เจลใส |
ความชุ่มชื้น | ให้ 3/5 ความชุ่มชื้นปานกลาง |
ความเย็น | เย็นเล็กน้อย |
ความแสบตา | ไม่แสบตา |
ความรู้สึกหลังใช้ | ตาจะมีเจลมาเคลือบ ทำให้ตามัว ๆ หลายนาที / ส่วนความชุ่มชื้นอยู่ในระดับพอใช้ได้ |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 3-4 ชั่วโมง |
อื่น ๆ | เหมาะสำหรับคนตาแห้งที่ต้องการเสริมด้วยเจลตอนกลางวันหรือกลางคืน |
10. ยี่ห้อ Rohto Z!
ราคาโดยประมาณ 259 บาท ต่อ 1 หลอด
Rohto Z! ถือเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อน้ำตาเทียมจากประเทศญี่ปุ่นที่น่าสนใจ เพราะจากที่ผมได้ลองใช้มาแล้วค่อนข้างประทับใจมากกก จนอยากจะเอามาแนะนำให้ทุก ๆ คนได้รู้จักกันครับ โดยยี่ห้อนี้เขาก็จะมีวางขายกันหลายสูตร มีทั้งสูตรธรรมดา, สูตรธรรมดาสำหรับคอนแทคเลนส์ และสูตร Pro ซึ่งตัวที่อยากให้ทุกคนได้ลองกันจะเป็นสูตร Pro เนื่องจากเป็นสูตรที่มีวิตามินบำรุงสายตาเข้มข้นผสมมาด้วยนั่นเองครับ
และเมื่อได้ทำการหยดตาแล้ว จะรู้สึกถึงความเย็นที่เย็นมากก หยดแล้วสดชื่นขึ้นทันที แต่ก็รู้สึกถึงความแสบตาระดับเดียวกันกับโดนยาหม่องป้ายตาด้วย แต่หลังจากนั้นคือ ดีงามมากกก ตาใส ๆ มองเห็นภาพชัด ความพร่ามัวหายเป็นปลิดทิ้ง รวมถึงรู้สึกถึงดวงตาแข็งแรงขึ้น ชุ่มชื้นได้ยาวนาน กว่าจะหยดตาอีกทีก็ปาไป 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ก็เหมาะสำหรับคนที่ตาอ่อนแอและตาแห้งเอามาก ๆ แต่ด้วยความที่ดีงาม ก็ทำให้มีราคาค่อนข้างแพง ตกหลอดล่ะประมาณ 250 บาทเลยทีเดียวครับ
ประเภท | ของเหลวใส |
ความชุ่มชื้น | ให้ 5/5 ความชุ่มชื้นดีมาก |
ความเย็น | เย็นมาก ค่อนข้างเย็นที่สุด |
ความแสบตา | แสบตาระดับโดนยาหม่องป้ายตา |
ความรู้สึกหลังใช้ | หลังจากผ่านการแสบตาแล้ว ตาจะใส ๆ มองเห็นภาพชัด ความพร่ามัวหายเป็นปลิดทิ้ง และรู้สึกดวงตาแข็งแรงขึ้นด้วย |
ระยะเวลาความชุ่มชื้น | ประมาณ 2-3 ชั่วโมง |
อื่น ๆ | ราคาค่อนข้างแพง แพงกว่าพวกยี่ห้อทั่ว ๆ ไป 3-4 เท่า แต่ของดีจริง |
เป็นยังไงกันบ้างครับ หลังจากที่ได้เห็นรีวิว “น้ำตาเทียม” ยี่ห้อไหนดี แบบจัดหนักจัดเต็มกันไปแล้วถึง 10 ยี่ห้อ 10 หลอดด้วยกัน ไม่ทราบว่าสนใจ อยากจะซื้อยี่ห้อไหน หลอดไหน ไปใช้หยดตา ไปใช้บำรุงสายตา ให้อาการตาแห้ง รวมถึงอาการระคายเคืองตาลดลงกันบ้างครับ ?? ก็จากที่เห็น ๆ มาเนี่ย ก็มีทั้งประเภทแบบของเหลว แบบเจล และแบบขี้ผึ้งให้เลือกซื้อกันด้วย ก็คนที่ตาแห้งมาก ๆ ยังไงก็ควรจะซื้อทั้ง 3 แบบ เพื่อมาใช้หยดตาตลอดทั้งวัน แต่ถ้าใครไม่ได้ตาแห้งมาก ก็แนะนำแบบของเหลวก็พอ สุดท้ายก็ขอให้ได้ยี่ห้อที่ถูกใจ ใช้แล้วตอบโจทย์ อาการตาแห้งดีขึ้น ดวงตาสุขภาพแข็งแรงขึ้น มองเห็นภาพชัด ๆ กันด้วยครับ
Beauty Blogger ที่จะมารีวิวเครื่องสำอางแบบติดตลก ด้วยความชื่นชอบในการเขียนและแต่งหน้า ก็เลยอยากจะมาแบ่งปันสินค้าตัวที่คิดว่าใช้แล้วดี แต่งแล้วสวย ไม่ทำลายผิว บางอันก็เลือกจากยอดขาย แบรนด์ไหนจัดโปรลดสุดปังก็จะได้รับเลือกอยู่บ่อย ๆ บางอันก็เลือกจากคุณภาพที่ได้ลองใช้แล้วดี มีคนเค้าบอกต่อ การันตีกันขนาดนี้ก็ต้องเอามาเล่าผ่านรีวิวกันหน่อยให้ผู้อ่านได้ไปลองใช้ดูบ้าง