ปัจจุบันมลพิษในอากาศ และฝุ่น PM2.5 มีปริมาณเกินเกณฑ์มาตรฐานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงเพาะปลูกที่มีการเผาไร่ จนทำให้อากาศแย่เข้าขั้นวิกฤต และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แถมยุคนี้ยังมีเชื้อโรคไวรัสโควิด 19 ที่อาจจะปนเปื้อนสะสมอยู่ในอากาศ ตามที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัย มาปกป้องตัวคุณและคนที่ห่วงใยด้วย “เครื่องฟอกอากาศ” กันดีกว่าค่ะ เครื่องนี้นอกจากจะช่วยกรองสิ่งอันตรายต่าง ๆ ให้อากาศที่ออกมาสะอาดยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยขจัดกลิ่น ควันที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย ถ้าหากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศซักเครื่อง แต่ไม่รู้จะซื้อแบบไหนดี ทาง PlusAround ก็มีมาแนะนำถึง 10 รุ่น ! จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
สารบัญ
วิธีการเลือกซื้อ “เครื่องฟอกอากาศ”
ขนาดของห้อง พื้นที่ และลักษณะการใช้งาน เราต้องดูก่อนว่าห้องของเรานั้นมีขนาดกว้างเท่าไหร่ หากห้องของคุณมีขนาด 23 ตารางเมตร อาจจะเลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับขนาดห้อง ประมาณ 20-25 ตารางเมตร นอกจากนั้นยังดูได้จากค่า CADR ที่จะช่วยบอกประสิทธิภาพในการฟอกปริมาณอากาศ เช่น ควันบุหรี่ ฝุ่นและเกสรดอกไม้ จะมีหน่วยเป็น CFM ยิ่งค่า CADR มีค่าสูงเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศภายในห้องก็จะยิ่งบริสุทธิ์มากเท่านั้นค่ะ
เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ใช้แผ่นกรอง HEPA Filter HEPA Filter เป็นแผ่นกรองที่สามารถดักจับฝุ่น ละอองฝุ่น เชื้อแบคทีเรีย หรือละอองเกสร ที่มีอนุภาคขนาดเล็กได้ ซึ่งสามารถกรองได้ละเอียดถึง 0.1 ไมครอน มีให้เลือกใช้หลากหลายระดับ เช่น H11, H12, H13 กล่าวคือยิ่งมีค่าตัวเลขที่มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสามารถกรองอนุภาคได้เล็กมากเท่านั้น ใครที่มีอาการภูมิแพ้อยู่ละก็อาจจะต้องเลือก HEPA Filter ที่มีค่าสูงนิดนึงนะคะ
เลือกจากฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ
- แผ่นกรอง AC หรือ แผ่นกรองคาร์บอน จะช่วยในการดูดซับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เช่น กลิ่นควัน กลิ่นสี สารระเหยที่เป็นอันตรายจำพวกก๊าซฟอร์มาลดิไฮด์ เป็นต้น
- Negative Ionizer หรือ ประจุไอออนลบ จะช่วยดักจับอนุภาคฝุ่นที่มีขนาดเล็กให้จับตัวกันกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เครื่องสามารถกำจัดฝุ่นได้ง่ายและละเอียดขึ้น
- เซ็นเซอร์อัจริยะ จะช่วยวัดคุณภาพอากาศและปรับโหมดการทำงานของเครื่องทันทีโดยอัตโนมัติ เมื่ออากาศภายในห้องเปลี่ยนแปลง
- ฟังก์ชันควบคุมการทำงาน ในบางรุ่นสามารถควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของเครื่อง ผ่านรีโมทคอนโทรล และบางรุ่นก็สามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่น อีกทั้งตัวแอพพลิเคชั่น ยังสามารถแสดงผลค่าของฝุ่นหรือผลการทำงานต่าง ๆ ได้แบบ Real-time อีกด้วย
- ระบบแจ้งเตือนอายุการใช้งานของแผ่นกรอง เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นจะมีระบบการแจ้งเตือนเมื่อแผ่นกรองหมดอายุมาให้เราได้ทราบ เช่นนั้นแล้ว ก็หาแผ่นกรองใหม่รอเปลี่ยนได้เลย เพื่อให้เครื่องกรองอากาศนั้นสามารถฟอกอากาศได้มีประสิทธิภาพและเสมอต้นเสมอปลายค่ะ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องฟอกอากาศ” ยี่ห้อไหนดี
หากคุณไม่มีเวลาที่จะอ่านแบบละเอียดแล้วล่ะก็ ทางเราก็ได้ทำ ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องฟอกอากาศ” ยี่ห้อไหนดี สรุปให้แบบสั้น ๆ ทั้ง CADR การกรองอนุภาคของฝุ่น ขนาดห้องและการรับประกันมาให้แล้ว สามารถคลิกปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลยค่ะ…
1. Gmax รุ่น AP-901
ราคาโดยประมาณ 1,558 บาท
สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้เราขอนำเสนอตัวช่วยเด็ด ด้วยเครื่องฟอกอากาศ Gmax รุ่น AP-901 ที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้และเชื้อแบคทีเรีย ให้คุณได้รับอากาศบริสุทธิ์ โล่ง สบายจมูก ด้วยโหมดประจุลบ Anion ที่คอยดักจับฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กศัตรูตัวร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมาพร้อมรีโมทคอนโทรล ที่สามารถช่วยให้เราควบคุมเครื่องได้จากระยะไกล ไม่ต้องคอยก้ม ๆ ลุก ๆ ให้เมื่อยอีกด้วยค่ะ
Gmax รุ่น AP-901 เครื่องนี้ยังมาพร้อมกับโหมด Sleep อัจฉริยะที่จะหรี่แสงหน้าจอเองโดยอัตโนมัติเมื่อถึงเวลากลางคืน อีกทั้งเสียงการทำงานของเครื่องยังเบาสุด ๆ รับรองว่านอนหลับสบายพร้อมกับได้รับอากาศบริสุทธิ์ตลอดทั้งคืนแน่นอน ส่วนเรื่องค่าไฟก็ถือว่าหายห่วง เพราะเครื่องนี้เป็นรุ่นประหยัดพลังงาน กินไฟแค่ 35 วัตต์ หรือจะใช้เทคนิคตั้งเวลาเปิด-ปิด ให้เครื่องฟอกปิดการทำงานเองเมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ก็ได้ แค่นี้ก็ไม่ต้องพะวงเรื่องค่าไฟแล้วละค่ะ
CADR | ไม่ระบุ |
กรองอากาศ | PM2.5 |
เหมาะกับขนาดห้อง | 35 ตารางเมตร |
ประกัน | 12 เดือน |
2. PHILIPS Air Purifier รุ่น AC0820/20
ราคาโดยประมาณ 5,990 บาท
เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังที่ครองใจคนไทยมาอย่างช้านานอย่าง PHILIPS โดยรุ่นนี้จะมาพร้อมกับระบบกรองอากาศอัจฉริยะ โดยตัวเครื่องจะทำการตรวจวัดคุณภาพอากาศในห้องเรา และจะเริ่มทำงานทันทีเมื่อพบความเปลี่ยนแปลงในสภาพอากาศ ซึ่งเจ้าเครื่องนี้มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุภาคนาโนที่เล็กกว่า 0.003 ไมครอน ขอบอกก่อนเลยว่าเล็กมากกก เล็กกว่า PM2.5 ถึง 800 เท่า อีกทั้งยังสามารถกำจัดละอองฝุ่นได้มากถึง 95% นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลคุณภาพอากาศบนหน้าจอแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย โดยจะแสดงผลออกมาในรูปแบบของแถบสี 4 ระดับค่ะ
ในช่วงเวลากลางคืนก็ถือว่าสบายหายห่วง เพราะยังมาพร้อมกับโหมด Sleep ที่ไฟแสดงสถานะต่าง ๆ บนหน้าจอจะลดความสว่างลง และการการทำงานของเครื่องจะทำงานอย่างเงียบเป็นพิเศษ เสียงในการทำงานจะอยู่ที่ประมาณ 35-61 dB(A) เงียบชนิดที่ว่าเหมาะสำหรับใช้ในห้องนอนเด็กทารกได้เลย นอกจากนี้ยังมีขนาดกะทัดรัดทำให้สามารถโยกย้ายไว้ทุกพื้นที่ภายในบ้านได้อย่างง่ายดาย และเหมาะกับขนาดห้องที่หลากหลาย ตั้งแต่ 16 ตารางเมตรไปจนถึง 49 ตารางเมตรค่ะ
CADR | 190 ลบ.ม./ชม. |
กรองอากาศ | เล็กกว่า 0.003 ไมครอน |
เหมาะกับขนาดห้อง | 16-49 ตารางเมตร |
ประกัน | ไม่ระบุ |
3. PHILIPS รุ่น AC1215
ราคาโดยประมาณ 8,990 บาท
มาดูกันอีกซักหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ PHILIPS รุ่น AC1215 มาพร้อมกับนวัตกรรม VitaShield IPS ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์และแผ่นกรอง Nano Protect Pro ที่มีค่า CADR หรืออัตราค่าการผลิตอากาศสะอาด เพิ่มสูงถึง 270 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ซึ่งสามารถกำจัดอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.02 ไมครอน และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือเครื่องนี้คือสามารถกรองก๊าซอันตรายได้ด้วย เช่น พวกก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์ และสารประกอบอินทรีย์ที่ระเหยง่ายได้ด้วยค่ะ เรียกได้ว่านอกจากจะผลิตอากาศบริสุทธิ์ให้เราแล้ว ยังแคร์ถึงสุขภาพของเราอีกด้วยนะคะ
โหมด Sleep ก็ถือว่าไม่น้อยหน้ารุ่นอื่น ๆ เพราะเค้ามีโหมด Night Sense แบบพิเศษ ที่ช่วยฟอกอากาศได้เงียบและต่อเนื่อง ทั้งยังมี Healthy Air Protect Alert ที่จะคอยแจ้งให้คุณทราบว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรอง ส่วนใครที่มีลูกเล็กเด็กแดงอยู่ในบ้านแล้วกลัวว่าเด็ก ๆ จะมือบอน ไปปรับเปลี่ยนการตั้งค่าโดยพลการ ก็คลายกังวลได้เลย เพราะตัวนี้เขามีระบบล็อคหน้าจอ ป้องกันการเปลี่ยนการตั้งค่าโดยไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่น่าสนใจมากเลยค่ะ
CADR | 270 ลบ.ม./ชม. |
กรองอากาศ | 0.02 ไมครอน / ก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์ / สารประกอบอินทรีย์ที่ระเหยง่าย |
เหมาะกับขนาดห้อง | 20-58 ตารางเมตร |
ประกัน | ไม่ระบุ |
4. Xiaomi Smart Air Purifier 4 Lite
ราคาโดยประมาณ 5,990 บาท
เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะจาก Xiaomi ที่มาพร้อมกับการรองรับ Google Assistant ตัวเครื่องสามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้ถึง 6,330 ลิตร/นาที พร้อมกับความสามารถในการกำจัดมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง, ควันบุหรี่, เกสรดอกไม้ หรือแม้แต่ PM2.5 รวมไปถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้อย่างหมดจด ด้วยอัตราประสิทธิภาพ CADR อยู่ที่ 380 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ถือว่าสามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างรวดเร็วเลยละค่ะ ที่น่าสนใจคือทาง Xiaomi เขายังได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชั่น Mi Home ให้เราสามารถเชื่อมต่อเครื่องฟอกอากาศตัวนี้กับสมาร์ตโฟน เพื่อดูรายละเอียดการทำงานของเครื่องแบบเรียลไทม์ หรือตั้งค่าการเปิด-ปิดได้ง่าย ๆ ผ่านสมาร์ตโฟนได้อีกด้วยนะคะ
สำหรับใครหลาย ๆ คนที่ชอบจัดบ้าน ไม่ค่อยโอเคกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่เทอะทะ ต้องขอบอกเลยว่าหายห่วง เพราะเจ้า Xiaomi Smart Air Purifier 4 Lite ใช้พื้นที่ติดตั้งเทียบเท่ากับกระดาษ A4 เท่านั้นเองค่ะ อีกทั้งโครงสร้างของเขายังได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้ได้กับทุก ๆ ห้อง ไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน, ห้องนั่งเล่น, หรือแม้แต่ห้องรับแขก และยังสามารถกรองฝุ่นได้รอบทิศทางแบบ 360 องศา ไม่ว่าคุณจะตั้งไว้ที่ไหนก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไร้ปัญหาค่ะ
CADR | 380 ลบ.ม./ชม. |
กรองอากาศ | PM2.5 / ควันบุหรี่ / ละอองเกสรดอกไม้ / กลิ่นไม่พึงประสงค์ |
เหมาะกับขนาดห้อง | 25-43 ตรม. |
ประกัน | 12 เดือน |
5. KONIG รุ่น TB67
ราคาโดยประมาณ 1,996 บาท
เครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ KONIG ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบกรองหลายชั้นเพื่อช่วยดูดซับสิ่งสกปรก ฟังก์ชันการฆ่าเชื้อและกำจัดแบคทีเรีย และยังสามารถย่อยสลายสารที่เป็นอันตรายได้ ไม่ว่าจะเป็นควันบุหรี่มือสอง หรือแม้แต่ก๊าซอันตรายอย่างก๊าซฟอร์มาลดิไฮด์ ก็สามารถกำจัดได้หมด นอกจากนี้เขายังทำงานควบคู่กับระบบหมุนเวียนอัจฉริยะ 360 องศา เพื่อกรองอากาศให้ได้อากาศบริสุทธิ์และช่วยนำทางการไหลเวียนของอากาศในอาคารได้อย่างดีเลยค่ะ
มีรีโมทใช้ควบคุมระยะไกล ใช้เปิด-ปิด หรือตั้งค่า เพิ่มความสะดวกสบายแบบสุด ๆ นอกจากนี้ยังมีโหมด Sleep ที่ทำงานเงียบ ไร้เสียงรบกวน ให้คุณสามารถนอนหลับไปพร้อม ๆ กับได้รับการปกป้องสุขภาพการหายใจไปในตัวด้วยนะคะ อ้อ! รุ่นนี้เขามาพร้อมกับหน้าจอแสดงคุณภาพอากาศด้วยนะคะ โดยจะอธิบายเป็นแถบสี เริ่มตั้งแต่สีเขียว น้ำตาลและแดงค่ะ นอกจากนี้ยังมีโหมดตั้งเวลา ให้เราสามารถตั้งเวลาได้ถึง 8 ชั่วโมง ช่วยให้คุณสามารถออกนอกบ้านได้โดยไม่ต้องพะวงเรื่องค่าไฟค่ะ
CADR | ไม่ระบุ |
กรองอากาศ | 0.3 ไมครอน / ควันบุหรี่ / ก๊าซฟอร์มาลดิไฮด์ / เชื้อแบคทีเรีย |
เหมาะกับขนาดห้อง | 30-50 ตารางเมตร |
ประกัน | 12 เดือน |
6. KONIG Air Purifier
ราคาโดยประมาณ 1,598 บาท
สำหรับชาวกรุงหลายคนที่กำลังประสบกับปัญหา PM2.5 เราขอนำเสนอตัวช่วย กับอีกหนึ่งนวัตกรรมจาก KONIG ที่มาพร้อมกับแผ่นกรอง 3 ชั้น โดยใช้แผ่นกรอง ATP-HEPA ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถกรองฝุ่น, กลิ่นควัน, PM2.5, รวมถึงสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ มาย่อยสลายลงในน้ำ นอกจากนี้ยังสามารถกรองละอองเกสรดอกไม้, ควัน, เชื้อราและเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพครั้งละ 0.3 ไมครอน ทำให้เราได้อากาศบริสุทธิ์ถึง 99% เลยละค่ะ
ที่น่าสนใจคือทางผู้ผลิตเขาการันตีมาว่าเจ้าเครื่องนี้สามารถปล่อยประจุลบที่ยาวนาน ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและสะดวกสบายสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ รวมไปถึงผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวัยที่เซ้นซิทีฟและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องอากาศและสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ถือว่ารุ่นนี้เป็นผู้ช่วยที่ดีในการดูแลสุขภาพได้ดีเลยนะคะ เท่านี้ก็หมดปัญหาเรื่องภูมิแพ้และเจ้าฝุ่น PM2.5 แล้วละค่ะ
CADR | ไม่ระบุ |
กรองอากาศ | 0.3 ไมครอน / ละอองเกสรดอกไม้ / ควัน / เชื้อราและเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ |
เหมาะกับขนาดห้อง | ไม่ระบุ |
ประกัน | 12 เดือน |
7. Smart Home รุ่น AP-180
ราคาโดยประมาณ 4,990 บาท
ในยุคสมัยนี้นอกจากจะต้องเผชิญกับปัญหาการจราจรที่คับคั่งแล้ว อีกปัญหาหนึ่งที่ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยคือปัญหาฝุ่นละอองและมลพิษค่ะ โดยเฉพาะ PM2.5 นี่ถือว่าตัวดีเลย วันนี้จะมาขอนำเสนอ Smart Home รุ่น AP-180 จะมาพร้อมตัวกรอง HEPA คุณภาพสูง ทำให้สามารถกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า PM2.5 ได้ค่ะ ทั้งยังกรองเชื้อแบคทีเรีย รวมไปถึงดักจับพวกไรฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ได้อีกด้วย ถือว่าตอบโจทย์คนที่เป็นภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดีเลย แถมยังมี Activated Carbon ที่ช่วยกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกด้วยค่ะ
Smart Home รุ่น AP-180 ตัวนี้มีโหมด Sleep ช่วยลดกันเสียงรบกวนของเครื่องขณะนอนหลับ ช่วยให้คุณนอนหลับได้สบาย โดยสามารถเลือกการทำงานได้ 3 โหมด คือโหมด Auto, โหมด Sleep, และโหมด Manual ส่วนไส้กรองก็มีอายุการใช้งานได้ถึง 3,000 ชั่วโมง หรือตีเป็นเดือนก็ประมาณ 4 เดือน ใช้ได้ยาว ๆ ไปเลย แถมไส้กรองเมื่อหมดอายุการใช้งานแล้วก็จะมีแสงไฟแจ้งเตือนด้วยนะคะ ส่วนในเรื่องของการเปลี่ยนไส้กรองก็สามารถทำได้เองง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนเลยค่ะ
CADR | ไม่ระบุ |
กรองอากาศ | เล็กกว่า PM2.5 / ไรฝุ่น / ควันบุหรี่และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ |
เหมาะกับขนาดห้อง | 20 – 35 ตารางเมตร |
ประกัน | 3 ปี |
8. Smart Air รุ่น The Sqair
ราคาโดยประมาณ 3,800 บาท
เชื่อว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ชอบจัดบ้านแบบสไตล์มินิมอล จะเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละทีก็ต้องเลือกที่มีดีไซน์เข้ากั๊นเข้ากัน ซึ่งบางทีก็หาได้ยากแสนยาก ไม่ถูกใจวัยรุ่นสักที วันนี้เลยขอมานำเสนอ Smart Air รุ่น The Sqair ที่มีดีไซน์เรียบ สีขาวสะอาดตา พร้อมขาตั้งที่ทำจากไม้จริงทั้ง 4 ข้าง ที่สำคัญยังทำงานได้เงียบ เพียง 23 เดซิเบล ส่วนความแรงสูงสุดระดับของเสียงจะอยู่ที่ 52 เดซิเบล หรือประมาณเสียงฝนตกเบา ๆ เท่านั้นเองค่ะ
The Sqair มาพร้อมกับแผ่นกรอง HEPA 11 ที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.03 ไมครอน ได้ถึง 99.7% หายห่วงเรื่องฝุ่น PM2.5 และยังมีออพชั่นเสริมคือเราสามารถซื้อแผ่นกรองคาร์บอนมาเสริมเพิ่มได้ ก็จะช่วยดักจับมลพิษทางอากาศ เช่น กลิ่น ควัน ก๊าซฟอร์มาลดิไฮด์ เบนซิล แถมยังได้รับความไว้จากผู้ใช้อย่าง Embassy of Germany, Embassy of Switzerland, Embassy of Finland, Embassy of Portugal และสถาบันอื่น ๆ อีกมากมาย มั่นใจได้ในคุณภาพสินค้าค่ะ
CADR | 315 ลบ.ม./ชม. |
กรองอากาศ | สูงสุด 0.03 ไมครอน / PM2.5 / เชื้อรา / ไรฝุ่น / สารก่อภูมิแพ้จากสัตว์ / กลิ่น / ควัน / ก๊าซฟอร์มาลดิไฮด์ / เบนซิล / กลิ่นสีทาบ้าน |
เหมาะกับขนาดห้อง | 40 ตารางเมตร |
ประกัน | 24 เดือน |
9. SHARP รุ่น KC-G40TA-H 28
ราคาโดยประมาณ 16,990 บาท
พูดถึง SHARP ก็ต้องพูดถึงนวัตกรรมพลาสม่าคลัสเตอร์ที่เราเคยได้ยินกันบ่อย ๆ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าคืออะไร ต้องขอบอกเลยว่ามันคือระบบอัจฉริยะที่มีเฉพาะในแบรนด์ SHARP โดยตัวเครื่อง SHARP รุ่น KC-G40TA-H 28 จะพ่นอนุภาคประจุบวกและลบ ทำให้สามารถฆ่าเชื้อรา, เชื้อแบคทีเรีย, เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศได้ นอกจากนี้ยังช่วยย่อยสลายกลิ่นอับชื้น ตลอดจนสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นด้วยนะคะ
เครื่องนี้ยังมาพร้อมกับระบบไอน้ำอัตโนมัติ โดยตัวเซนเซอร์จะคอยตรวจวัดความชื้นในอากาศห้องโดยอัตโนมัติ ทำงานควบคู่กับระบบการทำงานแบบ PCI Spot Mode ทำให้สามารถปรับบานเกล็ดด้านหน้าได้ถึง 20 องศา เพื่อพ่นอนุภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย ที่สำคัญที่สุดคือเขาใช้แผ่นกรองแบบ HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.99% แถมอายุการใช้งานสูงสุดยังอยู่ที่ 10 ปีอีกด้วยนะ
CADR | 240 ลบ.ม./ชม. |
กรองอากาศ | 0.3 ไมครอน / เชื้อรา / เชื้อแบคทีเรีย / เชื้อไข้หวัดนก H5N1 / ย่อยสลายกลิ่นอับชื้น / ไรฝุ่น |
เหมาะกับขนาดห้อง | 28 ตารางเมตร |
ประกัน | 12 เดือน |
10. SHARP รุ่น FP-J30TA-B
ราคาโดยประมาณ 4,990 บาท
อีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ SHARP ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมพลาสม่าคลัสเตอร์ลดไฟฟ้าสถิต ปล่อยอนุภาคบวกและลบ ช่วยฆ่าเชื้อโรค, เชื้อแบคทีเรีย, และเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศ นอกจากนี้เขายังมีพลังลมแรงดูดอันทรงพลังพร้อมกับดีไซน์ทิศทางลมดูด ทำให้สามารถเก็บฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยทำงานควบคู่กับแผ่นกรองฝุ่นแบบ HEPA ที่สามารถดักฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน อีกด้วย
SHARP FP-J30TA-B มาพร้อมกับฟังก์ชัน On/Off Timer สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิด ได้ 2 แบบ คือ 4 และ 8 ชั่วโมง จากนั้นเครื่องจะหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ เหมาะสำหรับคนที่นอนตื่นสาย กลัวว่าเครื่องจะทำงานเพลินค่าไฟนะคะ อ้อ! นอกจากนี้เขายังมีระบบไฟแจ้งเตือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองแล้วด้วยนะคะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีพลาสม่าคลัสเตอร์ ใช้งานได้ง่าย ราคาไม่แพงเหมาะสำหรับทุกคนจริง ๆ ค่ะ
CADR | 180 ลบ.ม./ชม. |
กรองอากาศ | 0.3 ไมครอน / เชื้อรา / เชื้อแบคทีเรีย / เชื้อไข้หวัดนก H5N1 / ย่อยสลายกลิ่นอับชื้น / ไรฝุ่น |
เหมาะกับขนาดห้อง | 23 ตารางเมตร |
ประกัน | 12 เดือน |
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับเครื่องฟอกอากาศทั้ง 10 รุ่น ที่ทางเราได้รวบรวมมา นอกจากประสิทธิภาพการกรองฝุ่น กรองเชื้อโรค กรองอากาศแล้ว อย่าลืมดูว่าเครื่องฟอกของเรานั้น เหมาะกับห้องขนาดเท่าไหร่ หากว่าห้องกว้างจนเกินไป อาจจะทำให้ตัวเครื่องนั้นทำงานได้ไม่ทั่วถึง นั่นก็แปลว่าพวกฝุ่น หรือเชื้อโรค ที่ปนอยู่ในอากาศภายในห้องก็ยังมีโอกาสแพร่ต่อได้ รวมถึงการเปลี่ยนไส้กรอง แนะนำว่าควรจะเปลี่ยนไส้กรองทุก ๆ 6 เดือน หรือไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ระยะการเปลี่ยนไส้กรอง ก็พิจารณาจากการใช้งานของผู้ใช้ได้เลยค่ะ
จบการศึกษาด้านอักษรศาสตร์ รู้สึกสนุกกับการเขียนรีวิวสินค้าหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะหนังสือ ของใช้ในบ้าน เน้นการเขียนรีวิวที่อ่านเข้าใจง่าย เข้าถึงทุกคน