หลาย ๆ คนคงคิดว่ากระจกกันรอยมือถือแบบไหนก็เหมือนกันหมด บอกได้เลยว่าคิดผิดมาก ๆ !!!! เช่นกระจกกันรอยที่ขายตามตลาดนัดหรือร้านตู้ในห้างบางร้าน มีราคาถูกก็จริง แต่คุณภาพที่ได้คือ กระจกไม่ใส ทัชไม่ลื่น โดนอะไรนิดหน่อยก็บิ่น แตก ลองเปลี่ยนมาใช้ของที่มียี่ห้อกันดีกว่า ราคาอาจจะสูงซักนิด แต่บอกได้เลยว่าคุณภาพ ความแข็งแรง ความลื่น ความคมชัดและสีสันที่ได้นั้นแตกต่างกันสุด ๆ แถมบางยี่ห้อเค้ายังมีประกันเปลี่ยนให้ฟรีหากกระจกแตกร้าว ถ้ายังลังเลไม่รู้จะซื้อยี่ห้อไหนดี ทางเราก็ได้รวบรวมแบรนด์ดัง กระจกกันรอยมือถือมาไว้ให้ รับประกันของแท้ 100% จะมีแบบไหนกันบ้าง มาดูกันเลยครับ
สารบัญ
ประเภทของกระจกกันรอยมือถือ (Tempered Glass Screen Protector)
- กระจกกันรอยใส แบบไม่เต็มจอ ขนาดของกระจกจะไม่เต็มหน้าจอ เว้นพื้นที่จากขอบจอประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ทำให้ป้องกันหน้าจอไม่ได้ทั้งหมด กระจกมีความบาง กันได้เพียงรอยขีดข่วนเท่านั้น แต่ข้อดีที่สำคัญคือสามารถใช้ร่วมกับเคสมือถือทุกชนิด ไม่ดันหรือชนกับกระจกกันรอย จนเกิดเป็นฟองอากาศ
- กระจกกันรอยใส แบบเต็มจอ ครอบคลุมหน้าจอทั้งหมด ทำให้เนียนไปกับตัวเครื่อง ส่วนมากกระจกชนิดนี้จะมีความหนากว่าแบบไม่เต็มจอ แข็งแรง ช่วยป้องกันจอแตกจากการตกและกันรอยขีดข่วนได้ดี ถ้าใช้งานกับเคสมือถือบางรุ่น อาจจะดันกระจกให้เกิดฟองอากาศได้
- กระจกกันรอย แบบด้าน คุณสมบัติของกระจกชนิดนี้คือสามารถป้องกันคราบมันและรอยนิ้วมือได้ดี ช่วยลดแสงสะท้อนบนหน้าจอ ทัชลื่น เหมาะมากสำหรับสายเล่นเกมส์ แต่ภาพจะไม่คมชัดเท่ากระจกแบบใส
- กระจกกันรอย เพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือเรียกสั้น ๆ ว่าฟิล์มกระจกกันเผือก เมื่อติดแล้วจะสามารถเห็นภาพหน้าจอได้แค่ด้านหน้าเท่านั้น หากมองจากด้านข้างจะเห็นเป็นจอสีดำ ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวได้ดี แต่ข้อเสียคือความสว่างของหน้าจอจะลดลงถึงแม้ว่าจะปรับแสงจนสว่างสุดก็ตาม
- กระจกกันรอย กันแสง UV กระจกชนิดนี้ไม่มีกาวในตัว แต่จะใช้กาว UV เป็นตัวเชื่อมและฉายด้วยแสง UV LED เพื่อทำให้กาวแห้ง มีความทนทานสูง กันกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดี โอกาสเกิดฟองอากาศน้อย และมีราคาที่ค่อนข้างสูง แนะนำว่าควรติดที่ร้านจะดีที่สุด
- กระจกกันรอย กรองแสงสีฟ้า สามารถกรองแสงสีฟ้า (Blue Light Cut) จากหน้าจอมือถือได้ อย่างน้อย 70% ช่วยถนอมสายตา ลดอาการปวดสายตาได้เป็นอย่างดี เหมาะกับผู้ที่ใช้งานมือถือเป็นระยะเวลานาน ๆ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “กระจกกันรอยมือถือ” ยี่ห้อไหนดี
หากเพื่อน ๆ คนไหน ไม่มีเวลาที่จะอ่านเนื้อหารีวิวแบบละเอียดแล้วล่ะก็ ทางเราก็ได้ทำตารางเปรียบเทียบรีวิว “กระจกกันรอยมือถือ” ยี่ห้อไหนดี มาสรุปให้แบบสั้น ๆ ทั้งจุดเด่น ประเภทกระจก สินค้าจากประเทศ และยี่ห้อมือถือที่รองรับมาไว้ให้แล้ว ก็สามารถคลิกปุ่มสีแดงที่ด้านล่างได้เลยครับ
1. Bull Armors
ราคาโดยประมาณ 355 – 790 บาท
Bull Armors กระจกกันรอยมือถือคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น แบรนด์นี้ข้อดีของเค้าคือมีกระจกกันรอยที่รองรับยี่ห้อมือถือที่เรียกได้ว่าแทบจะครบครันที่สุด กระจกเค้ามีแค่ประเภทเดียวคือกระจกใสแบบเต็มจอ เลือกง่าย ๆ แบบไม่ต้องปวดหัว ทั้งยังเป็นกระจกใสแบบมีขอบสีตามสีของโทรศัพท์ คือสีขาว และดำ เนื้อกระจกเพียง 0.33 มิลลิเมตร ยิ่งทำให้ดูเนียนไปกับเครื่องเหมือนไม่ได้ติด
ในเรื่องของคุณภาพ ทางแบรนด์เค้าใช้กระจกคุณภาพสูง Japan Asahi (AGC) จากประเทศญี่ปุ่น ผ่านมาตรฐาน Japan Quality มีความแข็งแรง ทนทาน ป้องกันการกระแทก การแตก รอยขีดข่วน รอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังคงความชัดของภาพและสีสัน ได้ถึง 99% ทัชลื่น ไม่มีสะดุด ติดตั้งง่าย ไม่เกิดฟองอากาศ ไม่ว่าจะสายเกมส์ สายดูซีรี่ย์ ต้องเลิฟแน่นอนครับ
จุดเด่น | กระจกคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น (AGC) บางเพียง 0.33 มิลลิเมตร สัมผัสลื่น ให้ความคงความชัด 99% |
ประเภทกระจก | กระจกใส |
สินค้าจากประเทศ | ญี่ปุ่น |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, Xaiomi, OPPO, Vivo, Realme, Huawei, OnePlus, Honor |
2. ABLEMEN
ราคาโดยประมาณ 990 – 1,590 บาท
ABLEMEN แบรนด์ตัวดังจากอเมริกา ที่คนส่วนใหญ่ชอบใช้กัน โดยเฉพาะทาส Apple ต้องเรียกว่าเป็นแบรนด์กระจกกันรอยมือถือระดับ Hight-End เลยก็ว่าได้ เพราะเค้าผลิตมาให้แค่มือถือเรือธงเฉพาะ Apple Samsung และ Huawei อีกทั้งยังมีประเภทกระจกกันรอยให้เลือกใช้หลากหลายประเภท ทั้งแบบใส แบบด้าน แบบเพิ่มความเป็นส่วนตัว แบบกันแสง UV ที่สำคัญเค้ายังมีประกันให้แบบจุก ๆ เปลี่ยนฟรี ใน 1 ปี อีกด้วย (ต้องลงทะเบียนก่อนนะ)
ทางแบรนด์เค้าใช้เป็นกระจก Gorilla Glass จากบริษัท Corning ชื่อเสียงเรื่องความแข็งนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงมือถือ ผ่านการ Drop Test ที่ความสูง 1.5 เมตร บางรุ่นรองรับความสูงได้ถึง 3 เมตร มีความ Flexible สูง งอได้ไม่ต้องกลัวหักหรือแตก เคลือบสารพิเศษจากญี่ปุ่นเพิ่มความคมชัดเหมือนจอเครื่องจริง ๆ ขอบกระจกมนสวยเนียนไปกับตัวเครื่อง ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ติด สัมผัสนุ่ม ทัชลื่น ไม่ฝืด เคลือบทับอีกชั้นด้วยสารที่มีคุณสมบัติกันน้ำและไขมัน คุณสมบัติมากมายขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลย ทำไมทาส Apple ถึงหลงรัก
จุดเด่น | กระจก Gorilla Glass จากบริษัท Corning / Droptest ได้ที่ 1.5 เมตร / เคลือบสารพิเศษจากญี่ปุ่นให้ความคมชัดเหมือนจอเครื่องจริง ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ติด / รับประกัน 1 ปี เปลี่ยนฟรีเมื่อแตกร้าว |
ประเภทกระจก | กระจกใส / กระจกผิวด้าน / กระจกเพิ่มความเป็นส่วนตัว / กระจกใสกันแสง UV / กระจกป้องกันแสงสีฟ้า |
สินค้าจากประเทศ | อเมริกา |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, Huawei (เฉพาะรุ่นเรือธง) |
3. HI-SHIELD
ราคาโดยประมาณ 170 – 990 บาท
ไม่มีใครไม่รู้จัก HI-SHIELD กระจกกันรอยมือถือแบรนด์ที่คุ้นหน้า คุ้นตา กันเป็นอย่างดี เพราะมีวางขายในช็อป ของ iStudio แทบทุกสาขา รวมถึงพวกร้านโทรศัพท์ตามห้าง เป็นอีกหนึ่งแบรนด์กระจกกันรอยคุณภาพพรีเมี่ยม ที่รองรับมือถือมากมายหลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อ และยังมีประเภทของกระจกให้เลือกเยอะเช่นเดียวกัน สินค้าในร้านก็หลากหลายนอกจากกระจกกันรอยมือถือ ยังมีกระจกกันรอยเลนส์กล้อง และเคสโทรศัพท์ เข้าร้านเดียว ได้ครบ จบ นอนตีพุงนอนรอของอย่างเดียว
ถึงแม้จะมีประเภทกระจกให้เลือกเยอะ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าแต่ละประเภท แต่ละรุ่น มีชนิดกระจกที่ไม่เหมือนด้วยนะ โดยทางแบรนด์จะใช้กระจกอยู่ 2 ชนิด คือ กระจก Gorilla Glass จาก USA และ กระจกคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น (AGC) คุณสมบัติอาจจะต่างกันนิด ๆ หน่อย ๆ ในเรื่องความยืดหยุ่นและการสัมผัส แต่เรื่องความแข็งแรงทนทานนั้นถือว่าดีไม่แพ้กัน ที่แน่ ๆ เค้ามีประกันการใช้งานมาให้อีกด้วย ตั้งแต่ 90 วัน ไปจนถึงตลอดอายุการใช้งาน แล้วแต่รุ่นนะครับ
จุดเด่น | กระจก Gorilla Glass จากบริษัท Corning / กระจกคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น (AGC) / มีการรับประกันเริ่มต้น 90 วัน – ตลอดอายุการใช้งาน (แล้วแต่รุ่น) |
ประเภทกระจก | กระจกใส / กระจกผิวด้าน / กระจกเพิ่มความเป็นส่วนตัว / กระจกใสกันแสง UV / กระจกป้องกันแสงสีฟ้า |
สินค้าจากประเทศ | อเมริกา |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, Xaiomi, OPPO, Vivo, Realme, Huawei, OnePlus |
4. ESR
ราคาโดยประมาณ 150 – 250 บาท
กระจกกันรอยมือถือ ESR แบรนด์จีนคุณภาพ ที่พกความคุ้มค่า ในราคาเพียงหลักร้อย ๆ เอาใจสายประหยัด มีกระจกให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบเต็มจอ สำหรับคนต้องการปกป้องหน้าจอทั้งหมด และไม่เต็มจอ สำหรับคนที่อยากใช้ร่วมกับเคสกันกระแทก บางรุ่นมีตาข่ายกันฝุ่นตรงลำโพงมาให้ และที่ดีไปกว่านั้นคือ… เค้ามีกรอบจัดตำแหน่ง สำหรับติดกระจกกันรอยมาให้ ต่อให้เป็นมือใหม่ ไม่เคยติด ก็ติดได้ตรงไม่ต้องกลัวเบี้ยว
ในเรื่องคุณภาพ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่กระจก Gorilla Glass หรือกระจกจากประเทศญี่ปุ่น แต่บอกได้เลยว่าเค้าได้ทำการทดสอบความแข็งแรง ทนแรงกระแทกได้ถึง 33 ปอนด์ อีกทั้งยังผ่านมาตรฐาน SGS หรือกระจกนิรภัยเกรดทหาร กันรอยขีดข่วนได้ดี ไม่ลดทอนสีสันของหน้าจอ ให้ความคมชัดระดับ HD ทัชลื่น ไม่มีสะดุด อัดแน่นด้วยคุณภาพในราคาหลักร้อย ใครที่งบไม่สูง ทำแตกบ่อย แนะนำ ESR เลยครับ
จุดเด่น | ทนแรงกระแทกได้ถึง 33 ปอนด์ / ให้ความคมชัดระดับ HD / ผ่านมาตรฐาน SGS |
ประเภทกระจก | กระจกใส / กระจกผิวด้าน / กระจกเพิ่มความเป็นส่วนตัว / กระจกป้องกันแสงสีฟ้า |
สินค้าจากประเทศ | จีน |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, Huawei |
5. Focus
ราคาโดยประมาณ 159 – 990 บาท
แบรนด์ดัง แบรนด์เด็ด ที่อยู่คู่กับคนไทยมานับ 10 ปี ไม่ใช่ใครที่ไหน Focus นี่เอง !!! ข้อดีของแบรนด์นี้คือ หาซื้อได้ง่าย มีขายทุกช็อป ไม่ว่าจะร้านในห้างก็ดี ร้านนอกห้างก็ดี รวมถึงยังมี Pop-Up Store สีฟ้า-ดำ เด่น ๆ เป็นของตัวเองอีก ทั้งยังมีสินค้ามากมาย ตั้งแต่ฟิล์มกันรอย ไปจนถึงกระจกกันรอยมือถือประเภทต่าง ๆ ใครสะดวกแบบไหน ก็เลือกใช้แบบนั้นได้เลย
ทั้งสินค้าในแบรนด์เค้ายังรองรับมือถือมากมายหลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อ ส่วนคุณภาพก็ถือว่าไม่ได้น้อยหน้าแบรนด์อื่น ๆ ทัชลื่น ไม่ฝืด กันรอยขีดข่วนได้ดี มีหลากหลายราคา หลากหลายเกรดเกรดให้เลือกซื้อไปใช้ ยิ่งรุ่นหลัง ๆ เช่น Anti-Shock Glass / Ultimate Glass เค้ายังมีประกันพ่วงมาให้อีก เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่า ได้ของที่มีคุณภาพไปใช้งานได้จริง ๆ ครับ
จุดเด่น | มีชนิดกระจกให้เลือกหลากหลาย / ให้ความคมชัดระดับ HD / ทัชลื่น ใช้งานได้ไม่สะดุด / มีการรับประกันเริ่มต้น 1 ปี (เฉพาะรุ่น) |
ประเภทกระจก | กระจกใส / กระจกผิวด้าน / กระจกใสกรองแสงสีฟ้า |
สินค้าจากประเทศ | ไทย |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, Xaiomi, OPPO, Vivo, Realme, Huawei, OnePlus |
6. Ringke
ราคาโดยประมาณ 495 – 675 บาท
อีกหนึ่งแบรนด์ กระจกกันรอยมือถือจากแดนกิมจิ เกาหลี เกาใจ กับ Ringke Tempered Glass แบรนด์นี้เค้าจะดังในเรื่องของเคสกันกระแทกคุณภาพเยี่ยม แต่เรื่องกระจกกันรอยอาจจะไม่ค่อยดังซักเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าของเค้าจะแย่นะ เพียงแต่ว่าข้อจำกัดของเค้าคือ เนื่องจากเค้าเป็นกระจกแบบเต็มจอ อาจจะไม่สามารถใช้ร่วมกับเคสทั่วไปได้มากนัก เพราะเค้าผลิตไว้ใช้คู่กับเคสของเค้าซะมากกว่า ถึงแม้จะเป็นกระจกแบบเต็มจอแต่หากใช้คู่กับเคสของเค้าละก็ ไม่ว่ารุ่นไหน ก็ติดได้พอดี ไม่มีปัญหาเรื่องเคสกินขอบฟิล์มครับ
ส่วนในเรื่องคุณภาพ แน่นอนละว่าอาจจะไม่ได้ใช้กระจกกันรอยจากบริษัทดัง ๆ แต่ความแข็งแรงนั้นก็ไม่ เป็นสอง รองใคร เพราะเค้าใช้กระจกสุดพรีเมี่ยม คุณภาพเยี่ยม มีความแข็งแรงถึงระดับ 9H ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีมาก ๆ อีกหนึ่งข้อเสียของเค้านั่นก็คือ รองรับรุ่นมือถือค่อนข้างน้อย มีเพียงไม่กี่รุ่น ซึ่งหลายทำให้หลายคนอาจจะมองข้ามแบรนด์นี้ไป แต่หากใครใช้เคสของเค้าอยู่ละก็ ยังไงก็ต้องจัดกระจกกันรอยไว้เพิ่มแล้วละครับ
จุดเด่น | ความแข็งแรงระดับ ความแข็ง 9H / สามารถใช่ร่วมกับเคส Ringke ได้โดยไม่กินตัวเนื้อฟิล์ม |
ประเภทกระจก | กระจกใส / กระจกเพิ่มความเป็นส่วนตัว |
สินค้าจากประเทศ | เกาหลีใต้ |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, Google, Xiaomi, Huawei (เฉพาะรุ่นเรือธง) |
7. Gorillath
ราคาโดยประมาณ 80 – 1,050 บาท
กล่องสีเหลืองเด่น มีเจ้าคิงคองเป็นโลโก้ นั่นคือแบรนด์ Gorillath กระจกกันรอยมือถือ คุณภาพพรีเมี่ยม มีกระจกให้เลือกอยู่ 2 ประเภท คือกระจกใสเต็มจอ และกระจกใสกันแสง UV ส่วนในเรื่องคุณภาพ บอกเลยว่าปังไม่แพ้กัน ทัชลื่น ภาพคมชัด ตัวกระจกมีชั้นกาวชนิดพิเศษผสานกันกับกระจกแบบ High Aluminum เพิ่มความแข็งแรงถึง 20 เท่า เคลือบด้วยสารลดคราบมัน รอยนิ้วมือ และ แบคทีเรีย ทั้งช่วยลดการสะท้อนของแสง และไม่มีรุ้งขึ้นบนจอ
อีกหนึ่งจุดขายของแบรนด์นี้ เค้ายังมาพร้อมกับ “Gorilla Fast and Easy” เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยติดกระจกกันรอยให้ง่ายขึ้น รับรองว่าติดได้แบบตรง ๆ ไม่เบี้ยว สะดวกสุด ๆ แถม จัดประกันฟิล์มกระจกให้อีก 180 วัน หากมีการแตกร้าวก็สามารถเปลี่ยนฟรีได้ 1 ครั้ง (อย่าลืมลงทะเบียนกันก่อนละ) ใช้ได้กับเคสทุกรุ่น และจะบอกว่าในร้านเค้าไม่ได้เพียงแค่กระจกกันรอยนะ เค้ายังมีฟิล์มกันรอย ฟิล์มไฮโดรเจล เอาใจคนไม่ชอบกระจกกันรอยแบบหนา ๆ ด้วยครับ
จุดเด่น | ทัชลื่น ภาพคมชัด / เคลือบสารลดคราบมัน รอยนิ้วมือ และ แบคทีเรีย / ลดการสะท้อนของแสง ไม่มีรุ้งขึ้นบนจอ / รองรับเคสหลากรุ่น / ประกัน 180 วัน |
ประเภทกระจก | กระจกใส / กระจกใสกันแสง UV |
สินค้าจากประเทศ | ไทย |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, OPPO, Vivo, Huawei, OnePlus |
8. X-ONE
ราคาโดยประมาณ 550 – 1,290 บาท
อีกหนึ่งแบรนด์ของคนไทย นั่นคือแบรนด์ X-ONE กับการพัฒนาคุณภาพกระจกกันรอยมือถือ ให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน ไม่น้อยหน้าแบรนด์ดัง ๆ จนมาถึง Generation 3 และ 4 ซึ่งในรุ่น Gen3 มีความแข็งแรงป้องกันการขีดข่วนระดับ 5H สามารถรับแรงกระแทกได้มากถึง 5 เท่า ส่วน Gen4 มีความแข็งแรงป้องกันการขีดข่วนระดับ 7H เป็นความแข็งสูงสุดที่ได้จากแผ่นฟิล์ม PET สามารถรับแรงกระแทกได้มากถึง 6 เท่า ทั้งสองรุ่นบริเวณขอบของฟิล์มจะไม่บิ่นหรือแตกหักเหมือนฟิล์มกระจกทั่วไป
ตัวกระจกเคลือบสาร Oleophobic ช่วยให้ทัชได้ลื่น ไม่ฝืด ตอบสนองได้เร็ว เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ทั้งยังให้ ภาพ สีสัน ในระดับ Ultra HD คมชัดกว่าฟิล์มทั่วไป มีทั้งกระจกใส กระจกผิวด้าน กระจกป้องกันแสงสีฟ้า หรือจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยกระจกแบบ Privacy ก็มีเช่นกัน สามารถเลือกได้ตามการใช้งาน นอกจากนี้ในร้านก็ยังมีเคสกันกระแทกคุณภาพดี เอาไปใช้คู่กัน รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
จุดเด่น | ให้ความคมชัดระดับ Ultra HD / เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย / ไม่บิ่น, แตก, ร้าวเหมือนฟิล์มกระจกทั่วไป |
ประเภทกระจก | กระจกใส / กระจกผิวด้าน / กระจกเพิ่มความเป็นส่วนตัว / กระจกป้องกันแสงสีฟ้า |
สินค้าจากประเทศ | ไทย |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, Xaiomi, OPPO, Vivo, Huawei |
9. SPIGEN
ราคาโดยประมาณ 790 – 990 บาท
กระจกกันรอยมือถือ SPIGEN อีกหนึ่งแบรนด์ดัง จากเกาหลี ที่เด่นเรื่องเคสกันกระแทก หาซื้อได้ตามศูนย์ iStudio หรือร้าน Gadget ได้ทั่ว ๆ ไป น้อยคนจะรู้ว่าเค้าก็ยังมีกระจกกันรอยมือถือจัดจำหน่ายด้วย แต่จะไม่รู้ก็ไม่แปลก เพราะว่าเค้าผลิตมาให้ใช้แค่ 3 มือถือยี่ห้อดังเท่านั้น นั่นคือ Apple, Samsung และ Huawei แถมยังจำกัดเฉพาะรุ่นเรือธงอีก
อ่านไป อ่านมา ฟังดูคุ้น ๆ ใช่มั้ยละ ? ใช่ครับเหมือนกับแบรนด์ Ringke เลย เค้าผลิตมาเพื่อให้ใช้คู่กับเคสตัวดังของเค้านั่นเอง ซึ่งถ้าหากใช้คู่กับเคสยี่ห้ออื่น ๆ ก็อาจทำให้เคสกินเนื้อฟิล์มจนเกิดเป็นฟองอากาศเอาก็ได้ ในเรื่องคุณภาพก็ยังจัดว่าดี มีความแข็งแรงในระดับ 9H กันรอยขีดข่วนได้ดี พร้อมยังเคลือบผิวฟิล์มกระจก ช่วยป้องกันทั้งรอยนิ้วมือ และคราบมันได้ดีอีกด้วย ใครใช้เคส SPIGEN แต่ใช่ฟิล์มยี่ห้ออื่น แล้วเป็นฟองอากาศอยู่แล้วละก็ คงต้องลองจัดกระจกกันรอยของเค้าไปใช้คู่กันครับ
จุดเด่น | ความแข็ง 9H แข็งแรงกว่าฟิล์มทั่วไปถึง 3 เท่า / เคลือบผิวฟิล์มกระจก ป้องกันทั้งรอยนิ้วมือ และคราบมัน / สามารถใช่ร่วมกับเคส SPIGEN ได้โดยไม่กินตัวเนื้อฟิล์ม |
ประเภทกระจก | กระจกใส |
สินค้าจากประเทศ | เกาหลีใต้ |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, Huawei (เฉพาะรุ่นเรือธง) |
10. NILLKIN
ราคาโดยประมาณ 160 – 400 บาท
สุดท้าย ท้ายสุด กับกระจกกันรอยมือถือที่พกความคุ้มค่า คุ้มราคามาเต็มเปี่ยม กับแบรนด์ NILLKIN จากประเทศจีน อีกหนึ่งแบรนด์ สำหรับคนงบน้อย สายประหยัด นอกจากที่จะรองรับมือถือได้หลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นแล้วนั้น เค้าก็ยังมีกระจกกันรอยให้เลือกอีกมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น กระจกใส กระจกผิวด้าน กระจกเพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือกระจกป้องกันแสงสีฟ้า ก็มีมาให้แบบครบครันเช่นกัน
เรื่องคุณภาพนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทางแบรนด์เค้าใช้กระจกคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีความบางเพียง 0.33 มิลลิเมตร ให้สีสันและความคมชัดมากถึง 99% เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน รอยนิ้วมือและคราบมัน เรียกได้ว่าถึงราคาจะแค่หลักร้อยต้น ๆ แต่คุณภาพเกินราคามาก ๆ เมื่อเทียบกับแบรนด์ดังชั้นนำหลาย ๆ แบรนด์ แต่บอกไว้นิดนึงนะ เนื่องจากเป็นสินค้าแบบ Pre-Order ส่งจากจีน อาจต้องรอของประมาณ 7-14 วัน ถ้าใครไม่รีบก็กดสั่งซื้อไปได้เลยครับ
จุดเด่น | กระจกคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น (AGC) บางเพียง 0.33 มิลลิเมตร / สัมผัสลื่น คงความชัด 99% / เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน รอยนิ้วมือและคราบมัน |
ประเภทกระจก | กระจกใส / กระจกผิวด้าน / กระจกเพิ่มความเป็นส่วนตัว / กระจกป้องกันแสงสีฟ้า |
สินค้าจากประเทศ | จีน |
ยี่ห้อมือถือที่รองรับ | Apple, Samsung, Xaiomi, Huawei, OnePlus |
เป็นยังไงกันบ้างกับ “กระจกกันรอยมือถือ” ยี่ห้อไหนดี บางคนมีแบรนด์ในใจมาอยู่ก่อนแล้ว แต่พออ่านมาจนหมด อาจจะมาเปลี่ยนใจมาลองแบรนด์ใหม่ ๆ กันบ้าง ด้วยราคา คุณสมบัติ ที่คุ้มค่ามากกว่าแบรนด์เดิม ๆ ที่ใช้อยู่ นอกจากจะมอบประสบการณ์ที่ดีในการทัชจอแล้วเนี้ย แน่นอนละว่าไม่ต้องไปเสี่ยงกับของปลอมหรือของไม่มีคุณภาพ ขืนยังใช้ของไม่มีคุณภาพละก็ เผลอทำตกอาจไม่ได้แตกแค่กระจกกันรอย แต่อาจจะแตกยันกระจกมือถือข้างในเลยก็ได้ เตือนแล้วนะครับ !!!!!!
บรรณาธิการทางด้าน IT Gadget และของใช้อื่น ๆ มีประสบการณ์ด้าน IT Support และการขายอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์มานานกว่า 10 ปี นอกจากนี้ยังมีความเชี่ยวชาญทางด้านเน็ตเวิร์ก ชอบลองอุปกรณ์แกดเจ็ทใหม่ ๆ ขยันทดลองสกินแคร์ ศึกษาแพทย์แผนทางเลือก แล้วก็ยังเป็นนักเล่นเกม JRPG อีกด้วย