กำลังอยากจะตัดผมเองที่บ้าน หรืออยากจะตัดผมลูกน้อยเอง โชว์ฝีมือเอง ไม่อยากไปร้านตัดผมแล้ว จึงอยากจะได้ “ปัตตาเลี่ยน” ดี ๆ สักยี่ห้อไปใช้งาน แต่เจ้ากรรม ดันมีที่ตัดผมให้เลือกซื้อกันหลายยี่ห้อมาก จนไม่รู้จะซื้อยี่ห้อไหนดี ?? ก็บอกเลยว่าคลิกเข้ามาได้ถูกที่ถูกบทความแล้ว เพราะที่นี่ทางเราได้ไปรวบรวมยี่ห้อที่น่าสนใจ ดีไซน์สวย มีคุณภาพ รวมถึงรีวิวดีงาม มาแนะนำให้รู้จักกันถึง 10 ยี่ห้อ 10 เครื่องกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าทุกท่านได้ลองอ่านเนื้อหากันจนจบล่ะก็ จะได้ไอเดียในการเลือกซื้อกันอย่างแน่นอนค่ะ !
สารบัญ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว ปัตตาเลี่ยน ยี่ห้อไหนดี
ก็เผื่อใครที่อยากจะเห็นเครื่องที่ตัดผมแบบพร้อม ๆ กัน รวมถึงสามารถเลื่อนตารางไปมา เพื่อทำการเปรียบเทียบประเภทของที่ตัดผม, ลักษณะใบมีด, การใช้ไฟฟ้า, ดีไซน์ หรือราคาได้แบบง่าย ๆ ทางเราก็อยากให้ลองคลิกที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลยค่า
1. HAN RIVER HRLF01GD
ราคาโดยประมาณ 938 บาท
ปัตตาเลี่ยนสุดขายดีในโลกออนไลน์ ด้วยยอดขายกว่า 17,000 ชิ้น !! ซึ่งถือว่ากระแสตอบรับดีสุด ๆ โดยตัวเครื่องเป็นแบบไร้สายที่ใช้พลังงานด้วยการชาร์จไฟ หมดปัญหาเรื่องสายไฟมาเกะกะ ทั้งยังสามารถนำไปใช้งานนอกบ้านได้อีกด้วย รวมถึงมีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 100 – 240V มาพร้อมกับสายชาร์จ USB และมอเตอร์อันทรงพลังแต่ไร้เสียงรบกวน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ช่วยให้เราสามารถรังสรรค์ทรงผมสุดเท่ได้ดั่งใจนึกเลยค่ะ
และตัวนี้เขาจะมาพร้อมกับใบมีดที่มีดีไซน์เรียบง่ายแต่เฉียบคม ผลิตจากวัสดุเซรามิกที่มีความทนทานและมาในรูปแบบมุมเอียง เข้าได้กับทุกส่วนโค้งของศีรษะ รวมถึงไม่ดึงเส้นผมให้รู้สึกเจ็บ ทั้งยังสามารถปรับความเร็วได้ถึง 5 ระดับ รองรับทั้งการเล็มและการโกน ส่วนตัวใบมีดก็สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ๆ แถมในเซ็ทเขายังมีหวีรองให้ถึง 4 เบอร์ รวมไปถึงแปรงปัดเศษผมและสาย USB อีกพร้อมสรรพ ก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาจริง ๆ ค่า
ประเภท | ไร้สาย |
ใบมีด | เซรามิก |
กำลังไฟ/ความถี่ | 50 / 60HZ |
แรงดันไฟฟ้า | 100 – 240V |
2. Xiaomi Youpin Enchen Boost
ราคาโดยประมาณ 299 บาท
ปัตตาเลี่ยนไร้สายจากแบรนด์ครอบจักรวาลอย่าง Xiaomi ที่มาในดีไซน์เพรียวบาง แต่ในเรื่องคุณภาพถือว่าดีเกินตัว ด้วยรูปแบบหัวมุมกลมรูปตัว R ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นในการปรับเปลี่ยนเบอร์ฟันรองได้ในปุ่มเดียว ไม่ต้องคอยถอดเปลี่ยนหัวไปมาอย่างยี่ห้ออื่น ๆ โดยสามารถปรับระดับความยาวในการตัดผมได้ตั้งแต่ 0.7-2.1 มิลลิเมตรเลยทีเดียว อีกทั้งส่วนที่สัมผัสกับหนังศีรษะโดยตรงอย่างหัวตัดและซี่หวี จะถูกออกแบบมาให้มีปลายโค้งมน เพื่อความปลอดภัยและลดบาดเจ็บขณะตัดแต่งทรงผมอีกด้วยค่ะ
ในส่วนของประสิทธิภาพการทำงาน ทางแบรนด์จะเลือกใช้เป็นนวัตกรรม ESM (Energy Smart Manager) คือทำงานด้วยความเร็วสูง และป้องกันผมติดในระหว่างการตัด ทั้งยังชาร์จได้เร็ว โดยใช้เวลาในการชาร์จเพียงแค่ 1 ชั่วโมง แต่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 80 นาที ที่สำคัญคือ ให้เสียงมอเตอร์ที่เบากว่าที่ตัดผมทั่ว ๆ ไป ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวนขณะใช้งาน ถือเป็นไอเทมทันสมัยที่เหมาะสำหรับคนรักการตัดแต่งทรงผมจริง ๆค่ะ
ประเภท | ไร้สาย |
ใบมีด | นาโนเซรามิก |
กำลังไฟ/ความถี่ | 5W |
แรงดันไฟฟ้า | 5V |
3. DODOLOVE ปัตตาเลี่ยนสำหรับเด็ก
ราคาโดยประมาณ 199 บาท
สำหรับบ้านไหนที่คิดว่าลูกน้อยผมยาวจนควรตัดได้แล้ว แต่กลัวว่าปัตตาเลี่ยนสำหรับผู้ใหญ่จะคมเกินไปจนบาดหนังศีรษะ แถมเสียงมอเตอร์ยังดังจะทำเอาเด็กตกใจได้ง่าย ๆ อีก แบบนี้ต้องใช้ที่ตัดผมจากแบรนด์ DODOLOVE ที่ทำออกมาสำหรับตัดผมเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึง 8 ขวบ คือออกแบบมาเพื่อตัดผมเด็กโดยเฉพาะ และมาพร้อมใบมีดผลิตด้วยเซรามิกคุณภาพดี ปลอดภัย ไม่บาดหนังศีรษะ ทั้งยังมีเสียงที่เบา ใช้แล้วน้อง ๆ หนู ๆ ไม่ร้องงอแงแน่นอนค่ะ
และที่น่าสนใจคือ ที่ตัดผมตัวนี้เขามาพร้อมกับความสามารถในการดูดเส้นผมอัตโนมัติ ด้วยระบบ High-Speed Turbo แถมพื้นที่การดูดยังกว้าง ช่วยให้ดูดเศษเส้นผมได้อย่างหมดจด มาพร้อมกับที่บรรจุเศษเส้นผมที่สามารถถอดออกมาทิ้งภายหลังได้ ก็หมดปัญหาเรื่องเศษผมเข้าหน้าเข้าตาลูกน้อย ทั้งยังทำให้ไม่เสียเวลาในการเก็บกวาดอีกด้วย ในเรื่องของขนาดก็ถือว่ากะทัดรัด จับได้เหมาะมือ ใช้งานไม่ยาก แม้เป็นมือใหม่ก็สามารถใช้ได้คล่อง ถือเป็นไอเทมเด็ดที่คุณพ่อคุณแม่ควรมีติดบ้านเลยละค่ะ
ประเภท | ไร้สาย |
ใบมีด | เซรามิก |
กำลังไฟ/ความถี่ | ไม่ระบุ |
แรงดันไฟฟ้า | ไม่ระบุ |
4. LESASHA Easy Groom Hair รุ่น LS1235
ราคาโดยประมาณ 890 บาท
ปัตตาเลี่ยนจากแบรนด์อุปกรณ์ทำผมชื่อดังอย่าง LESASHA ที่คราวนี้เขานำเสนอมาในรูปแบบมีสายดีไซน์สวย จับได้ถนัดมือ และยังออกแบบมาให้รองรับการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษ ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนง่าย หรือเกิดอาการโอเวอร์ฮีท จึงถือเป็นรุ่นที่แนะนำสำหรับคนที่เปิดบริการร้านทำผมโดยเฉพาะ รับรองว่าตัดผมได้เพลิน ๆ ไม่มีเครื่องดับระหว่างทางแน่นอนค่ะ
ในส่วนของใบมีดนั้น เขาก็มาพร้อมกับใบมีดโครเมี่ยมที่มีความทนทาน ผสานกับการทำงานของมอเตอร์ที่มีแรงบิดอยู่ที่ 3,000 รอบ/นาที จึงช่วยให้ตัดผมได้อย่างนุ่นนวลแม้ผมดกหนา ไม่บาดผิว อีกทั้งยังมาพร้อมกับแกนปรับยกใบมีดถึง 3 ระดับ ทำให้สามารถเลือกความยาวที่ตัดได้อย่างใจนึก จะไถชิดโคนผมมากน้อยแค่ไหนก็สามารถทำได้โดยสะดวกเลยค่ะ ก็เป็นที่ตัดผมมากประสิทธิภาพจากแบรนด์ที่เชี่ยวชาญเรื่องการตัดแต่งเส้นผมแบบนี้ ก็ไว้ใจเรื่องคุณภาพได้อย่างแน่นอน !
ประเภท | มีสาย |
ใบมีด | โครเมี่ยม |
กำลังไฟ/ความถี่ | 15W |
แรงดันไฟฟ้า | 220 – 240V |
5. Yotex ที่ตัดผมไฟฟ้าไร้สาย
ราคาโดยประมาณ 899 บาท
อีกหนึ่งปัตตาเลี่ยนไฟฟ้าแบบไร้สายที่จะช่วยให้เราสามารถตัดแต่งทรงผมด้วยตนเองได้ตามต้องการ ด้วยดีไซน์หวีมีหัวตัดโค้งมนรูปตัว R ที่ปรับเข้ากันได้กับทุกสรีระของศีรษะ เข้าตัดแต่งผมได้อย่างแม่นยำ ทั้งปลอดภัย ไม่บาดผิว ตัวใบมีดสามาถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ทั้งยังสามารถปรับความยาวที่ต้องการตัดได้ถึง 5 เบอร์ รองรับทุกดีไซน์ทรงผมทีเราต้องการ แถมยังเป็นแบบไร้สาย พกพาออกไปใช้ข้างนอกก็ได้ค่ะ
อีกทั้งยี่ห้อนี้ เขาใช้มอเตอร์ทองแดงแบบพิเศษ ทำให้มีเสียงค่อนข้างเบา หมดปัญหาเรื่องเสียงรบกวนขณะใช้งาน มาพร้อมกับแบตเตอรี่คุณภาพสูงที่สามารถชาร์จได้เต็มในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง และสามารถตัดผมได้ยาวนานถึง 200 นาที ที่เป็นแบบนี้เพราะทางผู้ผลิตเขาต้องการถนอมการใช้งานแบตเตอรี่และหลีกเลี่ยงการชาร์จบ่อย ๆ นั่นเอง ก็สามารถทำงานแทนปัตตาเลี่ยนแบบมีสายได้สบาย ๆ เลย แถมตัดปัญหาเรื่องสายไฟพันแข้งพันขาออกไปได้อีกด้วยค่ะ
ประเภท | ไร้สาย |
ใบมีด | มุมโค้งรูปตัว R |
กำลังไฟ/ความถี่ | 50 / 60HZ |
แรงดันไฟฟ้า | 100-240V |
6. Kemei รุ่น KM-5017
ราคาโดยประมาณ 599 บาท
Kemei เองก็ถือเป็นแบรนด์ที่ใครหลาย ๆ คนไว้วางใจมาช้านาน โดยรุ่นนี้เขามาในดีไซน์ตัวบอดี้ที่หรูหรา ทันสมัย พร้อมกับหัวตัดรูปตัว L และใบมีดที่ผลิตจากไททาเนี่ยม มีความคม ทนทาน จึงสามารถตัดได้อย่างแม่นยำทั้งสกินเฮดและรองหวี รวมถึงตัดได้อย่างเกลี้ยงเกลาโดยไม่ถลอกผิว ง่ายต่อการตัดแต่งทรงผมและแกะลวดลายได้ตามต้องการ ก็รับรองว่าถูกใจสายแฟชั่นแน่นอนค่ะ
ส่วนตัวมอเตอร์ก็มากด้วยประสิทธิภาพ ให้เสียงที่เบามาก จึงสามารถใช้ได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หมดกังวลเรื่องเสียงดังรบกวนจนเด็ก ๆ งอแง และยังมีโหมดเปิด – ปิดตามการใช้งานด้วยปุ่มสไลด์เพียงปุ่มเดียว รวมถึงจับได้ถนัดเข้ามือ อีกทั้งเวลาในการชาร์จก็อาจจะนานนิดหนึ่งที่ 8 – 10 ชั่วโมง แต่ก็สามารใช้งานได้นาน 1 ชั่วโมง ส่วนราคาก็ไม่แพงมากด้วย ก็เหมาะสำหรับเป็นไอเท็มที่ใช้งานที่บ้านมาก ๆ ค่ะ
ประเภท | ไร้สาย |
ใบมีด | ไททาเนี่ยม |
กำลังไฟ | 5W |
แรงดันไฟฟ้า | 3V 300mAh |
7. Kemei KM-4639
ราคาโดยประมาณ 298 บาท
อีกหนึ่งของแบรนด์ Kemei ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่ช่างตัดผมมืออาชีพ เพราะด้วยรูปแบบดีไซน์ที่เพรียว จับกระชับมือ ทำให้ง่ายต่อการจัดการกับเส้นผม ทั้งยังออกแบบเพื่อป้องกันการลื่นหลุดขณะใช้งาน และยังมีสายที่มาพร้อมกับตะขอด้านหลัง เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ รวมถึงมีใบมีดที่ผลิตจากเหล็กคาร์บอนที่มีคุณภาพและความทนทาน จึงช่วยให้ตัดได้อย่างราบรื่น ผมไม่พันกัน ถือเป็นปัตตาเลี่ยนสารพัดประโยชน์และตัดออกมาได้อย่างเรียบร้อยสมใจช่างจริง ๆ ค่ะ
ในส่วนดีเทลของรุ่นนี้นั้น เขาก็มาพร้อมกับมอเตอร์ที่ทรงพลัง แต่ผ่านการออกแบบให้มีเสียงที่เบาที่สุด เพื่อลดปัญหาเสียงดังรบกวน ทั้งยังมีรองหวีให้เลือกความยาวในการตัดได้ถึง 4 เบอร์ คือ 3 มิลลิเมตร, 6 มิลลิเมตร, 9 มิลลิเมตร และ 12 มิลลิเมตร ก็ช่วยให้ตัดแต่งทรงผมได้ตามชอบ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับทรงผมทุกชนิด ส่วนราคาก็ไม่แพง จับถนัดมือแบบนี้อีก ต่อให้เป็นมือใหม่ก็สามารถใช้ได้ง่าย ๆ เลยค่ะ
ประเภท | มีสาย |
ใบมีด | เหล็กคาร์บอน |
พลังไฟ | 12W |
แรงดันไฟฟ้า | 110-240V |
8. Xiaomi Enchen Hummingbird Electric Hair Clipper
ราคาโดยประมาณ 1,299 บาท
อีกหนึ่งปัตตาเลี่ยนจากเครือ Xiaomi ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการตัดแต่งทรงผมแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยหัวตัดรูปตัว T ที่เหมาะสำหรับมืออาชีพ และออกแบบมาให้กว้างเป็นพิเศษ จึงช่วยเพิ่มพื้นที่ในการตัดผม ทั้งยังมาพร้อมกับใบมีดบางเฉียบเพียง 0.3 มิลลิเมตร ที่ถือว่าบางเพียงครึ่งเดียวของใบมีดธรรมดาเท่านั้น ขนาดของใบมีดก็อยู่ที่ 1 – 3 มิลลิเมตร ออกแบบมาเป็นมุมป้านรูปตัว R ที่สามารถไล่ระดับความยาวของเส้นผมได้ตามต้องการ ก็เหมาะสำหรับสายแฟชั่นที่จำเป็นต้องบรรจงตัดแต่งทรงผมทีละนิด ๆ เลยค่ะ
อีกทั้งเขายังสามารถใช้งานได้นานด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมขนาดใหญ่ที่มีความจุ 1500 mAh ใช้เวลาในการชาร์จเพียง 3 ชั่วโมง แต่สามารถทำงานแบบไร้สายได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน มีไฟ LED Boost แสดงสถานะการใช้งานให้พร้อมสรรพ และที่น่าสนใจก็คือ ทางแบรนด์เขายังมาพร้อมกับนวัตกรรม ESM Intelligence ที่จะรองรับการทำงานด้วยความเร็วสุง ทำให้ผมไม่พันกันระหว่างใช้งาน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ Xiaomi นี้เลยค่ะ
ประเภท | ไร้สาย |
ใบมีด | เซรามิก |
พลังไฟ | 10W |
แรงดันไฟฟ้า | 5V1A |
9. Philips Hair clipper 1000 HC1055
ราคาโดยประมาณ 2,041 บาท
อีกหนึ่งปัตตาเลี่ยนสำหรับเด็กที่ขอแนะนำ ด้วยใบมีดเซรามิกรูปทรงเพรียวบาง สั้นกว่า และปลายโค้งมน ซึ่งผ่านการออกแบบมาเป็นพิเศษให้อ่อนโยนต่อผิวเด็ก และสามารถเข้าถึงพื้นที่ยุ่งยากอย่างกรอบหูได้อย่างง่ายดาย จึงช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตัดผมน้อง ๆ หนู ๆ โดยไม่ยุ่งยาก อีกทั้งตัวเครื่องยังทำงานได้เงียบ ไร้ปัญหาเสียงรบกวน เด็ก ๆ ไม่ตกใจจนร้องไห้งอแงแน่นอนค่ะ
อีกทั้งตัวนี้เขายังเป็นแบบไร้สายที่ใช้แบตเตอรี่ Ni-MH แรงดันไฟฟาอยู่ที่ 100 – 240W ก็ใช้เวลาในการชาร์จเพียง 2 ชั่วโมง และใช้งานได้นาน 45 นาที ก็ถือว่าเวลาค่อนข้างดีอยู่นะคะ และยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย สามารถกันน้ำได้ถึงระดับ IPX7 ซึ่งถือว่าปลอดภัยไร้กังวล ก็ถือเป็นผู้ช่วยแสนวิเศษสำหรับคุณพ่อคุณแม่เลยค่า
ประเภท | ไร้สาย |
ใบมีด | เซรามิกปลายโค้งมน |
กำลังไฟ/ความถี่ | 2W |
แรงดันไฟฟ้า | 100-240V |
10. Wahl Classic Series Super Tape
ราคาโดยประมาณ 1,690 บาท
ปัตตาเลี่ยนแบบมีสายที่นำเข้ามาไกลจากสหรัฐอเมริกา โดยสามารถตัดผมหนา ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตัวเครื่องผลิตจากแบคกาไลท์ มาพร้อมระบบระบายความร้อนอย่างดี ทำให้เครื่องร้อนช้า ไม่หยุดทำงานกลางคัน ช่วยให้สามารถตัดผมได้ยาวนานว่าปัตตาเลี่ยนรุ่นอื่น ๆ แบบนี้ก็รับรองได้ว่าตัดผมได้นานสะใจ ไม่มีสะดุด ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่แน่นอนค่ะ
ส่วนตัวใบมีดก็เป็นแบบสแตนเลสขนาด 40 มิลลิเมตร ที่มาพร้อมกับตัวปรับใบมีดที่ด้านข้าง มีหวีรองให้เลือกความยาวได้ถึง 6 เบอร์ ตั้งแต่ 3 มิลลิเมตร, 6 มิลลิเมตร, 10 มิลลิเมตร, 13 มิลลิเมตร, 19 มิลลิเมตร และ 25 มิลลิเมตร ก็รองรับทรงผมทุกสไตล์กันเลยทีเดียว ทั้งยังทำงานได้เร็วด้วยปากที่กว้างเป็นพิเศษ แต่ด้วยความดีงามนี้เอง ก็เลยทำให้ราคาจะค่อนข้างแรงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ แต่ถ้าอยากลงทุนครั้งเดียวจบ เราขอแนะนำ Wahl จากเมกากันเลยค่า
ประเภท | มีสาย |
ใบมีด | สแตนเลส |
กำลังไฟ/ความถี่ | 10W |
แรงดันไฟฟ้า | 220-240V |
ก็หลังจากที่ได้เห็นรีวิว “ปัตตาเลี่ยน” ยี่ห้อไหนดี กันไปแล้วถึง 10 ยี่ห้อ 10 เครื่องด้วยกัน ก็เป็นยังไงกันบ้างคะ ไม่ทราบว่าสนใจ อยากจะซื้อยี่ห้อไหน เครื่องไหน ไปใช้ตัดผมเองที่บ้าน หรือเอาไปใช้ตัดผมน้อง ๆ เด็ก ๆ กันบ้าง ?? ก็จากที่เห็น ๆ มาเนี่ย หลัก ๆ เครื่องก็จะมีอยู่ 2 แบบคือ แบบมีสายกับไร้สาย ก็จะมีความสะดวกและราคาที่แตกต่างกันออกไป ยังไงตอนเลือกซื้อก็อย่าลืมดูความต้องการและงบประมาณที่มีกันด้วยเนาะ สุดท้ายก็ขอให้ได้เครื่องที่ถูกใจ ใช้ตัดผมแล้วชอบ หัวสวย ๆ ผมสวย ๆ กันด้วยค่า
จบการศึกษาด้านอักษรศาสตร์ รู้สึกสนุกกับการเขียนรีวิวสินค้าหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะหนังสือ ของใช้ในบ้าน เน้นการเขียนรีวิวที่อ่านเข้าใจง่าย เข้าถึงทุกคน