เอาใจคุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน กับผลิตภัณฑ์มูสใส่ผมที่มีมากมายหลากหลายแบรนด์ หลากหลายยี่ห้อ และถึงแม้จะขึ้นชื่อว่ามูสแต่งผม แต่ไม่วายก็ยังมีเนื้อมูสหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อมูสแบบธรรมดา มูสแบบเนื้อโฟม และมูสแบบน้ำ ซึ่งก็จะให้เนื้อสัมผัสและคุณสมบัติที่ต่างกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ช่วยให้เส้นผมอยู่ทรง และจัดทรงได้ง่ายขึ้น แต่หากยังไม่รู้ว่าจะซื้อมูสแบบไหน เราก็ได้รวบรวม “มูสใส่ผม” ยี่ห้อไหนดี มาให้ดูกันถึง 10 ยี่ห้อที่น่าสนใจ ก็จะมียี่ห้อไหนกันบ้างนั้น มาอ่านกันเลยค่ะ
สารบัญ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว มูสใส่ผม ยี่ห้อไหนดี
ก็เผื่อสาว ๆ คนไหนที่อยากจะเห็นสินค้าทั้ง 10 ยี่ห้อน่าโดนแบบพร้อม ๆ กัน รวมถึงสามารถเลื่อนตารางไปมา เพื่อทำการเปรียบเทียบปริมาณ สูตร เนื้อสัมผัส รวมไปถึงราคากันได้แบบง่าย ๆ ทางเราก็อยากให้ลองคลิกที่ปุ่มสีแดงด้านล่างกันได้เลยค่า
1. Caring Contour Styling Mousse
ราคาโดยประมาณ 79 – 113 บาท
พูดถึงมูสใส่ผม ทุก ๆ คนต้องนึกถึงแบรนด์แคริ่ง เพราะมีมูสเนื้อเนียนนุ่มสูตรเฉพาะ บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ รวมถึงอุดมไปด้วยสารสกัดที่มีคุณภาพที่จะช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผม และคงสภาพของลอนผมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้ผมดูเงางาม อยู่ทรง แถมยังมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผม โดยยังคงความชุ่มชื้นของเส้นผมไว้ ทำให้ใช้แล้วผมไม่แห้งเสีย ไม่เป็นไม้กวาด ทั้งยังปราศจากสารเคมีอันตรายอีกด้วยนะคะ
โดยมูสใส่ผมของแบรนด์นี้ เขามีออกมาถึง 2 สูตร ให้เลือกใช้ ระหว่างสูตรมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ขวดสีชมพู ที่จะช่วยให้ผมดูนุ่มสลวย มีความชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการจัดลอนอ่อน ๆ แบบ Wet look โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องผมแห้งเสีย กับสูตรที่สองคือ สูตรดีแพนธีนอล ที่อุดมไปด้วยสารสกัดจากโปรวิตามิน บี 5 ที่จะมาช่วยให้ผมเส้นผมดูแข็งแรง มีน้ำหนัก ให้ความแข็งระดับปานกลาง ก็สนใจสูตรไหนก็ลองไปตำกันได้เลยค่า
ปริมาณ | 130 ml, 220 ml |
สูตร | สูตรมอยส์เจอร์ไรเซอร์, สูตรดีแพนธีนอล |
เนื้อสัมผัส | มูส |
2. MARLIES MOLLER MARINE MOISTURE MOUSSE
ราคาโดยประมาณ 1,500 บาท
ใครที่อยากจัดแต่งทรงผมแต่ขี้เกียจล้างออก ไอเทมนี้จัดว่าเด็ด เพราะเขาคือมูสมอยส์เจอร์ไรเซอร์สำหรับจัดแต่งทรงผมที่มีสารสกัดจากน้ำทะเลลึกและสาหร่ายนานาชนิด ด้วยความที่เขาเป็นมูสเนื้อน้ำจึงสามารถจัดแต่งผมไปพร้อม ๆ กับเข้าบำรุงอย่างล้ำลึกได้โดยไม่ต้องล้างออก !! และยังช่วยมอบความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมแบบจัดเต็ม ให้ผมเราผ่อนคลาย เงางาม และเด้งอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเหมาะกับทุกสภาพเส้นผมด้วย ก็เป็นมูสสูตรอ่อนโยนที่ขอแนะนำเลยค่ะ
และนอกจากสารสกัดจากสาหร่ายนานาชนิดแล้ว เขายังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น สารสกัดจากเปลือกมะนาวและน้ำตาลจากอ้อยที่จะช่วยซ่อมแซมโครงสร้างของเส้นผม, เคราตินจากพืช ที่ช่วยป้องกันเส้นผมพันกันและเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม และมี glycerin ที่จะช่วยฟื้นฟูปัญหาผมแตกปลาย ช่วยให้หวีผมให้ง่ายขึ้น ทั้งตัวมูสยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่เหนียวเหนอะหนะอีกด้วยนะคะ แต่ด้วยความดีงามนี้เอง ก็ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างแรงมากกก แต่ถ้าไม่ติดเรื่องงบ อยากให้ลองของดีจริง ๆ ค่ะ !!
ปริมาณ | 150 ml |
สูตร | Marine Moisture |
เนื้อสัมผัส | มูสน้ำ |
3. SCHWARZKOPF – Osis+ Grip Extreme Hold Mousse
ราคาโดยประมาณ 600 บาท
แบรนด์ดังที่ช่างทำผมหลายคนไว้วางใจอย่าง Schwarzkopf เอง ก็มีผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์คนชอบให้ผมอยู่ทรง อยู่นานระดับ extreme โดยเฉพาะ ด้วยสุดยอดมูสใส่ผมที่ออกแบบมาเพื่อผมดัดและผมตรงธรรมดาแบบพิเศษ โดยตัวมูสจะสามารถซึมซาบเข้าสู่เส้นผมได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับทรงผมที่ต้องการความวิจิตร ความบรรจง หรือความพิสดาร ให้อยู่ทรงยาวนานได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งตัวมูสก็ไม่เหนียวหนะ ล้างออกง่ายด้วยการสระผมปกติเลยค่ะ
เท่านั้นยังไม่พอ เนื้อมูสตัวนี้เขาปราศจากแอลกอฮอล์ที่เป็นอันตรายต่อเส้นผม ลดปัญหาผมแห้งเสียชี้ฟูหลังการใช้ ทั้งยังมีส่วนผสมที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนอย่างการหนีบ ดัด และไดร์ ช่วยให้ผมเรียงตัวสวย เงางาม ดูมีวอลลุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังมีกลิ่นหอมแบบสปอร์ต ๆ ให้ชื่นใจอีกด้วย ก็ใครที่เป็นสาวก Schwarzkopf และอยากให้ทรงผมอยู่ตัวนานตลอดวัน ถือว่าห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ !
ปริมาณ | 200 ml |
สูตร | Extreme Hold |
เนื้อสัมผัส | มูส |
4. L'Oreal Professionnel Hair Styling TECNI ART FULL VOLUME EXTRA MOUSSE
ราคาโดยประมาณ 649 บาท
แน่นอนว่าพูดถึงไอเทมสำหรับเส้นผมแล้ว เราจะลืมแบรนด์ตัวแม่อย่าง L'Oreal ไปไม่ได้ ยิ่งมูสใส่ผมของแบรนด์นี้ก็ได้กระแสตอบรับดีไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ เพราะเนื้อมูสมีน้ำหนักเบาและยึดเกาะกับเส้นผมได้ดี จึงช่วยให้เส้นผมที่เคยลีบแบนดูหนานุ่มมีวอลลุ่มได้ทันตา แถมยังจัดทรงง่าย อยู่ตัวยาวนานถึง 24 ชั่วโมงไปเลยค่ะ
อีกทั้งใครกลัวใช้มูสแล้วผมจะแห้งแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ ขอให้หมดกังวลได้เลย เพราะมูสใส่ผมตัวนี้ เขามีส่วนผสมของเซราไมด์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อเส้นผม ช่วยให้ผมอ่อนนุ่ม ไม่แห้งเสีย อยู่ทรงเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงไม่แข็งทื่อจนดูโป๊ะอีกด้วย ก็ใครที่กำลังมองหามูสใส่ผมที่อยู่ทรงยาวนาน แถมไม่ทำร้ายผมให้ผมเสีย บอกเลยว่าลอรีอัลไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ
ปริมาณ | 250 ml |
สูตร | Full Volume Extra |
เนื้อสัมผัส | มูส |
5. GATSBY STYLING FOAM
ราคาโดยประมาณ 195 บาท
ใครมีผมเส้นเล็ก ลีบแบน มองไปมองมาแล้วดูผมบาง ไม่มีความมั่นใจ แบบนี้ต้องเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผม โดยใช้ไอเทมตัวช่วยอย่าง GATSBY STYLING FOAM มูสแต่งผมที่มาพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นของมะนาว มีประสิทธิภาพช่วยให้ผมเกาะตัวได้ดี เซ็ตผมได้ง่าย ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผม ทำให้ผมที่เคยลีบแบน ให้กลับมาหนานุ่มมีน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติ และยังใช้ได้หมดทั้งผมลีบแบน, ผมแห้งชี้ฟู ไปจนถึงผมดัดลอนเลยค่ะ
และนอกจากจะช่วยจัดแต่งทรงผมแล้ว มูสตัวนี้เขายังมีสารบำรุงมากมาย อย่างวิตามินบี 5 และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีส่วนช่วยในการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ผสานด้วยคุณค่าของ Hydrolyzed Collegen ที่จะช่วยให้ผมนุ่มสวย ไม่แห้งเสีย นอกจากนี้ยังมีสารช่วยเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น Glycerin, Mineral Oil และ Ethyl Minkate เรียกได้ว่าใช้แล้วผมไม่พังเหมือนมูสตัวอื่น ๆ แน่นอน และที่น่าสนใจคือ เขายังมีสาร Benzophenone – 2 ที่จะช่วยปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ได้อีกด้วย ส่วนราคาก็ไม่แพงมาก ลองดูอาจจะติดใจ จนเลิฟ ๆ กันเลยค่ะ
ปริมาณ | 185 g. |
สูตร | Soft |
เนื้อสัมผัส | โฟม |
6. Dcash ดีแคช มูฟวิ่ง แฮร์ มูส
ราคาโดยประมาณ 109 บาท
ยี่ห้อนี้ ถือเป็นไอเทมจัดแต่งทรงผมที่ช่างทำผมหลายคนเลือกใช้ ด้วยเนื้อโฟมนุ่ม ๆ บางเบา สามารถแทรกซึมเข้าสู่เส้นผมได้อย่างล้ำลึก และยังเข้าเกาะจับลอนผมได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นแบบสปา ๆ ไม่ฉุนจมูก ทั้งยังไม่ทำให้เกิดคราบเหนียวหรือขุยขาว ช่วยให้เราสามารถจัดแต่งทรงผมได้ง่ายดั่งใจนึก ให้เกลียวผมเป็นคลื่นลอนสวยตลอดทั้งวัน ซึ่งใครมรามองหาตัวช่วยในการแต่งผมไปออกงาน ขอแนะนำตัวนี้เลยค่ะ
อีกทั้งมูสดีแคชนี้ เขาจะมี 2 สูตรตามเลเวลความแข็งของเนื้อโฟม โดยเริ่มจากสูตร No.8 Volume & Texture สูตรที่เหมาะสำหรับเพิ่มวอลลุ่มหรือจัดลอนผมดัดโดยเฉพาะ ช่วยให้ผมดูหนานุ่มเป็นธรรมชาติ สวยได้ดั่งใจประหนึ่งหลุดมาจากรันเวย์เลยค่ะ ส่วนสูตรที่ 2 ก็ไม่น้อยหน้า คือสูตร No.10 Strong & Hard Hold สำหรับจัดแต่งทรงผมแบบขั้นสุดพร้อมสารสกัดจากไบโอติน ก็ให้ทรงผมอยู่ทรงได้ตลอดทั้งวัน และยังช่วยให้เราครีเอทลุคใหม่ได้ไม่ยาก ก็เป็นมูสจัดแต่งทรงผมสารพัดประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกคนจริง ๆ ค่ะ
ปริมาณ | 200 ml |
สูตร | No.8 Volume & Texture, No.10 Strong & Hard Hold |
เนื้อสัมผัส | โฟม |
7. Boots Extra Firm Hold Mousse Turn It Up
ราคาโดยประมาณ 169 บาท
ใครเป็นสาวผมชี้ฟู หามูสมากี่แบบก็ไม่ได้ดั่งใจสักที ลองใช้มูสแต่งผมจากแบรนด์คุ้นหูอย่าง Boots สิคะ ด้วยตัวมูสที่สามารถควบคุมการชี้ฟูของเส้นผมได้เป็นอย่างดี แถมยังกระจายเข้าสู่เส้นผมได้ทั่วถึง รวมถึงช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ผมดูหนา เด้ง และเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อมูสก็มีความทนทานต่อความชื้น ทำให้ผมอยู่ทรงยาวนาน อีกทั้งยังไม่ทำให้เส้นผมเหนียวเหนอะหนะ
และที่สำคัญคือ ปราศจากแอลกอฮอล์ จึงไม่ซ้ำเติมเส้นผมให้แห้งเสียซ้ำ ทั้งยังไม่ทิ้งคราบสะเก็ดขาวให้กวนใจ ก็เป็นไอเทมที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเสริมลอนผม ทั้งผมหยิกธรรมชาติและผมดัด เรียกได้ว่าตอบโจทย์สาวผมชี้ฟูได้เป็นอย่างดีเลยค่า
ปริมาณ | 200 ml |
สูตร | Extra Firm Hold |
เนื้อสัมผัส | มูส |
8. Joico Power Whip Whipped Foam
ราคาโดยประมาณ 780 บาท
สภาพอากาศเมืองไทยกับมลภาวะถือเป็นอะไรที่ไม่ถูกโฉลกกับมูสแต่งผมสุด ๆ ทั้งอากาศร้อนที่ชวนเนื้อมูสละลายได้ง่าย ๆ ไหนจะมลภาวะและความชื้นที่ทำให้ผมเสียหนักขึ้นไปอีก แบบนี้ต้องใช้ไอเทมอย่างมูสแต่งผมเนื้อโฟมจากแบรนด์ Joico ที่มาพร้อมกลิ่นหอมทรงสปอร์ต และพลังในการจัดแต่งทรงผมระดับ 7 ช่วยจัดสภาพผมเส้นเล็กที่ลีบแบนเพราะมลภาวะและความชื้นให้กลับมาคืนทรงสวย ดูมีวอลลุ่ม ให้ผมดูเป็นประกาย เซ็ทจัดทรงง่าย
อีกทั้งมูสตัวนี้เขาจะจะช่วยให้ผมกลับมามีเนื้อหนา เหมาะสำหรับใช้ก่อนทำผมดัดหรือก่อนใช้โรลม้วนผมไฟฟ้า เพราะอุดมไปด้วยสารสกัดจาก Prunus Domestica Seed Oil และ Thermus Prunus Ferment ที่มีส่วนช่วยให้ผมมีความชุ่มชื้นแบบ Wet Look รวมถึงพร้อมเข้าปกป้องเส้นผมจากความร้อนและมลภาวะภายนอก ผมก็อยู่ทรงยาวนานถึง 72 ชั่วโมง แถมยังเข้ากับอากาศในประเทศไทยแบบสุด ๆ แต่ราคาจะค่อนข้างแรงสักหน่อย ถ้ามีปัญหาเรื่องงบ แนะนำยี่ห้ออื่น ๆ ค่า
ปริมาณ | 300 ml |
สูตร | – |
เนื้อสัมผัส | โฟม |
9. ครูเซ็ท มูสน้ำจัดแต่งทรงผม
ราคาโดยประมาณ 211 บาท
อีกหนึ่งยี่ห้อมูสจัดแต่งทรงผมที่มีส่วนช่วยบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดี ไม่ชี้ฟู ด้วยเนื้อมูสที่เป็นสูตรน้ำ ทำให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก รวมถึงทำให้อยู่ทรงได้นานแม้ในสภาพอากาศร้อนชื้น ช่วยล็อกผมเกลียวให้สวย ไม่คลายตัวง่าย ๆ ทำให้สาว ๆ มีลอนผมที่สปริงตัวสวยสมใจ
และที่สำคัญคือ ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ก่อให้เกิดคราบขาวให้เสียความมั่นใจ แถมเขายังอุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยบำรุงเส้นผม โดยเฉพาะ Heat Protein Complex ที่จะช่วยปกป้องผมจากความร้อนอย่างการหนีบ, ดัด, ไดร์ ทำให้ผมดูหนามีวอลลุ่ม รวมถึงไม่ทำให้ผมแห้งเสีย แถมยังใช้ได้กับเครื่องม้วนผมแบบเกลียวไฟฟ้าได้อีกด้วยค่า
ปริมาณ | 210 ml |
สูตร | อีซี่ เคอร์รี่แฮร์มูส |
เนื้อสัมผัส | มูสน้ำ |
10. ESLABONDEXX Pre-Styling Mousse
ราคาโดยประมาณ 710 บาท
อีกหนึ่งมูสจัดแต่งทรงผมที่จะช่วยให้ผมดูมีวอลลุ่มและเข้าทรงได้ตามต้องการ มาพร้อมกับนวัตกรรม Niosoma ที่จะช่วยผลักดันสารอาหารบำรุงเส้นผมให้ซึมลึกเข้าถึงแกนผม ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมเส้นผมที่ถูกทำลายจากการทำเคมี ทั้งยังช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนอย่างพวกดัด, หนีบ, ไดร์ ได้อย่างดีอีกด้วย คือเป็นสูตรที่เหมาะสำหรับผมดัดและผมทำสีโดยเฉพาะเลยค่ะ
เท่านั้นยังไม่พอ มูสตัวนี้เขาอุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่พร้อมจะบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็น Hydrolyzed จากโปรตีนพืช ที่จะช่วยบำรุงลึกถึงโคนผม ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ผมสลวย ดูเคลือบเงาและแข็งแรง, Isopentyldiol ที่จะเข้าช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสียให้กลับมาสุขภาพดี และ Panthenol หรือ B5 ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผมดูหนาขึ้น รวมถึงช่วยปรับสภาพผมแห้งเสียให้กลับมาสุขภาพดี ไม่ขาดหลุดร่วง ก็ใครที่มองหามูสแต่งผมที่นอกจากช่วยจัดแต่งทรง และยังช่วยบำรุงเส้นผมให้ดูสุขภาพดีอีก แนะนำแบรนด์นี้เลยค่ะ
ปริมาณ | 200 ml |
สูตร | – |
เนื้อสัมผัส | มูส |
เป็นยังไงกันบ้างคะกับ “มูสใส่ผม” ยี่ห้อไหนดี ที่ทางเราได้รวบรวมมารีวิวให้ดูกันถึง 10 ยี่ห้อ ก็หวังว่าคุณหลาย ๆ คนน่าจะตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นนะว่า มูสจัดแต่งทรงผมแบบไหนที่จะเหมาะกับตัวเอง บางท่านอาจจะเลือกเผื่อไว้ใช้ตามโอกาส ทั้งวันทำงาน วันไปเที่ยวสบาย ๆ หรือวันที่ต้องออกงานสังคม งานสังสรรค์ ก็มั่นใจว่ายังไงก็ต้องมีมากกว่า 2 ยี่ห้อแน่ ๆ จัดไปเพื่อให้ทรงผมสวย ๆ ทรงผมแน่น ๆ อยู่ทรงตลอดทั้งวันค่าา
จบการศึกษาด้านอักษรศาสตร์ รู้สึกสนุกกับการเขียนรีวิวสินค้าหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะหนังสือ ของใช้ในบ้าน เน้นการเขียนรีวิวที่อ่านเข้าใจง่าย เข้าถึงทุกคน