
เพราะมีเส้นผมที่แห้งเสียหนัก มีเส้นผมที่สภาพทรุดโทรมแห้งกร้าน จนทนรับสภาพหัวของตัวเองไม่ได้แล้ว จะใช้แค่ครีมนวดก็เอาไม่อยู่ จึงอยากจะได้ “ครีมหมักผม” (Hair Mask) ดี ๆ สักยี่ห้อ ไปใช้หมักผม เพื่อฟื้นฟูสภาพผมแห้งเสียกันใช่ไหมล่ะคะ ? ก็คลิกเข้ามาได้ถูกที่ถูกบทความแล้วจ้าาาา เพราะที่นี่ จะมีรีวิวครีมหมักผมที่น่าสนใจให้ดูกันถึง 10 ยี่ห้อ เลยทีเดียว และบอกเลยแต่ละยี่ห้อเนี่ย จัดหนักจัดเต็ม ใช้แล้วช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมที่ทรุดโทรมกันได้อย่างแน่นอน ส่วนจะมียี่ห้ออะไรกันบ้าง และจะซื้อ ยี่ห้อไหนดีนั้น ก็ตามไปดูรีวิวด้านล่างกันเลยค่าาาา
สารบัญ
ครีมหมักผม แตกต่างจาก ครีมนวดผม และ ทรีทเม้นท์ผม ไหม ?

เอาจริง ๆ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมทั้ง 3 ชนิด ก็มีหน้าที่หลัก ๆ ในการช่วยบำรุงเส้นผมให้แลดูสุขภาพดี แต่จะมีความแตกต่างทางด้านเนื้อสัมผัส ความสามารถในการบำรุง และเวลาที่ควรจะใช้งาน ตามรายละเอียดด้านล่างจ้า
ครีมนวดผม (Conditioner) : จะเป็นตัวช่วยบำรุงเส้นผมที่อ่อนที่สุด มีความเข้มข้นน้อยที่สุด แต่ก็ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับใช้ทุกวัน เพื่อเป็นการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงอยู่เสมอ ก็ให้อารมณ์คล้าย ๆ กับครีมบำรุงผิว ที่เรา ๆ ทาบำรุงผิวหน้าทุกวัน แล้วทำไมเส้นผมจึงไม่ควรบำรุงทุกวันบ้าง ใช่ไหมล่ะคะ ?
ทรีตเมนต์ (Hair Treatment) : มีความเข้มข้นในระดับกลาง สามารถช่วยบำรุงได้ลึกถึงชั้นในเนื้อผม จึงช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมได้ดีกว่าครีมนวด และถ้าเปรียบเสมือนกับสกินแคร์บำรุงผิว ก็จะแนว ๆ เซรั่มที่มีส่วนผสมที่เข้มข้นมากกว่า บำรุงได้จัดเต็มกว่า จะนาน ๆ ใช้ที หรือใช้บ่อยก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพความเสียหายของเส้นผมค่ะ
ครีมหมักผม (Hair Mask) : มีความเข้มข้นระดับเข้มสุด เนื้อครีมข้นเหนียวสุด จึงสามารถช่วยบำรุงเส้นผมได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้เหมาะสำหรับใช้ทุกวัน เพราะใช้งานค่อนข้างยากกว่าแบบอื่น ๆ (หมักผมและล้างออก เสียเวลาหลายนาทีเลยนะจ๊ะ) โดยจะเหมาะสำหรับคนที่มีสภาพเส้นผมแห้งเสียมาก ๆ หรือสาว ๆ ที่ชอบทำสีผม ฟอกผม ทำเคมีบ่อย จึงจำเป็นต้องบำรุงแบบหนักหน่วงนั่นเอง ส่วนเวลาใช้งานก็ควรจะใช้สัปดาห์ละครั้ง หรือถ้าแห้งเสียมากก็เพิ่มเป็น 2 และถ้าเปรียบเทียบกับสกินแคร์ ก็จะเหมือนกับการใช้แผ่นชีสมาร์กบำรุงผิวค่า
จะเลือกซื้อ “ครีมหมักผม” (Hair Mask) ยังไงดีนะ ??

ก็ถ้ามีโอกาสได้ไปเลือกซื้อครีมหมักผมตามห้างหรือตามอินเตอร์เน็ท สาว ๆ จะได้เห็นเลยนะคะว่า หลาย ๆ ยี่ห้อเนี่ย เขาจะมีขายกันหลากหลายสูตรที่เหมาะสมกับปัญหาสภาพเส้นผมที่แตกต่างกันค่ะ ตัวอย่างเช่น สูตรสำหรับช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม, สูตรสำหรับผมแห้งชี้ฟูจัดทรงยาก, สูตรสำหรับผมทำสี, สูตรสำหรับผมแห้งเสียหนักมาก, สูตรสำหรับเส้นผมเล็กแบน เป็นต้น ก็ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ควรที่จะเลือกซื้อ “สูตรให้ตรงกับสภาพปัญหาเส้นผมที่เรามี” เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเส้นผมแบบตรงจุด แต่ถ้าไม่คิดมาก และเอาตรง ๆ นะคะ ก็ใช้ ๆ ไปเถอะค่ะ ยังไงแต่ละสูตรก็มีส่วนผสมที่จัดหนัก ช่วยบำรุงได้จัดเต็มอยู่แล้ว จึงสามารถใช้แทนกันได้ค่า
ดังนั้นเวลาไปซื้อกันจริง ๆ อาจจะดูเรื่องของ “ราคา” กันสักนิด เพราะบางยี่ห้อจะมีราคาที่ค่อนข้างแรงระดับหลักพันเลยทีเดียว แต่พวกยี่ห้อเหล่านี้ก็จะใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพดี พร้อมทั้งมีเทคโนโลยีในการบำรุงเส้นผมที่จัดเต็มกว่า (เดี๋ยวจะเห็นในรีวิวด้านล่างนะ) ทำให้เวลาใช้แล้ว จึงช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมได้ไวกว่าและดีกว่าพวกยี่ห้อที่มีราคาถูก ซึ่งถ้าสาว ๆ อยากฟื้นคืนสภาพผมเสียไว ๆ หรือแบบพรุ่งนี้ต้องใช้งานเส้นผม ต้องโชว์ตัว อวดเส้นผมแล้ว ก็คงต้องลงทุนกันสักหน่อย แต่ถ้าไม่ได้อะไรมาก อยากบำรุงเส้นผมไปเรื่อย ๆ อารมณ์เหมือนใช้มาร์คหน้าสัปดาห์ละครั้ง ก็ลองเริ่มจากยี่ห้อราคาย่อมเยาดูก่อน ไม่แน่อาจจะถูกใจ จนไม่ต้องไปซื้อของแพง ๆ มาใช้เลยค่า
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “ครีมหมักผม” ยี่ห้อไหนดี
ก็เผื่อสาว ๆ คนไหนที่ไม่มีเวลาอ่านเนื้อหารีวิวทั้งหมด หรืออยากจะอ่านแบบสั้น ๆ สรุป ๆ ใจความมาให้แล้ว ก็สามารถลองกดเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบที่ปุ่มด้านล่างได้นะคะ จะได้เห็นถึงสินค้าทั้ง 10 ยี่ห้อ รวมทั้งมีรีวิวแบบคร่าว ๆ มาให้ด้วยค่า
1. ครีมหมักผม ยี่ห้อ Moroccanoil Restorative Hair Mask
ใครรู้ตัวว่าผมอ่อนแอ ไม่แข็งแรง ทั้งแห้งทั้งเสีย ไม่มีน้ำหนัก ไม่ไหวแล้ววววระยะสุดท้าย ขอไอเท็มฟื้นสภาพเส้นผมแบบเร่งด่วนแบบราคาจะแรงแค่ไหนก็ไม่เกี่ยง อยากให้มาเจอกับคุณคนนี้เลยค่ะ Moroccanoil Restorative Hair Mask ที่ชีบอกเลยว่า ใครที่อยากฟื้นผมเสียในเวลาอันสั้นคือตอบโจทย์มาก สามารถช่วยปรับสภาพผมให้แข็งแรง นุ่มลื่น ลดความแห้งกรอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และไม่ว่าเส้นผมจะแห้งเสียจากสารเคมี มลพิษ หรือความร้อน ชีก็ซ่อมได้หมด เท่านั้นยังไม่พอ ยังเสริมอัดโปรตีน ทำให้เส้นผมที่ถูกทำลายกลับมายืดหยุ่น มีน้ำหนัก แข็งแรงนุ่มสวยจากทั้งภายในและภายนอกไปเลยจ้าาาา
โดยส่วนผสม ก็จะมีสารสกัดจากน้ำมันอาร์แกน เชียบัตเตอร์ และโปรตีนเข้มข้น ซึ่งแต่ละตัวเนี่ย เป็นสารบำรุงตัว Top งานดี งานพรีเมี่ยม ใช้แล้วช่วยคืนความชุ่มชื้นเข้าสู่เส้นผมได้อย่างเร่งด่วนเลยล่ะ และถ้าเกิดมีผมเสียหนักมาก ช่วงแรก ๆ ก็อาจจะต้องใช้ถี่หน่อยนะ สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง แต่ในการหมักแต่ละครั้ง ไม่ต้องควักเยอะเด้อ (มันเปลือง อิอิ) หมักทิ้งไว้ 6 – 8 นาที แล้วล้างออก พอสุขภาพผมเริ่มดีขึ้นก็อาจจะเว้นซะหน่อย ลดความถี่ในการใช้ลงได้ค่ะ
จุดเด่น | คืนความชุ่มชื้นเข้าสู่เส้นผมอย่างเร่งด่วน ปรับผมให้แข็งแรงขึ้น นุ่มลื่น ลดความแห้งกรอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ผมที่ถูกทำลายกลับมายืดหยุ่น มีน้ำหนัก |
สารบำรุงสำคัญ | น้ำมันอาร์แกน เชียบัตเตอร์ และโปรตีนเข้มข้น |
ลักษณะครีม | ครีมสีขาว เนื้อแน่น |
วิธีใช้ | ช่วงแรกใช้ถี่หน่อย 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ พอผมเริ่มดีขึ้นให้ลดความถี่ลง , ใช้ได้ทั้งหมักผม และอบไอน้ำ |
สัญชาติ | อิสราเอล |
2. ยี่ห้อ THE BODY SHOP SHEA BUTTER RICHLY REPLENISHING HAIR MASK
ราคาเบาลงมานิดนึง (หรอออ) แต่ก็ยังเป็นครีมหมักผมที่บำรุงได้ดี คุ้มค่าแก่การลงทุนอยู่ดี ขอแนะนำคุณ THE BODY SHOP SHEA BUTTER RICHLY REPLENISHING HAIR MASK ไอเท็มแก้ปัญหาเส้นผมแบรนด์ดังจากอังกฤษกันเลยค่าา ต้องบอกเลย คุณคนนี้ชีเกิดมาเพื่อคนผมแห้งเสียหนักมากถึงมากที่สุดโดยเฉพาะ จะเน้นตรงเข้าช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้นได้แบบรวดเร็วมากที่สุด แถมยังนุ่ม ลื่น สุขภาพดี และจัดทรงง่าย ไม่พันกันอีกด้วยนะ
โดยตัวเนื้อครีม ก็จะมีหลาย ๆ คนเรียกนางว่าเป็น “มาส์กค็อกเทล” ค่ะ เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลายมากกก โดยหลัก ๆ ก็จะมี บัตเตอร์ โคโค่นัท ออยล์, โกโก้ บัตเตอร์ และโอลีฟ ออยล์ ซึ่งแต่ละตัว ก็มีความเข้มข้นสูง เน้นการบำรุงเข้าสู่ระดับโครงสร้างเส้นผมอย่างล้ำลึก และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแบบเร่งด่วน ปรับผมให้กลับมามีน้ำหนัก ติดสปริงไม่แห้งเสียได้ดีสุดเลยแม่ ก็ถ้าใครที่อยากได้ไอเท็มที่จัดเต็มเรื่องการดูแลฟื้นฟูเส้นผมมากเป็นพิเศษในราคาที่ถูกกว่าพวกหลักพัน แนะนำไปตำนางกันด่วน ๆ เลยค่าาา
จุดเด่น | เน้นการบำรุงเส้นผมเข้าสู่ระดับโครงสร้างอย่างล้ำลึก เพิ่มความชุ่มชื้น ปรับผมให้กลับมามีน้ำหนัก ติดสปริงไม่แห้งเสีย |
สารบำรุงสำคัญ | บัตเตอร์ โคโค่นัท ออยล์, โกโก้ บัตเตอร์ และโอลีฟ ออยล์ |
ลักษณะครีม | เนื้อครีมสีขาว แน่นมาก เข้มข้นมาก ไม่ต้องใช้เยอะ |
วิธีใช้ | ใช้ได้ทั้งหมักผม และอบไอน้ำ |
สัญชาติ | สหราชอาณาจักร |
3. ครีมหมักผม ยี่ห้อ Kerastase Hair Masque

ราคาโดยประมาณ 1,400 บาท ต่อ 200 ml
งานแพงจุก แต่โคตรรรจะดัง มีชื่อเสียงมาการันตีความปังระดับโลกขนาดนี้ ใครที่รู้ตัวว่า เส้นผมพังหนักมากระยะสุดท้าย อีกนิดนึงต้องโกนหัว หรือตัดเส้นผมทิ้ง เพื่อรอเส้นผมขึ้นใหม่ ก็อย่างคิดเยอะ รีบกดลงตะกร้าด่วนสำหรับคุณ Kerastase Hair Masque ที่ถือเป็นแบรนด์บำรุงเส้นผมระดับ Hi-end มีความหรู แพง แต่คุณภาพดีแบบสุด ๆ คุ้มค่าจะที่จ่ายมากกก อันนี้ยอมรับเลย แต่ต้องบอกก่อนนะ ครีมหมักผมของคุณเค้าจะมีสูตรมากถึง 9 สูตรเลยทีเดียวเด้อออ ซึ่งแต่ละสูตรก็จะเน้นแก้ปัญหาเฉพาะอย่าง ก็ใครอยากเน้นแก้ปัญหาเส้นผมแบบไหนเป็นพิเศษ ก็ไปส่อง ๆ เลือกซื้อตามสูตรกันได้เลยจ้ะ
แต่สำหรับใครที่ตาลาย เลือกไม่ถูก แต่รู้ว่าผมเสีย ผมแห้ง ไม่มีน้ำหนัก เราขอแนะนำเป็นสูตร Kerastase Resistance Masque Therapiste กระปุกสีเขียวเลยค่ะ โดยตัวนี้ จะเป็นครีมหมักผมสูตรเข้มข้นระดับสิบ เน้นดูแลเส้นผมที่อ่อนแอ แห้งเสียหนักมากกกก ผมเริ่มเปราะ หรือฉีกขาดจากการทำเคมีซ้ำซ้อน ชีก็เอาอยู่ อีกทั้งยังช่วยเข้าซ่อมแซมยันโครงสร้างเส้นผม ฟื้นบำรุงขณะนวดผมแบบจุก ๆ เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นผม และที่สำคัญ ไม่ทำให้ผมกลับมาอ่อนแอซ้ำอีกด้วย และด้วยความที่นางมีคุณภาพดี จึงเป็นสูตรที่ได้รับความนิยมมากก จนบางครั้ง หมด! หาซื้อกันไม่ได้เลยทีเดียว (แต่สูตรอื่นเหลือ ๆ นะจ๊ะ) ก็ถ้าอยากได้นางจริง ๆ อาจจะต้องรีบแย่งชิงหน่อยค่าา
จุดเด่น | ช่วยแก้ปัญหาเส้นผมที่อ่อนแอ แห้งเสียอย่างหนัก ผมเปราะบางฉีกขาดจากการทำเคมี ดูแลตั้งแต่โครงสร้างภายในสู่ภายนอก ผมนุ่มลื่น ทิ้งตัวเงาสวย |
สารบำรุงสำคัญ | สารอาหารลับจาก Kerastase โดยเฉพาะ |
ลักษณะครีม | ครีมสีขาว เนื้อเข้มข้นมาก |
วิธีทำ | ใช้ได้ทั้งหมักผม และอบไอน้ำ |
สัญชาติ | ฝรั่งเศส |
4. ยี่ห้อ Freecia professional hair mask

ราคาโดยประมาณ 195 บาท ต่อ 800 ml
เจอแต่ราคาจุก ๆ กันไปแล้ว พักบ้าง แม่ขอยกเอาไอเท็มราคาถูก ๆ แต่คุณภาพเกินเรื่องมาป้ายยาบ้างนะจ๊ะ สำหรับคุณ Freecia professional hair mask ที่บอกเลยชีกระปุกใหญ่มากกก แต่จ่ายจุกราคาหลักร้อยต้น ๆ เท่านั้น ซื้อกันได้แบบสบาย ๆ ควักใช้กันเยอะ ๆ แบบไม่ต้องกลัวเปลืองเลยล่ะ อีกทั้งชียังสามารถใช้ได้กับทุกสภาพเส้นผมเลยน้าา ใครสภาพเส้นผมธรรมดาแต่อยากให้ผมเงางาม นุ่มลื่น แข็งแรงมากขึ้นก็ใช้ได้ หรือใครที่ผมแห้งเสียหนักแบบเกือบจะเกินเยียวยาก็ห้ามพลาด ต้องใช้ด่วน ๆ เลยค่ะคุณณณณ
โดยชี ก็จะเน้นในเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผมอย่างเร่งด่วน และมีส่วนผสมหลักเป็น สวีท อัลมอนด์ ออย ช่วยซ่อมแซมเส้นผมที่มีปัญหา แห้งเสีย ไม่มีน้ำหนัก แตกปลายขั้นสุด พร้อมทั้งมีส่วนประกอบของโปรตีน และเสริมด้วยวิตามินเข้มข้นทั้ง A, B และ E ที่จะมารวมพลังประสานช่วยกันฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง และยิ่งถ้าคนไหนไม่เคยได้ใช้ครีมหมักผมมาก่อนเลยล่ะก็ เมื่อได้ใช้ชี จะสังเกตเห็นถึงสุขภาพเส้นผมที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะจ๊ะ ถึงบอกไงว่า ชีดีงามเกินราคาไปมากแม่ ก็ตอนนี้ถ้ายังงง ๆ ไม่รู้จะซื้อ ครีมหมักผม ยี่ห้อไหนดีละก็ ลองจัด Freecia ก่อนเลยค่า
จุดเด่น | ผมเงางาม นุ่มลื่น แข็งแรงมากขึ้น เน้นเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผมแบบเร่งด่วน ใช้ได้ทุกสภาพเส้นผม |
สารบำรุงสำคัญ | สวีท อัลมอนด์ ออย, โปรตีน, วิตามิน A, B และ E |
ลักษณะครีม | เนื้อครีมสีขาว เข้มข้นแต่ไม่หนัก |
วิธีใช้ | สามารถใช้หมักผมแทนครีมนวดผมทุกวันได้เลย |
สัญชาติ | จีน |
5. ครีมหมักผม ยี่ห้อ Shiseido Fino Premium Touch

ราคาโดยประมาณ 295 บาท ต่อ 230 g
สายดูแลเส้นผมบอกเลย ไม่มีใครไม่รู้จักชีจ้า นางถือเป็นตำนานในวงการนี้เลย สำหรับคุณ Shiseido Fino Premium Touch กระปุกแดง ที่ใครผมแห้งเสียอย่างหนัก ไม่ว่าจะเสียจากเคมี หรือเสียจากมลภาวะ คุณคนนี้เอาอยู่ตอบโจทย์มาก และที่สำคัญราคาคือดียยย์ ไม่ต้องซื้อหลักพัน ก็แก้ปัญหาผมเสียได้เหมือนกันเด้อ และชีจะมาช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสียได้แบบทันทีทันใด รู้สึกได้ตั้งแต่ใช้ครั้งแรกเลยล่ะ อีกทั้งยังบำรุงแบบจุก ๆ ไปยันโครงสร้างและรากของเส้นผม ปรับผมให้นุ่มสลวย ไม่พันกัน ลดปัญหาผมลีบแบน กลับมามีสปริง และมีน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว ส่วนตัวใช้หมดไปหลายกระปุกแล้ว และก็แน่นอนว่า ต้องมีต่อเรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น เลิฟ ๆ จ้า
ส่วนเรื่องของส่วนผสม ก็เข้มข้นมาก โดยมีจุดเด่นเป็นสารสกัดหลัก 7 ชนิด ได้แก่ Royal jelly EX, Trehalose, PCA, Phytosteryl Derivative, Ripijua EX และ Squalane Glutamic Acid ที่แต่ละตัว เป็นส่วนผสมชั้นดี ช่วยฟื้นฟูเส้นผมกันได้แบบจุก ๆ เลยทีเดียว โดยจะใช้ชีทั้งแบบหมักผมหลังสระปกติ ทิ้งไว้ 5 – 10 นาทีก็ได้ หรือจะใช้ตอนอบไอน้ำ ก็ยิ่งดี ยิ่งช่วยฟื้นฟูเส้นผมได้ดีมากขึ้น และนอกจากเรื่องบำรุงแล้ว กลิ่นคุณเค้าก็ยังหอมมากกก เป็นกลิ่นดอกไม้อ่อน ๆ ไม่ฉุน งานดี ดูหรู ดูแพง หมักผมไป เหมือนได้สปาเส้นผมที่บ้านกันเลยล่ะค่าา
จุดเด่น | กลิ่นหอมละมุน แก้ผมเสีย ฟื้นฟูผมแห้งเสียไ้ด้แบบทันที บำรุงผมลงลึกถึงโครงสร้างผม รากผม ปรับผมให้นุ่มสลวยไม่พันกัน ผมกลับมามีสปริงไม่ลีบแบน |
สารบำรุงสำคัญ | Royal jelly EX, Trehalose, PCA, Phytosteryl Derivative, Ripijua EX และ Squalane Glutamic Acid |
ลักษณะครีม | เนื้อครีมกึ่งเจล สีขาวขุ่นอมชมพู เนื้อแน่นแต่ไม่หนีบ ลื่นเคลือบผมง่าย |
วิธีใช้ | ใช้ได้ทั้งหมักผม และอบไอน้ำ |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
6. ยี่ห้อ Yougee Hair Mask

ราคาโดยประมาณ 199 บาท ต่อ 400 ml
ใครที่มีหนังศีรษะแพ้ง่าย และมีเส้นผมที่แห้งเสียมาก แห้งกรอบแบบเกินเยียวยา ต้องลองคุณ Yougee Hair Mask จากแคนาดากันเลยค่ะ โดยชีจะเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่มีความเป็นธรรมชาติสูงงงง จึงช่วยลดโอกาสการเกิดการแพ้ที่หนังศีรษะได้ดี และเวลาบำรุงเอง ก็เป็นการเน้นคืนสารบำรุงธรรมชาติเข้าสู่เส้นผม จึงช่วยให้เส้นผมแข็งแรงขึ้นได้เองอย่างค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งสาว ๆ คนไหนที่ใช้สารเคมีบ่อย เช่น ฟอกสีผม ทำสีผมมันทุกไตรมาส คุณคนนี้ก็ตอบโจทย์ เพราะจะช่วยดึงเอาสารพิษออกจากเส้นผม แล้วบำรุงทับด้วยผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ไม่เอาสารเคมีลงไปทับซ้ำนั่นเองค่า
โดยส่วนผสมที่เป็นสารบำรุงเด่น ๆ ก็จะมี น้ำมันจมูกข้าวสาลี ที่เน้นช่วยซ่อมแซมโครงสร้างเส้นผมภายใน และยังมาพร้อมกับ HA (เจ้าไฮยาตัวดัง), Antioxidant จากน้ำมันเมล็ดองุ่นกับเมล็ดทับทิม ที่จะมารวมพลังช่วยกันบำรุงเส้นผม คือความชุ่มชื้นและปกป้องเส้นผมจากสารอนุมูลอิสระตัวร้าย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเทคโนโลยี PhyOil ของแบรนด์ ที่เหมาะสำหรับการนวดเส้นผม จึงสามารถใช้แทนครีมนวดผมหลังสระผมเสร็จได้ หรือจะใช้แทนทรีตเมนต์ตอนอบไอน้ำก็ได้เหมือนกัน ส่วนราคาก็ดีงาม ถึงจะเป็นของนำเข้าจากแคนาดา ก็ขอยกให้เป็นของถูกและดีตัวจริง ต้องมีติดบ้านค่ะแนะนำเลย
จุดเด่น | บำรุงผมให้แข็งแรงคืนธรรมชาติเข้าสู่เส้นผม ฟื้นฟูผมเสียจากเคมีและมลภาวะ ปรับเส้นผมให้เงาสวยขึ้น นุ่มลื่น เพิ่มความชุ่มชื้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ลอง |
สารบำรุงสำคัญ | น้ำมันจมูกข้าวสาลี, HA, Antioxidant จากน้ำมันเมล็ดองุ่น, เมล็ดทับทิม และเทคโนโลยี PhyOil |
ลักษณะครีม | เนื้อครีมสีขาวเข้มข้น เนื้อแน่น ลื่น |
วิธีใช้ | ใช้ได้ทั้งหมักผม และอบไอน้ำ |
สัญชาติ | แคนาดา |
7. ครีมหมักผม ยี่ห้อ Tsubaki ซึบากิ พรีเมี่ยม รีแพร์ มาส์ก

ราคาโดยประมาณ 460 บาท ต่อ 180 g
ใครที่กำลังหาข้อมูล หาผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอยู่ ถึงจะมือใหม่ลองหาแค่คร่าว ๆ จะต้องรู้จัก หรือผ่านหน้าผ่านตาคุณ “ซึบากิ” กันบ้างแหละ โดยซึบากิถือเป็นแบรนด์ชั้นนำ โดดเด่นมากในเรื่องการดูแลเส้นผมจากประเทศญี่ปุ่น เพราะใช้แต่เทคโนโลยีดี ๆ นวัตกรรมเริ่ด ๆ ทั้งนั้น ซึ่งใครที่กำลังหาครีมหมักผมเทพ ๆ เน้นฟื้นบำรุงเส้นผมเสียแบบเร่งด่วน เราขอแนะนำเป็นครีมหมักผมกระปุกสีเหลือง ซึบากิ พรีเมี่ยม รีแพร์ มาส์ก ตัวนี้เลยค่ะ (จะมีสีชมพูด้วยนะ เป็นแบบลิมิเต็ด แต่หลัก ๆ ก็เหมือน ๆ กันค่า)
โดยจุดเด่นจุดปังของคุณคนนี้ก็คือ ส่วนผสมในการบำรุงที่ถอดแบบออกมา เพื่อให้คุณภาพของการบำรุงเส้นผมใกล้เคียงกับการเข้าสปา เข้าซาลอนราคาแพงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น คามิเลีย ออยล์,โปรตีนไข่มุก และรอยัลเจลลี่ ไม่พอจ้าา ยังมีการผสานนวัตกรรมเฉพาะจากซึบากิ ที่เน้นเรื่องการซึมซาบ ทำให้สารบำรุงต่าง ๆ เข้าสู่เส้นผมได้อย่างล้ำลึก ตั้งแต่โคนจรดปลาย จนลึกไปยันโครงสร้างเส้นผมภายใน แถมยังช่วยกักเก็บสารบำรุงไว้ในเส้นผม ไม่ให้หายไปไหน จึงช่วยบำรุงเส้นผมได้เรื่อย ๆ แบบเส้นต่อเส้น ผลลัพธ์ที่ได้ ก็จะมีเส้นผมนุ่มสลวย เปล่งประกาย เงางาม สุขภาพดี ไม่ต่างจากการเข้าร้านทำผมแพง ๆ เลยค่าาา
จุดเด่น | ฟื้นบำรุงผมเสียแบบเร่งด่วน ซึมซาบ บำรุง และกักเก็บสารอาหารแบบเส้นต่อเส้นภายในตัวเดียว ปรับผมให้สวยนุ่มสุขภาพดีได้ในเวลาสั้น ๆ |
สารบำรุงสำคัญ | นวัตกรรมเฉพาะแบรนด์, คามิเลีย ออยล์,โปรตีนไข่มุก และรอยัลเจลลี่ |
ลักษณะครีม | ครีมเนื้อหนัก แน่น เคลือบเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว |
วิธีใช้ | ใช้ได้ทั้งหมักผม และอบไอน้ำ |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
8. ยี่ห้อ โคลนหมักผมน้ำมันมะพร้าว สูตรพิเศษ

ราคาโดยประมาณ 60 บาท ต่อ 300 g
หลาย ๆ คนก็น่าจะรู้กันดีว่า น้ำมันมะพร้าวมีพลานุภาพและประโยชน์ในเรื่องของการเสริมความงามกันดีเนาะ เพราะสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวกันได้แบบฟิน ๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียว แต่ถ้าจะเอาน้ำมันมะพร้าวมาหมักผมแบบเป็นจริงเป็นจัง ก็คงหัวมัน หัวเยิ้ม ไม่ไหวเด้ออ แนะนำให้ใช้ครีมหมักผมกระปุกสีขาวอย่าง โคลนหมักผมน้ำมันมะพร้าว สูตรพิเศษ นี้แทนดีกว่าค่า โดยคุณพี่เค้าจะออกแนวเป็นโคลนหมักผม ดาเมจไม่รุนแรง และไม่เหนียวเท่ากับการใช้น้ำมันมะพร้าวของจริง และยังมาพร้อมกับกลิ่นหอม ๆ หวาน ๆ ของมะพร้าว หมักแล้วได้ฟีลเส้นผมเป็นขนมกันด้วยเน้อ (แต่ใครไม่ชอบกลิ่นมะพร้าว ก็หนีไปให้ไกลเด้อ)
และแน่นอนว่า ชีดึงเอาสรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวออกมาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะ ช่วยในเรื่องล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ในเส้นผม ทั้งสารเคมี, ฝุ่นควัน หรือมลภาวะต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยปรับสภาพเส้นผมให้แข็งแรง บำรุงล้ำลึกไปจนถึงราก ช่วยคืนความชุ่มชื้น พร้อมทั้งเคลือบกับล็อคสารอาหารให้อยู่ในเส้นผม ทำให้เส้นผมมีน้ำหนัก และยังช่วยลดการแตกปลายด้วย และที่สำคัญ ใครที่ผมหงอกไว ผมร่วง หรือมีปัญหารังแค คุณคนนี้ก็ช่วยได้ด้วยน้าาา ครบสูตรมาก ส่วนราคาก็โคตรรรรรถูก ตกกระปุกละประมาณ 60 บาทเอง ซื้อมาใช้แบบเล่น ๆ กันได้สบาย ๆ เลยค่า
จุดเด่น | ล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ในเส้นผม ปรับผม รากผม โครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรงขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นไปพร้อม ๆ กับล็อกสารอาหาร แก้ปัญหาผมหงอกไว ผมร่วง หรือมีปัญหารังแคได้ |
สารบำรุงสำคัญ | น้ำมันมะพร้าว, วิตามินอีเข้มข้น |
ลักษณะครีม | โคลนเข้มข้น แต่ไม่เหนียวใช้งานง่าย |
วิธีใช้ | ใช้ได้ทั้งหมักผม และอบไอน้ำ |
สัญชาติ | ไทย |
9. ครีมหมักผม ยี่ห้อ โลแลน อินเทนซ์ แคร์ เคราติน รีแพร์ มาส์ก

ราคาโดยประมาณ 95 บาท ต่อ 200 g
ไม่มีเค้าไม่ได้เลยนะ สำหรับแบรนด์ผลิตภัณฑ์เส้นผมครบวงจรอย่างคุณ “โลแลน” ที่หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดี และโดยส่วนตัวเอง ก็ใช้คุณเค้ามาหลายอย่างอยู่เหมือนกัน แต่จะเน้นหนักที่ผลิตภัณฑ์ครีมหมักผม โลแลน อินเทนซ์ แคร์ เคราติน รีแพร์ มาส์ก เนี่ยแหละ เพราะชื่อเสียงนางดีมาก อีกทั้งยังหาซื้อง่าย ใช้แล้วช่วยแก้ปัญหาเส้นได้ผมได้ดี ในราคาที่ไม่แพงจ๊ะ แต่เอาจริง ๆ คุณโลแลนเขาจะมีครีมหมักผมให้เลือกเยอะถึง 6 สูตรเลย และแต่ละสูตร ก็จะช่วยแก้ปัญหาเส้นผมที่แตกต่างกันออกไป ก็ไปเล็ง ๆ สูตรให้เหมาะสมกับปัญหาสภาพเส้นผมกันได้เน้อ
แต่สำหรับใครที่อยากแก้ปัญหาผมแห้งเสีย ผมฟู ไม่มีน้ำหนักแบบตรงจุดต้องเลือกเป็นกระปุกแถบสีน้ำเงินอย่าง สูตรเคราตินมาร์ก & ไฮยาลูรอน ที่เป็นสูตรใหม่ล่าสุดของไลน์ อินเทนซ์ แคร์ เคราติน เลยค่ะ เพราะอุดมไปด้วยสารบำรุงอย่าง ไฮยาลูรอนและโปรตีนเคราตินเข้มข้น ที่จะมารวมพลังช่วยฟื้นฟูเส้นผมแบบจัดหนัก เท่านั้นยังไม่พอ ยังเสริมด้วยวิตามินอีและวิตามินบี 5 มาผลึกกำลังเสริมการบำรุงไปอีกกกกก โดยรวมจึงช่วยปรับให้เส้นผมมีความชุ่มชื้น นุ่มลื่น สุขภาพดี มีน้ำหนัก อีกทั้งยังช่วยปิดเกล็ดผม ทำให้เส้นผมสวยเงางามอีกด้วย ส่วนราคาถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ ก็ถือว่าถูกกว่าเลยทีเดียว ไม่ต้องคิดเยอะแล้ว จัดโลแลนสูตรไฮยาเลยจ้า
จุดเด่น | เข้าฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งกร้านอย่างหนัก ปรับเส้นผมให้ชุ่มชื้น กักเก็บสารอาหาร ช่วยปิดเกล็ดผม ทำให้ผมสุขภาพดี นุ่มสวย เงางามถาวร |
สารบำรุงสำคัญ | ไฮยาลูรอนเข้มข้น, โปร เคราติน EX, วิตามินอี และวิตามินบี 5 |
ลักษณะครีม | เนื้อครีมแน่น ชุ่มชื้นสูง |
วิธีใช้ | ใช้ได้ทั้งหมักผม และอบไอน้ำ |
สัญชาติ | ไทย |
10. ยี่ห้อ Nutrition Smooth

ราคาโดยประมาณ 32 บาท ต่อ 500 ml
ปิดท้ายกันที่ครีมหมักผมตัวดัง ที่ช่วงนี้เห็นคนใช้กันเยอะมากกก เพราะมีราคาที่โคตรถูกของถูก ถุงละประมาณ 32 บาทอ่ะตัวเธอ สำหรับคุณ Nutrition Smooth โดยครีมหมักผมตัวนี้ จะมีส่วนผสมหลักเป็นเคราตินสดเข้มข้นสูง ซึ่งสาว ๆ หลายคนก็น่าจะรู้เนาะว่า โครงสร้างเส้นผมหลัก ๆ จะประกอบไปด้วยเคราติน ยิ่งมีเคราตินในปริมาณมาก เส้นผมก็จะมีความแข็งแรง ดูนุ่มสวย ดูสุขภาพดีมากขึ้นด้วย แต่เคราตินก็มักจะเป็นสิ่งที่ถูกทำร้ายแรก ๆ แค่ไดร์ หนีบ ม้วน หรือใช้ความร้อน นางก็เริ่มสลายหายไปจากเส้นผมแล้วจ้าา (สลายเก่งงง ทีไขมันไม่เห็นสลายเก่งแบบนี้ ชิ)
พอเคราตินหาย ก็เอาละ เส้นผมแย่ แห้งกร้าน เสียหายตามมาติด ๆ กันเลยทีเดียว ดังนั้นการหมักผมด้วยเคราตินสด ๆ จึงเปรียบเสมือนกับการให้อาหารเส้นผมแบบ Direct ช่วยฟื้นฟูบำรุงเส้นผมกันแบบสด ๆ เลยทีเดียว อีกทั้งสาว ๆ ที่อยากมีเส้นผมตรงสวย มีน้ำหนักแบบในโฆษณา คุณคนนี้ก็ช่วยปรับสภาพเส้นผมให้ตรงสวยมากยิ่งขึ้น หลาย ๆ คนที่ได้ลองใช้ ไม่ต้องกลับไปยืดเคมีกันอีกต่อไปเลยละค่าา แต่ระวังหน่อย ตัวนี้ของปลอมค่อนข้างเยอะ เวลาเลือกซื้อก็ดูกันดี ๆ ด้วยเน้อ เตือนแล้วน้า
จุดเด่น | กลิ่นหอม ฟื้นบำรุงเส้นผมให้นุ่มชุ่มชื้น เติมเคราตินสดให้เส้นผม ทำให้ผมสวยขึ้น ผมตรง ทิ้งตัว เงางามมีน้ำหนัก |
สารบำรุงสำคัญ | เคราตินสด |
ลักษณะครีม | เนื้อครีมเป็นสีชมพูอ่อน กลิ่นหอมมาก |
วิธีใช้ | ใช้ได้ทุกวัน |
สัญชาติ | จีน |
จบกันแล้ว จบกันสักทีกับการรีวิว “ครีมหมักผม” ยี่ห้อไหนดี กันถึง 10 ยี่ห้อ ไม่ทราบว่า สาว ๆ สนใจอยากจะซื้อครีมตัวไหน ยี่ห้อไหน ไปใช้หมักผมที่บ้านกันบ้างค่าา ?? ก็จากที่เห็น ๆ มาเนี่ย บางยี่ห้อมีราคาที่โหดร้ายมาก ราคาหลักพันขึ้นเลยทีเดียว แต่ก็มีคุณภาพดี บำรุงแบบจัดหนักจัดเต็ม ก็สาว ๆ คนไหนที่ผมแห้งเสียแบบสุด ๆ ใช้ครีมทั่ว ๆ ไปแล้วไม่ได้ผล ก็ต้องลองจัดแบบแพงมาช่วยบำรุงดูแล้วล่ะ แต่ถ้าให้ดี ก็หมั่นหมักผมบำรุงแบบสม่ำเสมอจะดีกว่า หมักไปสิสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี อิอิ จะได้เป็นการช่วยเพิ่มความแข็งแรง ถนอมเส้นผม ให้เส้นผมแลดูสวย สุขภาพดีตลอดไปค่า

Beauty Blogger ที่จะมารีวิวเครื่องสำอางแบบติดตลก ด้วยความชื่นชอบในการเขียนและแต่งหน้า ก็เลยอยากจะมาแบ่งปันสินค้าตัวที่คิดว่าใช้แล้วดี แต่งแล้วสวย ไม่ทำลายผิว บางอันก็เลือกจากยอดขาย แบรนด์ไหนจัดโปรลดสุดปังก็จะได้รับเลือกอยู่บ่อย ๆ บางอันก็เลือกจากคุณภาพที่ได้ลองใช้แล้วดี มีคนเค้าบอกต่อ การันตีกันขนาดนี้ก็ต้องเอามาเล่าผ่านรีวิวกันหน่อยให้ผู้อ่านได้ไปลองใช้ดูบ้าง