ปากกา Stylus ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะสำหรับใช้งานกับ Smart Phone Tablet หรือแม้กระทั่ง Notebook (แบบจอสัมผัสได้บางรุ่น หรือสาย Hybrid แปลงร่างเป็นได้ทั้ง Notebook และ Tablet) จะเอาไว้โน้ตข้อความ เขียนลายเซ็น วาดรูป ดีไซน์ต่าง ๆ ก็สามารถทำได้สะดวกเหมือนเขียนกระดาษจริง ๆ มาลองอ่านบทความนี้กันก่อนเลย เพราะเราได้รวบรวมรุ่นที่น่าสนใจ เปรียบเทียบสเปคพื้นฐาน พร้อมวิธีการเลือกซื้อปากกา Stylus แบบง่าย ๆ จะมียี่ห้อไหนที่น่าสนใจบ้างตามมาอ่านกันเลยครับ
สารบัญ
วิธีการเลือกซื้อปากกา Stylus
เทคโนโลยีปากกา Stylus โดยปกติจะแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่ (จริง ๆ จะมีเทคโนโลยี AES อีก แต่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยม เลยไม่ได้พูดถึง) คือ
แบบธรรมดา (อาจจะเป็นหัวยางหรือผ้า) ที่ควรจะต้องใช้ได้ในทุกอุปกรณ์ แต่ทว่าจะมีข้อเสียตรง เวลาวางมือเราลงไปจะทำให้เครื่องเข้าใจว่ามีการแตะหน้าจอ เกิดขึ้นในบริเวณที่ 2 (อุ้งมือเรา) ทำให้เกิดสั่งงานอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการได้ ถ้าใครใช้มือถือทั่วไป ๆ คงจะใช้ได้แค่แบบนี้เท่านั้น
เทคโนโลยี EMR ส่วนใหญ่จะพบเห็นได้ใน Samsung Galaxy Note ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Smartphone และ Tablet แต่เจ้าของเทคโนโลยีนี้จริง ๆ คือ WACOM แบรนด์ดังที่ทำกระดานเขียนสำหรับคอมพิวเตอร์ ในระยะหลัง ๆ เหมือนจะเริ่มฮิตมากขึ้น ทำให้เราได้เห็นเทคโนโลยีนี้ใน Microsoft Surface และ แบรนด์ Notebook ต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้บริการเจ้าเทคโนโลยีตัวนี้กันมากขึ้น และที่สำคัญเวลาวางอุ้งมือเราบนจอ จะไม่เกิดปัญหาเหมือนแบบแรกด้วย หรือเรียกอีกอย่างว่ารองรับ เทคโนโลยี Palm Rejection ข้อสังเกตของ EMR คือมักจะไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ ปากกาสามารถดีไซน์ให้บางเบาได้ ปากกา S Pen ใน Samsung Galaxy Note ก็จัดเป็นเทคโนโลยีในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
Apple Pencil และผองเพื่อน ก็แน่นอนว่าขึ้นต้นมาด้วย Apple ก็ต้องใช้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple เท่านั้นซึ่งตอนนี้ก็แบ่งออกเป็น Gen 1 และ 2 เวลาซื้อก็ต้องเลือกให้ถูกรุ่น iPad ด้วยน้า iPad รุ่นใหม่ใช้ Apple Pencil Gen 2 กันแล้ว [เช็ครุ่นก่อนซื้อได้ที่นี่] ส่วนทางด้าน iPhone ตอนนี้ยังไม่รองรับปากกาแบบนี้นะจ๊ะ นอกจากปากกาของทาง Apple เองแล้ว เราก็ยังมีผองเพื่อนที่เป็นปากกาสำหรับใช้บน iPad ที่มาจากแบรนด์อื่น ๆ อีกด้วย (ในตารางรีวิวจะขอเรียกว่าคล้าย Apple Pencil) ข้อสังเกตคือ มักจะต้องชาร์จไฟ ที่สำคัญยังรองรับ Palm Rejection ไม่มีปัญหาเรื่องอุ้งมือแน่นอนจ้า
ถึงแม้ว่าสเปคปากกาของฝั่ง Apple นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ละเอียดเท่าพวก EMR แต่จากประสบการณ์ใช้งานจริง กลับไม่ได้รู้สึกว่าแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่อยากแนะนำผู้ซื้อ iPad คือ ถ้าเน้นการใช้ปากกามาก การเลือกซื้อ iPad รุ่นราคาถูก เวลาใช้งานจริง ความรู้สึกเวลาจับปากกาเขียนแล้ว มันจะให้ความรู้สึกลอย ๆ เมื่อเทียบกับ iPad Pro ก่อนซื้อ iPad ไปลองวาด ๆ เขียน ๆ ก่อนก็ดีนะ เผื่อเปลี่ยนใจอยากถอย iPad Pro แทน
นอกจากดูเรื่องเทคโนโลยี ที่ต้องเลือกรุ่นให้เหมาะสมกับอุปกรณ์คู่ใจแล้ว ก็จะเป็นเรื่องรูปร่างปากกา บางคนก็อาจจะชอบปากกาเล็กพกสะดวก แต่บางคนก็ชอบอันใหญ่จับถนัดสบายมือ ตรงจุดนี้ก็เลือกกันตามความชอบได้เลยครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “ปากกา Stylus” ยี่ห้อไหนดี
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูปากกา Stylus แบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, ประเภท, วัสดุ, แบตเตอรี่ และอุปกรณ์ที่รองรับ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ
1. elago Stylus BALL
ราคาโดยประมาณ 790 บาท
ด้ามเดียวจบครบที่ elago Stylus BALL เขียนจอก็ได้ จดลงกระดาษก็ดี ด้านหนึ่งเป็นปากกาสไตลัสหัวยาง ที่สามารถใช้ได้กับ iPhone, iPad, iPod touch และพวกตระกูล Galaxy Tab ส่วนอีกด้านเป็นปากกาลูกลื่นขนาด 0.5 มิลลิเมตร การดีไซน์สวยงาม ดูดี สมราคา สมชื่อแบรนด์จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีให้เลือก 6 สี ที่ต่างก็ดูมีระดับทั้งนั้น ไม่ว่าจะสีดำ, สีฟ้ายีนส์คราม ๆ หรือ Jean Indigo, สีน้ำตาลช็อกโกแลต, สีฟ้าปะการัง, สีเงิน และสีชมพูครับ
โดยเป็นปากกาสไตลัสรุ่นแรกของโลกที่สามารถถอดเปลี่ยนหัวยางได้ ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะตัวของหัวแบบนี้ที่มักเสื่อมเร็วและฉีกขาดไว ทำให้ไม่ต้องซื้อด้ามใหม่บ่อย ๆ แค่เปลี่ยนหัวยางก็ใช้ต่อได้แล้ว แถมในกล่องก็ยังมีหัวยางสำรองเพิ่มให้อีก 1 ชิ้นด้วยครับ ส่วนฝั่งที่เป็นปากกาลูกลื่นเมื่อหมึกหมดแล้วก็สามารถเปลี่ยนไส้ใหม่ได้เช่นกัน
ประเภท | หัวยาง / แบบธรรมดา |
วัสดุ | Premium Aluminum |
แบตเตอรี่ | ✘ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | ✘ |
รองรับอุปกรณ์ | iPhone / iPad / iPod touch / Galaxy Tab |
สี | Black / Jean Indigo / Chocolate / Coral Blue / Silver / Lovely Pink |
2. GOOJODOQ 10th Gen
ราคาโดยประมาณ 550 บาท
กระแส NFT กำลังมาแรง หลายคนเริ่มก้าวเข้ามาเป็นศิลปินสร้างสรรค์งานศิลปะแบบดิจิทัล เปลี่ยนการวาดภาพระบายสีลงกระดาษมาทำบน iPad แต่ขาดอุปกรณ์ในการวาด เจ้าปากกายี่ห้อเดียวกันราคาก็แอบแรงเกือบครึ่งหมื่น แต่ปัญหานั้นแก้ได้ด้วยปากกาสไตลัสรุ่นนี้ ที่คุณต้องเลิฟ GOOJODOQ 10th Gen ชื่อแบรนด์ไม่คุ้นหูไม่เป็นไร ใช้งานได้ก็แล้วกัน ขอบอกว่าฟังก์ชั่นแอบคล้าย Apple Pencil แต่ราคาถูกกว่าเกือบ 10 เท่าตัว จะวางมือบนจอ หรือปรับความหนาของเส้นสำหรับวาดภาพด้วยการเอียงองศาปากกา ก็ทำได้เหมือนกัน หน้าตาก็ใกล้เคียงกันด้วยครับ
ในรุ่น 10th Gen นี้ มีให้เลือกทั้งแบบด้ามกลมและด้ามเหลี่ยม โดยด้ามเหลี่ยมนั้นมาพร้อมแม่เหล็กที่สามารถดูดติดกับด้านข้างของ iPad Pro ได้ด้วย ไม่เหมือนตรงไหนเอาปากกามาวงเลยดีกว่า แต่จุดที่ต่างและแอบสะดวกกว่าก็คือไม่ต้องเชื่อมต่อบลูทูธ สามารถใช้งานได้เลย หมดปัญหาการเชื่อมต่อหลุดให้สะดุดหงุดหงิดใจ ใช้ได้กับ iPad ตั้งแต่รุ่นปี 2018 และเป็น iOS 12.2 ขึ้นไปเท่านั้น จะ Pro, mini หรือ Air ก็ได้หมด นอกนั้นอดครับ iPhone, Android, Microsoft หรือแม้แต่ iPad รุ่นก่อนหน้าก็ไม่สามารถใช้ได้จริง ๆ
ประเภท | หัวพลาสติก / คล้าย Apple Pencil |
วัสดุ | Aluminum Alloy |
แบตเตอรี่ | ✓ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | ✘ |
รองรับอุปกรณ์ | iPad mini 6, 5 / iPad Gen 9, 8, 7, 6 / iPad Pro 2020, 2018 / iPad Air 4, 3 |
สี | ขาว (กลม) / ดำ (กลม) / ขาว (เหลี่ยม) / ดำ (เหลี่ยม) / ชมพู (เหลี่ยม) / เขียว (เหลี่ยม) |
3. Ankndo ปากกาสไตลัส พร้อมกระเป๋าเก็บปากกา
ราคาโดยประมาณ 47 บาท
ราคาเบา ๆ เหมือนเราซื้อปากกาลูกลื่น ด้วยราคาไม่ถึงครึ่งร้อย แต่ได้ปากกาสไตลัสแบบ 2 หัว แถมกระเป๋าเก็บปากกาด้วย จากแบรนด์ Ankndo รูปลักษณ์เหมือนปากกาลูกลื่นทั่วไป ที่เป็นโลหะกับมีคลิปหนีบ แต่ต่างตรงที่ไม่มีหมึก เขียนลงกระดาษไม่ได้ มีไว้เขียนพวกแท็บเล็ต, สมาร์ทโฟน ได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อเลยครับ ด้านหนึ่งเป็นหัว Pixel Disc ที่เหมาะกับงานเขียนงานวาดเส้นเล็ก ๆ ต้องการความละเอียดสูง ๆ ส่วนอีกด้านเป็นหัวถักไฟเบอร์ ใช้ลงสีหรืองานที่ต้องการเส้นหนา และแทนนิ้วมือในการใช้งานต่าง ๆ บนอุปกรณ์ได้ด้วย
ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ ไม่ต้องเชื่อมต่อบลูทูธ ใช้งานได้เลยง่าย ๆ แต่คุณภาพก็ตามราคานะครับ ไม่ควรคาดหวังสูง หรือนำไปเทียบกับที่ราคาแพง ๆ นะ คอมเมนต์ส่วนใหญ่ให้ 5 ดาว ดีงามตามท้องเรื่อง มีบ้างที่พบเจอปัญหาชำรุด หรือไม่สามารถใช้งานได้กับบางอุปกรณ์ในตระกูล iOS แต่ถ้าไม่คิดอะไรเยอะ ไม่ซีเรียส ราคาแค่นี้เอง จะซื้อมาเผื่อไว้ให้ครบทั้ง 4 สีเลยก็ได้นะ
ประเภท | หัว Pixel Disc / หัวถักไฟเบอร์ / แบบธรรมดา |
วัสดุ | Metal |
แบตเตอรี่ | ✘ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | ✘ |
รองรับอุปกรณ์ | Capacitive Touch Screen |
สี | ดำ / แดง / เงิน / ขาว |
4. HdoorLink ปากกาทัชสกรีน 2 In 1
ราคาโดยประมาณ 12 บาท
เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดจริง ๆ นะครับสำหรับปากกาสไตลัสราคาย่อมเยา ไหนจะแข่งกันที่ความถูก แล้วยังเรื่องมัลติฟังก์ชั่นอีก อย่าง HdoorLink ปากกาทัชสกรีน 2 In 1 รุ่นนี้ เป็นปากกาสไตลัสราคาสิบกว่าบาท ถูกมาก ราคาเท่ากับดินสอหรือปากกาแบบสแตนดาร์ดเลย โดยรุ่นนี้จะมี 2 หัวเหมือนกัน แต่การใช้งานต่างกันโดยสิ้นเชิง เล่นเอาผู้ใช้บางคนเข้าใจผิดว่าด้านที่เป็นหัวพลาสติกใช้งานไม่ได้ไปเสียนี่ ทั้งที่ความจริงมีไว้ใช้กับหน้าจอสัมผัสแบบ Resistive อย่างพวกเครื่องที่เอาไว้เซ็นลายเซ็นเวลาใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต
ส่วนอีกด้านเป็นหัวยาง ซึ่งด้านนี้ล่ะที่สามารถใช้กับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ จะใช้วาดรูประบายสี เล่นเกม หรือใช้แทนนิ้วมือสั่งการต่าง ๆ บนอุปกรณ์ก็ได้ แต่ด้วยลักษณะกลมมนของหัวแบบนี้ก็คงไม่สามารถคาดหวังกับงานละเอียด ๆ หรือเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ได้ จะคิดว่าเอาอีกด้านมาใช้แทนกันไม่ได้นะครับ แต่ก็นับว่าเป็นปากกาสไตลัสที่ใช้งานได้ง่าย ๆ ไม่มีแบตเตอรี่ ไม่ต้องเชื่อมต่อบลูทูธ พกพาใช้งานสะดวก ไม่ต้องดูแลอะไร หายก็ซื้อใหม่เหมือนปากกา-ดินสอทั่วไป
ประเภท | หัวพลาสติก (Resistive) / หัวยาง (Capacitive) / แบบธรรมดา |
วัสดุ | Metal |
แบตเตอรี่ | ✘ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | ✘ |
รองรับอุปกรณ์ | Resistive & Capacitive Touch Screen |
สี | ดำ / เงิน / แดง |
5. LAMY AL-star black EMR
ราคาโดยประมาณ 1,890 บาท
ใครที่เป็นแฟน LAMY (ลามี่) ไม่ว่าจะด้วยดีไซน์หรือลายเส้นที่ได้ออกมา ยิ่งถ้าถูกอกถูกใจซีรีส์ยอดนิยมอย่าง AL-star เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต้องไม่พลาดที่จะเป็นเจ้าของ LAMY AL-star black EMR มันคือแบบ Rollerball Pen ที่เปลี่ยนหัวเป็น EMR เพื่อให้สามารถนำไปใช้งานแบบ Digital Writing แทนการเขียนลงบนกระดาษ ส่วนที่เหลือคือเหมือนกันแทบจะเป๊ะ ๆ ครับ ซึ่งเทคโนโลยี EMR เป็นสิทธิบัตรของทาง wacom ที่บางคนอาจจะรู้จักในฐานะอุปกรณ์สำหรับการวาดภาพด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นแบรนด์ผู้นำเทคโนโลยีกระดานเขียนดิจิทัลรายใหญ่ของโลกจากประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งความรู้สึกในการเขียนแทบไม่ต่างกันเลยนะทั้งในแง่ของสัมผัสและลายเส้นที่ได้ อาจเพราะหัวปากกามีขนาด 0.7 มิลลิเมตร เท่ากัน แถมยังมีรุ่นที่หัวเล็กกว่านั้น เพียง 0.35 มิลลิเมตร และด้วยเทคโนโลยีที่ใช้การส่งสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นการเหนี่ยวนำกลไกในปากกาให้เป็นพลังงาน จึงไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ไม่ต้องคอยชาร์จไฟ และไม่ต้องเชื่อมต่อบลูทูธ สามารถใช้งานได้เลยกับหลากหลายอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี EMR ทั้งแท็บเล็ต, สมาร์ทโฟน (โดยเฉพาะ Galaxy Note ทั้งหลาย), โน้ตบุ๊ค แต่ข้อจำกัดก็คือไม่สามารถใช้ได้กับทุกยี่ห้อ ดังนั้น ก่อนซื้ออย่าลืมตรวจสอบจาก เว็บไซต์ของ Lamy ก่อนนะครับ
ประเภท | หัวพลาสติก / EMR |
วัสดุ | Anodised Aluminum / Plastic (Grip) |
แบตเตอรี่ | ✘ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | ✘ |
รองรับอุปกรณ์ | Acer / ASUS / Dell / Fujitsu / HP / Lenovo / Microsoft / Samsung / Galaxy Note / Toshiba ตรวจสอบรุ่นเพิ่มเติม |
สี | ดำด้าน |
6. UGREEN Active Capacitive Stylus Pen for iPad
ราคาโดยประมาณ 950 – 1,050 บาท
เป็นอีก 1 ปากกาสไตลัสสำหรับใช้กับ iPad โดยเฉพาะ สำหรับ UGREEN Active Capacitive Stylus Pen for iPad จากแบรนด์อุปกรณ์ดิจิทัลสัญชาติจีน(มีขายหลายอย่างมาก คุณภาพใช้ได้เลย) ตัวนี้เป็นแบบหัวพลาสติก วัสดุเป็น POM หรือ Polyacetel พลาสติกที่มีความแข็งแรงทนทานเทียบเท่าทองเหลืองหรือเหล็กเลยทีเดียวครับ ด้วยขนาดของหัวที่เล็กและบางเพียง 1.6 มิลลิเมตร จึงสามารถใช้สร้างสรรค์งานภาพที่มีดีเทลละเอียด ๆ ได้ ในขณะที่การใช้งานอื่น ๆ เช่น การเขียน จดบันทึกต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการเล่นเกม ก็ทำได้ดีทีเดียว
เปิดใช้งานได้ทันทีไม่ต้องเชื่อมต่อบลูทูธ ยาวนานต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จจนเต็มเพียงแค่ 1 ชั่วโมง เท่านั้น โดยปากกาจะปิดโหมดสแตนด์บายอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งานนาน 6 นาที แต่สามารถเปิดกลับมาใช้ใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงกดเบา ๆ ที่ปุ่มบนตัวเครื่อง ด้ามปากกาผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยที่แข็งแรงทนทาน ทั้งยังให้รูปลักษณ์หน้าตาที่ดูดี สวยงามตามมาตรฐานเดียวกันทั้งรุ่น GEN 1 และ GEN 2 ที่มีแม่เหล็กในตัว สามารถดูดติดกับด้านข้างของ iPad Pro ได้ครับ
ประเภท | หัวพลาสติก / คล้าย Apple Pencil |
วัสดุ | Aluminum Alloy |
แบตเตอรี่ | ✓ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | ✘ |
รองรับอุปกรณ์ | iPad |
สี | ดำ |
7. Baseus Capacitive Stylus Pen
ราคาโดยประมาณ 999 บาท
ด้วยความเป็นเจ้าครองตลาดแท็บเล็ต มียอดขายสูงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ของ iPad ทำให้เหล่าบรรดาแบรนด์อุปกรณ์ดิจิทัลต่างแข่งกันออกอุปกรณ์เสริมมารองรับการทำงานด้วย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ที่ไม่ไหวจะเคลียร์กับราคาของอุปกรณ์เสริมจากแบรนด์เดียวกัน ซึ่ง Baseus Capacitive Stylus Pen ก็ขอสู้ศึกแห่งปากกาสไตลัสสำหรับ iPad ด้วยราคาที่ถูกกว่าสินค้า Original จาก Apple เกือบ 4 เท่า แต่จัดเต็มฟังก์ชั่นและหน้าตาไม่ให้แพ้ ตั้งแต่ลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการมีแม่เหล็กที่สามารถดูดติดกับด้านข้างของ iPad Pro ได้ ไปจนถึงฟังก์ชั่นสำคัญอย่างการวางมือบนหน้าจอก็สามารถทำได้เช่นกันครับ
รุ่นนี้เปิดใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 18 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเพียง 1 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชั่นปิดสแตนด์บายอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้งานนาน 5 นาที มีปุ่มเปิด-ปิดแสนสะดวกบริเวณปลายด้านบนตัวเครื่องไว้ให้ด้วย แถมยังแก้ปัญหาของเหล่าปากกาสไตลัสแบบมีฝาปิดช่องเสียบชาร์จ ว่าถอดแล้วไปไหน ซึ่งรุ่นนี้มีสายเชื่อมฝากับตัวเครื่อง ถ้าฝาหายก็คือปากกาต้องหายด้วยนะครับ ตัวด้ามเป็นโลหะสีเทา Deep Space Grey สวยงามดูแพง ตัดกับสายเชื่อมสีออกส้ม ๆ แดง ๆ ที่อำนวยความสะดวกในการถอดออกจากเคสแล้ว ยังใส่ความโมเดิร์นสวยงามมาได้อย่างลงตัว
ประเภท | หัวพลาสติก / คล้าย Apple Pencil |
วัสดุ | Metal / Aluminum Alloy |
แบตเตอรี่ | ✓ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | N/A |
รองรับอุปกรณ์ | iPad Pro 2020, 2018 / iPad Air 3 / iPad Gen 7, 6 / iPad mini 5 / |
สี | Deep Space Grey |
8. Apple Pencil (2nd Generation)
ราคาโดยประมาณ 4,490 บาท
ยืน 1 ไม่เป็น 2 รองใคร คู่ใจ iPad ยิ่ง iPad mini 6 เพิ่งออกใหม่แบบนี้ มีหรือที่สาวกจะไม่จัด Apple Pencil (2nd Generation) มาประดับบารมี ถึงแม้จะแพงล้ำหน้าเพื่อนฝูงไปมาก แต่หยิบขึ้นมาใช้กี่ทีก็ดูเท่ดูคูล แล้วผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ยังมีดีที่ทนทาน ใช้งานได้นาน ไม่จุกจิก นอกซะจากจะอยากเปลี่ยนเองตามรุ่นใหม่ ๆ ที่ออกมาบ๊อยบ่อย โดยดินสอทั้ง 2 รุ่น จะแยกกันอย่างชัดเจนว่าแต่ละรุ่นสามารถใช้กับเครื่องรุ่นใดได้บ้าง ทั้งยังไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ครับ
โดยในรุ่นที่ 2 นี้ ยังมีฟังก์ชั่นล้ำ ๆ ที่เพิ่มเข้ามา อย่างการดีไซน์ให้ด้านหนึ่งแบนราบ เพื่อสามารถยึดติดกับ iPad ด้วยแม่เหล็กได้ โดยยังเป็นการชาร์จไฟและจับคู่กับอุปกรณ์อัตโนมัติ ไม่ต้องนำไปเสียบที่ช่องชาร์จแบตเตอรี่เหมือนรุ่นที่ 1 แต่สิ่งที่เป็นกิมมิคน่ารัก ๆ ต้องยกให้การที่สามารถสลักอิโมจิหรือข้อความลงไปบนด้ามดินสอได้ ซึ่งสิทธิพิเศษนี้มีให้เฉพาะผู้ที่ซื้อรุ่น 2 เท่านั้นนะครับ
ประเภท | หัวพลาสติก / Apple Pencil |
วัสดุ | N/A |
แบตเตอรี่ | ✓ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | ✓ |
รองรับอุปกรณ์ | iPad mini 6 / iPad Pro 12.9 (Gen 3-5) / iPad Pro 11 (Gen 1-3) / iPad Air 4 |
สี | ขาว |
9. ADONIT MINI 4
ราคาโดยประมาณ 668 บาท
อีก 1 ปากกาสไตลัส หัว Pixel Disc ที่เราอยากจะแนะนำ แม้หัวแบบนี้จะไม่ค่อยมีใครทำออกมาสักเท่าไร อาจเพราะอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น ต้องเปลี่ยนจานบ่อย ทั้งยังมีเสียงกระทบหน้าจอ เวลาใช้จริงหัวพลาสติกก็มีเสียงกระทบเวลาใช้งานเหมือนกันนะ แต่ทราบไหมครับว่านี่ล่ะเขียนได้ลื่นที่สุดแล้วหัวดิสก์แบบนี้ ซึ่งนั่นก็เป็น 1 ในข้อดีของ ADONIT MINI 4 ปากกาสไตลัสที่สามารถใช้ได้กับจอทัชสกรีนทุกชนิด แต่ด้วยขนาดที่เล็กตะมุตะมิ สั้นกว่าใครเขา เพียง 125.9 มิลลิเมตร ทั้งยังไม่สามารถวางมือบนหน้าจอได้ จึงเหมาะสำหรับสมาร์ทโฟนมากกว่าแท็บเล็ตครับ
ใช้งานสะดวก ไม่มีแบตเตอรี่ ไม่ต้องคอยชาร์จไฟ แถมไม่ต้องเชื่อมต่อกับบลูทูธให้กวนใจเวลาซิงค์อุปกรณ์ไม่เจอกันด้วย แต่อาจมีข้อกังวลว่าหัวดิสก์แบบนี้จะหลุดไหม จะพกพาสะดวกหรือเปล่า ขอบอกว่าหายห่วงครับ เพราะตัวด้ามมีส่วนแยกให้หมุนออก เพื่อเก็บช่วงหัวดิสก์เข้าไปอยู่ในด้ามปากกาได้ ซึ่งเป็นด้ามโลหะ ปลอดภัยแน่นอน นอกจากจะเป็นตัวเลือกของหัวปากกาที่ต่างออกไปแล้ว ในแง่ของรูปลักษณ์และสีสัน ใครที่รู้สึกว่าสีขาว, สีดำ หน้าตาเพลน ๆ ไม่ใช่ฉันเลย ขอให้ลองเปิดใจให้รุ่นนี้ ไม่มีผิดหวัง
ประเภท | หัว Pixel Disc / ทั่วไป |
วัสดุ | Metal |
แบตเตอรี่ | ✘ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | ✘ |
รองรับอุปกรณ์ | Touch Screen |
สี | เทาเข้ม-ดำ / เขียวมะกอก-เงิน / ฟ้าสด-เงิน / ส้ม-เงิน |
10. WiWU Pencil X
ราคาโดยประมาณ 770 บาท
ปิดท้ายด้วยปากกาสไตลัสสำหรับ iPad อีก 1 รุ่นที่เราอยากจะแนะนำ นั่นก็คือ Pencil X จากแบรนด์สัญชาติจีนอย่าง WiWU มาในรูปลักษณ์พร้อมฟังก์ชั่นที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับแบรนด์เจ้าตลาด แต่ในเรื่องของราคาแน่นอนว่าย่อมเยากว่าประมาณ 5 เท่าได้ครับ เป็นแบบหัวพลาสติก ตัวด้ามเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยสีขาว ดูเรียบ ๆ มินิมอล ๆ มีแม่เหล็กสามารถดูดติดกับด้านข้างของ iPad Pro ได้ สามารถวางมือบนจอได้ จะวาดรูป ลงสี จดงาน เล่นเกม หรือจะใช้แทนนิ้วจิ้มแป้นพิมพ์ ก็ทำได้ดี
เพียง 30 นาที แบตเตอรี่ก็จะถูกชาร์จจนเต็ม แล้วก็จะสามารถใช้งานได้นานสูงสุดประมาณ 10 – 12 ชั่วโมง เลยทีเดียว เพียงกดปุ่มเปิดที่ปลายด้านบนก็พร้อมทำงานทันที ไม่ต้องเสียเวลาเชื่อมต่อบลูทูธ รองรับ iPad ตั้งแต่รุ่นปี 2018 ขึ้นไป ฟังก์ชั่นให้มาครบขนาดนี้แล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยในการพกพามาให้ด้วยนะครับ เป็นซองพลาสติก PP กันกระแทก กันรอยขีดข่วน กันไอน้ำ เพื่อช่วยถนอม Pencil X ของเรานั่นเอง
ประเภท | หัวพลาสติก / คล้าย Apple Pencil |
วัสดุ | Aluminum Alloy |
แบตเตอรี่ | ✓ |
เชื่อมต่อบลูทูธ | ✘ |
รองรับอุปกรณ์ | iPad mini 6, 5 / iPad Gen 9, 8, 7, 6 / iPad Pro 2020, 2018 / iPad Air 4, 3 |
สี | ขาว |
อ่านกันมาถึงตรงนี้คงได้คำตอบสำหรับ ปากกา Stylus ยี่ห้อไหนดีกันแล้วใช่ไหม สิ่งที่ควรทำอันดับแรกเลยคือตรวจเช็ค Smartphone Tablet หรือ Notebook ที่ใช้ก่อนเป็นแบบไหนยี่ห้ออะไร ใครใช้ iPad ก็วิ่งไปหา Apple Pencil และผองเพื่อนได้เลย จะตอบโจทย์สุด ส่วนชาว Samsung Galaxy และ Microsoft Surface นอกจากจะมีปากกาของเค้าเองแล้ว ถ้าอยากลองปากกกาดีไซน์อื่น ๆ บ้าง ก็ลองซื้อรุ่นที่รองรับ EMR ได้ มีคนคอนเฟิร์มว่าเขียนสบายมือกว่าจริง ๆ แต่ก่อนซื้อตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ผู้ผลิตด้วยนะ เพราะบางรุ่นอาจจะไม่รองรับ ส่วนใครที่ไม่เข้ากับ 2 พวกนี้ ก็คงต้องใช้ปากกา Stylus แบบทั่วไปแทน เวลาใช้ต้องระวังเรื่องอุ้งมือทัชกันนิดหนึ่ง สุดท้ายนี้ก็ขอให้เลือกซื้อได้รุ่นที่ถูกใจ ทัชกันได้ดี ๆ นะครับ
ทำงานด้านสื่อโฆษณามานานกว่า 5 ปี เป็นนักซื้อตัวยง ที่มีประสบการณ์ใช้สินค้ามากมายหลายอย่าง เลยมีบทความใหม่ๆ ออกมาชวนผู้อ่านให้ซื้อสินค้ากันบ่อย ๆ ทั้งของอาหารเสริม เทคโนโลยี แกดเจ็ต ของใช้ในบ้าน และอื่น ๆ คัดเลือกสินค้ามาแล้วซื้อตามไม่มีผิดหวังแน่ ๆ