คงจะปฏิเสธกันไม่ได้นะครับ ว่าทุกวันนี้การพิมพ์งานก็ยังจำเป็นสำหรับหลาย ๆ คนอยู่ ถึงแม้ว่าเรากำลังจะเข้าสู่ยุค Paperless ที่ส่งงานผ่านอินเทอร์เน็ตกันแล้ว หรือแม้กระทั่งเรียนหนังสือด้วยไอแพดก็ตาม แต่หลาย ๆ งานก็ยังมีความจำเป็นในการพิมพ์งานด้วยกระดาษกันอยู่ ดังนั้นการหาเครื่องพิมพ์ เครื่องปริ้นเตอร์ดีสักตัวมาใช้งานในบ้านหรือที่ทำงาน จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก แล้วเราจะเลือกซื้อ เครื่องปริ้น ยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักข้อดีข้อเสียของแต่ละยี่ห้อพร้อมวิธีการเลือกซื้อกันครับ
สารบัญ
วิธีการเลือกซื้อเครื่องปริ้นเตอร์
ลักษณะการใช้งาน ถ้าคุณมีความต้องการพิมพ์งานสีเป็นประจำทุก 2-3 วัน การเลือกซื้อปริ้นเตอร์แบบ Ink-Jet ที่มีแทงค์แท้มากับตัวเครื่องจะช่วยคุณประหยัดค่าหมึกไปได้มากพร้อมกับสามารถพิมพ์สีสำหรับงานต่าง ๆ ได้อีกด้วย หากต้องการเน้นพิมพ์สลิป ใบเสร็จรับเงินขนาดเล็ก หรือสติกเกอร์ที่อยู่ไว้ติดพัสดุสำหรับส่งของ การเลือกซื้อเครื่องพิมพ์ความร้อน ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แล้วก็ยังไม่ต้องกังวลเรื่องหมึกตันเหมือน Ink-Jet อีกด้วย แต่ก็ไม่สามารถพิมพ์สีได้นะ ส่วนใครที่นาน ๆ จะพิมพ์สักครั้ง การเลือกซื้อ Ink-Jet อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมเพราะ หัวพิมพ์มักจะแห้งตันได้ง่ายเมื่อใช้ไม่สม่ำเสมอ เราจึงขอแนะนำให้เลือกเครื่องพิมพ์แบบ Laser แทนจะดีกว่าครับ (แบบ Laser ไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ ถ้ามีอัพเดตมาเมื่อไหร่จะมาเพิ่มลิงก์ให้ไปกดเลือกกันต่อ)
หมึก Pigment จะพบเห็นใน Canon และ EPSON มีข้อดีในเรื่องหมึกที่ไม่ละลายน้ำ สามารถใช้ปากกาไฮไลท์เอกสารได้ เวลาเผลอทำน้ำหกใส่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องหมึกละลาย จนอ่านไม่ออก โดย Canon จะมีหมึกดำเป็น Pigment แค่เพียงสีเดียว (ถ้าปริ้นสีเทา ที่เกิดการผสมสี CMY จะไม่กันน้ำนะ) ส่วน EPSON จะเจอในรุ่นราคาแพงที่ใช้หมึก Durabite (ชื่อทางการค้าของหมึก EPSON)
ฟังก์ชั่นเสริม หลายรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่น Scan และ Print สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ปริ้นงานผ่าน App มือถือ (Bluetooth, NFC และ AirPrint) ได้อีกด้วย เวลาซื้อก็อย่าลืมดูจุดนี้กันนะ บางทีเลือกประหยัดเกินไป ก็อาจจะทำให้ไม่สะดวกในการใช้งานได้นะครับ
*ส่วนด้านล่างนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวจากการได้ใช้งาน Printer ที่เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งแต่ละคนอาจจะประสบปัญหาไม่เหมือนกันได้ อีกทั้งรุ่นที่ใช้งานก็ไม่เหมือนกันด้วย*
Brother จุดเด่นอยู่ที่ระบบ Ink-Tank ที่ทำมาก่อนหลาย ๆ ยี่ห้อ และทำได้ค่อนข้างดี ปัญหาหมึกตันน้อยที่สุด แต่เวลาพิมพ์ภาพบนกระดาษ A4 จะรู้สึกชุ่มชื้นไปหน่อย และความละเอียดของภาพเมื่อดูด้วยตาเปล่าแล้วยังเหมือนจะยังสู้ยี่ห้ออื่น ๆ ไม่ได้
HP จุดเด่นจะอยู่ที่กระดาษที่ออกมาไม่ค่อยแฉะเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ ใครชอบพิมพ์รูปภาพบนกระดาษ A4 ทั่วไปที่ไม่ใช่พวก Photo หรือ Glossy ก็แนะนำให้เลือกอันนี้เลย
Canon จุดเด่นจะอยู่ที่มีหมึก Pigment สีดำ พิมพ์ภาพได้สวย อาจจะมีปัญหาเรื่องหมึกไม่ออกต้องล้างหัวพิมพ์บ้างนาน ๆ ครั้ง
EPSON เป็นยี่ห้อที่นิยมกันมาก แต่จากการใช้งานส่วนตัวพบว่า เจอปัญหาพิมพ์หมึกไม่ออกบ่อยกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ต้องล้างหัวพิมพ์บ่อยมาก ซึ่งจะทำให้ชุดซับหมึกเต็มเร็ว ต้องยกเข้าศูนย์ไปเปลี่ยนซับหมึกบ่อยกว่ายี่ห้ออื่น
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องปริ้น” ยี่ห้อไหนดี
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูเครื่องปริ้น (Printer) แบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, การเชื่อมต่อ, ความละเอียด, ความเร็ว, ขนาดกระดาษ และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ
1. HP รุ่น DeskJet Ink Advantage 2777
ราคาโดยประมาณ 3,590 บาท
เครื่องปริ้นมาตรฐานของการทำงานยุคใหม่ ที่รองรับทุกความต้องการสำหรับงานพิมพ์ในโฮมออฟฟิศขนาดเล็ก หรือใช้งานทั่วไปภายในบ้าน HP รุ่น DeskJet Ink Advantage 2777 ตอบสนองการทำงานแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น พิมพ์เอกสาร ถ่ายเอกสาร และสแกนเอกสาร สามารถติดตั้งและเริ่มใช้งานได้ง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน รองรับการเชื่อมต่อได้แทบจะทุกรูปแบบในปัจจุบัน ช่วยให้ทุกงานพิมพ์ของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายในทันทีครับ
ตัวเครื่องมีขนาดกำลังดี วางบนโต๊ะทำงานได้อย่างลงตัว และด้วยความเป็นแบรนด์ HP ปริ้นเตอร์รุ่นนี้จึงสามารถเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่น HP Smart หรือแม้แต่ Apple AirPrint สั่งงานพิมพ์ไร้สายได้อย่างสะดวกสบาย หมึกพิมพ์ที่ใช้งานจะแบ่งเป็น 2 ตลับแยกอิสระ คือตลับหมึกสีดำล้วน (K) และตลับหมึกแม่สี (C,M,Y) สะดวกในการใช้งาน ตลับไหนหมดก็เปลี่ยนเฉพาะตลับนั้นได้เลย ในส่วนของความละเอียดในการพิมพ์สูงสุด 4800 x 1200 dpi และความเร็วสูงสุดที่ 7.5 ipm อยู่ในมาตรฐานปกติครับ
ประเภท | Inkjet All-in-One |
ขนาด | 425 x 304 x 154 mm |
น้ำหนัก | 3.42 kg |
การเชื่อมต่อ | Apple AirPrint, USB 2.0, Wi-Fi, Bluetooth |
ความละเอียดการสแกน | 1200 x 1200 dpi |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 4800 x 1200 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | ขาวดำ 7.5 ipm สี 5.5 ipm |
ขนาดกระดาษ | A4 / Letter |
2. Brother รุ่น DCP-T220
ราคาโดยประมาณ 4,960 บาท
การเลือกซื้อเครื่องปริ้นสำหรับใช้งานในองค์กรนั้น สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ ความเร็วในการพิมพ์เอกสารในทุกรูปแบบ และความประหยัดต่อครั้งในการเปลี่ยนตลับหมึก ซึ่ง Brother รุ่น DCP-T220 ให้คุณเบาใจตรงจุดนี้ไปได้ เพราะด้านความเร็วนั้นถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของ Inkjet ปัจจุบัน และในส่วนของความกังวลกับราคาของการเปลี่ยนตลับหมึกต่อครั้งนั้นก็ตัดทิ้งไปได้เลย เพราะใช้การเติมหมึกแยกสีแบบ Ink-Tank แทนการเปลี่ยนทั้งตลับครับ
ตัวเครื่องเป็นแบบ All in One อาจจะมีน้ำหนักมากสักหน่อยคือ 6.4 kg แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือประสิทธิภาพการพิมพ์ที่รวดเร็วสูงสุดถึง 16 ipm และความละเอียดสูงสุดที่ทำได้คือ 6000 x 1200 dpi อีกทั้งการฟีดกระดาษที่ออกแบบให้ฟีดจากถาดด้านล่างขึ้นด้านบน ทำให้ประหยัดเนื้อที่ได้เยอะเลย ด้านหน้าเครื่องผู้ใช้สามารถมองเห็นระดับหมึกได้ชัดเจน สามารถเปิดฝาและนำขวดหมึกเสียบกับจุกเติมได้อย่างง่าย ๆ แยกเติมสีได้ตามช่อง C,M,Y,K ไม่ต้องกลัวเลอะเทอะ แต่น่าเสียดายที่เครื่องปริ้นเตอร์รุ่นนี้ไม่สามารถเชื่อมต่อไร้สายได้ เพราะให้มาเพียง USB 2.0 เท่านั้นครับ
ประเภท | Inkjet All-in-One (Ink-Tank) |
ขนาด | 435 x 359 x 159 mm |
น้ำหนัก | 6.4 kg |
การเชื่อมต่อ | USB 2.0 |
ความละเอียดการสแกน | สูงสุด 1200 x 2400 dpi |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 6000 x 1200 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | ขาวดำ 16 ipm สี 9 ipm |
ขนาดกระดาษ | A4 / Letter |
3. Canon รุ่น PIXMA G3010
ราคาโดยประมาณ 5,390 บาท
เชื่อว่าผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันทุกคน ต้องรู้จักแบรนด์ Canon เป็นอย่างดี เพราะมีผลิตภัณฑ์ปริ้นเตอร์ออกมาตอบสนองการใช้งานในทุกระดับ โดยเฉพาะระดับผู้ใช้งานตามบ้าน และโฮมออฟฟิศ นอกจากการใช้งานที่ง่ายแล้ว อะไหล่ซ่อมแซมก็เพียบ เลือกใช้ได้อย่างสบายใจ สำหรับเครื่องปริ้นเตอร์ Canon รุ่น PIXMA G3010 รุ่นนี้ ก็เป็นที่นิยมกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว ในปีนี้ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ ที่สำคัญคุณภาพงานพิมพ์ดีมาก แล้วก็ไม่ต้องล้างหัวบ่อยเหมือนบางยี่ห้อด้วยครับ
ตัวเครื่องเป็นแบบ All in One ใช้งานได้ทั้งพิมพ์, สแกน และถ่ายเอกสาร รองรับการต่อเชื่อมหลากหลายรูปแบบทั้ง USB 2.0, Wi-Fi และ Direct Wireless สั่งงานพิมพ์ได้ง่าย ๆ จากมือถือของคุณผ่านแอพพลิเคชัน Canon PRINT Inkjet/SELPHY รองรับการใช้งานทั้ง Android และ iOS ตัวเครื่องด้านบนมีหน้าจอ LCD แสดงสถานะการเชื่อมต่อ และอื่น ๆ หมึกเป็นแบบ Ink-Tank สามารถเปิดจุกเติมแยกสี C, M, Y, K ได้เลย มองเห็นระดับหมึกชัดเจนจากด้านหน้าเครื่อง ความละเอียดการพิมพ์อยู่ที่ 4800 x 1200 dpi และความเร็วในการพิมพ์สูงสุด 8.8 ipm ตามมาตรฐานเครื่องพิมพ์ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าความละเอียดการสแกนจะดูน้อยไปนิดในระดับ 600 x 1200 dpi แต่ก็เพียงพอกับการใช้งานแบบเหลือเฟือครับ
ประเภท | Inkjet All-in-One (Ink-Tank) |
ขนาด | 445 x 330 x 163 mm |
น้ำหนัก | 6.3 kg |
การเชื่อมต่อ | USB 2.0, Wi-Fi, MOPRIA, Direct Wireless |
ความละเอียดการสแกน | สูงสุด 600 x 1200 dpi |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 4800 x 1200 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | ขาวดำ 8.8 ipm สี 5.0 ipm |
ขนาดกระดาษ | A4 / Letter |
4. Epson รุ่น EcoTank L3210
ราคาโดยประมาณ 5,490 บาท
ในช่วงปีที่ผ่านมา Epson ได้สร้างความฮือฮาเรื่องการเปลี่ยนจากหมึกแบบตลับ มาเป็นการเติมหมึกแยกสีแบบแท็งค์แท้ เพื่อต่อกรกับการดัดแปลงติดแท็งค์เถื่อน ซึ่งทำให้ผู้ใช้ประทับใจกันมากเพราะคุณภาพของระบบแท็งค์แท้จากโรงงาน และหมึกแท้ของแบรนด์นี้เรียกได้ว่าคุณภาพสูงมาก ๆ การออกแบบขวดหมึกเติมแยกสี C, M, Y, K ก็แตกต่าง และดีงาม ตัดปัญหาหมึกล้นเลอะเทอะไปได้เลย เพราะปากขวดมีวาล์วปิดกันล้น และเพียงแค่คุณกดขวดหมึกให้ลงล็อก หมึกก็จะไหลลงแท็งค์จนเต็มเองได้โดยไม่ต้องออกแรงบีบขวดเลยครับ
Epson รุ่น EcoTank L3210 เป็นเครื่องปริ้นแบบ All in One ที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายไม่มีลูกเล่นอะไร เหมาะกับใช้งานทั่วไปตามบ้าน หรือโฮมออฟฟิศขนาดเล็ก การเชื่อมต่อให้มาเพียง USB 2.0 เท่านั้น น่าเสียดายที่ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย การฟีดกระดาษจากด้านหลังมาด้านหน้าลดปัญหากระดาษติดในตัวเครื่องได้ดี ความละเอียดการพิมพ์สูงสุดถึง 5760 x 1440 dpi และการสแกนละเอียดสุดที่ 600 x 1200 dpi ถือว่าน่าพอใจสำหรับการใช้งานทั่วไปครับ
ประเภท | Inkjet All-in-One (Ink-Tank) |
ขนาด | 375 x 347 x 179 mm |
น้ำหนัก | 3.9 kg |
การเชื่อมต่อ | USB 2.0 |
ความละเอียดการสแกน | สูงสุด 600 x 1200 dpi |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 5760 x 1440 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | ขาวดำ 10 ipm สี 5.0 ipm |
ขนาดกระดาษ | A4 / Letter |
5. HP รุ่น Ink Tank 315
ราคาโดยประมาณ 4,090 บาท
แบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความทน อึด ถึก คงต้องยกให้กับ HP เพราะผู้ใช้งานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ยอมพังสักที นอกจากความทนแล้ว ยังโดดเด่นด้านการออกแบบตัวเครื่องที่ไม่ค่อยจะเหมือนใครนัก เส้นสาย ความโค้งมนที่ได้มา ทำให้เป็นอุปกรณ์สำนักงานที่สวยงามและลงตัวชิ้นหนึ่งเลย เครื่องปริ้นเตอร์แบบ All in One รุ่น Ink Tank 315 นี้ ก็ไม่ผิดไปจากที่กล่าวไว้แม้แต่น้อย เพราะค่อนข้างแหวกแนวโดยเฉพาะกล่องแท็งค์หมึกที่ยื่นออกมานอกตัวเครื่อง อาจจะทำให้ต้องใช้พื้นที่ในการวางมากขึ้นอีกหน่อย ซึ่งก็แลกมาด้วยปริมาณของหมึกที่เยอะมาก เติมครั้งเดียวใช้ได้จนลืมการเติมไปเลยครับ
ฟังก์ชันการทำงานที่เน้นใช้งานง่าย ด้านบนของตัวเครื่องมีหน้าจอ LCD บอกการทำงานบางส่วนของเครื่อง และปุ่มอีกไม่กี่ปุ่มเท่านั้น ระบบฟีดกระดาษจากด้านหลังออกด้านหน้า ความละเอียดการพิมพ์ที่ทำได้สูงสุด 4800 x 1200 dpi และสแกนได้สูงสุด 1200 x 1200 dpi ถือว่าเหมาะสมและเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไปจนถึงงานที่ต้องการความโปรในระดับหนึ่ง การเชื่อมต่อมีมาให้แค่ USB 2.0 เท่านั้น จุดที่น่าสังเกตคือเราจะมองระดับหมึกได้ลำบากนิดนึงเพราะอยู่ด้านข้างเครื่อง ถ้ามองข้ามจุดนี้ไปได้ ที่เหลือก็ไม่ใช่ปัญหาในการเลือกซื้อครับ
ประเภท | Inkjet All-in-One (Ink-Tank) |
ขนาด | 525 x 553.5 x 256.6 mm |
น้ำหนัก | 4.67 kg |
การเชื่อมต่อ | USB 2.0 |
ความละเอียดการสแกน | สูงสุด 1200 x 1200 dpi |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 4800 x 1200 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | ขาวดำ 7.5 ipm สี 4.5 ipm |
ขนาดกระดาษ | A4 / Letter |
6. Epson รุ่น EcoTank L6290
ราคาโดยประมาณ 11,690 บาท
หากคุณกำลังมองหาเครื่องปริ้นเตอร์สำหรับสำนักงานที่มีฟังก์ชัน และประสิทธิภาพคุ้มค่ากับการลงทุน เครื่องปริ้น Epson รุ่น EcoTank L6290 คือหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นเครื่องที่ออกแบบมาสำหรับงานออฟฟิศขนาดเล็กโดยเฉพาะ แต่ถ้าใครจะเอาไว้ใช้ตามบ้านก็ได้ไม่ว่ากัน ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายครบครัน เป็น All in One ที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายทุกอย่างในระบบของ Epson Connect และใช้งานผ่านมือถือด้วยแอพพลิเคชัน Epson Smart Panel ได้โดยตรงครับ
เนื่องจากเป็นเครื่องสำหรับงานออฟฟิศ เครื่องปริ้นเตอร์รุ่นนี้จึงมีฟังก์ชัน FAX เข้ามาด้วย ซึ่งสามารถสลับการส่งได้ทั้งแบบขาวดำ/สี พร้อมหน่วยความจำที่มากถึง 100 หน้า การพิมพ์ความละเอียดสูงสุดได้ที่ 4800 x 1200 dpi การสแกนทำได้ที่ 1200 x 2400 dpi และทำสำเนาได้ที่ 11 รูป / นาที รุ่นนี้ถาดกระดาษจะอยู่ด้านล่างฟีดออกกลางเครื่อง ฝาด้านบนมีช่องสำหรับฟีดกระดาษเพื่อสแกนได้แบบอัตโนมัติ พร้อมหน้าจอสี LCD ระบบสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว ปรับโหมดการใช้งานได้ละเอียดและฉลาดมากเลยทีเดียว อีกทั้งยังมาพร้อมระบบแท็งค์แท้ เติมหมึกง่ายมาก ๆ แล้วยังให้คุณสามารถสั่งพิมพ์งานจากที่ไหนในโลกก็ได้ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตครับ
ประเภท | Inkjet All-in-One & FAX (Ink-Tank) |
ขนาด | 375 x 347 x 231 mm |
น้ำหนัก | 6.7 kg |
การเชื่อมต่อ | Apple AirPrint, USB 2.0, Wi-Fi (& Direct), MOPRIA, LAN |
ความละเอียดการสแกน | สูงสุด 1200 x 2400 dpi |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 4800 x 1200 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | ขาวดำ 15.5 ipm สี 8.5 ipm |
ขนาดกระดาษ | A4 / Letter |
7. BROTHER รุ่น MFC-T4500DW
ราคาโดยประมาณ 22,990 บาท
เครื่องปริ้นเตอร์ InkJet แบบ All in One สำหรับออฟฟิศที่มีความเร็วในการพิมพ์เทียบเท่าปริ้นเตอร์แบบเลเซอร์ หาไม่ง่ายนักในตลาดทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความเร็วการพิมพ์อยู่ที่ประมาณ 8-10 ipm แต่ไม่ใช่กับ BROTHER รุ่น MFC-T4500DW ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วจี๊ดจ๊าดถึง 22 ipm และรองรับการพิมพ์ลงกระดาษขนาดใหญ่ถึง A3 เลยทีเดียว รวมถึงโหมดสแกนเด้วย เมื่อมองถึงภาพรวมของฟังก์ชันที่ให้มานั้น ก็ถือว่าเป็นที่น่าสนใจมาก และเหมาะสมในการใช้งานภายในองค์กรครับ
ตัวเครื่องออกแบบให้มีถาดฟีดกระดาษอยู่ด้านล่างและปล่อยกระดาษออกกลางเครื่องไม่เปลืองเนื้อที่ในการจัดวาง (ขนาดกระดาษสูงสุด A3) ความละเอียดการพิมพ์สูงสุด 1200 x 4800 dpi ฝาด้านบนเป็นระบบออโต้ฟีดสำหรับสแกนเนอร์ที่รองรับกระดาษขนาด A3 เช่นกัน มีหน้าจอสี LCD แบบสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว แสดงผลการทำงานของเครื่อง รวมถึงใช้ปรับแต่งโหมดพิมพ์ในรูปแบบต่าง ๆ อีกทั้งยังมีระบบ FAX มาให้ในตัว สามารถเสียบ USB Flash Drive เพื่อสั่งพิมพ์งานได้โดยตรง รวมถึงสั่งพิมพ์ผ่านแอพพลิเคชั่น BRAdmin Light+ ก็ยังได้ ระบบหมึกเป็นแท็งค์แท้ พร้อมการเติมแยกสี C, M, Y, K ครอบคลุมครบ จบในเครื่องเดียวครับ
ประเภท | Inkjet All-in-One & FAX (Ink-Tank) |
ขนาด | 575 x 477 x 310 mm |
น้ำหนัก | 19.14 kg |
การเชื่อมต่อ | USB 2.0,USB Direct, LAN, Wi-Fi, BRAdmin Light+ |
ความละเอียดการสแกน | สูงสุด 1200 x 2400 dpi |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 1200 x 4800 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | ขาวดำ 22 ipm สี 20 ipm |
ขนาดกระดาษ | A3 |
8. Peripage รุ่น A6
ราคาโดยประมาณ 799 บาท
เมื่อกล่าวถึงเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก (พกพา) คงไม่มีใครไม่รู้จัก Peripage รุ่น A6 เพราะเรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในรุ่นเริ่มต้นของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เพราะการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์หน้าหมี ใครเห็นก็จำได้ทันที มีสีบอดี้ให้เลือกมากมาย มีเคสสวย ๆ ขายแยกด้วยนะ สามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกงไปไหนก็ได้ ที่สำคัญไม่ต้องเติมหมึกเลยตลอดชีวิต เพราะใช้เทคโนโลยี Direct Thermal พิมพ์ด้วยความร้อนลงบนกระดาษ สั่งพิมพ์ได้ทั้งจากมือถือและพีซีของคุณครับ
เครื่องพิมพ์พกพารุ่นนี้มีขนาดแค่ 1 ฝ่ามือ รองรับกระดาษความร้อนแบบม้วนเล็ก ฟีดกระดาษอัตโนมัติพร้อมตัวตัดกระดาษ การใช้งานเน้นให้ใช้เพื่อเป็นกระดาษโน้ต สติกเกอร์ หรือฉลากสินค้า รองรับกระดาษความร้อนขนาดไม่เกิน 57 mm แบตเตอรี่ในตัวเครื่องมีความจุ 1000 mAh สามารถสั่งพิมพ์ผ่านแอพพลิเคชันของ Peripage เชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth เป็นหลัก หรือจะเสียบ Micro USB ก็ได้เช่นกัน รองรับทั้ง iOS, Android และ Windows ถ้าชอบการพกพา และเป็นสายขายออนไลน์ ก็คงต้องมีกันแทบทุกคนครับ
ประเภท | Direct Thermal + แบต 1000 mAh |
ขนาด | 79 x 79 x 42 mm |
น้ำหนัก | 160 g |
การเชื่อมต่อ | USB, Bluetooth |
ความละเอียดการสแกน | ไม่มี |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 203 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | N/A |
ขนาดกระดาษ | หน้ากว้าง 57 mm |
9. Peripage รุ่น A9S Max
ราคาโดยประมาณ 2,099 บาท
ถ้าคุณเป็นผู้ใช้งานเครื่องพิมพ์แบบพกพา แต่ที่ใช้มามันเล็กเกินไปนิด อยากขยับขยายให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น Peripage รุ่น A9S Max น่าจะเป็นคำตอบที่คุณตามหา เพราะนี่คือเครื่องพกพาที่รองรับกระดาษได้ขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนี้ คือ 107 mm สามารถใช้งานได้นอกเหนือจากฉลากสินค้า เพราะจะพิมพ์โน้ต พิมพ์ภาพ หรืออื่น ๆ ได้ตามต้องการ แต่ขนาดตัวเครื่องอาจจะใส่กระเป๋ากางเกงไม่ได้ เพราะว่าใหญ่กว่ารุ่น A6 ยอดนิยมอยู่ระดับหนึ่ง ซึ่งก็ตอบโจทย์ด้านการใช้งานครับ
ตัวเครื่องรุ่นนี้มีการออกแบบคล้ายคลึงกับตระกูล A9 ตัวเก่า แต่อัปเกรดประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ด้วยความละเอียดที่มากถึง 306 dpi ให้ภาพคมชัดกว่าเดิม โหมดการพิมพ์ภาพถ่ายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รองรับกระดาษ 3 ขนาดที่หน้ากว้าง 57, 77, 107 mm โดยสามารถปรับตัวล็อกกระดาษด้านในได้ กดเปิดฝาเปลี่ยนกระดาษได้ด้วยปุ่มเดียว ระบบฟีดกระดาษอัตโนมัติพร้อมตัวตัดกระดาษด้านใน แบตเตอรี่ความจุ 2600 mAh สูงกว่าทุกรุ่น เรียกได้ว่าซื้อรุ่นเดียวเหมือนได้จุดเด่นหลายรุ่นรวมกันเลยครับ
ประเภท | Direct Thermal + แบต 2600 mAh |
ขนาด | 105 x 71 x 44 mm |
น้ำหนัก | 295 g |
การเชื่อมต่อ | USB, Bluetooth |
ความละเอียดการสแกน | ไม่มี |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 306 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | N/A |
ขนาดกระดาษ | หน้ากว้าง 57, 77, 107 mm |
10. Xprinter รุ่น XP-420B
ราคาโดยประมาณ 2,499 บาท
หากคุณกำลังมองหาเครื่องพิมพ์ฉลากสินค้า หรือพิมพ์ออเดอร์ ใช้งานแบบตั้งโต๊ะไม่เน้นพกพา ไม่ต้องการเติมหมึก และอยู่ในงบประมาณเบา ๆ เครื่องปริ้นเตอร์ Xprinter รุ่น XP-420B ให้คุณได้ ด้วยตัวเครื่องที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานหนักระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ เหมาะกับร้านค้าทั่วไป หรือร้านอาหาร ที่ต้องออกบิล หรือออกใบกำกับออเดอร์อย่างต่อเนื่อง สามารถใส่กระดาษได้ทีละมาก ๆ ทั้งกระดาษสติ๊กเกอร์ และแบบม้วน จึงทำให้ Xprinter XP-420B รุ่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานแน่นอนครับ
เครื่องปริ้นเตอร์รุ่นนี้เป็นประเภทพิมพ์ด้วยความร้อน ตัวเครื่องมีขนาดไม่ใหญ่มาก ป้อนกระดาษแบบม้วนด้านใน ปล่อยออกด้านหน้า สามารถเลือกซื้อออปชันแกนม้วนกระดาษภายนอก หรือถาดวางกระดาษภายนอกเพิ่มเติมได้ ความละเอียดของการพิมพ์อยู่ที่ 203 dpi เน้นใช้งานพิมพ์ตัวหนังสือหรือตัวเลขเป็นหลัก เชื่อมต่อได้หลากหลาย โดยพื้นฐานจะเป็น USB 2.0 แต่สามารถสอบถามผู้ขายเพื่อเลือกซื้อรุ่นที่มีออปชั่นเพิ่มเติมให้เชื่อมต่อ Bluetooth, LAN หรือ Wi-Fi ได้ รุ่นนี้ไม่ใช้แบตเตอรี่ เพราะเสียบไฟเข้ากับเครื่องโดยตรงครับ
ประเภท | Direct Thermal |
ขนาด | 215 x 178 x 155 mm |
น้ำหนัก | 1.31 kg |
การเชื่อมต่อ | USB 2.0, (Bluetooth, LAN, Wi-Fi รุ่นเพิ่มออฟชั่น) |
ความละเอียดการสแกน | ไม่มี |
ความละเอียดการพิมพ์ | สูงสุด 203 dpi |
ความเร็วการพิมพ์ | N/A |
ขนาดกระดาษ | หน้ากว้าง 30 – 108 mm |
อ่านกันมาถึงตรงนี้คงจะได้คำตอบสำหรับ เครื่องปริ้น ยี่ห้อไหนดี แล้วแน่เลย หลายรุ่นก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เวลาซื้อก็อย่าลืมคำนึงถึงลักษณะการใช้งาน ถ้าใช้น้อยมาก หรือนาน ๆ ครั้งอาจจะต้องลองไปดู Laser แทนจะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับหมึกตัน หรือถ้าแค่ปริ้นสลิปหรือสติกเกอร์ที่อยู่สำหรับส่งของ เครื่องพิมพ์กระดาษความร้อนก็ดูจะเป็นไอเดียที่ดี สุดท้ายนี้ก็ขอให้ได้เครื่องปริ้นเตอร์ที่ถูกใจใช้งานได้ยาวนานกันนะครับ
นักเขียนอิสระ ที่มีประสบการณ์ในแวดวง IT Gadget มือถือ มากกว่า 5 ปี มีความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้า IoT เป็นอย่างดี เลือกจัดอันดับสินค้าอย่างตั้งใจ ซื้อตามกันไม่มีผิดหวังแน่นอน