หุ ๆๆ ก็ถ้าสาว ๆ (หรือหนุ่ม ๆ ) ได้คลิกเข้ามาอ่านที่บทความนี้ “ครีมทาเท้า” ยี่ห้อไหนดี แสดงว่า สาว ๆ กำลังมีปัญหากับสุขภาพเท้าที่แห้งกร้าน ผิวเท้าดูไม่สดใส ดูไม่สวย หรือมีอาการเท้าแตก ส้นเท้าแตก จนทำให้เดินลำบากกันอยู่ใช่ไหมล่ะคะ ?? ก็บอกเลยว่าคลิกเข้ามาได้ถูกที่ถูกบทความแล้ว เพราะที่นี่ ทางเราได้ไปรวบรวมครีมทาส้นเท้าที่น่าสนใจ ครีมที่เด็ด ๆ ปัง ๆ มียอดขายสูง รวมถึงมีรีวิวดีงามจากผู้ใช้จริง มาให้ดูกันถึง 10 ยี่ห้อ 10 หลอดกันเลยทีเดียว และถ้าสาว ๆ ทุกคนได้ลองอ่านเนื้อหากันจนจบล่ะก็ จะต้องอยากซื้อไม่ยี่ห้อใดก็ยี่ห้อหนึ่งกันอย่างแน่นอนค่าาา
สารบัญ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว ครีมทาเท้า ยี่ห้อไหนดี
ก็เผื่อสาว ๆ คนไหนที่อยากจะเห็นเจ้าสินค้าครีมทาเท้าแบบพร้อม ๆ กันทั้ง 10 ยี่ห้อ รวมถึงสามารถเลื่อนตารางไปมาซ้ายขวา เพื่อทำการเปรียบเทียบรายละเอียด, จุดเด่น, สารบำรุง หรือราคากันได้แบบง่าย ๆ ทางเราก็อยากให้ลองคลิกที่ปุ่มด้านล่าง เพื่อจะได้เห็นตารางเปรียบเทียบกันค่าา
1. Ellgy Plus Cracked Heel Cream
ราคาโดยประมาณ 149 บาท
ไหนใครมีปัญหาเรื่องส้นเท้าแตกลาย ส้นเท้าหนา ไม่กล้าใส่รองเท้าเปิดส้น มามุงทางนี้จ้าแม่จ๋า ตัวช่วยที่จะเปลี่ยนส้นเท้าคุณให้กลับมาเนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน แตกแค่ไหนก็เอาอยู่ ต้องยกให้นาง Ellgy Plus เลยล่ะ โดยนางเป็นครีมทาส้นเท้าที่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานแม้อยู่ในสภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำ เช่น หน้าหนาวหรือในห้องแอร์ ยิ่งทาวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น หลังจากอาบน้ำ และขอแนะนำให้ใส่ถุงเท้าหลังทาครีม จะยิ่งช่วยให้ผลการบำรุงดีขึ้น อีกทั้งถุงเท้ายังสามารถใช้ป้องกันอาการส้นเท้าแตกได้ดีอีกด้วยนะจ๊ะ
และที่เค้ามีประสิทธิภาพในการกักเก็บความชื้นได้ดีมากนั่น ก็เพราะมีส่วนประกอบสำคัญ คือ แซคคาไรด์ไอโซเมอรท ที่ช่วยคงความชุ่มชื้นของส้นเท้าได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน และมีพอร์ทูลาคา ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนังชั้นไขมันใต้ผิวของเรา และยังไม่หมดเท่านั้นจ้า ยังมีน้ำบริสุทธิ์, กลีเซอรีน, ผักเบี้ยใหญ่, ไดเมทิโคน, ไอโซโพรพิลไมริสเตท และน้ำมันลาเวนเดอร์ เค้าก็ประโคมใส่เข้ามาให้ในหนึ่งหลอด สารบำรุงจัดหนักมากกก รับรองเลยว่าเมื่อใช้ไปเรื่อย ๆ จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของสุขภาพเท้าที่ดีขึ้นเลยค่า
จุดเด่น | สูตรที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นสำหรับผิวเท้า, อุดมไปด้วยกรดไขมันธรรมชาติที่สำคัญ |
สารบำรุง | แซคคาไรด์ไอโซเมอรท, พอร์ทูลาคา, กลีเซอรีน, ผักเบี้ยใหญ่, ไดเมทิโคน, ไอโซโพรพิลไมริสเตท, น้ำมันลาเวนเดอร์ |
หลังใช้ | ผิวที่ส้นเท้านิ่มขึ้น, รอยแตกค่อย ๆ ตื้นขึ้น |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีมไม่เหนียวเหนอะหนะ |
เหมาะกับ | สำหรับส้นเท้าแตกที่แห้งมาก |
2. Shiseido Urea Cream
ราคาโดยประมาณ 219 บาท
ครีมทาเท้าตัวเด็ด ตัวดังจากแดนอาทิตน์อุทัยที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Shiseido Urea Cream ค่าาาคุณ ตัวนี้นอกจากเค้าจะมีสรรพคุณดูแลส้นเท้าแล้ว เค้ายังทามือ บำรุงเล็บ และยังบำรุงจมูกเล็บไม่ให้ฉีกขาดง่าย คืนความชุ่มชื้น และอ่อนนุ่มให้แก่ผิวหลาย ๆ ส่วนได้อีกด้วย ส่วนเนื้อครีมก็เข้มข้น ในขณะเดียวกันก็บางเบาดุจขนนก แถมยังซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว อีกทั้งยังใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา ยิ่งใครที่ผิวหยาบกระด้าง แห้งกร้านมากพวก เท้า มือ ศอก เข่า ก็ทาได้หมดนะ เรียกได้ว่าตัวเดียวจบ ครบ คุ้ม!
อ่ะมาดูว่าตัวเดียวจบได้ยังไง แบรนด์ Shiseido เค้าจัดมาให้เพื่อน ๆ แล้วค่ะว่า ในหนึ่งหลอดจะต้องอุดมไปด้วย Urea 10% พร้อมทั้งมีวิตามินและน้ำมันสวาเลน ที่ทั้งหมดจะมาช่วยกันป้องกันไม่ให้มือและเท้าแห้งเหี่ยว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวมีความยืดหยุ่น และหลังจากทาแล้ว จะมีชั้นฟิล์มบาง ๆ ที่จะช่วยล็อคความชุ่มชื้น ช่วยให้มือนุ่มเนียน โดยเฉพาะการอยู่ในห้องปรับอากาศ หรือสภาพอากาศที่แห้งเป็นระยะเวลานาน ๆ จึงแอบเหมาะมาก ๆ สำหรับหนุ่มสาวชาวออฟฟิศที่มีส้นเท้าแตก ส้นเท้าแห้ง นอกจากนี้ น้องเค้าก็ถูกออกแบบมาให้ใช้ง่าย พกพาสะดวก ตอนนี้มีทั้งแบบหลอดและแบบกระปุกเลย ใครสะดวกแบบไหนก็จัดแบบนั้นได้เลยค่า
จุดเด่น | ครีมบำรุงส้นเท้าที่ใช้ได้ทั้ง มือ เล็บ จมูกเล็บ และตามข้อต่าง ๆของร่างกาย |
สารบำรุง | ด้วยส่วนผสม Urea 10%, น้ำมันสวาเลน |
หลังใช้ | เท้าเนียนขึ้น บริเวณผิวตามข้อก็สว่างใสขึ้น |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีมสีขาวข้มข้น |
เหมาะกับ | ผู้ที่มีผิวแห้งเนื่องจากทำงานในห้องแอร์ และผู้ที่มีปัญหามือและส้นเท้าแห้งแตก |
3. Yoko Cracked Heel Cream
ราคาโดยประมาณ 109 บาท
เปลี่ยนเท้าพัง ให้เรียบเนียนสวย ไม่สากเหมือนกระดาษทรายด้วยครีมทาเท้า Yoko Cracked Heel Cream แค่ชื่อก็สัมผัสได้ถึงความแคร๊กของส้นเท้าแล้วใช่มั้ยละสาว ๆ ขอบอกเลยว่าตัวนี้ก็เป็นผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นที่ไม่น้อยหน้ากว่าตัวอื่นเลย เพราะเค้าสามารถช่วยคงความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าอ่อนนุ่ม และยังช่วยลดปัญหาส้นเท้าแตก จึงทำให้สาว ๆ เปิดเท้า โชว์เท้า ได้อย่างมั่นใจ เท่านั้นยังไม่พอ เค้ายังช่วยใบำรุงผิวบริเวณส้นเท้าให้ดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ จนสาว ๆ สังเกตได้ทันทีที่เริ่มใช้เลยน้า
และที่สำคัญ เค้าเคลมมาเลยว่าเห็นผลตั้งแต่ 5 วันแรกที่ใช้เลย อ่ะใครรีบนักก็ต้องลองจัดตัวนี้ดูสักหน่อยแล้วล่ะ แต่ก่อนจะไปตำก็แว๊บดูส่วนผสมหลัก ๆ กันหน่อย ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้ง ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำ และดูดซับน้ำไว้ใต้ผิวเป็นเวลานาน ให้ผิวที่แตกลายขาดความยืดหยุ่นกลับมาอ่อนนุ่มเนียนเรียบ พร้อมปรับสภาพสีผิวใหม่ด้วย Vitamin B3 ให้กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วยนาา และด้วยความที่เค้าค่อนข้างออแกนิค ก็สามารถใช้บริเวณอื่นของร่างกายได้ด้วย พวกข้อศอกดำ ตาตุ่มตำ บริเวณที่ผิวค่อนข้างหนาทาได้หมดเลยจ้า
จุดเด่น | สารสกัดส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติ |
สารบำรุง | น้ำมันมะพร้าว, น้ำผึ้ง, Vitamin B3 |
หลังใช้ | สมานรอยแตกได้ดี, ขุย ๆ ที่เท้าลดลง, ผิวเท้าไม่หนา ดูบางลง |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีมสีขาวค่อนไปทางเหนียว |
เหมาะกับ | เหมาะสำหรับผิวแห้งและทาก่อนนอน |
4. Yoko Cracked Heel Q10 Cream
ราคาโดยประมาณ 109 บาท
ส้นเท้าแตกระแหงและหยาบกร้านจนน่าตกใจ แก้ได้ด้วย Yoko Cracked Heel Q10 Cream ครีมทาเท้ารุ่นใหม่ที่ออกมาเป็นสีฟ้า จากรุ่นเก่าที่เป็นสีเหลือง ถามว่าตัวนี้ดีกว่ายังไง ต้องบอกเลยตัวนี้เค้าใส่ Coenzyme Q10 เพิ่มเข้ามาด้วยตามชื่อเลยซิส โดยเค้าเป็นสารบำรุงที่ช่วยให้ผิวที่อ่อนล้ากลับมาดูสดใส ช่วยให้ผิวดูเนียนเรียบ ผิวที่ดูหนา ๆ ก็จะบางลง นิ่มขึ้น แล้วใครเดินบ่อย ๆ จนเท้าแตก ส้นเท้าแตกเป็นเส้น ๆ ต้องลองตัวนี้เลย เค้าจะช่วยผสานผิวที่แตกแห้งกร้านได้ไวมากกก ใช้ไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกได้ทันทีว่ามันนิ่มขึ้นจริง ๆ จ้าทุกคน
และรุ่นใหม่นี้ถ้าเทียบกับรุ่นเก่าแล้วจะสังเกตุได้ว่า เค้าใส่สารประกอบหลักไปเพิ่มมากมายเหลือเกินแม๊ ไม่ว่าจะเป็น Peppermint Oil สารสกัดจากมินต์ ที่จะช่วยปลอบประโลมผิวที่เท้าให้รู้สึกสบาย ปกป้องผิวจากการระคายเคือง, Green Tea Extract สารสกัดจากชาเขียว มีคุณสมบัติเป็นแอนตี้ออกซิเดนซ์ ช่วยบำรุงผิวบริเวณส้นเท้าให้ชุ่มชื้น เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ และตัวสุดท้าย Celen Extract สารสกัดจากดอกดาวเรืองที่มอบความชุ่มชื้นให้กับผิวทำให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสาว ๆ ได้มากยิ่งขึ้น และควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องถึงจะเห็นผลนะ อย่าขี้เกียจกันนะพวกเธอ ผู้หญิงต้องสวยตั้งแต่หัวจดเท้าค่าา อิอิ
จุดเด่น | กลิ่นหอมสดชื่นจากน้ำมันสกัดจากเปปเปอร์มิ้นต์ |
สารบำรุง | น้ำมันมะพร้าว, น้ำผึ้ง, สารสกัดจากมินต์, สารสกัดจากชาเขียว,สารสกัดจากดอกดาวเรือง, Coenzyme Q10 |
หลังใช้ | มีกลิ่นหอมสดชื่นจากน้ำมันเปเปอร์มิ้นต์, ผิวดูนิ่มลง, ผิวดูชุ่มชื้น |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีมขาว |
เหมาะกับ | ผิวแห้ง ส้นเท้าแตก ผิวเท้าคล่ำ |
5. Mormualchon Urea Cream Softer
ราคาโดยประมาณ 45 บาท
มาถึงตัวที่เรียกได้ว่าเป็นม้ามืดที่บางคนอาจจะมองไม่เห็นน้องเค้า แต่ขอบอกตรงนี้ให้ทั่วหน้าประชาชีกันเลยนะสาว ตัวนี้คือครีมทาเท้าของ “หมอมวลชน” ค่ะ ชื่อเต็มว่า Mormualchon Urea Cream Softer เขาบอกกันว่าตัวนี้ค่อนข้างปลอดภัยมากกก เพราะไม่มีสารอันตรายเลย ทำให้เหมาะกับคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายมาก ๆ ซึ่งน้องเค้าก็สามารถช่วยแก้ส้นเท้าแตก มือลอก ข้อศอกด้าน เข่าด้าน และยังสามารถช่วยป้องกันท้องแตกลายงาระหว่างการตั้งครรภ์ได้ด้วยนะเออ เห็นมั้ยคะว่าค่อนข้างเป็นครีมที่คุ้มค่าอยู่นะ หลอดเดียวทาได้เกือบทั้งตัว ปลอดภัยกับคุณแม่และเด็ก ๆ มาก และยังพกพาไปมาสะดวกด้วยค่ะ
ส่วนตัวครีมก็จะเป็นเจลครีมที่ค่อนข้างเข้มข้น แต่ไม่ได้เหนียวเหนอะหนะเหมือนครีมทาเท้าทั่วไป อีกทั้งยังซึมไว ยิ่งใช้กับมือทุกวันจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนปลงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และตัวนี้จะมีส่วนผสมของสารยูเรีย มอยเจอร์ไรเซอร์ และวิตามินอี ที่ไม่กัดกร่อยทำลายผิวให้ผิวบาง ไม่ระคายเคืองต่อผิวง่าย และยังมีเคลือบ ๆ ที่ผิวช่วยล็อคความชุ่มชื้นด้วย ทาแล้วก็แอบรู้สึกผิวเท้านุ่มทันที และใครที่ผิวแห้งจนแตกเป็นแผลแบบชนิด Eczema ใช้ตัวนี้ทาได้ดีมาก ทาแล้วไม่แสบที่แผล สามารถทาได้บ่อย ๆ ไม่เป็นอันตรายเหมือนการใช้สเตียรอยด์เลย อีกทั้งราคาเทียบกับคุณภาพที่ได้ก็คุ้มค่า ซื้อมาลองใช้กันได้สบาย ๆ ค่าา
จุดเด่น | คนท้องใช้ทาผิวกันแตกลายระหว่างการตั้งครรภ์ได้ |
สารบำรุง | มอยเจอร์ไรเซอร์, ยูเรีย, วิตามินอี |
หลังใช้ | ส้นเท้านุ่มขึ้น ตาตุ่มและศอกกระจ่างใสขึ้น |
เนื้อสัมผัส | เนื้อเจลครีม |
เหมาะกับ | ใช้ได้กับทุกวัย และสภาพผิว |
6. Heel Spa Foot Care Cream
ราคาโดยประมาณ 72 บาท
ครีมทาส้นเท้าตัวนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ในยุคนี้ สำหรับ Heel Spa Foot Cream ตัวนี้เป็นสูตรเข้มข้น ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ลดรอยด้านของผิวหนัง หรือผิวที่แห้ง แตก กร้าน อีกทั้งยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยเซลล์ผิวใหม่ให้อ่อนนุ่มขึ้น ส่วนเนื้อครีมก็เป็นเหมือนเนื้อเจล ทาแล้วซึมไว ซึมเข้าผิวได้เร็ว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้ แต่ก็มีความเข้มข้นมาก ๆ เลยนะ คือถึงจะทาเข้าไป แห้งแล้ว ก็ยังมีความชุ่มชื้นบนผิวอยู่ (มันจะเหมือนเคลือบผิว ไม่ให้ผิวแห้งอ่ะ) กลิ่นก็ดี ไม่เหม็น หอมเลยแหละ
ส่วนตัวมันเวิร์กมากเลยนะ เพราะเคยลองทาทั้งโลชั่น ทาครีม แล้วเอาไม่ค่อยอยู่ แต่ตัวนี้ไม่เยิ้ม ไม่เหนอะ ทาแล้วใส่รองเท้า เท้าก็ไม่ลื่น ใส่รองเท้าเปิดส้นได้อย่างมั่นใจเลยจ้า ส่วนผสมหลัก ๆ ของเค้า คือ Urea ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออก พร้อมทั้งมี Panthenol หรือวิตามิน B5 มาช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ตามด้วยวิตามิน E ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และ Allantoin ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวกับทำให้ผิวเรียบเนียน สุดท้าย Glutamic acid เป็น moisturizer จากธรรมชาติ สามารถทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี คือส่วนผสมเยอะมากกก แต่ราคาไม่แพงเลย สงสัยต้องจัดกันแล้วล่ะค่าสาวววว
จุดเด่น | ซึมง่ายมาก ไม่เหนียวเหนอะหนะ |
สารบำรุง | Urea, Panthenol Vitamin B5, Tocopheryl Acetate Vitamin E, Allantoin, Glutamic acid |
หลังใช้ | ซึมเข้าสู่ผิวทันที ไม่ทำให้เท้าเหม็น ผิวส้นเท้าเริ่มนุ่มขึ้น ไม่แห้งแตกลอก |
เนื้อสัมผัส | เนื้อเจลใส |
เหมาะกับ | เหมาะกับทุกสภาพผิว |
7. Skin Softener Giffarine
ราคาโดยประมาณ 139 บาท
กิฟฟารีน สกิน ซอฟเทนเนอร์ แค่ชื่อยี่ห้อก็ว่างใจกันได้แล้วใช่ไหมล้าาา โดยครีมทาส้นเท้าแตกตัวนี้ เวลาที่ยิ่งทาจะยิ่งรู้สึกฟินมากกก เพราะเวลาใช้ไปเรื่อย ๆ จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจริง ๆ นะทุกคน ยิ่งใครเท้าแข็ง ๆ ด้าน ๆ มาที่ควรใช้ให้ไวเลย อีกทั้งนอกจากเค้าจะช่วยให้เท้านิ่มลงแล้ว ยังช่วยทำให้ผิวเท้ากระจ่างใส ลดรอยหมองคล่ำได้ดีอีกด้วย หรือถ้าไม่อยากจะทาส้นเท้าแตก ก็ยังทาบริเวณ ตาตุ่ม หัวเข่า หรือข้อศอก ก็ได้นะ จะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 7 วันแรกที่ใช้เลยแหละทุกคน แต่ต้องมีวินัยในตัวเองกันด้วยนะถ้าอยากได้เท้านิ่ม ๆ ก็ต้องหมั่นทาเป็ประจำเช้าเย็นได้ยิ่งดีเลยเธอออ
และเจ้าตัวนี้ เค้าค่อนข้างมีเนื้อครีมที่เข้มข้นมาก เพราะมีมอยเจอร์ไรเซอร์ที่บำรุงได้อย่างล้ำลึก เท่านั้นยังไม่พอ ยังมี Urea, วิตามิน E ที่มาช่วยกันบำรุงผิวเท้าให้ชุ่มชื้น และยังสามารถช่วยลดเลือนจุดด่างดำ หรือทำให้ส้นเท้าของสาว ๆ ขาวขึ้นได้ และขอแนะนำกันนิดหนึ่ง ตอนก่อนนอนให้พอกหนา ๆ ประโคมไปเลยแล้วใส่ถุงเท้านอน เพื่อช่วยเสริมการบำรุง รวมถึงไม่ทำให้ผ้าปูเตียงของเราเหนียวเหนอะจากครีมอีกด้วย ส่วนแพ็กเกจจิ้งก็ดูทันสมัย น่าใช้ ก็สาว ๆ ที่ชอบของดีไซน์ใหม่ ๆ ต้องจัดครีมทาเท้ากิฟฟารีนกันเลยค่า
จุดเด่น | เห็นผลเร็วภายใน 7 วัน |
สารบำรุง | Urea, Vitamin E, Deep Moisturizer, Alternifolia (Tea Tree) Oil, Arginine, Fragrance |
หลังใช้ | ส้นเท้านิ่มและขาวขึ้น |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีมเข้มข้น |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว คนที่ต้องการเห็นผลไว ๆ |
8. Finale Footsoft Cream
ราคาโดยประมาณ 139 บาท
ฟินาเล่ ฟู้ทซอฟท์ ครีม ครีมทาส้นเท้าสำหรับส้นเท้าที่แห้ง แตก หยาบกร้าน กู้ผิวที่แตกยับได้ทุกระดับ ทุกเลเวล น้องเค้าปราบได้หมดค่ะ โดยตัวเนื้อครีมมีสีขาว ไม่ข้นมาก ไม่เหนอะหนะ ซึมเข้าสู่ผิวง่าย และรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ผิวนุ่มขึ้น ผิวที่แตกตื้นขึ้นภายใน 3 วัน คือไวมากกก อีกทั้งยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยน ไม่กัดผิวในระยะยาว กลิ่นก็หอมอ่อน ๆ นะ ไม่แรงมาก เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย ต้องการความแห้งซึมไว ๆ และยังสามารถใช้กับบริเวณผิวหนังที่หนาบริเวณอื่นได้ด้วย เช่น ข้อศอก เข่า เพื่อให้ผิวนุ่มเนียน ชุ่มชื้นยาวนาน น่าสัมผัสมากยิ่งขึ้นไปอีกค่าา
และส่วนผสมหลัก ๆ ก็จะเป็น สารสกัดพอทูลากา(Portulaca) ช่วยในการสมานผิวที่แห้งแตก ลดการอักเสบ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และยังมี Urea กับ Sodium PCA ซุปเปอร์มอยส์เจอไรเซอร์ มาเติมเต็มความชุ่มชื้นได้แต่ครั้งแรกที่ทา ส่วน Squalene ก็กักเก็บน้ำในผิวได้อย่างยาวนาน ตามด้วย Allantoin กับ Salicylic acid และ Lactic acid มาช่วยซ่อมแซมผิว เร่งการผลัดเซลล์ผิวและการสร้างเซลล์ผิวใหม่ สุดท้ายด้วย วิตามิน A, C, E, F ในอนุภาคนาโนซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ให้ผิวกระจ่างใส ก็อัดแน่นไปด้วยสารสกัดขนาดนี้ก็ต้องตำมาซักหลอดแล้วมั้ยละซิส
จุดเด่น | แห้งไว ซึมเข้าสู่ผิวง่าย |
สารบำรุง | Urea, Sodium PCA, Squalene, Allantoin, Salicylic acid, Lactic acid |
หลังใช้ | รอยแตกค่อย ๆผสานกันได้ดีขึ้น ผิวชุ่มชื้นขึ้น |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีมข้น |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว |
9. Polka Cracked Heel Cream
ราคาโดยประมาณ 230 บาท
มาถึงตัวที่ใช้บ่อยสุด ๆ แบบเรียกได้ว่าขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ “พอลก้า แคร็ก ฮีล ครีม” ครีมทาเท้าที่จะช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและปรับสภาพสีผิวใหม่ให้ขาวขึ้น อีกทั้งยังเป็นครีมที่ช่วยคงความชุ่มชื้น ปกป้องผิวจากความหยาบกร้าน ด้วยประสิทธิภาพพิเศษของเจ้า Phehydran ซึ่งเป็น Natural Moisturizer ที่ประกอบไปด้วยแร่ธาตุและสารสกัดจากสาหร่ายทะเลหลากหลายชนิด จึงช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำบนผิวและดูดซับน้ำไว้ใต้ผิวได้เป็นเวลนาน นั่นจึงทำให้ผิวเท้าของสาว ๆ คงความยืดหยุ่นและกลับมาอ่อนนุ่ม เรียบเนียนได้อีกครั้งค่ะ
แต่ต้องบอกก่อนเลยนะว่า เนื้อสัมผัสของครีมตัวนี้เค้าค่อนข้างเข้มข้นแหละหนืดอยู่พอตัว จึงเหมาะสำหรับทาก่อนนอนอย่างเดียว ไม่เหมาะที่จะทาตอนเช้า ส่วนกลิ่นเค้าก็หอมอ่อน ๆ จาก Shea Butter และยังช่วยรักษาน้ำในผิวให้คงอยู่นาน ช่วยไม่ทำให้ผิวแห้ง แตก แถมยังมี AHA ที่มาช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก พร้อมกับโชว์ผิวเท้าใหม่ให้เปล่งปลั่งสดใสด้วยนะ และขอแนะนำว่าตอนทาให้ทาวน ๆ ไปที่ส้นเท้าหรือข้อศอก จะทำให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ไวยิ่งขึ้น บอกเลยว่าใช้ไปสักพักจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน ส้นเท้าจะไม่ด้านดำเหมือนแต่ก่อนแล้วจ้า
จุดเด่น | กลิ่นหอมอ่อน ๆ |
สารบำรุง | Pheohydrane, Shea Butter, Vitamin E Acetate, Vitamin B3,AHA |
หลังใช้ | ผิวที่ส้นเท้าจากที่แข็ง ๆก็ค่อย ๆนิ่มขึ้น สีผิวดูสม่ำเสมอ |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีมขาวข้น ค่อนข้างหนืด |
เหมาะกับ | ทาเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น |
10. Dermal Therapy Heel Balm
ราคาโดยประมาณ 290 บาท
ครีมทาส้นเท้านำเข้าอีกหนึ่งตัวที่ได้รับความสนใจกันมากมาย นั้นก็คือ Dermal Therapy Heel Balm จากออสเตรเลีย โดยตัวครีมจะเหมาะกับการใช้ที่ผิวหนังส้นเท้า ที่แห้ง แตก และแข็งหนา โดยเค้าจะมาช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ให้อ่อนนุ่มขึ้น ส่วนตัวครีมจะมีส่วนผสมของยูเรีย 25% จึงเหมาะที่จะใช้รักษาส้นเท้าที่แตกมากจนถึงมากที่สุด สาว ๆ ที่ส้นเท้าแตกขั้นสุด ควรมีติดบ้านไว้สักหลอด บอกเลยถ้าได้ใช้ได้ทุกวันจะทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวนุ่มขึ้นและเนียนภายใย 3 วันเลยนะ
อีกทั้งด้วยประสิทธิภาพเฉพาะของ Saccharide Isomerate ที่จะช่วยให้ผิวหนังมีความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้น และ Portulaca Extract ที่อุดมไปด้วยกรดไขมันธรรมชาติที่จำเป็น จึงมาช่วยเพิ่มความแข็งแรงของไขมันที่ผิวหนังชั้นนอก ทำให้สามารถที่คงความชุ่มชื้นได้ดี ส่วนเนื้อครีมก็ค่อนข้างเหลวแต่ก็เข้มข้น ทาง่ายมาก ๆ ซึมก็เร็ว แต่กลิ่นไม่หอมเท่าไหร่ ยิ่งทาติดกัน 2-3 วันนะ เธอเอ๊ยย ส้นเท้ามันนิ่มขึ้นจริง ๆ รอยแตกที่ส้นเท้าก็เริ่มตื้นขึ้น ทาติดกันประมาณอาทิตย์หนึ่งก็ได้ผลที่พอใจเลยล่ะ แต่ด้วยการที่เป็นของนำเข้า จึงมีราคาที่ค่อนข้างแพงอ่ะจ๊ะ เซ็งเนาะ
จุดเด่น | เนื้อครีมเกลี่ยง่าย กลิ่นไม่แรง เห็นผลไวใน 3 วัน |
สารบำรุง | Aqua, Urea, Lanolin, Cetearyl Alcohol, Paraffinum Liquidum, Paraffin, Butyrospermum Parkii (Shea Butter) |
หลังใช้ | ส้นเท้าที่แตกดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด, ผิวส้นเท้าบางและนิ่มขึ้น |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีม |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะส้นเท้าแตกหนักมาก |
เป็นยังไงกันบ้างคะ หลังจากที่ได้เห็นรีวิว “ครีมทาเท้า” ยี่ห้อไหนดี กันไปแล้วถึง 10 ยี่ห้อ 10 หลอดด้วยกัน ไม่ทราบว่าสาว ๆ สนใจ อยากจะซื้อยี่ห้อไหน หลอดไหน ไปใช้ทาส้นเท้าแตก ไปใช้ทาบำรุงผิวเท้า ให้มีสุขภาพดี ลดรอยแตก ลดความแห้งกร้านกันบ้างคะ ?? ก็จากที่เห็น ๆ มาเนี่ย ก็มีทั้งยี่ห้อของนอกอย่าง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ที่มีราคาค่อนข้างแพงกว่า รวมถึงมียี่ห้อของไทยที่บางยี่ห้อก็ถูกมากกกกก หลอดล่ะไม่ถึงร้อย ซื้อใช้ง่ายสบายกระเป๋ากันด้วย ยังไงตอนเลือกซื้อก็อย่าลืมดูงบประมาณและความต้องการของตนเองกันด้วยเนาะ สุดท้ายก็ขอให้ได้ครีมทาเท้าที่ถูกใจ ใช้แล้วตอบโจทย์ อาการเท้าแตก ส้นเท้าแตก ส้นเท้าแห้งกร้าน ลดลง มีความสุขกับผิวเท้ากันด้วยค่าา
จบการศึกษาด้านอักษรศาสตร์ รู้สึกสนุกกับการเขียนรีวิวสินค้าหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะหนังสือ ของใช้ในบ้าน เน้นการเขียนรีวิวที่อ่านเข้าใจง่าย เข้าถึงทุกคน