หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ

รูปภาพปกบทความ หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ

ก็ถ้าคลิกเข้ามาอ่านที่บทความนี้ “หวีไฟฟ้า” ยี่ห้อไหนดี แสดงว่า เบื่อกับการใช้หวีธรรมดา ๆ ต้องการใช้หวีที่มีความร้อน เพื่อช่วยในการหวีเส้นผมให้ตรงสลวยด้วยความรวดเร็วกันอยู่ไหมล่ะครับ ก็บอกเลยว่า คลิกเข้ามาได้ถูกที่ถูกบทความแล้ว เพราะที่นี่ ทางผมได้ไปรวบรวมยี่ห้อที่น่าสนใจ ยี่ห้อที่เด็ด ๆ ปัง ๆ มีรีวิวดีงาม มาให้ดูกันถึง 10 ยี่ห้อเลยทีเดียว และถ้าได้อ่านเนื้อหารีวิวกันจนจบล่ะก็ ไม่ยี่ห้อใดก็ยี่ห้อหนึ่ง จะทำให้อยากเสียเงินซื้อกันอย่างแน่นอน! ตอนนี้คงจะสงสัยกันแล้วสินะว่า มียี่ห้ออะไรมาให้ดูกันบ้าง ถ้างั้นก็เลื่อนลงไปด้านล่างได้เลยครับ



จะเลือกซื้อ หวีไฟฟ้า ยังไงดีนะ ?

จะเลือกซื้อ หวีไฟฟ้า ยังไงดีนะ ?

ก็ถ้าใครรู้หลักในการเลือกซื้อกันอยู่แล้ว หรืออยากจะเห็นสินค้ากันไว ๆ ก็ข้ามผ่านหัวข้อนี้ไปได้เลยนะครับ แต่ถ้าอยากจะรู้ทริคไว้สักเล็กน้อยล่ะก็ ลองอ่านเนื้อหาดูที่ด้านล่างกันเลยครับ

1. เลือกแบบมีสายหรือไร้สาย : ก็ปัจจุบันนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้าเขาก็มีขายแบบไร้สายกันมากขึ้น ซึ่งแบบไร้สายก็จะช่วยให้การใช้งานสะดวก ไม่มีสายมาเกะกะ รวมถึงยังขนย้ายไปมาได้ง่าย (เหมาะมาก ๆ กับการพกไปเที่ยว) แต่แบบไร้สายส่วนใหญ่ก็จะทำความร้อนได้ไม่ค่อยดี ไม่ร้อนสะใจเท่าแบบพวกมีสาย อีกทั้งการใช้งานก็ไม่ค่อยนาน และต้องหมั่นชาร์จแบตเตอรี่สม่ำเสมอด้วย ก็ถ้าไม่มั่นใจในเรื่องการใช้งาน ผมขอแนะนำแบบมีสายไว้ก่อน ใช้งานได้สบาย ๆ ไม่ต้องคิดมากครับ

พอหวีไฟฟ้าไม่มีสาย ก็อยากจะไปใช้งานที่ไหนก็ได้ !
พอไม่มีสาย ก็อยากจะไปใช้งานที่ไหนก็ได้ !

2. เลือกเครื่องที่ทำความร้อนได้หลายระดับ : โดยเครื่องบางยี่ห้อจะทำความร้อนได้เพียงแค่ 2 ระดับ แต่บางยี่ห้อก็ทำได้ถึง 5 ระดับเลยทีเดียว ก็ถ้าต้องความร้อนสำหรับเวลาใช้หวีผม หรือแต่งทรงผมที่หลากหลาย ก็ต้องเลือกซื้อยี่ห้อที่สามารถปรับระดับความร้อนได้ แต่ต้องระวังนิด การใช้ความร้อนสูงบ่อย ๆ ก็จะทำให้เส้นผมเสียหาย เสียสุขภาพได้ครับ

3. เลือกเครื่องที่เป็นแบบมัลติฟังก์ชัน : คือนอกจากจะเป็นหวีไฟฟ้าแล้ว บางยี่ห้อยังสามารถเป็นลอนม้วนผม เป็นไดร์ หรือเป็นที่หนีบผมได้ด้วย ซึ่งการเลือกซื้อเครื่องแบบนี้ ก็จะให้อารมณ์ที่แบบ เครื่องเดียวครบ จบ ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อเครื่อง ๆ มาแต่งทรงผมให้ยุ่งยากอีกต่อไปครับ


ตารางเปรียบเทียบรีวิว หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

ตารางเปรียบเทียบรีวิว หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

ก็เผื่อใครที่อยากจะเห็นสินค้าแบบพร้อม ๆ กัน สามารถเลื่อนข้อมูลไปมาซ้ายขวา เพื่อทำการเปรียบเทียบสเปคสินค้ากันได้แบบง่าย ๆ ก็ขอแนะนำให้ลองกดที่ปุ่มด้านล่าง เพื่อเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบกันได้เลยนะครับ ก็อาจจะช่วยให้เห็นภาพรวม และทำการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นครับ



1. ยี่ห้อ Future Lab รุ่น Nion2

แบรนด์ที่ออกแบบสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ จากไต้หวัน ที่บ้านเราอาจไม่ค่อยคุ้นหู เพราะไม่ได้เด่นด้านสายอุปกรณ์เสริมความงาม หรือจัดแต่งทรงผมโดยตรง แต่สำหรับหวีไฟฟ้ารุ่นนี้ ก็ทำออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากมีขนาดที่เล็ก กะทัดรัด ทำให้พกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย อีกทั้งยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวก เพียงหยิบออกจากกระเป๋าและกดปุ่ม ก็ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องคอยเสียบปลั๊กให้วุ่นวาย เป็นระบบไร้สาย มีแบตเตอรี่ในตัว ซึ่งหัวชาร์จก็ใช้ขนาด 5V2A และสายชาร์จแบบ USB-C ก็สามารถใช้ชาร์จรวมกับโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันได้ หรือจะเสียบชาร์จกับ Power Bank ก็ได้ครับ

โดย Future Lab รุ่น Nion2 เป็นหวีไฟฟ้ารุ่นที่ 2 แล้ว ซึ่งรุ่นแรกก็เป็นแบบไร้สายเช่นเดียวกัน แต่เพิ่มเติมคือ รุ่นนี้จะมีแกนหนีบผมในตัว เพิ่มการปล่อยประจุไอออนลบให้มากขึ้นจากรุ่นก่อนถึง 10 เท่า และด้วยความที่เป็นหวีที่มีระยะห่างของซี่ฟันค่อนข้างกว้าง ทำให้จัดทรงได้ไว ผมดูมีน้ำหนักไม่ลีบแบน เส้นผมไม่พันกัน เน้นการหวีผมให้ตรงเป็นหลัก (แต่ม้วนลอนเบา ๆ ได้) อีกทั้งยังสามารถปรับความร้อนได้ถึง 6 ระดับ ตั้งแต่ 100 – 200 องศาเซลเซียส และยังทำความร้อนได้ไวใน 20 วินาที ซึ่งถ้าเราปรับความร้อนในระดับ 100 องศา จะใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 1 ชั่วโมง / การชาร์ท 1 รอบ ถ้าเพิ่มความร้อนมากขึ้นก็กินไฟมากขึ้น เวลาการใช้งานก็จะน้อยลงตามลำดับครับ

ประเภทไร้สาย
ขนาด75 x 30 x 185 มม.
น้ำหนัก160 กรัม
กำลังไฟ10W
ปรับความร้อนได้ความร้อน 5 ระดับ (ลมเย็น 1 ระดับ)
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน / หนีบ

2. ยี่ห้อ Lesasha รุ่น Beauty Brush LS1078

การเลือกหวีไฟฟ้าให้ตรงกับความต้องการอาจเป็นเรื่องยาก เพราะในปัจจุบันมีตัวเลือกและฟังก์ชันของหวีที่เพิ่มเข้ามามากมาย แต่ในหวีไฟฟ้าแทบทุกรุ่นทุกแบบ ก็มาจากพื้นฐานเดียวกันคือ การสร้างความร้อนจากแกนกลางให้แผ่ออกมาถึงซี่แปรง เพื่อบังคับให้เส้นผมอยู่ทรงตามต้องการ ข้อนี้แบรนด์ดังอย่าง Lesasha ย่อมเข้าใจความต้องการของผู้ใช้ จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาให้รองรับความต้องการในทุกระดับราคา และรุ่นนี้ Beauty Brush LS1078 ถือเป็นรุ่นราคาสบายกระเป๋า มีการตัดฟังก์ชันเพิ่มเติมออกไป และเน้นใช้งานแค่พื้นฐานเป็นหลักเท่านั้น ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจนะครับ ที่หวีไฟฟ้ารุ่นนี้จะไม่มีลูกเล่นอะไรเลย

โดยตัวเครื่อง ก็ออกแบบรูปทรงของหัวแปรงในแบบฮาฟบลัชคือ จะไม่ใช่แปรงกลม แต่จะมีซี่แปรงบานออกครึ่งเดียว เพิ่มมีเส้นนูนที่แกนหวี เพื่อเน้นสร้างลอนเบา หรือเพิ่มวอลลุ่มให้กับการจัดทรงให้ง่ายขึ้น อีกทั้งซี่แปรงยังสามารถจับได้โดยไม่ร้อนมืออีกด้วย และในส่วนของแผ่นความร้อนก็เลือกใช้เป็นวัสดุเซรามิกสีดำ ช่วยลดอาการเส้นผมพันกัน ให้ผมเรียบลื่นทุกครั้งที่ใช้ และยังสามารถปรับความร้อนได้ 2 ระดับ แต่ข้อสังเกตหนึ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ LS1078 จะไม่มีระบบการปล่อยประจุไอออนลบมาให้เหมือนหวีไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ แต่ก็แลกมากับค่าตัวที่ประหยัดขนาดนี้ ก็น่าเก็บไว้เป็นตัวเลือกในยุคเศรษฐกิจพอเพียงครับ

ประเภทมีสาย
ขนาด60 x 80 x 295 มม.
น้ำหนัก350 กรัม
กำลังไฟ40 วัตต์
ปรับความร้อนได้ความร้อน 2 ระดับ
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน

3. ยี่ห้อ Xiaomi inFace รุ่น Ion Hairbrush ZH-10D

inFace แบรนด์ที่โฟกัสในด้านผลิตภัณฑ์สินค้าเกี่ยวกับความงามโดยเฉพาะในเครือของ Xiaomi ฉะนั้นจะไม่มีคำว่า Mi อยู่ในตัวสินค้า แต่แค่พูดชื่อว่า เครือ Xiaomi ก็ทำให้ใครหลาย ๆ คนไว้วางใจกันเป็นอย่างดี และยิ่ง Xiaomi inFace รุ่น Ion Hairbrush ZH-10D ก็เป็นหวีไฟฟ้าที่มีการใช้งานที่ง่ายมากกก มาพร้อมกับรูปทรงที่จับกระชับมือ จึงช่วยให้หวีเส้นผมได้ง่าย ขนาดก็เล็กกะทัดรัดอีก เลยทำให้ขนย้ายไปไหนมาไหนได้ง่ายอีกด้วย

แต่ตัวหวี จะไม่สามารถเปลี่ยนหัวแปรงได้เหมือนพวกเครื่องใหญ่ ๆ แต่สิ่งที่ได้มากลับตรงใจผู้ใช้คือ ซี่หวีที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเส้นผมพันกันได้เป็นอย่างดี ตัวแผ่นความร้อนก็เป็นวัสดุเซรามิกเคลือบทัวร์มาลีนที่ออกแบบให้สามารถนำความร้อนขึ้นมาได้ถึงกลางซี่หวี ก็ช่วยให้การหวีแต่ละที ความร้อนเข้าไปยังเส้นผมได้ทั่วถึง อีกทั้งยังมีระบบควบคุมความร้อนให้คงที่ และสามารถปรับความร้อนตามการใช้งานได้ถึง 5 ระดับ และที่สำคัญ มีระบบปล่อยประจุไอออนลบขณะใช้งาน ก็ช่วยลดการชี้ฟู และปกป้องเส้นผมจากความร้อนอีกด้วย รวม ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของที่น่าสนใจครับ

ประเภทมีสาย
ขนาด30 x 46 x 302 มม.
น้ำหนัก276 กรัม
กำลังไฟ25 วัตต์
ปรับความร้อนได้ความร้อน 5 ระดับ
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน (ใช้ได้ทั้งผมแห้ง และเปียก)


4. ยี่ห้อ Cool A Styler รุ่น Electric Comb HB-797

สำหรับผู้ใช้ที่มีปัญหาผมยุ่ง ชี้ฟู ทั้งหลังสระหรือตื่นนอน และต้องการจัดทรงผมให้ตรงกับอยู่ทรงในวันที่เร่งรีบอย่างแท้จริง ปัญหานี้ Cool A Styler รุ่น Electric Comb HB-797 ช่วยได้ เพียงเสียบปลั๊ก จากนั้นเลือกฟังก์ชันที่ต้องการแล้วหวีแค่นั้น ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ตัวซี่ของหวีออกแบบให้รูปตัวยูทำมุม 8 องศา (ไม่ใช่แบบซี่แปรงทั่วไป) ทำให้ปัญหาเส้นผมพันกัน หรือผมขาดจากการหวีจะเกินขึ้นน้อยมาก สามารถหวีได้ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจรดปลายผมโดยแทบไม่ต้องออกแรงเลย อีกทั้งตัวเครื่องก็มีซีลยางสำหรับกันน้ำ ทำให้สามารถหวีในขณะที่ผมแห้งหรือผมเปียกก็ย่อมได้ แต่อย่าถึงกับเปียกแบบน้ำหยดแหมะ อย่างน้อยขอเช็ดผมให้พอหมาด ๆ ก็หวีได้เลย รวดเร็วทันใจดีครับ

และอีกหนึ่งจุดขายของหวีไฟฟ้ารุ่นนี้ก็คือ การปล่อยประจุไอออนลบขณะใช้งานที่ปล่อยออกมามากเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับยี่ห้อทั่ว ๆ ไป จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดไฟฟ้าสถิตได้ดีมาก ๆ ตัวแกนความร้อนก็เป็นวัสดุเซรามิกผสม Essential Oil ที่จะช่วยปิดผิวชั้นนอกของเส้นผม ซ่อมแซมเกล็ดผม ให้ผมเรียบสวยไม่ชี้ฟูอีกด้วย อีกทั้งตัวเครื่องยังสามารถทำความร้อนได้เร็วใน 15 วินาที และใช้เวลา 10 วินาที ในการเพิ่มระดับความร้อนที่สามารถปรับได้ถึง 4 ระดับ จาก 125 – 185 องศาเซลเซียส พร้อมทั้งมีระบบล็อกอุณหภูมิ กับปิดเครื่องเองอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งาน และอย่างที่บอกว่า เป็นเครื่องที่เน้นการหวีให้ผมเรียบตรง แต่ถ้าใครต้องการเซตลอนก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่อาจไม่เด่นชัดมากเท่ากับแบบแกนม้วนครับ

ประเภทมีสาย
ขนาด170 x 80 x 350 มม.
น้ำหนักN/A
กำลังไฟN/A
ปรับความร้อนได้ความร้อน 4 ระดับ
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน (ใช้ได้ทั้งผมแห้ง และเปียก)

5. ยี่ห้อ Dyson Airwrap รุ่น Hair Styler Complete

Dyson แบรนด์นี้ ถึงแม้ว่าราคาค่าตัวจะแอบแรงอยู่ แต่เชื่อเถอะว่า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกตัวจากแบรนด์ Dyson มันคือสุดยอดอุปกรณ์ที่เหล่าแม่บ้านทุกคนต่างถวิลหา ยิ่งหวีไฟฟ้า Dyson Airwrap รุ่น Hair Styler Complete ที่ออกแบบมาได้ค่อนข้างแหวกแนว มีกล่องเก็บอุปกรณ์ที่สวยงาม และช่วยจัดเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ดูเรียบร้อยอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมด้วยออปชันให้เลือกเปลี่ยนเลือกใช้เยอะ ก็ช่วยออกแบบทรงผมในทุกสไตล์ได้ตามต้องการกันเลยครับ

โดยหวีไฟฟ้าอเนกประสงค์รุ่นนี้ จะมีแกนกลางที่ใช้เทคโนโลยี Coanda air ที่ช่วยให้เส้นผมม้วนหรือดูดเข้ากับแกนด้วยแรงลมโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องคอยม้วนเอง จึงช่วยให้ใช้งานง่ายมาก และยังมีชิปประมวลผลช่วยคอยควบคุมความร้อน รวมถึงช่วยปล่อยไอออนประจุลบขณะใช้งาน ก็ช่วยลดไฟฟ้าสถิตระหว่างจัดแต่งทรงผมอีกด้วย ส่วนความร้อน ก็สามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ ให้เลือกใช้กันตามความต้องการได้ และที่เจ๋งมาก ๆ ก็คือ มีหัวให้เปลี่ยนถึง 6 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น แกนม้วนเล็ก แกนม้วนใหญ่ แปรงขนแข็ง แปรงขนอ่อน แปรงกลม และหัวเป่าแบบไร้ใบพัด ก็อยากจะทำทรงผมแบบไหน Dyson ก็จัดให้ได้ รวม ๆ ถือเป็นหวีไฟฟ้าที่ตัวเดียวครบ จบ คุ้มค่ากับการลงทุนครับ

ประเภทมีสาย
ขนาด41.0 x 48.0 x 272.0 มม.
น้ำหนัก660 กรัม
กำลังไฟ1,300 วัตต์
ปรับความร้อนได้ความร้อน 3 ระดับ (แรงลม 3 ระดับ)
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน / เป่าแห้ง (เปลี่ยนหัวได้ 8 รูปแบบ)

6. ยี่ห้อ Wellskins รุ่น Straight Hair Comb WX-ZF105

Wellskins รุ่น Straight Hair Comb WX-ZF105 เป็นหวีไฟฟ้ามัลติฟังก์ชันที่มีลวดลายบนตัวผลิตภัณฑ์สะดุดตาน่าใช้เอามาก ๆ และยังเป็นหวีที่มีฟังก์ชันการใช้งานแบบ 2 in 1 คือ การเป็นหวีแปรงและเครื่องม้วนผมในเครื่องเดียวกัน และตัวเครื่องเอง ก็ออกแบบรูปทรงให้เป็นเหมือนหวีแบบแปรงทั้งอัน (เปลี่ยนหัวแปรงไม่ได้) จึงมีการใช้งานที่ง่ายและสะดวกสบายในขั้นตอนเดียว อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้จะเน้นเรื่องการจัดทรงผมตรงให้ดูเป็นธรรมชาติ ดูสวย ดูดีมากกว่าการรีดผมให้เรียบตรง ส่วนฟังก์ชันการม้วนผม ก็ให้ผมลอนใหญ่ตามความกว้างของหัวแปรง ช่วยให้ลอนสวย ดูมีน้ำหนักครับ

นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีขนาดกะทัดรัด จึงสะดวก และง่ายต่อการพกพามากก อีกทั้งยังสามารถปรับความแรงของไฟได้ 2 ระดับคือ 185 และ 210 องศาเซลเซียส พร้อมระบบควบคุมความร้อนให้สม่ำเสมอ และยังปล่อยประจุไอออนลบความเข้มข้นสูงระหว่างใช้งาน ก็ช่วยให้ผมแห้งเร็วโดยไม่ทำลายเส้นผม ลดการชี้ฟูได้ดี และยังจัดทรงได้ง่ายอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ตัวเครื่องสามารถเร่งความร้อนให้ถึงระดับที่ตั้งไว้ได้ในเวลาเพียง 8 วินาทีเท่านั้น ไม่ต้องเสียเวลารอนานในการจัดแต่งทรงผมให้สวยก่อนออกจากบ้านอีกต่อไป ช่วงเวลาเร่งรีบแค่ไหนก็เอาอยู่ครับ

ประเภทมีสาย
ขนาด50 x 70 x 286 มม.
น้ำหนัก340 กรัม
กำลังไฟ650 วัตต์
ปรับความร้อนได้ความร้อน 2 ระดับ
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน


7. ยี่ห้อ Panasonic รุ่น Hair Styler EH-KE16

แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อความสวยความงามอยู่แทบทุกชนิด โดยเฉพาะอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมก็มีออกมาหลายรูปแบบ ซึ่งสินค้าที่โดดเด่นและเป็นที่นิยมของผู้ใช้ตามบ้านตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นเจ้าหวีไฟฟ้า เพราะสามารถตอบสนองความสวยงามด้านการจัดแต่งทรงผมได้ง่าย ๆ ภายใต้ความเร่งรีบในยุคปัจจุบัน และผลิตภัณฑ์จาก Panasonic รุ่น Hair Styler EH-KE16 เครื่องนี้ ก็เป็นหวีไฟฟ้ามัลติฟังก์ชันแบบ 4 in 1 ให้คุณปรับเปลี่ยนทรงผมได้หลากหลายตามรูปแบบของหัวแปรงเลยครับ

โดยหัวแปรงก็มีถึง 4 แบบตามการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น หัวแปรงแบบซี่ตรง, หัวแกนม้วนลอนใหญ่, หัวแกนม้วนลอนเล็ก และหัวเป่า ซึ่งการเปลี่ยนหัวนั้นก็ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่การกดปุ่มปลดล็อกเพียงครั้งเดียวก็สามารถดึงหัวแปรงออกได้ทันที ส่วนระหว่างการใช้งาน ตัวเครื่องก็จะมีการปล่อยประจุไอออนลบออกมา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม และเคลือบเส้นผมให้เงางามดูมีน้ำหนักในขั้นตอนเดียว อีกทั้งยังสามารถปรับแรงลมได้ 2 ระดับตามความต้องการ และในขณะที่เป่าลม เสียงก็ค่อนข้างเบาที่ 59 เดซิเบลเท่านั้น (ไดร์เป่าผมทั่วไปจะอยู่ที่ 100 เดซิเบล) ก็ช่วยให้ใช้งานสบายหูมากขึ้น แต่หวีไฟฟ้ารุ่นนี้ จะไม่สามารถปรับเพิ่มหรือลดความร้อนได้ แต่ถ้าเน้นเรื่องการใช้งานแบบง่าย ๆ รุ่นนี้โอเคครับ

ประเภทมีสาย
ขนาด50 x 50 x 280 มม.
น้ำหนัก218 กรัม
กำลังไฟ650 วัตต์
ปรับความร้อนได้– (แรงลม 2 ระดับ)
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน / เป่าแห้ง (เปลี่ยนหัวได้ 4 รูปแบบ)

8. ยี่ห้อ Remington รุ่น Keratin Protect Rotating Air Styler AS-8810

แบรนด์อุปกรณ์เสริมความงามและจัดแต่งทรงผมที่มีประวัติมายาวนาน ทั้งร้านเสริมสวยและผู้ใช้ตามบ้านต่างมั่นใจเลือกใช้ ยิ่งถ้าพูดถึงหวีไฟฟ้าล่ะก็ ทางแบรนด์เขาก็มีขายกันอย่างแน่นอนอย่าง Remington รุ่น Keratin Protect Rotating Air Styler AS-8810 ที่ถ้าดูจากลักษณะการใช้งานแล้ว น่าจะเรียกว่าเครื่องม้วนผมอัตโนมัติมากกว่า เพราะจากฟังก์ชันที่เป็นจุดเด่นสุด ๆ จะเน้นไปที่การม้วนผม, การเซตลอนผมให้ดูมีน้ำหนัก และการงุ้มปลายผม มากกว่าจะเน้นการหวีผมเพื่อให้ผมเรียบตรงตั้งแต่โคนถึงปลาย แต่จากหัวแปรงตัวใหญ่ที่ให้มาก็สามารถหวีได้นะ แต่อาจจะทำให้หวีได้ไม่ถนัดนักครับ

และถ้าพูดถึงคุณสมบัติของตัวเครื่อง ก็จะสามารถปรับระดับความร้อนและแรงลมได้ 2 ระดับ พร้อมระบบ Cool Shot ที่สามารถเปลี่ยนโหมดเป็นกระแสลมเย็น เพื่อล็อกเส้นผมให้อยู่ทรงหลังจากที่โดนความร้อนในทันทีได้อีกด้วย ตัวแกนความร้อนก็ทำจากวัสดุเซรามิกที่เคลือบด้วยเคราตินและน้ำมันอัลมอนด์ จึงช่วยบำรุงเส้นผมหลังจัดทรงได้ดี และหัวแปรงก็มีให้เปลี่ยนถึง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็น หวีแปรงกลมขนาดใหญ่สำหรับเซตลอนใหญ่, หวีแปรงกลมขนาดเล็กสำหรับเซตลอนเล็ก และหวีซี่สำหรับยกโคนไม่ให้ผมดูลีบแบน แต่มีจุดที่ต้องสังเกตกันนิดคือ ตัวเครื่องมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ และไม่มีระบบปล่อยประจุไอออนลบ ก็ถ้าทั้งสองอย่างนี้ไม่ใช่ปัญหา และชอบเซตผมแบบม้วนลอนอยู่แล้ว Remington รุ่นนี้ แอบตอบโจทย์ครับ

ประเภทมีสาย
ขนาด100 x 340 x 150 มม.
น้ำหนัก1,000 กรัม
กำลังไฟ1,000 วัตต์
ปรับความร้อนได้ความร้อน 2 ระดับ (แรงลม 2 ระดับ)
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน / เป่าแห้ง (เปลี่ยนหัวได้ 3 รูปแบบ)

9. ยี่ห้อ Lesasha รุ่น Vololumizing Hot Air Styler LS1366

แบรนด์นี้มั่นใจได้เลยว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสินค้าเพื่อความงามจริง ๆ เพราะเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดด้านนี้มาเกือบ 30 ปี และหวีไฟฟ้ารุ่นนี้ก็เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้เป็นอันดับด้น ๆ ในหมวดของหวีไดร์ เพราะเป็นได้ทั้งไดร์ที่ปล่อยลมเย็น และเป็นหัวที่ออกแบบให้เป็นหวีแปรงในตัว (ถอดเปลี่ยนหัวไม่ได้) สามารถใช้ช้อนและม้วนเส้นผมได้ง่าย ใช้ได้ทั้งผมยาวและผมสั้น ที่ต้องการม้วนลอน งุ้มปลาย ยกโคน หรือเซตให้ผมดูหนามีวอลลุ่ม ก็สามารถทำได้

และด้วยหัวแปรงที่มีขนาดใหญ่ จึงสามารถเก็บเส้นผมได้เยอะ ก็ช่วยลดเวลาจัดแต่งทรงผมได้เป็นอย่างดี มาพร้อมด้วยตัวขนแปรงที่ทำจากวัสดุไนลอน ก็ช่วยลดอาการเส้นผมพันกัน ส่วนตัวแกนความร้อนก็เป็นวัสดุเซรามิกเคลือบทัวร์มาลีน ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนโดยตรง และยังให้ความลื่นเวลาหวี เพิ่มความเงางามเป็นประกาย อีกทั้งยังมีการปล่อยประจุไอออนลบขณะใช้งาน ช่วยลดปัญหาไฟฟ้าสถิต เพิ่มความเงางามหลังจัดเซตทรงได้อีกด้วย นอกจากนี้ ก็ยังสามารถปรับความร้อนได้ 2 ระดับ และมีโหมดพัดลมเพื่อเป่าแห้งขณะเซตทรงได้อีก 1 ระดับ รวม ๆ ครบเครื่องแบบนี้ น่าจะถูกใจกันเลยครับ

ประเภทมีสาย
ขนาด80.0 x 80.0 x 150 มม.
น้ำหนัก300 กรัม
กำลังไฟ1,200 วัตต์
ปรับความร้อนได้ความร้อน 2 ระดับ (ลมเย็น 1 ระดับ)
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน / เป่าแห้ง

10. ยี่ห้อ K-Skin รุ่น 2 in 1 Anion Hair Straightener KD380

สำหรับใครที่ต้องการความสะดวกในการใช้งาน รูปทรงสวยงาม ลวดลายที่น่ารัก บอกเลยหวีไฟฟ้า K-Skin รุ่น 2 in 1 Anion Hair Straightener KD380 เครื่องนี้ น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุณต้องการ เพราะสามารถจบการหวีได้ในขั้นตอนเดียว และมีคุณสมบัติที่ครบถ้วนของการเป็นหวีไฟฟ้า ไม่ว่าจะ รูปทรงที่เป็นก้านจับถนัดมือ ไม่ใหญ่หรืออ้วนเกินไป ลักษณะของแปรงหวีก็เป็นซี่ร่องรูปตัวยู ลดอาการเส้นผมพันกันได้เป็นอย่างดี และยังมีการปล่อยประจุไอออนลบที่ช่วยลดการชี้ฟูจากไฟฟ้าสถิต เพิ่มความเงางาม และปกป้องเส้นผมขณะใช้งานอีกด้วย

ตัวแผ่นความร้อนก็ใช้เป็นวัสดุเซรามิกช่วยให้หวีลื่น รวมถึงลดความเสียหายของเส้นผม อีกทั้งตัวเครื่องก็สามารถเร่งความร้อนจากการเปิดใช้งานครั้งแรกได้เร็วใน 30 วินาที รวมถึงมีระบบควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ สามารถปรับความร้อนได้มากถึง 5 ระดับ ตั้งแต่ 140 – 200 องศาเซลเซียส ก็อยากได้ความร้อนระดับไหน เครื่องนี้ก็จัดให้ได้ ส่วนราคาก็ไม่แพงมากด้วย แต่อย่างไรก็ตาม K-Skin จะเน้นเรื่องหวีผมให้ตรงแบบมีวอลลุ่มเป็นหลัก ซึ่งถ้าต้องการงุ้มปลาย หรือเพิ่มลอนเบา ๆ ก็ทำได้โดยการม้วนเส้นผมเข้าหาแกน แต่อาจจะไม่ดีเท่ากับหวีไฟฟ้าแบบหัวแปรงกลมครับ

ประเภทมีสาย
ขนาด120 x 30 x 270 มม.
น้ำหนัก425 กรัม
กำลังไฟ45 วัตต์
ปรับความร้อนได้ความร้อน 5 ระดับ
ฟังก์ชันหวีตรง / ม้วนลอน

เป็นยังไงกันบ้างครับ หลังจากที่ได้เห็นรีวิว “หวีไฟฟ้า” ยี่ห้อไหนดี กันไปแล้วถึง 10 เครื่อง 10 ยี่ห้อด้วยกัน ไม่ทราบว่า สนใจ อยากจะซื้อยี่ห้อไหน เครื่องไหน ไปใช้งานที่บ้าน ไปใช้หวีเส้นผมให้ตรงเรียบกันบ้างครับ ?? ก็จากที่เห็น ๆ มาเนี่ย บางตัวก็นอกจากจะเป็นหวีเรียบผมตรงกันแล้ว ยังสามารถใช้ทำม้วนลอน หรือจะใช้เป็นเครื่องหนีบ รวมถึงเป็นเครื่องเป่าผมได้ด้วย ก็อารมณ์แบบ อือหือ ซื้อเครื่องเดียวใช้งานได้หลายอย่างกันเลยทีเดียว แต่ราคาก็จะค่อนข้างแพงกว่าพวกที่ทำได้แค่หวีเน้อ ยังไงก็ขอให้ได้ยี่ห้อที่ถูกใจ หวีแล้วตอบโจทย์ ได้เส้นผมที่เรียบสวย ดูเป็นธรรมชาติกันด้วยครับ



0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x