เครื่องชงกาแฟสด เป็นอีกไอเท็มหนึ่งที่คอกาแฟตัวจริงต้องมีไว้ติดบ้าน เพื่อรังสรรค์กาแฟสดกลิ่นหอมแสนอร่อยสำหรับทุกวัน หรือใครที่เป็นเจ้าของร้านกาแฟที่มียอดขายดีหน่อย ก็อาจจะต้องหาเครื่องรุ่นใหญ่ที่มี 2 หัวชงมาใช้งานกันเลยทีเดียว ลูกค้าเยอะหัวเดียวน่าจะทำไม่ทันลูกค้าแน่ ๆ แล้วจะเลือกเครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี แบบไหนดี เราได้รวบรวมความน่าสนใจของแต่ละยี่ห้อ แต่ละแบบมาให้คุณได้เลือก เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ตามมาอ่านกันเลยครับ
สารบัญ
วิธีการเลือกเครื่องชงกาแฟสด
นอกจากฟีเจอร์และความสามารถแล้ว การเลือกสไตล์การสกัดกาแฟก็เป็นเรื่องสำคัญมาก มาทำความรู้จักกับจุดเด่นของสไตล์การสกัดกาแฟกันดีกว่า
เครื่องชงกาแฟดริป เป็นอีกหนึ่งรูปแบบยอดฮิต เพียงแค่ตักผงกาแฟบด ใส่กระดาษกรองที่วางเตรียมไว้ แล้วค่อยเทน้ำร้อนให้ไหลผ่าน ก็จะได้กาแฟดริปที่ถูกใจ รสชาติเข้มข้น แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักนิดสำหรับแบบนี้ ด้วยราคาตัวเครื่องที่ไม่สูงมากก็ทำให้เหมาะสำหรับเอาไว้ใช้ชงเองที่บ้านครับ แต่ถ้าเอาไปเปิดร้านดูเหมือนจะไม่ค่อยนิยม เห็นแต่ร้านกาแฟดริปที่ใช้อุปกรณ์ที่ดูเรโทร น่าจะมีมนต์ขลังมากกว่าครับ
เครื่องชงกาแฟไซฟอน (Syphon) เพิ่มมนต์ขลังในการชงกาแฟให้มากขึ้น ด้วยอุปกรณ์ที่แค่เห็นก็รู้สึกถึงกำลังอยู่ในแล็บวิทยาศาสตร์ แถมยังสามารถหยิบไปวางประดับร้านเก๋ ๆ หรือว่าโชว์เท่ ๆ ในบ้านก็ดูดีอีกด้วย โดยตัวเครื่องจะใช้แรงดันจากไอน้ำ ในการสกัดกาแฟออกมาให้เราได้ลิ้มรส ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่า ผู้ใช้อาจจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานพอสมควร จึงไม่ค่อยแนะนำสำหรับคนทั่วไป
เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล เครื่องชงกาแฟที่สะดวกที่สุด รวดเร็ว มีความหลากหลายของกาแฟมากที่สุด แต่ทว่าแคปซูลค่อนข้างมีราคาแพงหน่อย เหมาะสำหรับใช้ในบ้าน และออฟฟิศเป็นอย่างมาก ลองอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ ( Espresso machine ) หรือบางคนอาจจะเรียกว่าเครื่องชงกาแฟสด โดยเราจะต้องเอาผงกาแฟที่ผ่านการบด มาใส่ในกาแฟพ็อดเครื่องเอกเพรสโซ่ (ด้ามจับที่มีช่องสำหรับใส่กาแฟ) ซึ่งมักจะพบเห็นเครื่องแบบนี้ได้ตามร้านกาแฟทั่วไป ถ้าเป็นร้านค้าที่มีลูกค้าจำนวนมากการเลือกซื้อรุ่นที่มี 2 หัว ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดี มีความเป็นมืออาชีพ แค่เห็นเครื่องชงก็มั่นใจได้ว่ากาแฟน่าจะอร่อย แต่ราคาก็จะสูงกว่ามาก และควรเลือกยี่ห้อที่มีศูนย์บริการหลังการขายที่ดีด้วย
มีเครื่องแล้วก็อย่าลืมเรียนรู้เทคนิคในการชงกาแฟด้วย เราต้องรู้จักพันธุ์เมล็ดกาแฟ และระดับการคั่ว เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อรสชาติกาแฟ นอกจากนี้ก็ยังมีความละเอียดในการบด และแรงดันน้ำของเครื่องชงเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย อย่าลืมศึกษาเทคนิคเหล่านี้นะครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องชงกาแฟสด” ยี่ห้อไหนดี
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูเครื่องชงกาแฟสดแบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, ประเภท หรือสไตล์การสกัดกาแฟ, แรงดันน้ำ, ความจุถังน้ำ, กำลังไฟฟ้า และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ
1. Duchess CM3000B
ราคาโดยประมาณ 1,750 บาท
Duchess คือแบรนด์ซึ่งผลิตเครื่องชงกาแฟสัญชาติไทย ที่ได้รับการยอมรับในคุณภาพ อย่างเครื่องชงเอสเพรสโซรุ่น CM3000B นี้ ก็เป็นรุ่นที่มียอดขายดีพอสมควรในออนไลน์ ซึ่งหลายคนเลือกใช้เพราะเป็นเครื่องชงมาตรฐาน มีฟังก์ชันการใช้งานไม่ยุ่งยาก ดีไซน์ตัวเครื่องแบบเรียบง่าย วัสดุแข็งแรงทนทาน เป็นเครื่องชง 1 หัว ขนาดกะทัดรัด เหมาะที่จะใช้ในบ้านและออฟฟิศ หรือหากใครเปิดร้านเล็ก ๆ เสิร์ฟกาแฟจำนวนไม่มากต่อวัน ก็สามารถใช้ได้ครับ
เครื่องใช้แรงดันน้ำ 15 บาร์ ชงกาแฟสดได้ดี หรือจะใช้ชงชาก็ได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งยังสตีมฟองนมได้ด้วย ใช้งานโดยการกดปุ่มเปิด-ปิด เลือกทำกาแฟหรือฟองนม และมีปุ่มบิดซ้ายขวาเพื่อปล่อยน้ำในการชง ก้านชงกาแฟจะมีฟิลเตอร์สำหรับกาแฟ 1 ช็อต และ 2 ช็อต ซึ่งควรศึกษาวิธีการชงว่าจะต้องใช้น้ำปริมาณเท่าใด เพราะไม่ใช่เครื่องชงอัตโนมัติครับ หากดูโดยรวมแล้วก็ถือว่า ตัวนี้มีฟังก์ชันพื้นฐานมาครบ ใช้งานง่ายและสะดวก อีกทั้งราคาย่อมเยาทำให้ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากเลย
ประเภท | เครื่องชงเอสเพรสโซ |
แรงดันน้ำ | 15 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 1.5 ลิตร |
กำลังไฟ | 1,050 วัตต์ |
ขนาด | N/A |
น้ำหนัก | N/A |
สี | เงิน-ดำ |
2. Minimex Bella MBL1
ราคาโดยประมาณ 4,290 บาท
ต้องบอกว่าเป็นรุ่นยอดฮิตของแบรนด์ Minimex สำหรับเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซรุ่น Bella ด้วยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์สไตล์ Modern Retro ที่สวยงาม มีความย้อนยุคสะดุดตาแตกต่างจากเครื่องรุ่นอื่น ๆ เรียกว่าเห็นแวบแรกแล้วต้องสนใจแน่นอน รวมทั้งยังออกแบบให้มีสีสันหลากหลายมากถึง 9 สี จะแต่งบ้านสีไหน ก็เลือกแมทช์ได้ตามที่ชอบเลย ตัวเครื่องขนาดเล็กกำลังดี บวกรวมกับดีไซน์แล้วดูน่ารักปุ๊กปิ๊กใช้ได้เลยครับ
ในส่วนของแรงดันน้ำอยู่ที่ 15 บาร์ ตามมาตรฐานทั่วไป เครื่องชงมี 1 หัว และมีก้านสตีมฟองนมมาพร้อม ที่เก๋คือมีเกจบอกอุณหภูมิน้ำร้อนให้ด้วย โดยมีเข็มบอกว่าระหว่างรอนั้นน้ำร้อนไปถึงไหนแล้ว เมื่อพร้อมสำหรับชงกาแฟก็จะขึ้นไฟโชว์เตือนให้รู้ เครื่องชงเป็นแบบแมนนวลที่เราต้องกะระดับน้ำที่ต้องการเอง อยากได้เอสเพรสโซเข้มข้นแบบไหนก็จัดได้ตามที่ชอบครับ สรุปแล้วฟังก์ชันทั่วไปก็ใช้งานง่ายตามปกติ สิ่งที่โดดเด่นก็เห็นจะเป็นเรื่องของดีไซน์นี่ล่ะ ที่เรียกความสนใจให้คนที่รักการแต่งบ้าน หรือชอบของวินเทจ ตัดสินใจเลือกซื้อเจ้าเครื่องรุ่นนี้ครับ
ประเภท | เครื่องชงเอสเพรสโซ |
แรงดันน้ำ | 15 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 1.25 ลิตร |
กำลังไฟ | 1,100 วัตต์ |
ขนาด | N/A |
น้ำหนัก | N/A |
สี | ดำ / แดง / ครีม / เหลือง / ชมพู / ส้ม / มิ้นท์ / ฟ้า / น้ำเงินเข้ม (Night Blue) |
3. Verasu BUONO BUO-260617
ราคาโดยประมาณ 3,255 บาท
ใครที่อยากบดกาแฟเอง ชงเอง แต่ไม่อยากใช้หลายเครื่องให้ยุ่งยาก ตัวนี้ตอบโจทย์แน่นอน Verasu Buono Buo-260617 เครื่องชงกาแฟดริปยี่ห้อ Buono ที่ผลิตให้กับแบรนด์เครื่องครัวชื่อดังอย่าง Verasu เรียกว่ามั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพสำหรับทั้งสองแบรนด์ดัง รุ่นนี้นอกจากจะเป็นเครื่องชงกาแฟแล้ว ยังมีเครื่องบดในตัวมาด้วย ครบจบในเครื่องเดียวไม่ต้องยุ่งยากหาเครื่องบดมาเพิ่มอีก ดีไซน์ก็ทันสมัยสวยงาม ดูเท่ด้วยสีดำตัดกับสีแดง และแม้จะมีทั้งเครื่องชงและเครื่องบด แต่ขนาดเครื่องกลับเล็กกะทัดรัด เคลื่อนย้ายได้สะดวกครับ
การบดเมล็ดกาแฟนั้นตัวเฟืองบดเป็นใบมีด สามารถบดได้ 2 แบบคือ หยาบ และ ละเอียด หรือถ้าหากมีกาแฟที่ผ่านการมาบดแล้วก็สามารถใช้ชงได้เลย ไม่จำเป็นต้องนำเมล็ดกาแฟมาบดใหม่ ตัวเครื่องสามารถบดและชงได้ด้วยการกดปุ่มครั้งเดียว เครื่องจะดริปกาแฟให้อัตโนมัติ ชงได้ตั้งแต่ 1-4 แก้ว อยากได้กี่แก้วก็ใส่ระดับน้ำตามที่แนะนำได้เลย การถอดล้างอุปกรณ์ก็สะดวกไม่ยุ่งยาก เรียกว่าวิธีการใช้งานง่ายมาก เหมาะสำหรับใครที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว และก็อยากดื่มด่ำกับกาแฟชงสดด้วยตัวเองเช่นกันครับ
ประเภท | เครื่องชงแบบดริป |
แรงดันน้ำ | – |
ความจุถังน้ำ | 0.6 ลิตร |
กำลังไฟ | 900 วัตต์ |
ขนาด | 22.5 x 30 x 33 cm |
น้ำหนัก | 3.4 kg |
สี | ดำ-แดง |
4. DELONGHI Dedica Style EC685
ราคาโดยประมาณ 11,900 บาท
มาดูแบรนด์ชั้นนำของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวจากอิตาลี ที่เรียกว่าผลิตเครื่องชงกาแฟขายดีเป็นอันดับหนึ่งของโลกกันบ้าง กับเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ DELONGHI Dedica Style EC 685 ขนาดเครื่องมาแบบกะทัดรัด ดีไซน์โฉบเฉี่ยวมีความเท่และโดดเด่นไม่เหมือนใคร ถึงแม้จะตัวเล็กแต่ถือว่าฟังก์ชันจัดเต็มสำหรับเครื่องชงแบบ 1 หัว มีฟิลเตอร์ซึ่งรองรับได้ทั้งการชงกาแฟบด 1-2 ช็อต และกาแฟ POD (กาแฟบดที่ใส่เยื่อกระดาษใช้กับก้านชง) ใช้ระบบเทอร์โมบล็อคที่ทำความร้อนได้เร็วไม่ต้องรอนาน
ส่วนของการปรับระดับน้ำนั้นมีทั้งแบบอัตโนมัติและแมนนวล โดยสามารถเลือกระดับน้ำได้ 2 ระดับ หรือหากต้องการปรับเองก็แค่กดปุ่มค้างไว้ ก็สามารถกำหนดระดับน้ำที่ต้องการได้เอง เพื่อควบคุมความเข้มของกาแฟตามชอบได้เลย และมีก้านสตีมฟองนมมาให้พร้อม จะชงคาปูชิโนหรือทำลาเต้อาร์ตก็ได้หมด แม้ราคาจะสูงพอสมควร แต่เมื่อดูฟังก์ชันและเสียงรีวิวในอินเทอร์เน็ต ต่างก็พอใจในการใช้งาน ทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นเครื่องชงกาแฟคุณภาพ และคุ้มค่าราคาแน่นอนครับ
ประเภท | เครื่องชงเอสเพรสโซ |
แรงดันน้ำ | 15 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 1.1 ลิตร |
กำลังไฟ | 1,300 วัตต์ |
ขนาด | 15 x 33 x 30 cm |
น้ำหนัก | 4.2 kg |
สี | โลหะ / แดง / ขาว / ดำ |
5. SKG SK-1202
ราคาโดยประมาณ 2,690 บาท
สำหรับใครที่ไม่ชอบปุ่มกดป๊อกแป๊ก ปุ่มหมุนเกะกะ น่าจะชอบเครื่องชงกาแฟตัวนี้ SKG SK-1202 ที่ออกแบบการใช้งานระบบสัมผัส ทำให้หน้าเครื่องแบนเรียบสวยงาม อาจไม่ใช่เครื่องรุ่นพรีเมียมแต่ก็ดีไซน์ได้สวยหรูน่าใช้ เครื่องเล็กกะทัดรัดเคลื่อนย้ายสะดวก เป็นเครื่องชง 1 หัว พร้อมที่สตีมฟองนม ปุ่มกดเปิด-ปิดและการชงกาแฟเป็นปุ่มทัชสกรีน ยกเว้นตัวปรับระดับของการตีฟองนมที่ออกแบบเป็นปุ่มหมุนไว้ข้างตัวเครื่อง ให้สามารถเลือกปรับแรงดันไอน้ำเพื่อสตีมฟองนมได้ในแบบที่ต้องการ
นอกจากนี้ในส่วนของการปรับระดับน้ำ มีทั้งแบบอัตโนมัติ ที่ให้เลือกระดับน้ำได้ 2 ระดับ หรือถ้าต้องการปรับเองให้ได้ระดับที่ชอบ ก็เลือกใช้แบบแมนนวลได้เลย โดยรวมแล้วเป็นรุ่นที่ไม่มีอะไรหวือหวา ใช้งานได้ตามมาตรฐาน การใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ฟังก์ชันพื้นฐานมีมาให้ครบ จะใช้ชงกาแฟดื่มที่บ้าน ที่ออฟฟิศ หรือเปิดร้านเล็ก ๆ ก็พอไหว รีวิวก็ดี หลาย ๆ คนบอกว่าคุ้มค่าและพอใจในการใช้งาน ราคาเป็นมิตรแต่คุณสมบัติจัดมาครบแบบนี้ ก็น่าลองหามาใช้ดูสักเครื่องนะครับ
ประเภท | เครื่องชงเอสเพรสโซ |
แรงดันน้ำ | 20 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 1.6 ลิตร |
กำลังไฟ | 850 วัตต์ |
ขนาด | 23.4 x 27 x 29.2 cm |
น้ำหนัก | N/A |
สี | เงิน |
6. STARESSO SP300 UPGRADED
ราคาโดยประมาณ 2,690 บาท
ใครที่ชื่นชอบการดื่มด่ำกาแฟแบบ Slow Bar และกำลังมองหาเครื่องชงเอสเพรสโซแบบมือกดที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าสักเครื่องล่ะก็ แนะนำ Staresso SP300 รุ่นอัพเกรด ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแบรนด์จากประเทศจีน ที่ได้การยอมรับในคุณภาพและมีจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก แถมมีรางวัลการออกแบบจาก Red Dot Design Award การันตีอีกด้วย เรื่องดีไซน์ไม่ต้องพูดถึง เพราะสวยงามโดดเด่นมาก ๆ เรียกว่าเห็นแล้วมีใจสั่นอยากได้แน่นอน การออกแบบมีกลิ่นอายของอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง และด้วยขนาดที่เล็ก พกพาสะดวก จะใช้ที่บ้าน หรือจะพาไปออกแคมป์ด้วยก็เหมาะมากครับ
นอกจากความสวยงามของดีไซน์แล้ว การใช้งานยังถูกใจคนรักกาแฟมาก ๆ เพราะสามารถกดเอสเพรสโซได้ 2 ช็อต ด้วยการใช้แรงกดมือสบาย ๆ ไม่ต้องออกแรงมาก กาแฟที่ได้มีความครีมา หอมละมุน ไม่แพ้เครื่องชงเอสเพรสโซไฟฟ้า แถมรุ่นอัพเกรดนี้มีการปรับวัสดุภายในจากพลาสติกเป็นสแตนเลส ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นพลาสติกตกค้างด้วย เป็นเครื่องชงที่ได้เสน่ห์ของการชงแบบแฮนด์เมด ซึ่งก็มีบาริสต้าเลือกใช้เจ้าตัวนี้มาเปิดร้านกาแฟแบบ Slow Bar ดูเก๋และได้บรรยากาศมาก ๆ ทั้งยังดึงดูดความสนใจลูกค้าได้ดีทีเดียวครับ
ประเภท | เครื่องชงเอสเพรสโซแบบมือกด |
แรงดันน้ำ | 15 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 0.18 ลิตร (ความจุกระบอกน้ำ) |
กำลังไฟ | – |
ขนาด | N/A |
น้ำหนัก | 0.55 kg |
สี | ดำ |
7. Timemore Syphon 2.0
ราคาโดยประมาณ 1,800 บาท
นอกจากเครื่องบดกาแฟมือหมุนแล้ว Timemore ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการชงกาแฟอีกหลากหลาย รวมไปถึงเครื่องชงกาแฟสุญญากาศ Timemore Syphon 2.0 เป็นเครื่องชง Syphon อีกหนึ่งรูปแบบของการสกัดสารกาแฟที่เราเริ่มเห็นกันบ่อย ๆ ตามร้านกาแฟ Specialty ต่าง ๆ ด้วยวิธีการชงที่คล้ายกับการทดลองวิทยาศาสตร์ ทำให้ดูสวยงามแปลกตา และเพิ่มความน่าสนใจให้กับคนที่ไม่ได้เห็นวิธีการชงแบบนี้บ่อยนัก ซึ่งกาแฟ Syphon นี้สกัดโดยกรรมวิธีการควบแน่น ทำให้ได้สารกาแฟที่มีความใส ไม่มีตะกอน และยังดึงรสชาติกาแฟออกมาได้ดีเยี่ยมอีกด้วย
ซึ่งใครที่สนใจชงกาแฟ Syphon ก็แนะนำสำหรับเครื่องชงรุ่นนี้ ที่สามารถชงได้ง่ายและสะดวก ตัวแก้วทำจาก Borosilicate Glass ที่ทนความร้อนได้สูงถึง 180 องศา ก้านจับออกแบบให้มีความห่างจากโถกาแฟ เพื่อป้องกันความร้อนขณะเทกาแฟ มียางกันรอยและกันลื่นที่ได้สิทธิบัตรของ Timemore ด้วย ต้องบอกว่ากาแฟ Syphon ค่อนข้างมีการชงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ต้องใช้ความละเมียดละไม และฝีมือของบาริสต้ามากพอสมควร จึงจะดึงรสชาติกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่ ใครที่สนใจอยากลองเทคนิคใหม่ ๆ จัดเครื่องนี้ไปสักตัวก็ถือว่าคุ้มค่าครับ
ประเภท | เครื่องชงแบบสุญญากาศ (Syphon) |
แรงดันน้ำ | – |
ความจุถังน้ำ | 0.36 ลิตร (ความจุโถแก้ว) |
กำลังไฟ | – |
ขนาด | 35.5 x 13 cm |
น้ำหนัก | 0.55 kg |
สี | – |
8. ETZEL SN603
ราคาโดยประมาณ 6,990 บาท
อีกหนึ่งเครื่องชงเอสเพรสโซที่น่าสนใจ ETZEL SN603 เป็นแบรนด์สัญชาติไทยที่ผลิตอุปกรณ์ชงกาแฟ และเครื่องใช้ในครัวค่อนข้างหลากหลายพอสมควร ส่วนของเครื่องรุ่นนี้เป็นเครื่องชง 1 หัว ดีไซน์ตัวเครื่องหน้าตาสวยงาม มีความเท่แบบวินเทจนิด ๆ เหมาะใช้งานทั้งในบ้าน หรือการเปิดร้านเล็ก ๆ ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุสแตนเลสคุณภาพดี มีความแข็งแรง ใช้แรงดันน้ำ 20 บาร์ สกัดกาแฟได้หอมและมีครีมาตามแบบมืออาชีพ มีที่สตีมฟองนมและท่อทำน้ำร้อนแยกจากกัน ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
ตัวฟิลเตอร์มี 2 ขนาด คือ 1 และ 2 ช็อต ใช้ระบบ Thermoblock ทำความร้อนได้รวดเร็ว ส่วนของการปรับระดับน้ำ สามารถเลือกได้ว่าจะปรับแบบอัตโนมัติ หรือจะตั้งระดับน้ำเองตามที่ต้องการก็ได้ หน้าเครื่องออกแบบให้มีเกจแสดงแรงดันระหว่างสกัดกาแฟ รวมทั้งจอ LED แสดงเวลาที่ใช้ในการสกัดด้วย รวม ๆ แล้วก็ถือว่าเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน การรีวิวก็ค่อนข้างดี ส่วนใหญ่พอใจในสินค้าและการใช้งานได้สะดวก ดังนั้นหากใครกำลังตัดสินใจเลือกเครื่องชงดี ๆ สักตัว ไว้ชงกาแฟดื่มเอง หรือเผื่อไว้เปิดกิจการในอนาคต ลองจัดตัวนี้ไปก็ไม่น่าผิดหวังครับ
ประเภท | เครื่องชงเอสเพรสโซ |
แรงดันน้ำ | 20 บาร์ |
ความจุถังน้ำ | 1.7 ลิตร |
กำลังไฟ | 1,450 วัตต์ |
ขนาด | 28.6 x 23 x 31.5 cm |
น้ำหนัก | 4.5 kg |
สี | เงิน |
9. iMIX 3000W. 1614-215
ราคาโดยประมาณ 135,000 บาท
แนะนำเครื่องชงกาแฟ 2 หัว สำหรับใครที่อยากเปิดร้านขนาดกลาง-ใหญ่กันบ้าง กับ iMIX 3000W 1614-215 เครื่องชงเอสเพรสโซแบบกึ่งอัตโนมัติ 2 หัวกรุ๊ป ที่มีหน้าตาโฉบเฉี่ยวสวยหรู สีเงินแวววาวสะดุดตา เรียกว่ายกมาตั้งหน้าเคาน์เตอร์แล้ว ไม่ใช่แค่ชงเอสเพรสโซได้ แต่ยังช่วยเพิ่มความดูดีมีสไตล์ได้ด้วยครับ วัสดุหลัก ๆ ของเครื่องล้วนเป็นของคุณภาพสูงนำเข้าจากอิตาลี ใช้หัวกรุ๊ปมาตรฐาน E61 ที่ช่วยให้สกัดสารกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กาแฟที่ได้มีรสชาติดีและกลิ่นหอมมากขึ้น
ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานได้สะดวก แยกการใช้งาน 2 หัวชง และที่สตีมฟองนม 2 หัว พร้อมท่อน้ำร้อนแยกต่างหาก สามารถเลือกระดับน้ำแบบอัตโนมัติได้ 2 ระดับ หรือจะเลือกระดับเองก็ได้ มีเกจบอกระดับแรงดัน และควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ PID ที่ช่วยให้เราสามารถควบคุมอุณหภูมิของหม้อต้มได้คงที่ตามต้องการ เรียกว่าเป็นเครื่องชง 2 หัวที่ฟังก์ชันการใช้งานครบ ตัวแบรนด์เชื่อถือได้ ราคาก็ไม่สูงจนเกินไป ใครที่สนใจอยากใช้เป็นเครื่องชงกาแฟสำหรับเปิดร้าน ก็น่าลองจัดไปสักเครื่องครับ
ประเภท | เครื่องชงเอสเพรสโซ |
แรงดันน้ำ | N/A |
ความจุถังน้ำ | 7 ลิตร (ความจุหม้อต้ม) |
กำลังไฟ | 3,000 วัตต์ |
ขนาด | 58 x 72 x 47 cm |
น้ำหนัก | 55 kg |
สี | เงิน |
10. Ascaso Barista T Plus 2G
ราคาโดยประมาณ 219,000 บาท
เป็นเครื่องชงเอสเพรสโซ 2 หัวกรุ๊ปที่หลายคนแนะนำ สำหรับรุ่นนี้ Ascaso Barista T Plus 2G แบรนด์เครื่องชงกาแฟเจ้าดังจากประเทศสเปน ซึ่งเครื่องตัวนี้ต้องบอกว่ามีความโดดเด่นมาก ๆ เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกที่เรียบเท่สวยงาม มีสีให้เลือก ทั้งดำ, ขาว และสีเงิน ตัวด้ามชงยังมีแบบด้ามไม้ดูหรูหราให้เลือกด้วย ส่วนของการใช้งานก็ไม่ต้องพูดถึงครับ รุ่น T Plus ตัวแบรนด์ได้พัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะ เรียกว่า T-Technology เพื่อให้สามารถชงกาแฟได้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นระบบกรองน้ำในตัว เพื่อให้ได้น้ำสะอาดและกาแฟที่รสชาติดีที่สุด การควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ PID ปลอดภัยจากการปนเปื้อนของโลหะ ด้วยการใช้วัสดุสเตนเลสคุณภาพสูง มั่นใจได้ว่ากาแฟทุกแก้วที่ชงนั้นสะอาดปลอดภัยแน่นอน รวมทั้งยังลดการใช้พลังงานลงถึง 50% เมื่อเทียบกับเครื่องทั่ว ๆ ไป เรียกว่าได้กาแฟคุณภาพ แล้วยังได้ช่วยโลกประหยัดพลังงานด้วย ดูคุณสมบัติแล้วรู้สึกคุ้มค่า คุ้มราคา เมื่อเทียบกับการใช้งานระดับมืออาชีพแน่นอน สนใจเปิดร้านกาแฟหรือจะเปลี่ยนเครื่องชงตัวใหม่ ลองดูเครื่องรุ่นนี้ไม่น่าผิดหวังครับ
ประเภท | เครื่องชงเอสเพรสโซ |
แรงดันน้ำ | N/A |
ความจุถังน้ำ | 8 ลิตร (ความจุหม้อต้ม) |
กำลังไฟ | 2,000-3,500 วัตต์ |
ขนาด | 70 x 47.5 x 53.5 cm |
น้ำหนัก | 71 kg |
สี | ดำ / ขาว / เงิน (inox) |
อ่านกันมาถึงตรงนี้คงได้คำตอบสำหรับ เครื่องชงกาแฟสด ยี่ห้อไหนดี แล้วใช่ไหมครับ ก็รวบรวมมาหลายแบบ หลายยี่ห้อให้เลือกกันเลยครับ ก่อนซื้อก็อย่าลืมดูจุดประสงค์การใช้งาน และวิธีการสกัดกาแฟด้วย เครื่องชงกาแฟไซฟอนอาจจะใช้งานยาก หรือหลายขั้นตอน บางทีก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ในการใช้งานสำหรับคนทั่วไป ส่วนคอกาแฟสายออฟฟิศ สายรีบร้อนก็น่าจะเหมาะกับเครื่องชงกาแฟแบบแคบซูลมากกว่า สะดวกที่สุด ส่วนใครที่อยากเน้นคุณภาพ หรือเปิดร้านกาแฟเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่และดริปน่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า แต่ก็ลำบากเวลาทำความสะอาดด้วยถ้าเอามาใช้ภายในบ้าน สุดท้ายแล้วก็ขอให้ได้เครื่องที่ถูกใจ ใช้งานทนทานกันนะครับ
ทำงานด้านสื่อโฆษณามานานกว่า 5 ปี เป็นนักซื้อตัวยง ที่มีประสบการณ์ใช้สินค้ามากมายหลายอย่าง เลยมีบทความใหม่ๆ ออกมาชวนผู้อ่านให้ซื้อสินค้ากันบ่อย ๆ ทั้งของอาหารเสริม เทคโนโลยี แกดเจ็ต ของใช้ในบ้าน และอื่น ๆ คัดเลือกสินค้ามาแล้วซื้อตามไม่มีผิดหวังแน่ ๆ