ไมค์ลอย ยี่ห้อไหนดี รีวิว 10 ยี่ห้อ รวมมาแล้ว

รูปภาพปกบทความ ไมค์ลอย ยี่ห้อไหนดี รีวิว 10 ยี่ห้อ รวมมาแล้ว

กำลังมองหาไมค์ลอยไว้สำหรับร้องเพลง ออกอีเว้นท์ สอนหนังสือ จะให้เลือกใช้ไมโครโฟนแบบมีสายก็อาจจะรู้สึกไม่ค่อยสะดวก ต้องคอยขยับสายอยู่เรื่อยๆ บางรุ่นยังมีขนาดเล็ก หนีบได้ พกพาสะดวก เหมาะสำหรับการถ่ายทำรายการอีกด้วย แล้วเราจะเลือกซื้อ ไมค์ลอยยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับรุ่นที่น่าสนใจกันครับ



วิธีการเลือกซื้อไมค์ลอย

วิธีการเลือกซื้อไมค์ลอย

รูปแบบการใช้งาน สำหรับงานอย่างการออกอีเว้นท์ ถ่ายทำรีวิววิดีโอ การเลือกไมค์ขนาดเล็กที่สามารถหนีบกับปกเสื้อได้ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ารุ่นที่มีขนาดใหญ่ เวลาใช้งานก็ไม่จำเป็นต้องคอยจับไมค์ตลอด ทำให้เราสามารถหยิบจับสิ่งของ ที่ต้องการนำเสนอในรายการได้สะดวกอีกด้วย ส่วนใครที่เน้นสอนหนังสือ จัดสัมมนา ก็อาจจะต้องการไมค์ที่ราคาไม่แพงมากที่มาพร้อมลำโพงเสียงดังฟังชัด ไม่ต้องคอยเปล่งเสียงให้คอแห้งแสบกัน ก็ลองเลือกไมค์พร้อมลำโพงพกพาแทน ส่วนแบบสุดท้ายก็คือไมค์ลอยดั้งเดิมเพิ่มเติมคือรูปแบบสัญญาณที่จะช่วยลดปัญหาสัญญาณถูกรบกวนครับ

ความถี่ในการรับสัญญาณ สำหรับไมค์ลอยทั่วไป ที่มาพร้อมฐานรับสัญญาณขนาดใหญ่ หลายรุ่นสามารถปรับระดับ เคลื่อนความถี่ได้ โดยมีทั้ง VHF, UHF และ 2.4 GHz ให้เลือกใช้ โดยคลื่นความถี่แต่ละระบบ ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป VHF เป็นคลื่นที่สามารถทะลุสิ่งกีดขวางได้ดี แต่ก็ถูกสัญญาณรบกวนได้ง่าย จึงอาจจะไม่ค่อยเหมาะสำหรับสถานที่มีการใช้ไมค์หรือคลื่นสัญญาณอื่นรบกวนมาก ๆ ในขณะที่ UHF เป็นคลื่นที่ความถี่สูงมากกว่า แต่คลื่นความถี่ที่สูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการทะลุสิ่งกีดขวางเหลือน้อยลง แต่ก็มีข้อดีตรงจำนวนคลื่นสัญญาณมีมาก ทำให้สามารถรับส่งสัญญาณได้ปริมาณมากขึ้น เลยเก็บรายละเอียดของเสียงมากขึ้นเป็นเงาตามตัวอีกด้วย และสุดท้ายกับคลื่น 2.4 GHz ที่พบได้ในรุ่นที่มีขนาดเล็ก เป็นไมค์หนีบปกเสื้อ สำหรับงานพิธีกร งานอีเว้นต์ต่าง ๆ ก็รับส่งสัญญาณได้ดีอีกด้วย แล้วก็ยังรวมถึง Bluetooth ที่ส่งสัญญาณด้วยคลื่น 2.4 GHz เหมือนกัน เพิ่มเติมตรงความสะดวกในการเชื่อมอุปกรณ์ทั้งหลายในยุคเก็ดแจตครองเมืองครับ


ตารางเปรียบเทียบรีวิว “ไมค์ลอย” ยี่ห้อไหนดี

ตารางเปรียบเทียบรีวิว "ไมค์ลอย" ยี่ห้อไหนดี

สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูไมค์ลอยแบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, รูปแบบการรับเสียง, ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ



1. JBL Wireless Microphone Set

JBL Wireless Microphone Set ไมโครโฟนคู่ไร้สายที่พร้อมจะส่งมอบความสนุกให้กับเพื่อน ๆ ได้ใช้งานกัน มาพร้อมกับวัสดุที่คงทนต่อการใช้งาน ความสามารถที่หลากหลาย ช่วยมอบเสียงร้องที่ชัดเจน เก็บทุกรายละเอียดของเสียง แถมยังทำให้เสียงมีไดนามิคน่าฟัง จะร้องจะเต้นหรือเป็น mc ก็ใช้งานได้แบบไม่มีสะดุด

ตัวไมค์ลอย JBL มีรูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid Pattern ตอบสนองย่านความถี่ที่ 65Hz-15KHz ใช้งานง่ายเพียงแค่ใส่ถ่านขนาด 2a จำนวน 2 ก้อน ส่วนรับสัญญาณสามารถชาร์จแบตได้ และสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ตัวรับสัญญาณยังสามารถรับสัญญาณได้ไกลถึง 10 เมตรด้วยกัน เหมาะกับพื้นสำหรับทุกขนาดอีกด้วยครับ

รูปแบบการรับเสียง:Cardioid / 65Hz-15KHz
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ10 เมตร
การตอบสนองต่อช่วงความถี่UHF 470-960MHz
แบตเตอรี่6 ชั่วโมง

2. SHURE BLX288A/PG58

ไมโครโฟนระดับเวิลด์คลาสจากแบรนด์ดังระดับโลกขึ้นชื่ออย่าง SHURE ที่รอบนี้ทางแบรนด์ได้พัฒนาไมโครโฟนรุ่นใหม่มาให้เราได้ลองใช้งานกัน ไมโครโฟนไร้สาย SHURE BLX288A/PG58 เป็นไมโครโฟนแบบคู่ ประกอบด้วยเครื่องรับแบบคู่ BLX88 และ เครื่องส่ง BLX2 แบบมือถือรุ่น PG58 จำนวน 2 ตัว มาพร้อมกับเสียงที่นุ่มนวลและความเสถียรภาพ ทำให้เหมาะสำหรับงานบรรยาย พรีเซนต์งานไปจนถึงการร้องเพลงระดับอาชีพ

ตัวไมค์ลอยสามารถใช้งานพร้อมกันได้ 7 ความถี่ ที่ความถี่ M19 (694-703 MHz) และใช้งานพร้อมกันได้ 8 ความถี่ ที่ความถี่ Q12 (748-758 MHz) สามารถสแกนและปรับเปลี่ยนความถี่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งฟังก์ชั่นล็อคหน้าจอเพื่อไม่ให้ไปโดนปุ่มต่าง ๆ แล้วสัญญาณคลาดเคลื่อน นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังใช้งานได้ยาวนานถึง 14 ชั่วโมงอีกด้วย

รูปแบบการรับเสียง:Cardioid / 60Hz -15kHz
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ10 เมตร
การตอบสนองต่อช่วงความถี่UHF 964-758 MHz
แบตเตอรี่14 ชั่วโมง

3. SONAR UHF Professional Wireless รุ่น UM-601

ไมโครโฟนไร้สาย SONAR รุ่น UM-601 ไมโครโฟนระดับโปรที่จะมาช่วยยกระดับเสียงของเพื่อน ๆ ให้ใส ให้ไพเราะและนุ่มยิ่งขึ้น โดยไมค์ลอย SONAR รุ่น UM-601 ถือว่าเป็นไมโครโฟนไร้สายคุณภาพดีอีกตัวในท้องตลาด แถมราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย และยังสามารถรับความถี่และรับสัญญาณได้ไกล ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวาง ไม่ว่าห้องจะขนาดเท่าไรสัญญาณก็ส่งไปถึง

ไมโครโฟนใช้ความถี่คลื่น UHF 2×100 ช่องรับสัญญาณ สามารถค้นหาความถี่ได้โดยอัตโนมัติ มีการออกแบบวงจรซูเปอร์ป้องกันการรบกวนและเสียงรบกวน เพื่อการใช้งานที่ไหลลื่น ไม่มีสะดุดกลางคัน นอกจากนี้ที่ตัวไมค์ยังมีเครื่องขยายเสียงภายในตัว สามารถขยายเสียงและช่วยให้ได้เสียงที่มีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย

รูปแบบการรับเสียง:Cardioid / 65Hz-15KHz
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ60 เมตร
การตอบสนองต่อช่วงความถี่UHF 600-900 MHz
แบตเตอรี่


4. RIWORAL EH-2

ไมค์ลอย RIWORAL EH-2 ไมโครโฟนสไตล์มัลติฟังก์ชั่น คุณภาพดี ใช้งานได้หลากหลายเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ตัวไมโครโฟนใช้วัสดุโลหะอย่างดี เรียบง่าย มีสไตล์ และด้วยสัญญาณความถี่แบบลอยตัวช่วยให้ใช้งานได้อย่างไร้เสียงและสัญญาณรบกวน สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล

แกนไมโครโฟนเป็นแบบ Super Directional ช่วยให้เสียงใสชัดเจน มีปุ่ม Set up สามารถปรับระดับเสียงและเอฟเฟกต์เสียงสะท้อนได้ในตัว และยังมีเทคโนโลยีนำร่องรหัสดิจิทัล ช่วยแก้ปัญหาการครอสทอล์คและความถี่เดียวกันได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ตัวรับสัญญาณยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ในตัวได้อีกด้วย ถือว่าเป็นไมโครโฟนไร้สายคุณภาพดี ราคาไม่แพงอีกตัวเลยล่ะครับ

รูปแบบการรับเสียง:Cardioid / 50Hz-18KHz
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ20-50 เมตร
การตอบสนองต่อช่วงความถี่UHF 600 MHz (200 MHz)
แบตเตอรี่10 ชั่วโมง

5. Soundvision SU-850DA

ไมค์ลอย Soundvision SU-850DA ชุดไมโครโฟนไร้สายประสิทธิภาพสูง แบบมือถือ มาพร้อมระบบสแกนความถี่ดิจิตอล ในย่านความถี่ UHF ตั้งแต่ช่วง UHF 748.3 – 757.7 MHz สามารถเปลี่ยนช่องความถี่สัญญาณได้ 168 ช่อง (2 x 84) มีกำลังส่งอยู่ที่ 10mW สามารถรับสัญญาณได้ไกลถึง 60 เมตร ในที่โล่งแจ้ง และด้วยตัวเครื่องรับสัญญาณที่ดี ประสิทธิภาพสูง สามารถช่วยป้องกันสัญญาณรบกวนได้อย่างดีเยี่ยม

Soundvision SU-850DA เป็นรุ่นที่ออกมาในช่วงราคากลางๆ แต่ฟังก์ชั่นการใช้งานนั้นต้องบอกว่าครบครัน รูปลักษณ์ดูดี เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือจะออกงานก็ไม่ติด วัสดุงานประกอบดูสวยงาม ดูพรีเมี่ยม ให้เสียงพูดและร้องที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ มีความใกล้เคียงเสียงจริง เป็นไมโครโฟนแบบไดนามิก มีรูปแบบการรับเสียงแบบคาร์ดิออย พร้อมทั้งฟังก์ชั่น Auto Mute ที่ปกติจะอยู่ในรุ่นท็อปของแบรนด์ แต่ในซีรีย์นี้ก็มีมาให้ด้วยครับ

รูปแบบการรับเสียง:Polar Patterns 30Hz – 20kHz
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ60 เมตร
การตอบสนองต่อช่วงความถี่UHF 748.3 – 757.7 MHz
แบตเตอรี่

6. Molisa Wireless Microphone

Wireless Microphone Molisa เป็นไมโครโฟนไร้สายแบบเซทคู่ที่ดี ขนาดเล็กกะทัดรัด สะดวกต่อการใช้งาน สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ใช้งานได้หลากหลาย คล่องตัว มีหน้าจอแสดงผลแบบ LED Display และมีตัวรับสัญญาณความถี่ที่มีเสาอากาศอยู่ภายใน มีระยะการรับ-ส่งสัญญาณไกลถึง 60 เมตร ด้านการใช้งานก็ง่ายเพียงแค่นำตัวรับสัญญาณไปเสียบกับตู้ลำโพง แล้วทำการเปิดไมค์ ก็จะสามารถใช้งานได้ทันที

ตัวไมโครโฟนมีกำลังส่งอยู่ที่ 10mW ความแรงของสัญญาณออก 0-400 mV ใข้คลื่นความถี่แบบ UHF แท้ สามารถปรับความถี่ได้ มี Dynamic Range อยู่ที่ >100dB และสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 3.8 ชั่วโมง เรื่องเสียงต้องบอกว่าให้เสียงดีมากเมื่อเทียบกับราคา สามารถนำมาใช้งานในร้านที่ใช้เสียงค่อนข้างดัง ไม่มีสัญญาณรบกวน ไม่มีเสียงหวีดใด ๆ นอกจากนี้ข้อดีอีกอย่างนึงคือถ้าแบต ฯ เสื่อมสภาพก็สามารถหาซื้อแบต ฯ ใหม่มาเปลี่ยนได้อีกด้วย

รูปแบบการรับเสียง:Omnidirectional
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ30-50 เมตร
การตอบสนองต่อช่วงความถี่UHF 600MHZ – 690MHZ
แบตเตอรี่4 ชั่วโมง


7. Xiaomi Mi Mijia K Karaoke Wireless microphone

Xiaomi Mi Mijia K Karaoke Wireless microphone ไมค์คาราโอเกะไร้สายอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อการร้องคาราโอเกะโดยเฉพาะ หัวไมค์มีขนาดใหญ่มีฟองน้ำแบบ Anti-Pop ช่วยลดแรงกระแทกของลมที่ออกจากปาก ที่จับไมค์เป็นพลาสติกอย่างดี มีขนาดและน้ำหนักพอดีมือ และความพิเศษของไมค์ตัวนี้คือเป็นไมค์ที่มีลำโพงในตัว ไม่ว่าเราจะพูดหรือเปิดเพลง เสียงก็จะสามารถออกมาจากไมค์ได้นั่นเอง

ตัวไมค์มีบลูทูธเพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทีวี และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รองรับ เพื่อเริ่มใช้งานได้ทันที เพียงแค่เรามีไมค์ตัวนี้และสมาร์ทโฟน ก็สามารถร้องเพลงได้ทุกที่ที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Pitch ที่สามารถปรับจูนเสียงร้องของเพื่อน ๆ ให้เข้ากับเสียงดนตรีได้อีกด้วย (ปรับเสียงร้องของเราให้เข้ากับคีย์เพลงนั้นๆ) น่าสนุกมาก ๆ เลยล่ะครับ อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องประมาณ 7 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นไมค์ที่เหมาะกับการร้องเพลงเป็นที่สุด ไม่ว่าจะงานสังสรรค์หรือร้องเพลงเล่นอยู่บ้านกับเพื่อน ๆ ก็คุ้มสุด ๆ

รูปแบบการรับเสียง:Cardioid
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ10 เมตร / ปรับจูนเสียงร้องได้
การตอบสนองต่อช่วงความถี่2.4GHz Bluetooth 5.1
แบตเตอรี่7 ชั่วโมง เสียบสาย Type-C ได้

8. Saramonic Blink 500 Pro B2 2-Person Digital Camera-Mount 

สำหรับใครที่กำลังมองหาไมโครโฟนไร้สายไปทำยูทูป ถ่ายคลิป blogger vlog ต่าง ๆ ผมขอแนะนำตัวนี้เลยครับ Saramonic Blink 500 Pro B2 เป็นไมค์ที่น่าสนใจมาก ๆ ด้วยหน้าตาที่ดูทันสมัย การใช้งานที่หลากหลาย เป็นอีกตัวที่หมดตลาดไวมากครับ ไมค์มีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาไปไหนมาไหนง่าย ระยะไมค์อยู่ที่ประมาณ 50 เมตร ทุกตัวจะมีจอ OLED แสดงข้อมูลแบบ Real Time ไม่ว่าจะเป็นสถานะการเชื่อมต่อ, ความแรงของสัญญาณ Wireless และปริมาณของแบตเตอรี่อีกด้วย

ตัวไมค์มีตัวส่งสัญญาณหรือ Transmitter มาให้ 2 ตัว และตัวรับสัญญาณหรือ Receiver มาให้ 1 ตัว โดยตัวส่งสัญญาณทั้ง 2 ตัวเป็นแบบหนีบปกเสื้อ (Lavalier) และที่พิเศษเลยคือตัวรับสัญญาณมีช่องเสียบหูฟัง เพื่อการมอนิเตอร์เสียงได้ในตัว สะดวกต่อการใช้งานมาก ๆ ครับ และทั้งสองแบบมีแบตเตอรี่ในตัวที่ใช้งานได้จุใจถึง 8 ชั่วโมง นอกจากนี้สามารถปรับเสียงได้ทั้งแบบ Mono และ Stereo เหมาะกับงานแบบเริ่มต้นไปจนถึงแบบมืออาชีพ ตัดเสียงรบกวนและเสียงลมได้ดี สาย youtube vlog ถูกใจสิ่งนี้ คุณภาพคับแก้วคุ้มค่าคุ้มราคาขนาดนี้ ไม่มีไม่ได้แล้วล่ะครับ

รูปแบบการรับเสียง:Cardioid / 48 kHz
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ50 เมตร
การตอบสนองต่อช่วงความถี่2.4GHz 2400 – 2483.5 MHz
แบตเตอรี่8 ชั่วโมง

9. BOYA BY-WM4 PRO (K1-K2) Wireless Microphone 

BOYA BY-WM4 PRO K2 เป็นไมโครโฟนไร้สายแบบไมค์คู่ ขนาดเล็กกะทัดรัด สะดวกต่อการใช้งาน สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ จะงานแบบพิธีกรที่มีจำนวน 1 คน หรือ 2 คน หรือจะงานที่มีการสัมภาษณ์ก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ตัวไมค์ช่วยให้เสียงพูดมีความชัดเจนขึ้น ลดเสียงรบกวน นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, กล้องถ่ายรูปและวิดิโอต่าง ๆ ได้

ตัวไมค์มีคลื่นความถี่ Frequency band อยู่ที่ 2.4GHz (2405-2478MHz) สามารถรับสัญญาณได้ไกลถึง 60 เมตร โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง เรื่องการใช้งานก็ง่าย เพียงแค่ต่อตัวรับสัญญาณไมค์เข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็สามารถใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังมีเม้าท์ไว้สำหรับเพื่อติดกล้องและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกอีกด้วย

รูปแบบการรับเสียง:Cardioid / 35Hz-14KHz
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ60 เมตร
การตอบสนองต่อช่วงความถี่2.4Ghz 2405-2478MHz
แบตเตอรี่10 ชั่วโมง

10. Rolton K500

Rolton K500 ไมค์พร้อมลำโพงพกพา ไอเท็มที่จะช่วยให้การพูดของเราง่ายขึ้น ไม่ต้องตะโกนอีกต่อไป Rolton K500 เป็นลำโพงพกพาที่เสียงดังและชัดที่สุดในตระกูล K แถมยังมีสัญญาณรบกวนน้อยมากขณะใช้งาน อีกทั้งตัวลำโพงยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และยังสามารถใช้งานบลูทูธฟังเพลงจากมือถือออกลำโพงได้อีกด้วย นอกจากนี้ความดังของลำโพงสามารถดังได้สูงถึง 128dB และเสียงก็ยังดังได้ไกลครอบคลุมพื้นที่ถึง 500 ตารางเมตรอีกด้วยครับ

ตัวลำโพงมีหน้าจอ LED แสดงผลการทำงาน แถมยังมีวิทยุ FM ให้เลือกใช้งาน ด้านการใช้งานก็ง่ายเพียงกดปุ่มเปิดเครื่องด้านบน แล้วปรับความดังของเสียงผ่านตัวเครื่อง จากนั้นเสียบสายไมค์โครโฟนเข้ากับตัวเครื่องก็เป็นอันพร้อมใช้งาน และด้วยขนาดที่เล็กแถมยังใช้งานง่ายจึงเป็นไอเท็มที่เหมาะกับคนหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าเป็น ครู อาจารย์ ไกค์นำเที่ยว หรือใช้ขายของก็ไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นไมค์พร้อมลำโพงที่มีคุณภาพใช้งานง่ายในราคาย่อมเยาอีกตัวนึงเลยล่ะครับ

รูปแบบการรับเสียง:Cardioid / ลำโพง 128dB
ระยะการรับ-ส่งสัญญาณ25 เมตร
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ระดับการบิดเบือน: 1% (3.7V, 1Khz, 1W)
อัตราสัญญาณเสียงต่อคลื่นรบกวน (SNR) : 83dB
แบตเตอรี่8 ชั่วโมง

อ่านกันมาถึงตรงนี้คงจะได้คำตอบสำหรับ ไมค์ลอย ยี่ห้อไหนดีกันแล้วแน่เลย แต่รุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างออกไป ก่อนซื้อก็อย่าลืมสำรวจความต้องการของเราด้วย ต้องเอาไปใช้ในสถานที่แออัดมีสัญญาณรบกวนสูงหรือไม่ Shure BLX288A/PG58 และ Soundvision SU-850DA น่าจะตอบโจทย์ข้อนี้ หากต้องการใช้งานในลักษณะที่ต้องเป็นพิธีกร ถ่ายทำรีวิว ก็ลองเลือกเป็นแบบที่หนีบปกเสื้อได้ เจ้า Saramonic Blink 500 และ Boya BY-WM4 PRO น่าจะใช้งานได้ดีกว่า หรือถ้าอยากได้ไมค์คาราโอเกะ เชื่อมต่อด้วยบลูทูธ ใช้กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตได้สะดวกแล้วละก็ Xiaomi K Karoke น่าจะเป็นคำตอบ สุดท้ายนี้ก็ขอให้เลือกได้รุ่นที่ถูกใจ ใช้งานไม่มีปัญหากันนะครับ


Leave a Comment