อยู่ห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ พื้นที่มีไม่เยอะ แต่ก็ยังอยากได้ตู้เย็นเพื่อมาแช่น้ำดื่ม, เอามาแช่ของไว้สำหรับทำอาหาร, แช่ของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ, แช่ยา หรือแช่สกินแคร์ กลัวว่าถ้าซื้อแบบตู้ใหญ่ ๆ มา พื้นที่ในห้องคงไม่พอ และดูแน่นอึดอัดกันไปหมด ถ้ายังงั้นไม่ลองซื้อ “ตู้เย็นเล็ก” มาใช้งานกันละครับ? ตอบโจทย์สำหรับเรื่องพื้นที่กันแน่ ๆ แต่อาจจะสงสัยว่า เจ้าตู้เย็นเล็กเนี่ยมันมีกี่แบบ มีกี่ประเภท มีข้อดีข้อเสียอะไร และที่สำคัญ จะซื้อยี่ห้อไหนดีละ? ถ้ายั้งงั้นลองไปอ่านเนื้อหาด้านล่าง รวมถึงรีวิว 10 ยี่ห้อ ตู้เย็นเล็ก ก่อนซื้อกันดีกว่าครับ
สารบัญ
ก่อนซื้อ “ตู้เย็นเล็ก” มาดูประเภทและข้อดีข้อเสียกันก่อน
ถ้าพูดถึงตู้เย็นขนาดเล็ก หลาย ๆ คนน่าจะคิดถึงตู้เย็นมินิบาร์ที่ใช้ตามโรงแรมกันใช่ไหมล่ะครับ แต่เอาจริง ๆ แล้ว ตู้เย็นขนาดเล็กเนี่ย ก็มีอีกหลายแบบหลายประเภทเลยทีเดียว และโดยทั่ว ๆ ไป ควรจะมีขนาดความจุที่ไม่ควรเกิน 4-6 คิว หรือ 114-171 ลิตร ถ้าความจุมากกว่านี้ จะเริ่มไม่ใช่ตู้เย็นขนาดเล็กละครับ ซึ่งประเภทของตู้เย็นเล็กหลัก ๆ จะแยกออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. ตู้เย็นเล็กสำหรับรถยนต์ หรือตู้เย็นขนาดจิ๋ว
จะเป็นตู้เย็นที่มีขนาดเล็กที่สุด มีน้ำหนักเบา จึงทำให้ขนย้ายสะดวกมากที่สุด แต่ก็มีความจุน้อยที่สุดที่ 4-8 ลิตรเท่านั้น ซึ่งจะบรรจุน้ำขวดหรือกระป๋องน้ำอัดลมขนาดกลางได้ประมาณ 3-8 กระป๋องแค่นั้นเอง โดยตัวตู้เย็นจะมาพร้อมกับสายชาร์จสำหรับรถยนต์ และตัวแปลงไฟสำหรับชาร์จในบ้าน จึงทำให้เป็นตู้เย็นที่สามารถใช้ทั้งในบ้านหรือรถยนต์ก็ได้ และยังเหมาะสำหรับคนขับรถทางไกล หรือพนักงานขนส่งด้วย แต่ดูรวม ๆ แล้ว ก็เหมาะสำหรับการเป็นตู้เย็นสำรองมากกว่า เอาไปใช้เวลาเดินทางไกลด้วยรถยนต์ที่ต้องการแช่น้ำดื่มให้เย็นอยู่เสมอ หรืออยากจะแช่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเครื่องดื่ม, ยาหรือสกินแคร์ในห้องนอนเท่านั้น และต้องทำใจด้วยว่า ความเย็นที่ทำได้ จะสู้ตู้เย็นแบบอื่น ๆ ไม่ได้เลยครับ
2. ตู้เย็นมินิบาร์
หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักเจ้าตู้เย็นนี้กันดี จะเห็นได้ตามโรงแรมหรือที่พักต่าง ๆ โดยน้ำหนักและขนาดจะเพิ่มขึ้นมามากกว่าตู้เย็นแบบแรก แต่ก็ยังยกหรือเคลื่อนย้ายไปมาได้ง่ายอยู่ (แต่ถ้าคุณผู้หญิงอาจจะต้องช่วยกันนะครับ) ส่วนความจุก็จะเพิ่มขึ้นมาที่ประมาณ 48-88 ลิตร (1.7-3.1 Q) มากกว่าแบบแรกคนละเรื่อง ซึ่งสามารถแช่ของได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มากพอสำหรับการแช่ของต่าง ๆ สำหรับทำอาหาร โดยจะเหมาะสำหรับผู้พักอาศัยตัวคนเดียวที่ชอบแช่แค่น้ำดื่ม, เครื่องดื่ม และของกินอีกนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น หรือเหมาะสำหรับเป็นตู้เย็นสำรองสำหรับบ้านขนาดใหญ่ที่ต้องการมีตู้เย็นเล็กไว้ในห้องนอนเพื่อแช่น้ำดื่ม, สกินแคร์, ยา หรือนมสำหรับลูกน้อยเพื่อความสะดวก ไม่ต้องเดินลงไปชั้นล่างครับ
3. ตู้เย็นเล็กประตูเดียว
จะเป็นตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า 2 แบบแรก ทำให้น้ำหนักมากขึ้นและเคลื่อนย้ายได้ลำบากกว่า แต่ก็มีความจุที่มากกว่าเอามาก ๆ ประมาณ 114-142 ลิตร (4-5 Q) ทำให้แช่ของได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มากพอสำหรับ 2 คน จึงเหมาะสำหรับคนที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียวตามหอพักหรือคอนโดขนาดเล็กที่ชอบทำอาหาร หรือซื้อของมาตุนเตรียมไว้ แต่ด้วยการที่มีประตูเดียว ก็ทำให้ต้องคอยมาละลายน้ำแข็งที่ช่องแช่แข็งอยู่บ่อย ๆ ถ้าไม่ละลายน้ำแข็งละก็ ส่วนหนึ่งจะทำให้อาหารเน่าเสีย เพราะการแลกเปลี่ยนความร้อนทำได้ไม่ดี และอีกส่วนคือ ตู้เย็นจะทำงานเสียงดังมากขึ้น และรบกวนการนอนแบบสุด ๆ เลยครับ
4. ตู้เย็นเล็ก 2 ประตู
หลาย ๆ คนอาจจะงงว่า ตู้เย็นแบบ 2 ประตูมีขนาดเล็กด้วยเหรอ? เดี๋ยวนี้มีแล้วครับ โดยจะมีขนาดและความจุพอ ๆ กับตู้เย็นเล็กแบบประตูเดียวที่ 114-142 ลิตร (4-5 Q) เช่นกัน และด้วยการที่มี 2 ประตู ก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเรื่องละลายน้ำแข็งอีก แต่ก็ทำให้ช่องแช่เย็นมีขนาดเล็กลง เพราะต้องแบ่งพื้นที่ไปให้ช่องแช่แข็ง ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ใช้ช่องแช่แข็งมากนัก การซื้อตู้เย็นเล็กแบบ 2 ประตู ก็ดูจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไร อีกทั้งยี่ห้อส่วนใหญ่จะเป็นยี่ห้อจากประเทศจีน ถ้าไม่แน่ใจเรื่องคุณภาพของสินค้า และยังอยากได้ตู้เย็นขนาดเล็กอยู่ คงต้องไปซื้อแบบ 1 ประตูหรือมินิบาร์แทนครับ
แล้วแบบนี้ จะเลือกซื้อ “ตู้เย็นเล็ก” ยังไงดี?
สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ เลยก็คือ “จุดประสงค์การใช้งาน” และ “พื้นที่” ที่มีอยู่ครับ โดยถ้าอยากได้ตู้เย็นเล็กแบบพกพาหรือเอาไปใช้ในรถยนต์ได้ ก็ต้องซื้อแบบแรกสุด ส่วนถ้าอยู่ห้องขนาดเล็กที่ของเต็มห้อง, แทบจะไม่มีพื้นที่ และไม่เน้นการทำอาหาร หรืออยากจะได้เป็นตู้เย็นสำรองไว้ในห้องนอน ก็แนะนำแบบมินิบาร์ แต่ระวังเรื่องการวางของบนตู้เย็นด้วย ถ้าวางของหนักเกินไป อาจจะทำให้ตู้เย็นมินิบาร์พังได้ และถ้าอยากได้แบบเสียงเงียบ ๆ ก็ต้องซื้อแบบไม่มีคอมเพรซเซอร์ ซึ่งจะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายกว่า แต่ความเย็นก็จะไม่เย็นเท่าครับ
ส่วนถ้าอยู่ตัวคนเดียว และชอบทำอาหาร หรือชอบซื้อของตุนแช่ไว้ในตู้เย็น ก็ต้องเลือกซื้อแบบประตูเดียวหรือ 2 ประตู ส่วนจะซื้อแบบไหนนั้น ถ้าเป็นคนขี้เกียจละลายน้ำแข็ง ก็ไปซื้อแบบ 2 ประตูเถอะครับ ไม่ต้องมาลำบากละลายน้ำแข็งบ่อย ๆ แต่ต้องยอมรับว่า ช่องแช่เย็นก็จะจุของได้น้อยกว่า นอกจากนี้ ถ้าจำเป็นต้องวางตู้เย็นไว้ในห้องนอน ก็อย่าลืมคำนึงถึง “เสียง” การทำงานของเครื่องด้วย พยายามเลือกซื้อเครื่องที่เสียงเบา ๆ แต่ถ้าเป็นคนนอนหลับง่าย ก็ไม่ต้องสนใจในจุดนี้ ส่วนเรื่อง “ค่าไฟ” นั้น ต้องทำใจเลยว่า ตู้เย็นเล็กก็จะกินไฟเช่นกัน และไม่ได้ประหยัดกว่าตู้เย็นแบบใหญ่ ๆ สักเท่าไร ถ้าไม่ติดเรื่องพื้นที่ละก็ แนะนำซื้อแบบขนาดใหญ่จะดีกว่า จ่ายแพงกว่าอีกไม่กี่พัน แต่จุได้จุใจกว่า คุ้มค่ากว่า และค่าไฟก็พอ ๆ กันครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “ตู้เย็นเล็ก” ยี่ห้อไหนดี
สำหรับใครที่ไม่มีเวลาอ่านเนื้อหาทั้งหมด อยากอ่านแบบสรุปรวบยอด หรืออยากเห็นตู้เย็นขนาดเล็กแต่ละยี่ห้อ มาวางเรียงเปรียบเทียบสเปคกันเลยซะมากกว่า ถ้ายังงั้นขอแนะนำให้ลองกดเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบที่ปุ่มด้านล่างได้นะครับ ทางผมได้ทำการสรุปแบบคร่าว ๆ ไว้ให้แล้วครับ
1. ยี่ห้อ Baseus ตู้เย็นมินิ ตู้เย็นขนาดพกพา
ราคาโดยประมาณ 2,090 บาท
ตู้เย็นมินิยี่ห้อ Baseus เป็นตู้เย็นขนาดเล็กที่น่าสนใจ และแอบมียอดขายที่ดีมากในอินเตอร์เน็ทด้วยครับ สงสัยเป็นเพราะว่า ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกแหวกแนว ไม่เหมือนใคร มีดีไซน์สวยสไตล์มินิมอลที่เห็นแล้ว สามารถนำมาใช้ประดับตกแต่งห้องได้ และยังมี 2 สีให้เลือกซื้อตามความชอบกันด้วย ถ้าเพื่อน ๆ หรือญาติ ๆ มาเยี่ยมห้องละก็ ต้องให้ความสนใจกับเจ้าตู้นี้กันแน่ ๆ เท่านั้นยังไม่พอ ยังเคลื่อนย้ายง่ายมากด้วยน้ำหนักเบา 3.5 กิโล จะยกจะหิ้วไปไหนมาไหน ก็ทำได้สบาย ๆ อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้บนรถยนต์ได้ด้วย ส่วนเรื่องเสียงก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะทำงานเบามากในระดับ 28 db แต่ต้องทำใจเรื่องความจุนะครับ เพราะมีความจุที่ 8 L เท่านั้น ก็ถือว่าเอาไว้ใช้เป็นตู้เย็นสำรอง หรือเอาไว้แช่น้ำดื่ม / สกินแคร์ในห้องนอนเท่ ๆ ก็ได้อยู่ครับ
จุดเด่น | ขนาดจิ๋ว / พกพา / ใช้ได้ในรถยนต์ / ดีไซน์สวย |
ขนาด / น้ำหนัก | 360 x 275 x 290 มม. / 3.5 กก. |
ความจุ | 8 L (ประมาณน้ำอัดลม 8 กระป๋อง) |
ระดับเสียง | 28 dB |
กำลังไฟ | 60 W |
2. ยี่ห้อ KEMIN ตู้เย็นมินิ ตู้เย็นขนาดพกพา
ราคาโดยประมาณ 2,290 บาท
KEMIN เป็นตู้เย็นมินิอีกยี่ห้อที่น่าสนใจ มีคุณสมบัติหลาย ๆ อย่าง ทั้งความเงียบ, กำลังไฟ, สามารถพกพา และสามารถใช้บนรถได้เหมือนกับยี่ห้อ Baseus ตัวด้านบน แต่ถ้าเทียบด้านดีไซน์แล้ว อาจจะดูธรรมดา ๆ กว่า (ยกเว้นจะซื้อสีเหลืองมินเนียน ที่แพงกว่าและหาซื้อได้ยากกว่า) แต่ยี่ห้อนี้ จะมีลูกเล่นแปลก ๆ อย่าง “ทัสกรีน” ให้สามารถกดปรับเปลี่ยนอุณหภูมิจากหน้าจอได้เลย อีกทั้งยังพิเศษกว่าตรงที่นอกจากสามารถทำความเย็นได้แล้ว ยังสามารถทำความร้อนได้มากสุดที่ 65 องศาเซลเซียสด้วย จะใช้แช่น้ำดื่ม หรือจะเก็บอาหารร้อนที่ซื้อมาไม่ให้เย็นก็ทำได้ ส่วนความจุก็อยู่ที่ 22 L ซึ่งมากกว่า แต่ในราคาที่พอ ๆ กัน ดังนั้นถ้าเน้นเรื่องความจุ และอยากพกพาได้ ต้องซื้อ KEMIN เลยครับ
จุดเด่น | ขนาดจิ๋ว / พกพา / ใช้ได้ในรถยนต์ / ทัสกรีนและโชว์อุณหภูมิ / ทำความร้อนและเย็นได้ |
ขนาด / น้ำหนัก | 291 x 382 x 422 มม. / 6.89 กก. |
ความจุ | 22 L (ประมาณน้ำอัดลม 29 กระป๋อง) |
ระดับเสียง | 28 dB |
กำลังไฟ | 65 W |
3. ตู้เย็นมินิติดรถยนต์ ไม่มียี่ห้อ
ราคาโดยประมาณ 499 บาท
ถึงแม้ว่าจะไม่มียี่ห้อ แต่ก็มียอดขายดีในอินเตอร์เน็ท และเป็นตู้เย็นมินิที่เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการตู้เย็นพกพาได้ง่าย ราคาถูก และมีติดไว้ในรถยนต์ครับ โดยตัวตู้เย็นจะเป็นแบบฝาเปิดปิดด้านบน จึงช่วยให้เปิดได้สะดวกเวลาอยู่บนรถ และที่ฝาก็ได้ออกแบบมาให้สำหรับวางแก้วหรือกระป๋องเครื่องดื่มได้ 4 ใบ อีกทั้งยังสามารถทำความเย็นและอุ่นความร้อนได้ด้วย แต่ด้วยความที่ราคาถูก ก็ต้องทำใจเรื่องดีไซน์ที่ดูง่าย ๆ และความจุที่ค่อนข้างเล็กเพียงแค่ 6 L ซึ่งแช่กระป๋องน้ำอัดลมได้ประมาณ 6 กระป๋องเท่านั้น ส่วนเรื่องความเย็นก็เหมือนจะทำได้ด้อยกว่าตัวอื่น ๆ ครับ
จุดเด่น | ขนาดจิ๋ว / พกพา / ใช้ได้ในรถยนต์ / ทำความร้อนและเย็นได้ / ราคาถูกมาก |
ขนาด / น้ำหนัก | 317 x 173 x 305 มม. / NA กก. |
ความจุ | 6 L (ประมาณน้ำอัดลม 6 กระป๋อง) |
ระดับเสียง | NA |
กำลังไฟ | 48 W |
4. ยี่ห้อ CCOMO ตู้เย็นเล็กหมีบราวน์ และเจ้าเป็ดแซลลี่
ราคาโดยประมาณ 18,500-19,900 บาท
สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ Line App และชอบเจ้าหมีบราวน์หรือเจ้าเป็ดแซลลี่แบบสุด ๆ สงสัยต้องลองดูตู้เย็นมินิตัวนี้เลยครับ เพราะได้ออกแบบทั้งเครื่องให้เป็นเจ้าหมีบราวน์หรือเจ้าเป็ดแซลลี่ที่มีความน่ารักมุ้งมิ้งเอามาก ๆ เหมาะสำหรับสาว ๆ และเด็ก ๆ แบบสุด ๆ ถ้าได้เอาไปวางไว้ในห้องนอนคงฟินกันน่าดู ซึ่งตัวเครื่องก็สามารถเปิดฝาจากทั้งด้านบนและด้านข้างได้ รวมถึงมีหน้าจอแบบทัสกรีนที่จะโชว์อุณหภูมิ สามารถปรับลดเพิ่มเพื่อให้เหมาะกับของที่แช่ได้เลย เช่น เครื่องดื่มที่ 5-7 องศา สกินแคร์ที่ 11-15 องศา เป็นต้น
และที่พิเศษยิ่งกว่ายี่ห้อไหน ๆ เพราะนอกจากจะเป็นตู้เย็นแล้ว ยังสามารถเป็นลำโพงบูลทูธไว้ค่อยเชื่อมกับมือถือเพื่อเล่นเพลงผ่านบูลทูธได้ด้วย เปิดตู้หยิบสกินแคร์ทาหน้าไป ฟังเพลงไป ก็น่าจะผ่อนคลายไปอีกแบบนะครับ แต่เนื่องจากเป็นตู้เย็นขนาดเล็ก ก็ต้องทำใจเรื่องความจุกันนิดหนึ่ง อีกทั้งราคาก็โหดดดดดดเอามาก ๆๆๆ เนื่องจากเป็นของนำเข้าจากเกาหลี ราคาขายเลยจะแพงแบบสุด ๆ ประมาณหมื่นบาท +++ ถ้าไม่ได้ชอบดีไซน์, ใจไม่รักพอ และเงินไม่ถึง ก็แนะนำซื้อยี่ห้ออื่นดีกว่าครับ
เปิดด้านข้าง หรือด้านบนก็ได้ แช่ขนม นม เนย เครื่องดื่ม หรือเครื่องสำอางก็ดี วางไว้ข้างเตียงก็ฟินสุด ๆ
จุดเด่น | ดีไซน์น่ารักมาก / เป็นลำโพงบูลทูธได้ / เปิดฝาด้านข้างและด้านบนได้ / ทัสกรีนและโชว์อุณหภูมิ / เป็นของตกแต่งห้องได้อย่างดี / ราคาแพงมาก |
ขนาด / น้ำหนัก | 450 x 380 x 680 มม. / 12 กก. |
ความจุ | 31 L (ประมาณน้ำอัดลม 33 กระป๋อง) |
ระดับเสียง | 30 dB |
กำลังไฟ | NA |
5. ยี่ห้อ SONAR ตู้เย็นมินิบาร์ รุ่น RS-A50N
ราคาโดยประมาณ 3,850 บาท
ได้เห็นแต่ตู้เย็นขนาดจิ๋วกันไปหลายตัวแล้ว คราวนี้ลองมาดูแบบตู้เย็นมินิบาร์กันบ้างครับ กับยี่ห้อ SONAR ที่มีความจุที่ 50 L สามารถแช่ของได้เยอะกว่าพวกยี่ห้อบน ๆ แต่ก็จะหนักกว่าที่ประมาณ 18 กก. และที่ดูโดนเด่นกว่าใครก็คงที่ดีไซน์จะมีสีดำสวย พร้อมประตูเป็นแบบกระจกใสสามารถมองเห็นของที่แช่ได้ จึงใช้เป็นของประดับตกแต่งห้องได้เป็นอย่างดี (แต่ต้องเรียงของข้างในสวย ๆ หน่อยนะครับ ถ้าวางระเกะระกะคงดูไม่จืด) อีกทั้งยังเหมาะสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่จะเอาไปตั้งโชว์สินค้าในร้านหรือตามงานเทศกาลออกบูธต่าง ๆ อีกด้วย ส่วนเรื่องเสียงการทำงาน มีหลายคนบอกมาว่า ทำงานดังพอประมาณ ไม่ได้รู้สึกรำคาญแต่อย่างใดครับ
จุดเด่น | โครงสีดำเด่น / ฝากระจกมองเห็นภายในได้ / เหมาะสำหรับใช้กับร้านค้า / คนชอบของที่ไม่เหมือนใคร |
ขนาด / น้ำหนัก | 450 x 470 x 510 มม. / 18 กก. |
ความจุ | 50 L (1.8 Q) |
ระดับเสียง | NA |
กำลังไฟ | NA |
6. ยี่ห้อ Midea Mini Bar ตู้เย็นมินิบาร์ รุ่น HS-65LN
ราคาโดยประมาณ 2,390 บาท
ตู้เย็นมินิบาร์ยี่ห้อ Midea รุ่น HS-65LN เป็นอีกตัวที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย และมียอดขายที่สูงมาก ๆๆๆๆ ในอินเตอร์เน็ท ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะว่า มีราคาที่ย่อมเยามาก ตกเครื่องละประมาณ 2,390 บาทเท่านั้น ซึ่งถูกกว่าตู้เย็นมินิบาร์ยี่ห้ออื่น ๆ อีกทั้งยังมีราคาที่พอ ๆ กับพวกตู้เย็นจิ๋วด้านบน ๆ แต่มีความจุที่มากกว่า 3-4 เท่า ส่วนเรื่องการประหยัดไฟก็ทำได้ดี เพราะมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และที่สำคัญ ถ้าซื้อกับร้านค้าที่เป็นทางการจะได้รับการประกันถึง 5 ปี! อีกด้วย ซึ่งดูรวม ๆ แล้ว ความคุ้มค่าของตู้เย็นมินิบาร์ตัวนี้ ชนะหลาย ๆ ตัวเลยครับ แต่ดีไซน์ก็อาจจะดูน่าเบื่อ ๆ เดิม ๆ ไม่แปลกใหม่แค่นั้นเองครับ
จัดช่องภายในได้ลงตัว ช่องน้ำแข็งก็เย็นดีมาก แต่ต้องทำใจเรื่องความจุ ถ้าไปเทียบกับพวกประตูเดียวหรือ 2 ประตูครับ
จุดเด่น | ยอดขายดี / ราคาย่อมเยา / รับประกัน 5 ปี ถ้าซื้อกับร้านค้าทางการ / ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 |
ขนาด / น้ำหนัก | 475 x 450 x 492 มม. / 17 กก. |
ความจุ | 45 L (1.7 Q) |
ระดับเสียง | NA |
กำลังไฟ | NA |
7. ยี่ห้อ Toshiba ตู้เย็นมินิบาร์ 3 คิว รุ่น GR-A906ZQNW
ราคาโดยประมาณ 4,990 บาท
Toshiba เป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียงจากญี่ปุ่นที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว และมั่นใจในเรื่องคุณภาพของสินค้าได้อย่างแน่นอน โดยตู้เย็นมินิบาร์ รุ่น GR-A906ZQNW เป็นรุ่นที่เหมาะมาก ๆ สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่พักอาศัยอยู่ตัวคนเดียวในห้องขนาดไม่ใหญ่มาก และยังต้องการตู้เย็นขนาดเล็กแบบมินิบาร์ แต่ต้องการความจุที่มากกว่าทั่ว ๆ ไป เพราะตู้เย็นตัวนี้ มีความจุถึง 3 Q หรือ 86 L กันเลยทีเดียว จึงแช่ของได้เยอะมากขึ้น จุใจมากขึ้น จะแช่ของสำหรับทำอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พอไหว ส่วนด้านดีไซน์ก็เรียบ ๆ แต่สวยดูกลมกลืนไปกับห้องได้อย่างดี และก็มีการรับประกันสินค้าที่ 1 ปี กับตัวคอมเพรสเซอร์ 5 ปีด้วย (เมื่อซื้อผ่านร้านค้าทางการ) ก็ถือว่าเป็นตู้เย็นมินิบาร์อีกตัวที่น่าสนใจครับ
มีความจุที่ใหญ่ขึ้น จึงมีช่องชั้นต่าง ๆ ที่มากขึ้น แช่ของได้มากขึ้นด้วยครับ
จุดเด่น | ตู้เย็นมินิบาร์ทรงสูง / มีความจุที่มากกว่า / ประกันสินค้า 1 ปี / ประกันคอมเพรสเซอร์ 5 ปี |
ขนาด / น้ำหนัก | 475 x 500 x 756 มม. / 22.5 กก. |
ความจุ | 86 L (3 Q) |
ระดับเสียง | NA |
กำลังไฟ | 72 W |
8. ยี่ห้อ Haier ตู้เย็นเล็กประตูเดียว 5 คิว Muse series รุ่น HR-CEQ15
ราคาโดยประมาณ 4,690 บาท
สำหรับใครที่อยู่ตัวคนเดียว ชอบทำอาหาร และอยากได้ตู้เย็นขนาดเล็กที่สามารถแช่ของได้มากกว่าพวกตู้เย็นมินิบาร์และขนาดจิ๋ว ต้องขอแนะนำแบบประตูเดียวของยี่ห้อ Haier Muse series รุ่น HR-CEQ15 ซึ่งได้รับความนิยมดีมาก และมียอดขายที่มากกว่าพันเครื่องในอินเตอร์เน็ทด้วยครับ โดยตัวเครื่องจะมีความจุที่ 147 L หรือ 5.2 Q พร้อมชั้นวางภายในที่เป็นแบบกระจกนิรภัยที่รองรับน้ำหนักได้มากถึง 120 กก. จะแช่จะวางอะไรก็ไม่ต้องกลัวชั้นวางหัก อีกทั้งช่องแช่ผักก็มีขนาดใหญ่ และชั้นบนของตัวตู้เย็นก็เป็นแบบ Smart Top ที่ทั้งกันลื่นและกันความร้อน จึงสามารถวางไมโครเวฟได้อย่างชิล ๆ ช่วยประหยัดพื้นที่ไปในตัวด้วย
นอกจากนี้ ก็มีสามสี ม่วง, ฟ้า, เงินให้เลือกซื้อตามความชอบกัน ชอบสีไหนก็จัดไป อีกทั้งประกันก็ยาวนานมาก (ดูได้จากด้านล่าง) แต่เนื่องจากเป็นแบบประตูเดียว ต้องขยันในการละลายน้ำแข็งด้วยนะครับ ส่วนใครที่คิดว่า ความจุที่ 5.2 Q นั้นยังน้อยไป ไม่เพียงพอ ทาง Haier ก็มี Muse series อีกรุ่น HR-CEQ18 ที่มีลักษณะเหมือนกัน แต่มีความจุใหญ่กว่าที่ 6.3 Q หรือ 177 ลิตร กับราคาประมาณ 5,000 บาท ก็จ่ายเงินเพิ่มจากตัวนี้ไปอีกนิด ก็ได้ขนาดใหญ่ขึ้น ก็อาจจะคุ้มค่ากว่าครับ
จุดเด่น | สีสันสวยงาม มีหลายสีให้เลือกซื้อ / ความจุเยอะ / ชั้นวางของกระจกนิรภัยรับน้ำหนักได้ 120 กก. / ชั้นบนสุดเป็น Smart Top / ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 / รับประกันตัวเครื่องและอะไหล่ 3 ปี / ประกันคอมเพรสเซอร์ 10 ปี |
ขนาด / น้ำหนัก | 540 x 580 x 105 มม. / 31 กก. |
ความจุ | 147 L (5.2 Q) |
ระดับเสียง | NA |
กำลังไฟ | NA |
9. ยี่ห้อ Sonar ตู้เย็นเล็ก 2 ประตู 3 คิว รุ่น RD-H95N
ราคาโดยประมาณ 4,290 บาท
ใครที่อยากได้ตู้เย็นขนาดเล็ก แต่ไม่อยากได้แบบตู้เย็นมินิบาร์, ขนาดจิ๋ว หรือประตูเดียว ถ้ายังงั้นต้องซื้อ Sonar ตู้เย็นเล็ก 2 ประตู รุ่น RD-H95N ตัวนี้เลยครับ โดยตัวเครื่องจะมีขนาดที่เล็กมากพอ ๆ กับตู้เย็นมินิบาร์ของ Toshiba ตัวด้านบน และน้ำหนักก็น้อยที่ 28 กก. อาจจะหนักกว่าพวกจิ๋ว ๆ แต่ก็ยังพอยกเคลื่อนย้ายไปมาได้ง่ายอยู่ ส่วนความจุจะอยู่ที่ 95 L หรือ 3.4 Q ซึ่งน้อยกว่า Haier ประตูเดียวตัวด้านบนอีก แต่เครื่องนี้ได้ 2 ประตู! ก็ถือว่าเป็นตู้เย็นขนาดเล็กที่ทำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบอยู่คนเดียวเอามาก ๆ ไม่ว่าจะขี้เกียจล้างละลายน้ำแข็ง อยากมีช่องแช่งแข็งแยกต่างหาก และจุของกินกับเครื่องดื่มได้พอประมาณครับ
จุดเด่น | ตู้เย็นขนาดเล็กมี 2 ประตู / ไม่ต้องเหนื่อยละลายน้ำแข็ง / ประหยัดพื้นที่ / รับประกันสินค้า 1 ปี เมื่อซื้อกับร้านค้าทางการ |
ขนาด / น้ำหนัก | 455 x 540 x 832 มม. / 28 กก. |
ความจุ | 95 L (3.4 Q) แบ่งเป็นช่องแช่แข็ง 24 ลิตร ช่องแช่เย็น 71 ลิตร |
ระดับเสียง | NA |
กำลังไฟ | NA |
10. ตู้เย็นเล็ก 2 ประตู ไม่มียี่ห้อ 4 คิว
ราคาโดยประมาณ 2,599 บาท
ตู้เย็นเล็ก 2 ประตู ถึงแม้ว่าจะไม่มียี่ห้อ แต่ก็เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ มียอดขายที่ใช้ได้ในอินเตอร์เน็ท และมีราคาที่ย่อมเยาเอามาก ๆ ตกเครื่องละประมาณ 2,599 บาทเท่านั้น ถ้าเทียบกับตู้เย็นเล็กหลาย ๆ ยี่ห้อ ก็ถือว่าถูกกว่ามาก ๆ เลยครับ ซึ่งถ้าสังเกตจากขนาดและน้ำหนักด้านล่าง จะเห็นว่า ตัวเครื่องมีความแคบและสูง ไม่ได้อ้วนออกข้างเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่แคบ ๆ เอามาก ๆ และน้ำหนักก็เบาสุด ๆ ที่ 12 กก. เท่านั้น เคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวกแบบสุด ๆ ส่วนความจุก็มากถึง 118 L หรือ 4.1 Q เลยทีเดียว ก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้ตู้เย็นขนาดเล็กที่มี 2 ประตูครับ
จุดเด่น | ตัวเครื่องแคบและสูง / เบามาก / มีความจุเยอะสำหรับตู้เย็นขนาดเล็กที่มี 2 ประตู |
ขนาด / น้ำหนัก | 340 x 380 x 690 มม. / 12 กก. |
ความจุ | 118 L (4.1 Q) แบ่งเป็นช่องแช่แข็ง 40 ลิตร ช่องแช่เย็น 78 ลิตร |
ระดับเสียง | NA |
กำลังไฟ | NA |
ก็จบไปแล้วกับ “ตู้เย็นเล็ก” ยี่ห้อไหนดี กันถึง 10 ยี่ห้อและหลายประเภทด้วยกัน สนใจอยากจะซื้อตัวไหน ยี่ห้อไหนไปใช้งานที่บ้านหรือที่ห้องพักบ้างครับ? ก่อนซื้อก็อยากจะขอเตือนกันนิดหนึ่งว่า ตู้เย็นที่เอามาให้ดูทั้งหมดนี้ มีขนาดที่เล็กมากและเล็กกว่าตู้เย็นตามบ้านทั่วไป อย่าคาดหวังว่าจะแช่ของได้เยอะ จะเน้นไปที่ประหยัดพื้นที่เป็นหลักซะมากกว่า หรือเอาไว้ใช้เพื่อเป็นตู้เย็นสำรองครับ ยังไงก็ขอให้ได้ยี่ห้อที่ถูกใจ ซื้อแล้วตอบโจทย์ต่อความต้องการ แช่ของได้ตามสมควรกันด้วยครับผม
บรรณาธิการที่มีประสบการณ์ในการเขียนรีวิวสินค้าหลายชนิด
- สุขภาพ: อาหารเสริม, ออกกำลังกาย, การดูแลผิวพรรณ
- เครื่องใช้ไฟฟ้า: สมาร์ทโฮม, เครื่องใช้ในครัว, เครื่องใช้ในบ้าน, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
- ของกิน: ขนมหวาน เครื่องดื่ม, อาหารสุขภาพ, และเทรนด์อาหารอื่น ๆ