The Ordinary ตัวไหนดี รีวิว 10 ตัว ที่คนนิยมใช้

รูปภาพปกบทความ The Ordinary ตัวไหนดี รีวิว 10 ตัว ที่คนนิยมใช้

ถ้าได้เข้ามาอ่านที่บทความนี้ แสดงว่า สนใจในตัวสกินแคร์ของยี่ห้อ “The Ordinary” กันสินะคะ แต่อาจจะไม่รู้ว่า จะซื้อผลิตภัณฑ์ตัวไหนดี เพราะยี่ห้อนี้มีขายผลิตภัณฑ์กันหลายตัวเอามาก ๆ ตั้งแต่โฟมล้างหน้า, มอยเจอร์ไรเซอร์ ไปจนถึงเซรั่มบำรุงผิวที่ถือว่า เป็นผลิตภัณฑ์ตัวเด็ด, ตัวหลัก และตัวสร้างชื่อของยี่ห้อนี้กันเลยทีเดียว แต่เจ้าเซรั่มเนี่ย ก็ดันมีขายกันหลายสูตร และหลายชนิดเอามาก ๆ ทำให้หลาย ๆ คนอาจจะงง ๆ ไม่รู้จะซื้อผลิตภัณฑ์ The Ordinary ตัวไหนดี ถ้ายังงั้นมาดูรีวิว 10 ผลิตภัณฑ์ ที่เราได้คัดมาให้แล้วว่า เป็นตัวที่คนนิยมใช้, ขายดี และเป็นตัว Top ของยี่ห้อนี้กันดีกว่า ถ้าตั้งใจอ่านจนจบ รับรองว่า ได้เสียเงินกันแน่ ๆ ค่ะ!



มาทำความรู้จักกับยี่ห้อ “The Ordinary” กันสักนิด

มาทำความรู้จักกับยี่ห้อ "The Ordinary" กันสักนิด

ภาพจาก The Ordinary

The Ordinary เป็นแบรนด์ของสัญชาติอังกฤษโดยมีผู้ก่อตั้งคือ คุณ Brandon Truaxe และ คุณ Nicola Kilner โดยทั้งสองมีใจรักในความสวยความงาม และอยากจะสร้างปรากฏการณ์และการเปลี่ยนแปลงของวงการสกินแคร์ ให้สกินแคร์มีราคาที่ถูกลง เพื่อให้ทุก ๆ คนสามารถจับต้องได้ แต่ประสิทธิภาพในการบำรุงยังคงต้องดีเช่นเดิม ด้วยความมุ่งมั่นนี้เอง จึงทำให้ยี่ห้อ The Ordinary เติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นที่ถูกใจของใครหลาย ๆ คนเลยค่ะ (สนใจอ่านรายละเอียดแบรนด์เพิ่มเติม ก็คลิกเลยค่ะ)

แต่ก่อนที่จะไปอ่านรีวิวและซื้อสกินแคร์กันนั้น เราอยากจะขอเตือนกันนิดหนึ่งว่า “ดีไซน์แพ็กเกจ” ของผลิตภัณฑ์แต่ละตัวยี่ห้อนี้ จะเน้นดีไซน์แบบมินิมอล และเน้นสีขาว ดูสะอาด มองดูผ่าน ๆ ก็ดูสวยดี แต่ทำให้ผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัว แอบดูคล้าย ๆ กันไปหมด จึงทำให้แยกออกจากกันยากกกกกกมากกกก ถ้าคนที่ไม่เคยซื้อยี่ห้อนี้มาก่อน อาจจะงงได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาจะซื้อต้องดู “ชื่อสินค้า” ให้ดี ๆ นะคะ เราซื้อผิดมาแล้วค่ะ

The Ordinary ตัวไหนดี

เห็นผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ตัวไหมคะ ดีไซน์มินิมอล ขาว ๆ เทา ๆ ดูเหมือนกันมาก ๆ แต่ทั้ง 4 ตัวคือ ผลิตภัณฑ์คนละชนิดกันค่ะ!


ตารางเปรียบเทียบรีวิว “The Ordinary” ตัวไหนดี

ตารางเปรียบเทียบรีวิว "The Ordinary" ตัวไหนดี

สำหรับสาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่ไม่มีเวลาอ่านเนื้อหาทั้งหมด หรืออยากจะอ่านแบบสรุปรวบยอดไปเลยเพราะง่ายกว่า ก็ลองกดเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบที่ปุ่มด้านล่างได้เลยนะคะ ทางเราได้ทำการสรุปแบบคร่าว ๆ ไว้ให้แล้ว และถ้าใครสนใจอยากเห็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์แต่ละตัวละก็ ก็กดอีกปุ่มได้เลยค่ะ



1. รีวิว The Ordinary, Niacinamide 10% + Zinc 1%

ถ้าพูดถึงสกินแคร์ของ The Ordinary แล้วละก็ ตัวที่ขายดีมากที่สุด มีคนชอบใช้กันมากที่สุด ถูกพูดถึงมากที่สุด และเป็นตัวที่ It’s a must! ของมันต้องมี ต้องยกให้กับเซรั่ม Niacinamide 10% + Zinc 1% ตัวนี้เลยค่ะ เพราะมีส่วนผสมตัวเด็ดอย่าง Niacinamide หรือ Vitamin B3 ที่มีความเข้มข้นสูงถึง 10% โดยจะมาช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้ารอบด้าน ไม่ว่าจะ ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ, กระชับรูขุมขน, ปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน, เติมน้ำให้ผิวมีความชุ่มชื้น, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน, ลดสิว และอื่น ๆ อีกเพียบ

นอกจากนี้ ก็ยังได้ Zinc หรือ สังกะสี 1% มาช่วยควบคุมไม่ให้ผิวหน้าผลิตน้ำมันส่วนเกิน เมื่อหน้าไม่มันแล้ว โอกาสการเกิดสิวก็ลดน้อยลงไปด้วย เรียกได้ว่า เป็นเซรั่มที่ทุกคนต้องเลิฟ ๆๆๆๆ จริง ๆ ค่ะ คอนเฟิร์มจากหลาย ๆ คนที่ได้ลองใช้แล้ว ก็มีแต่เสียงไปทาง +++ ใช้แล้วสภาพผิวหน้าดีขึ้นมาก ๆ รูขุมขนก็ดูเล็กลงด้วย แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาสักหน่อยนะคะ ถึงจะเริ่มเห็นผิวที่ดีขึ้น บางคนต้องใช้ 3-4 ขวดเลยค่ะ

อย่างไรก็ตาม ทางแบรนด์เขาก็ได้บอกไว้ว่า ถึงเซรั่มตัวนี้จะช่วยลดสิวได้ แต่ไม่ได้เป็นการรักษาสิวที่ตรงจุด ถ้าใครที่หน้ามีสิวเยอะอยู่แล้ว ทางแบรนด์ก็ยังคงแนะนำให้ใช้ Benzoyl Peroxide หรือ Retinoic Acid เพิ่มเติมในการรักษาสิวจะดีกว่า และอีกจุดที่ต้องระวังก็คือ ถ้าใครใช้สกินแคร์ที่มีวิตามินซีเป็นส่วนผสม ทางแบรนด์ก็แนะนำว่า อย่าทาพร้อมกัน ควรจะแยกทากันคนละช่วงเวลา เช่น ถ้าทาเซรั่มตัวนี้ตอนเช้า ก็ค่อยใช้วิตามินซีตอนกลางคืน เพราะ Niacinamide จะทำให้วิตามินซีบำรุงได้ไม่เต็มที่ค่ะ

ประเภทเซรั่ม
จุดเด่นลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ / ปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน / ควบคุมความมันส่วนเกิน / ลดสิว
ส่วนผสมหลักNiacinamide / Zinc PCA
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  /

2. รีวิว The Ordinary, Hyaluronic Acid 2% + B5

ไหน ๆ ใครที่มีผิวหน้าแห้งกร้าน ผิวลอกเป็นขุย ๆ หน้าดูขาดน้ำทรุดโทรมแบบสุด ๆ แล้วละก็ ต้องขอแนะนำให้ใช้เซรั่ม The Ordinary, Hyaluronic Acid 2% + B5 ตัวนี้เลยค่ะ เพราะมีส่วนผสมอย่าง “กรดไฮยาลูโรนิค” ตัวเด็ดที่ช่วยในการเติมน้ำให้กับผิวได้ดีแบบสุด ๆ ซึ่งเซรั่มตัวนี้เอง ก็มีกรดไฮยาที่เข้มข้นถึง 2% และยังมีถึง 3 ขนาดโมเลกุลเล็ก, กลาง และใหญ่อีกด้วย จึงช่วยฟื้นฟูให้ผิวมีความชุ่มชื้นตั้งแต่ระดับผิวหน้าชั้นนอก จนถึงระดับลึกถึงผิวชั้นในกันเลยทีเดียว ไม่พอยังได้วิตามิน B5 มาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอีกแรงด้วยค่ะ

และจากเสียงตอบรับของผู้ใช้หลาย ๆ คน ต่างก็บอกกันว่า สภาพผิวหน้าที่เคยแห้ง ๆ หน้าดูหมอง ๆ โทรม ๆ ดูสุขภาพไม่ดี พอได้ใช้เซรั่มตัวนี้แล้ว สภาพผิวหน้าก็ดูอิ่มน้ำ ฉ่ำน้ำมาก ๆ คนที่มีผิวแห้งถูกใจกันแบบสุด ๆ ยิ่งสาว ๆ ที่ชอบแต่งหน้า ก็บอกว่า พอผิวหน้าดีขึ้น ก็แต่งหน้าได้สนุกขึ้นด้วย ส่วนคนที่มีผิวมัน ความมันบนใบหน้าที่เคยมีก็ลดลง และเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของ Paraben / Alcohol / น้ำหอม จึงเหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายอีกด้วย ช่วยทั้งเติมน้ำและเติมความแข็งแรง ผิวหน้าจึงไม่แพ้ต่อสิ่งต่าง ๆ ง่าย ๆ อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่มีผิวหน้าอิ่มน้ำอยู่แล้ว เซรั่มตัวนี้ก็ไม่มีความจำเป็นเลยค่ะ

ประเภทเซรั่ม
จุดเด่นเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว
ส่วนผสมหลักSodium Hyaluronate / Sodium Hyaluronate Crosspolymer / Glycerin / Panthenol
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แต่ถ้าผิวอิ่มน้ำอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็น
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  /

3. รีวิว The Ordinary, Azelaic Acid Suspension 10%

The Ordinary, Azelaic Acid Suspension 10% เป็นสกินแคร์ที่มาในรูปแบบของครีมเจลที่มีส่วนผสมหลัก ๆ ก็คือ Azelaic Acid ซึ่งเป็นกรดที่ถูกผลิตขึ้นจาก “ยีสต์” ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังที่มีสุขภาพดี นั้นหมายความว่า ถ้าผิวสุขภาพแย่ลง ก็จะมีกรด Azelaic ลดลง แล้วทำให้สุขภาพผิวหน้าแย่ตามไปด้วย การเติมกรด Azelaic จึงช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ได้ และกรด Azelaic จะมีคุณสมบัติในการช่วยปรับสีผิวให้ดูสว่างกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งลดเลือนจุดด่างดำต่าง ๆ และยังช่วยปรับให้ผิวหน้ามีความเรียบเรียนสม่ำเสมอ รวมถึงมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียตัวร้ายอีกสาเหตุของการเกิดสิวด้วย เรียกได้ว่า เป็นส่วนผสมอีกตัวที่ช่วยบำรุงผิวรอบด้านพอ ๆ กับ Niacinamide (วิตามิน B3) เลยค่ะ

โดยมีรีวิวของผู้ใช้งานจริงได้บอกมาว่า Azelaic Acid Suspension 10% ตัวนี้ เป็นสกินแคร์ของ The Ordinary ที่เจ้าตัวชอบมากที่สุด ใช้แล้วแก้ปัญหาเรื่องสิวและริ้วรอยได้ดีมาก ผิวดูดีขึ้นจนคนรอบข้างทัก และราคาก็ไม่แพงมากด้วย หลาย ๆ คนติดใจซื้อใช้ต่อกันยาว ๆ เลยค่ะ และก็มีคนที่ได้ใช้ทั้งตัวนี้ และเจ้าเซรั่ม Niacinamide 10% + Zinc 1% ตัวด้านบนบำรุงผิวหน้าพร้อมกันด้วย ผลปรากฏว่า ผิวหน้าดูดีขึ้น ดูสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด เห็นกันแบบนี้แล้ว ต้องรีบไปสอยมาใช้ด่วน ๆ ค่ะ

ประเภทครีมเจล
จุดเด่นปรับสภาพผิวให้สว่างกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น / ลดเลือนจุดด่างดำและริ้วรอยต่าง ๆ / ลดสิว
ส่วนผสมหลักAzelaic Acid เข้มข้น 10%
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  /


4. รีวิว The Ordinary, “Buffet” + Copper Peptides 1%

จริง ๆ เซรั่มของ The Ordinary รุ่นแรกที่มีชื่อแค่ว่า “Buffet” ก็เป็นรุ่นที่ขายดี เป็นจุดขายของแบรนด์ และได้รับความนิยมใช้ทาบำรุงผิวหน้ากันมาก เพราะมีส่วนผสมหลัก ๆ อย่าง “เปปไทด์” ถึง 6 ชนิดที่จะมาช่วยเติมเต็มให้ผิวที่มีริ้วรอยต่าง ๆ กลับมาดูแน่น เรียบ เนียน อีกครั้ง และยังเสริมด้วยกรดไฮยาโรลูนิคหลายโมเลกุลที่จะมาช่วยเติมน้ำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี อีกทั้งความเข้มข้นของส่วนผสมเหล่านี้ก็สูงถึง 25.1% ด้วยนะคะ จัดหนักจัดเต็มส่วนผสมในการบำรุงผิวแบบสุด ๆ รวม ๆ แล้ว “Buffet” จึงเป็นเซรั่มที่จะช่วยในการต่อสู้กับ “สัญญาณแห่งวัย” ที่ดีมาก ๆ ใครที่กลัวดูแก่ก่อนวัย หรือริ้วรอยเริ่มถามหา เซรั่มตัวนี้ ตอบโจทย์เลยค่ะ

แต่ ณ ตอนนี้ มีเซรั่มตัวใหม่ที่ดียิ่งกว่า และแพงยิ่งกว่ากับแพงที่สุดของผลิตภัณฑ์ The Ordinary อย่าง “Buffet” + Copper Peptides 1% ที่เป็นรุ่นที่พัฒนาสูตรมาจากรุ่นเดิมอย่าง “Buffet” โดยส่วนผสมหลัก ๆ ยังคงเดิม บำรุงผิวหน้าได้ดีเช่นเดิม แต่ได้เพิ่ม Copper Peptides 1% ที่เป็นเปปไทด์บริสุทธิ์ที่จะมาช่วยเสริมเรื่องการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน, การผลิต Fibroblast (คอลลาเจนและอิลาสติน) และยังช่วยในการต้านทานการอักเสบอีกด้วย ผิวหน้าจึงมีความแข็งแรงมากขึ้น และดูอ่อนเยาว์ยิ่งกว่า แต่เนื่องจากราคาค่อนข้างแพง ถ้าอยากเซฟเงินให้ใช้รุ่น “Buffet” แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา ขอแนะนำ “Buffet” + Copper Peptides 1% ตัวนี้เลยค่ะ

ประเภทเซรั่ม
จุดเด่นปกป้องผิวจากสัญญาณแห่งวัย รวมถึงริ้วรอยต่าง ๆ / เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว
ส่วนผสมหลักCopper Tripeptide-1 / Acetyl Hexapeptide-8 / Pentapeptide-18 / Palmitoyl Tripeptide-1 / Palmitoyl Tetrapeptide-7 / Palmitoyl Tripeptide-38 / Dipeptide Diaminobutyroyl Benzylamide Diacetate / Sodium Hyaluronate Crosspolymer / Sodium Hyaluronate
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  /

5. รีวิว The Ordinary, Natural Moisturizing Factors + HA

The Ordinary ตัว Natural Moisturizing Factors + HA เป็นครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ในไทยเหมือนไม่ค่อยได้รับความนิยมใช้กันเท่าไร แต่ที่ต่างประเทศกลับได้รับความนิยมเอามาก ๆ และถือว่า เป็นสินค้าขายดีอีกตัวของแบรนด์ด้วยค่ะ โดยตัวครีมจะมีส่วนผสมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กรดอะมิโนหลายชนิด, กรดไขมัน, เซราไมด์, ฟอสโฟลิปิด, กลีเซอรีน, กรดไฮยาลูโรนิก และส่วนผสมอื่น ๆ ซึ่งรวม ๆ แล้วครีมตัวนี้ จะช่วยในเรื่องของการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าเหมือนกับ Hyaluronic Acid 2% + B5 ตัวด้านบน แต่ถ้าเน้นเรื่องการบำรุง ตัวเซรั่มจะดีกว่าค่ะ

แล้วครีมตัวนี้มีดีอะไร? โดยทางแบรนด์ได้แนะนำว่า ให้ใช้หลังจากบำรุงผิวด้วยเซรั่มแล้ว จึงเหมือนกับเป็นตัวเสริมในการบำรุงผิวที่จะมาช่วยเรื่องความชุ่มชื้น และยังช่วยล็อคกับเคลือบผิวหน้า เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียน้ำออกจากผิวด้วย พูดง่าย ๆ ว่า เป็นครีมที่อยากจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ แต่เผื่อสุขภาพผิวหน้าที่ดีมากขึ้น ก็แนะนำว่า ใช้เถอะค่ะ อีกทั้งราคาก็ไม่แพงด้วย ไม่แน่ว่า ใช้ ๆ ไปแล้วเกิดถูกใจ จนใช้แต่ครีมตัวนี้อย่างเดียว ลืมสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ไปเลยค่ะ

ประเภทครีมมอยเจอร์ไรเซอร์
จุดเด่นเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว / ปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียน้ำ / ราคาถูก
ส่วนผสมหลักGlycerin / Sodium Hyaluronate
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  (มีแต่ Alcohol ที่ดีต่อผิว) /

6. รีวิว The Ordinary, Squalane Cleanser

ได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิวหน้ากันไปหลายตัวแล้ว คราวนี้ลองมาดูโฟมล้างหน้าของ The Ordinary กันบ้างกับ Squalane Cleanser เป็นสินค้าอีกตัวที่เมืองไทยไม่ค่อยนิยมใช้กันเท่าไร แต่เมืองนอกถือว่า เป็นอีกตัวที่ขายดีของแบรนด์เลยค่ะ แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนทั่ว ๆ ไปสักเท่าไรนัก จะเหมาะสำหรับสาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่ชอบแต่งหน้ากันซะมากกว่า เพราะโฟมล้างหน้าตัวนี้ มีส่วนผสมหลัก ๆ อย่าง Squalane และ Lipophilic Esters ที่มีประสิทธิภาพในการละลายเครื่องสำอาง, ครีมกันแดด และสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้อย่างหมดจด หน้าจึงสะอาดเกลี้ยงเกลา แต่ให้ความรู้สึกของผิวที่ละมุน นุ่มนิ่ม ชุ่มชื้น และไม่ถูกทำร้ายจากสารทำความสะอาดค่ะ

ส่วนวิธีการใช้ ก็จะค่อนข้างพิเศษและแตกต่างจากโฟมล้างหน้ายี่ห้ออื่น ๆ นะค่ะ โดยต้องบีบเนื้อโฟมลงบนฝ่ามือก่อน จากนั้นก็ถูวน ๆ ระหว่างฝ่ามือสัก 10-30 วินาที เพื่อให้เนื้อโฟมแตกตัว แล้วกลายมาเป็นเนื้อออย จากนั้นจึงนำไปใช้นวดหน้าที่ยังแห้งอยู่ให้ทั่ว ๆ ซึ่งตัวเนื้อออยจะเข้าไปดูดซับเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้หลุดลอกออกจากผิวหน้า จากนั้นจึงล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นค่ะ และมีรีวิวของผู้ใช้จริงหลายคนเลย ได้บอกไว้ว่า ชอบบมากก ใช้ล้างหน้าแล้วหน้าสะอาด นุ่ม ไม่รู้สึกแห้งตึงเลย แต่ก็มีบางคนไม่ชอบ เพราะต้องใช้เนื้อโฟมปริมาณค่อนข้างมากถึงจะล้างได้สะอาด อีกทั้งค่อนข้างเสียเวลาที่ต้องมานวด ๆ วอม ๆ เนื้อโฟมให้แตกตัวก่อน ในขณะที่โฟมยี่ห้ออื่น ๆ แค่บีบออกมาก็ใช้ล้างหน้าได้เลยค่ะ

ประเภทโฟมล้างหน้า
จุดเด่นล้างเครื่องสำอางได้หมดจด / อ่อนโยนต่อผิว
ส่วนผสมหลักSqualane / Lipophilic Esters
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  /


7. รีวิว The Ordinary, Glycolic Acid 7% Toning Solution

สาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่กลัวว่า ใช้แค่โฟมล้างหน้าทำความสะอาดผิวแล้ว ยังทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ ยังมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ ถ้ายังงั้นขอแนะนำให้ใช้โทนเนอร์ที่เป็นสินค้าขายดี และมีชื่อเสียงของแบรนด์อย่าง Glycolic Acid 7% Toning Solution เช็ดผิวกันต่อเลยค่ะ ซึ่งนอกจากจะช่วยทำความสะอาดผิวแล้ว ยังช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงขั้นตอนต่อไป และทำให้สกินแคร์ต่าง ๆ สามารถซึมเข้าบำรุงผิวได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงเปรียบเสมียนเป็นตัวช่วยนำพาสกินแคร์เข้าสู่ผิวนั้นเองค่ะ

ความดีงามยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพราะโทนเนอร์ตัวนี้ มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิกที่เข้มข้นถึง 7% จึงช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หลุดลอกออกไป และทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น เสริมเพิ่มด้วยส่วนผสมของ Tasmanian Pepperberry ที่จะมาช่วยลดการระคายเคืองที่เกิดขึ้นจากการใช้กรดบำรุงผิว ไม่ให้ผิวรู้สึกแสบร้อน กับลดอาการคัน ๆ ยุบยิบบนใบหน้า และยังมีโสมกับว่านหางจระเข้ที่จะมาช่วยกันปลอบประโลมผิวอีกด้วย เรียกได้ว่า ช่วยเสริมทัพการบำรุงผิวให้ผิวดูสุขภาพดีแบบสุด ๆ แต่ทางแบรนด์ก็ได้เตือนมาว่า ไม่ควรใช้กับผิวที่บอบบาง และควรใช้กันแดดอย่างสม่ำเสมอ ส่วนวิธีการใช้งานที่ดีที่สุด ก็คือใช้ตอนกลางคืน เพียงวันละ 1 ครั้งก็พอค่ะ

ประเภทโทนเนอร์
จุดเด่นเช็ดทำความสะอาดผิวเพิ่มเติม / ปรับสภาพผิวให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น / ช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใส
ส่วนผสมหลักGlycolic Acid / Tasmanian Pepperberry / Ginseng Root / Aloe Vera 
เหมาะสำหรับผิวธรรมดา / ผิวมัน / ผิวผสม
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  /

8. รีวิว The Ordinary, AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution

ถ้าคิดว่า Niacinamide 10% + Zinc 1% ตัวด้านบนสุดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีของยี่ห้อนี้แล้ว เราอยากจะบอกว่า AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution ตัวนี้ ก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ขายดีสูสีพอ ๆ กันเลยค่ะ ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่านั้น ก็เพราะว่ามีส่วนผสมอย่างกรด AHA เข้มข้นถึง 30% ที่จะมาช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบนสุดให้หลุดออก จึงเผยเซลล์ผิวใหม่ที่ดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน และมีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีกรด BHA ที่ 2% ที่จะมาช่วยผลัดเซลล์ในระดับชั้นที่ลึกกว่า จึงช่วยขจัดความสกปรก และสิ่งอุดตันทั้งหลายในรูขุมขน เมื่อรูขุมขนสะอาดเกลี้ยงเกลา จึงช่วยลดโอกาสของการเกิดสิวนั้นเองค่ะ

และจากที่เห็นขวดผลิตภัณฑ์เหมือนขวดเซรั่มทั่ว ๆ ไป แต่จริง ๆ แล้ว ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ จะเป็นมาส์กหน้าในรูปแบบของเหลวนะคะ โดยทางแบรนด์ก็ได้บอกวิธีการใช้ไว้ว่า เมื่อล้างหน้าจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว รอให้ผิวแห้ง จากนั้นจึงทามาส์กตัวนี้ให้ทั่วหน้าและลำคอ ระวังบริเวณดวงตาด้วย เพราะมีคนบอกว่า เข้าตาแล้ว แสบนรกมาก! เมื่อทาเสร็จเรียบร้อย ให้ปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที (อย่าปล่อยไว้เกิน 10 นาทีนะคะ) แล้วจึงล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นค่ะ และที่สำคัญควรใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้น ไม่ควรมากกว่านี้ ไม่งั้นผิวจะบอบบางมาก ๆ เกินความจำเป็น อีกทั้งอย่าลืมใช้กันแดดเผื่อปกป้องผิวกันด้วยค่ะ

ประเภทมาส์กหน้า
จุดเด่นผลัดเซลล์ผิวเก่าเผยเซลล์ผิวใหม่ที่ดูสว่างกระจ่างใส / ช่วยลดและป้องกันสิว / ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน
ส่วนผสมหลักAHA / BHA
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แต่ผิวบอบบางต้องระวัง
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  /

9. รีวิว The Ordinary, Caffeine Solution 5% + EGCG

หลาย ๆ คนชอบบำรุงผิวหน้าอย่างจัดหนักจัดเต็ม แต่ดันลืมบำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาซะงั้น ทำให้ผิวบริเวณอื่น ๆ ดูดีมาก แต่ดวงตากลับบวม คล้ำ ดูเหมือนคนอดหลับอดนอนสุขภาพไม่ดีไปซะอีก ถ้ายังงั้นขอแนะนำให้ใช้เซรั่มสำหรับผิวรอบดวงตา Caffeine Solution 5% + EGCG ตัวนี้เลยค่ะ ด้วยส่วนผสมของ Caffeine ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดเซลลูไลท์ ซึ่งเป็นไขมันตัวร้ายที่จะมาอัดแน่นกันใต้ผิวหนัง แล้วทำให้ผิวนูนเป็นก้อนใต้ตาดูน่าเกลียดนั้นเอง

อีกทั้งยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากใบชาเขียว Epigallocatechin Gallatyl Glucoside (EGCG) ที่จะมาช่วยลดอาการบวม รวมถึงรอยคล้ำใต้ตา และยังช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระอีกด้วย ส่วนราคาก็ไม่แพงเลยค่ะ ซื้อแล้วสามารถใช้ได้นาน ๆ หลายเดือนเลยทีเดียว ซึ่งไหน ๆ ก็บำรุงผิวหน้ากันแล้ว ก็บำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาด้วยสิคะ

ประเภทเซรั่มสำหรับผิวรอบดวงตา
จุดเด่นลดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตา / ลดการเกิดก้อนไขมันใต้ตา
ส่วนผสมหลักCaffeine / สารสกัดจากชาเขียว Epigallocatechin Gallatyl Glucoside (EGCG)
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  /

10. รีวิว The Ordinary, 100% L-Ascorbic Acid Powder

10. รีวิว The Ordinary, 100% L-Ascorbic Acid Powder

ราคาโดยประมาณ 300 บาท ต่อ 20 g

ผลิตภัณฑ์ The Ordinary, 100% L-Ascorbic Acid Powder ตัวนี้ อาจจะไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไร แต่ก็เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ และถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสารพัดประโยชน์เลยค่ะ เพราะมีเนื้อเป็นแบบ “ผงวิตามิน C” ซึ่งเจ้าวิตามิน C เนี่ย ก็ถือว่าเป็นส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวหลาย ๆ อย่างเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของการช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น, ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน จึงช่วยลดเลือนริ้วรอย และต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัยได้ดี อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ Anti-Oxidant ที่ดีมาก ๆ จึงช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ ได้ดีด้วย

และที่บอกว่าสารพัดประโยชน์ก็เพราะว่า เราสามารถนำเจ้าผงเนี่ยไปผสมกับสกินแคร์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มเติมคุณสมบัติของวิตามิน C ได้นั้นเองค่ะ ไม่ว่าจะผสมในเซรั่ม ผสมในมอยเจอร์ไรเซอร์ต่าง ๆ หรือที่คนนิยมใช้ผสมกันมากที่สุดก็คือ ผสมในครีมทาผิวกายเพื่อช่วยในเรื่องขาวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ยิ่งคนที่ผิวดูหมองคล้ำ ถูกทำร้ายจากแสงแดด จะถูกใจเจ้าผงวิตามิน C เป็นพิเศษอย่างแน่นอน แต่ ๆๆๆ มันก็มีข้อจำกัดในการใช้อยู่นะคะ โดยอย่านำไปผสมกับสกินแคร์ที่มี Niacinamide เป็นส่วนผสม เพราะอย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า Niacinamide จะทำให้วิตามิน C ออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร และส่วนผสมอื่น ๆ ที่ไม่ควรผสมดูได้จากลิงก์ด้านล่างเลยค่ะ

The Ordinary L-Ascorbic Acid Powder Reviews & FAQ’s (deciemchatroom.com)

ประเภทผงวิตามิน C
จุดเด่นนำไปผสมกับสกินแคร์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติของวิตามิน C
ส่วนผสมหลักAscorbic Acid
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ปราศจาก Paraben / Alcohol / น้ำหอม /  /

เหนื่อยกันไหมคะทุกคน กว่าจะอ่านรีวิว The Ordinary ตัวไหนดี ตัวไหนปังทั้ง 10 ตัวจนจบแล้ว สนใจอยากจะซื้อผลิตภัณฑ์ตัวไหนไปใช้กันบ้างคะ? เราอยากบอกตรง ๆ ว่า เราเนี่ยสนใจอยากจะใช้หลาย ๆ ตัวเลยค่ะ ไม่ว่าจะเจ้า Niacinamide 10% + Zinc 1% ตัวขายดี หรือ “Buffet” + Copper Peptides 1% ตัวที่แพงที่สุดที่น่าจะบำรุงได้ดีที่สุด รวมถึงมาส์กหน้า และโฟมล้างหน้าอีกด้วย สงสัยจะได้กลายมาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์นี้จริง ๆ ยังไงก็ขอให้ได้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนี้ที่ถูกใจ ใช้แล้วดีต่อหน้าต่อผิวกันแบบสุด ๆ ด้วยค่ะ



เราใช้คุกกี้เพื่อนับผู้เข้าชมและพัฒนาเว็บไซต์ อ่านรายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัวและคุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    สำหรับวิเคราะห์สถิติของผู้ชมเว็บไซต์ เพื่อช่วยตัดสินใจ การปรับปรุงบทความ - ข้อมูลแหล่งที่มาของผู้ใช้งาน เช่น. ผู้ใช้เข้าสู่เว็บไซต์ Plus Around จาก Google Search หรือ Social Network - ข้อมูลพฤติกรรม เช่น. ระยะเวลา, เวลา, หน้า landing page และการติดตามกิจกรรมอื่น ๆ - ข้อมูลเนื้อหา เช่น. ผู้ใช้อ่านบทความเครื่องซักผ้าฝาหน้า ยี่ห้อไหนดี - ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เช่น. ผู้ใช้แบ่งปันบทความบนเครือข่ายโซเชียล - ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ Google Analtics สามารถดูในระดับภาพรวม แต่ไม่สามารถเจาะจงเป็นรายบุคคลได้ เช่น. เพศ , อายุ , สถานที่ตั้ง - การทดสอบ A/B test สำหรับการปรับปรุงเว็บไซต์

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา

    การโฆษณาตามความสนใจ - แสดงโฆษณาที่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายของผู้ใช้งาน โดยอ้างอิงตามกิจกรรมของผู้ใช้ บนเว็บไซต์ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่ ผู้ใช้งานสนใจ ในเชิงพาณิชย์ - อนุญาตให้ผู้เผยแพร่โฆษณา นำเสนอโฆษณาต่างๆ แก่ผู้ใช้งาน และยังให้ผู้เผยแพร่โฆษณา สามารถประมูลค่าของโฆษณา เพื่อเสนอราคาที่เหมาะสม ก่อนที่จะนำโฆษณาเสนอแก่ผู้ใช้งาน - การกำหนดความถี่สูงสุดในการมองเห็นโฆษณา เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานเห็นโฆษณาเดียวกันหลายครั้งเกินไป - รวบรวมข้อมูลบราวเซอร์และอุปกรณ์: ประเภทและรุ่นของอุปกรณ์, ผู้ผลิต, ประเภทระบบปฏิบัติการ และรุ่น (เช่น iOS หรือ Android) ประเภท และรุ่นของเว็บบราวเซอร์ (เช่น Chrome หรือ Safari), user-agent, ชื่อผู้ให้บริการ, เขตเวลา ประเภทการเชื่อมต่อเครือข่าย (เช่น Wi-Fi หรือ เซลลูลาร์), ที่อยู่ IP, ตำแหน่งทั่วไปที่อนุมานจากที่อยู่ IP หรือ บราวเซอร์ หรือ เว็บแคช)

บันทึกการตั้งค่า