เครื่องดูดไรฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ที่ Pantip นิยม พร้อมรีวิว

เป็นภูมิแพ้ อยากจะทำความสะอาดเครื่องนอน โซฟา กำจัดไรฝุ่น แต่เบื่อที่จะต้องเอาสิ่งเหล่านี้ไปตบ ไปตากแดด งั้นเรามาลองหา “เครื่องดูดไรฝุ่น” ใช้กันดีกว่าครับ เพียงแค่เสียบปลั๊ก เปิดสวิตช์ ตัวเครื่องก็จะทำการสั่นสะเทือน เพื่อตีให้เจ้าไรฝุ่นตัวร้ายหลุดออกมา แล้วถูกดูดไปเก็บไว้ แถมยังมีรังสี UV ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วยเพิ่มความสะดวกสบายขึ้นมากเลย นอกจากนี้ยังสามารถกำจัดตัวเรือด และละอองเกสรดอกไม้ได้อีกด้วย แล้วเราจะเลือกยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี เรามีตัวเลือกให้ครับ

1. DEERMA CM990

เครื่องกำจัดไรฝุ่นถังคู่ พร้อมระบบอัลตร้าโซนิค ในช่วงราคากลาง ๆ

ภาพเครื่องดูดไรฝุ่น DEERMA CM990

ราคา 2,540 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้

เครื่องดูดไรฝุ่นใหม่ล่าสุดจาก Deerma รุ่น CM990 เสียงไม่ดังเกินไป มีน้ำหนัก 2.2 กิโลกรัม สายยาวกำลังดี คู่มือเป็นจีนล้วน ต้องใช้ Google Translate ช่วยแปลภาษา ตัวเครื่องเป็นแบบเสียบปลั๊กทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ เมื่อลองใช้ดูแล้วก็รู้สึกว่ามันช่วยให้การนอนสบายขึ้น ไม่มีอาการคัน สามารถดูดฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เห็นสิ่งสกปรกแล้วผมขนลุกเลย สมกับที่มีคนเคยรีวิวกันไว้ ใช้บ่อย ๆ เป็นประจำน่าจะดีเลย ทำความสะอาดได้ดีจริง ๆ วัสดุที่มีคุณภาพดี ล้างทำความสะอาดง่าย ดูแลง่าย และมีเซ็นเซอร์ที่แจ้งเตือนความชื้นด้วย หากมีมากกว่า 60% ควรทำความสะอาดบ่อย ๆ เราแนะนำให้คุณมีเครื่องดูดฝุ่นนี้ติดไว้ที่บ้านเพื่อสุขภาพของคนในบ้าน

จุดเด่น

  • แรงดูด 13000 Pa / ตีฝุ่น 8000 ครั้ง/นาที
  • สร้างความร้อน 60℃ / UV-C
  • คลื่นอัลตร้าโซนิค ยับยั้งการโตของไร
  • มีเซ็นเซอร์แจ้งความชื้น

จุดด้อย

  • คู่มือภาษาจีน


2. JIMMY BD7 PRO

เครื่องดูดไรฝุ่นไร้สาย ยี่ห้อยอดนิยม ครบครันทุกฟีเจอร์

ภาพเครื่องดูดไรฝุ่น JIMMY BD7 PRO

ราคา 6,990 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้

เครื่องดูดฝุ่นนี้ดูดแรงดีมากครับ เสียงไม่ดังเกินไป การดูดฝุ่นบนเตียงก็ทำได้เป็นอย่างดี มีแสง UV และอัลตร้าโซนิค ช่วยกำจัดไรฝุ่นได้ ที่สำคัญคือมันไร้สาย จะถือไปไหนมาไหนเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสาย หรือหาจุดเสียบปลั๊กเลย ด้วยความที่รุ่นนี้ ​ออกแบบมาให้ใช้แบบไร้สาย ทำให้ไม่สามารถเสียบชาร์จในขณะดูดฝุ่นได้ ตามสเปคเครื่องดูดไรฝุ่น JIMMY BD7 Pro นี้สามารถดูดได้ต่อเนื่องถึง 30 นาที ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานประจำวันแล้วครับ หลังจากทำความสะอาดแล้วนอนได้สบายตัวมากครับ

จุดเด่น

  • ไร้สาย แบตเตอรี่ 28.8v / 2000 mAh
  • ปล่อย UV คลื่น 253 nm
  • คลื่นอัลตร้าโซนิค ยับยั้งการโตของไร
  • ปล่อยไอออนลบ ช่วยให้อากาศสะอาดขึ้น

จุดด้อย

  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ 15-30 นาที
  • ไม่สามารถสร้างความร้อนได้


3. DEERMA EX919

เครื่องดูดไรฝุ่น Deerma EX919 ราคาถูก กำจัดไรฝุ่นได้ดี

ภาพเครื่องดูดไรฝุ่น DEERMA EX919

ราคา 1,170 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้

เครื่องดูดไรฝุ่น Deerma EX919 ใช้งานง่าย ได้ผลลัพธ์ดีจริง เสียงของเครื่องไม่ดังเกินไป มีฟังก์ชั่นช่วยในการกำจัดไรฝุ่น เริ่มจากการตบสั่นสะเทือนเพื่อช่วยให้ไรฝุ่นและสิ่งสกปรก หลุดออกจากที่นอนได้มากขึ้น ส่งต่อไปยังช่องดูด พร้อมฉายแสง UV-C ช่วยทำลายเชื้อโรคที่บริเวณช่องดูด ปล่อยความร้อนออกมาเพื่อทำการฆ่าไรฝุ่น ขนาดน้ำหนักกำลังดี เวลาใช้งานไม่ลำบาก หากใครใช้งานไปสักระยะเจอปัญหาเครื่องดับเอง เปิดไม่ติด แนะนำวิธีแก้ไขง่าย ๆ แค่เอาเครื่องไปวางหน้าพัดลม จนกว่าเครื่องจะเย็นลง ก็สามารถงานต่อได้แล้ว ดูดสิ่งปรกได้เยอะมาก แม้เราทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำ

จุดเด่น

  • พลังดูด 13000 Pa พร้อมการตีฝุ่น 8000 ครั้ง/นาที
  • สร้างความร้อน 50℃ / UV-C ช่วยฆ่าไรฝุ่น
  • ราคาไม่แพง

จุดด้อย

  • เมื่อใช้เป็นเวลานาน จนเครื่องร้อน ตัวเครื่องอาจจะตัดการทำงานเพื่อป้องกันความเสียหาย


4. JIMMY BX7 Pro Dust Mites Vacuum Cleaner

เครื่องดูดไรฝุ่น ตัวท็อป แบรนด์ยอดนิยมของชาว Pantip

ภาพเครื่องดูดไรฝุ่น JIMMY BX7 Pro Dust Mites Vacuum Cleaner

ราคา 4,999 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้

เครื่อง​ดูดไรฝุ่น JIMMY BX7 Pro ​ดูดฝุ่นได้ดีมากออกมาเป็นผงแป้งเลย เหมือนกับเรานอนอยู่บนผงแป้งทุกวันทุกวัน ควรจะซื้อตั้งนานแล้ว ดีไซน์สวยหรู มีน้ำหนักพอสมควร สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ เรามีปัญหาภูมิแพ้ และไอจามอยู่บ่อย ๆ JIMMY BX7 Pro ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก เลือกซื้อแบรนด์นี้ไม่ผิดหวังเลย ใช้งานง่าย เพียงแค่เสียบปลั๊กและกดเปิดเครื่องก็ดูดได้ทันที ดูดแรงจริง มีกล่องเก็บฝุ่นแบบใส ช่วยเรามองเห็นฝุ่นที่ดูดแล้วได้อย่างชัดเจน เสียงดังตามปกติของเครื่องดูดฝุ่น เราสามารถทำความสะอาดกล่องเก็บฝุ่นได้ง่าย แค่กดถอดกล่องออกมาแล้วเททิ้ง ตัวไส้กรอง Hepa สามารถล้างน้ำได้ ที่สำคัญสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน ๆ ไม่ใช่แป่บ ๆ เครื่องร้อนแล้วตัด ทำให้ดูดฝุ่นได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้งานเสร็จไว ปัญหาที่เจอมีแค่เซ็นเซอร์ไม่ขึ้นสีแดงเลย ทั้งที่ดูดฝุ่นได้เยอะ

จุดเด่น

  • แรงดูด 16000 Pa / ระบบไซโคลนคู่
  • สร้างความร้อน 60℃ / UV คลื่น 253 nm
  • คลื่นอัลตร้าโซนิค ยับยั้งการโตของไร

จุดด้อย

  • ราคาสูง
  • เซนเซอร์แจ้งความสะอาด ยังไม่ค่อยถูกต้อง


5. IRIS OHYAMA IC-FAC2

เครื่องดูดไรฝุ่น ดีไซน์มินิมอล ใช้งานสะดวก

ภาพเครื่องดูดไรฝุ่น IRIS OHYAMA IC-FAC2

ราคา 1,535 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้

เครื่องดูดไรฝุ่น IRIS OHYAMA IC-FAC2 ดูดสิ่งสกปรกได้เยอะมาก ออกมาเป็นผงละเอียดเลยทีเดียว ชอบตรงที่มีเซนเซอร์ตรวจฝุ่นและแสดงผลปริมาณฝุ่นที่ตรวจจับได้ บริเวณไหนสกปรกก็จะขึ้นเป็นสีแดง ดูดแบบย้ำ ๆ จนสะอาดไปเลย เสียงดังพอสมควร แรงดูดเยอะมาก แม่บ้านควรซื้อมาใช้มาก ๆ น้ำหนักเบา 1.6 kg สามารถดูดขนสัตว์เลี้ยงได้เยอะเลย มีคู่มือภาษาไทยและบัตรรับประกัน

จุดเด่น

  • คู่มือภาษาไทย อ่านเข้าใจง่าย
  • เซนเซอร์วัดความสกปรกที่ทำงานได้ดี
  • ปรับมุมหัวดูดได้ เพิ่มความสะดวก
  • การตีฟูกความถี่ 6000 ครั้ง/นาที

จุดด้อย

  • ไม่มี UV และ Ultrasonic

6. Xiaomi Mijia Dust Mites Vacuum Cleaner Pro

เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi ตัวจริงเสียงจริง รุ่นใหม่ตัวโปรที่มีคุณสมบัติครบครัน

ภาพเครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Mijia Dust Mites Vacuum Cleaner Pro

ราคา 2,190 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้

Xiaomi Mijia Dust Mites Vacuum Cleaner Pro ราคาไม่แพง สินค้าคุณภาพดี วัสดุไม่ก๊องแก๊ง ดูทนทานแข็งแรง สวยงามแบบมินิมอลมาก ๆ เวลาทำงานเสียงค่อนข้างเบา ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ช่วยให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย สามารถดูดฝุ่นที่นอนได้ดีมาก ๆ โดยใช้เวลาเพียงแป๊บเดียว ก็จะได้ฝุ่นเยอะเอามาก ๆ ไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้บนที่นอนของเรา มีปัญหาเพียงอย่างเดียวคือคู่มือเป็นภาษาจีน

จุดเด่น

  • แรงดูด 14000 Pa / การตบความถี่สูง
  • สร้างลมร้อน 55℃ / UV
  • คลื่นอัลตร้าโซนิค ยับยั้งการโตของไร

จุดด้อย

  • คู่มือภาษาจีน

สรุป
ใครที่กำลังมองหาเครื่องดูดไรฝุ่นก็ขอแนะนำเจ้า Jimmy ก่อนเลย แต่ถ้าใครเคยซื้อแล้วผิดหวัง อาจจะหนีไปหา Deerma หรือ Xiaomi แทนก็ได้ รับรองว่าใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน ให้ดีก็แนะนำให้เลือกรุ่นราคากลาง ๆ – สูงเพื่อฟังก์ชั่นจะได้มาเต็ม ส่วน Iris Ohyama ก็ดูดี แต่รู้สึกว่าฟังก์ชั่นยังดูน้อยไปหน่อย ใครใช้รุ่นไหนแล้วก็ไม่โอเค ลองไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ใน Facebook ที่ลิงก์นี้กันนะครับ

รูปแสดง คุณสมบัติอื่น ๆ ในเครื่องดูดไรฝุ่น
  1. เลือกรุ่นที่มีกำลังดูดสูง ช่วยดูดไรฝุ่นที่อยู่ในชั้นลึก ๆ ออกมาได้ดี
  2. เลือกรุ่นที่มีระบบสั่นเพื่อตีไรฝุ่น สิ่งสกปรกที่อยู่ลึกให้หลุดออกมา
  3. เลือกรุ่นที่มีระบบลมร้อนหรืออัลตร้าโซนิค เพื่อช่วยฆ่าไรฝุ่นได้อีกแรงหนึ่ง
  4. เลือกรุ่นที่มีรังสี UV สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้
  5. ควรเลือกรุ่นที่มีสาย เพราะสเปคโดยรวมมักจะสูงกว่าแบบไร้สาย

ต้องขอตอบว่าจำเป็นมาก ๆ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาภูมิแพ้ ไอจามบ่อย ควรจะตัดหนึ่งสาเหตุหลักของการแพ้อย่างไรฝุ่น ด้วยการใช้เครื่องดูดไรฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ มีระบบสั่นตีไรฝุ่นออกมา แล้วปล่อยลมร้อนหรืออัลตร้าโซนิคทำลายไรฝุ่น ให้ดีก็เพิ่มการฉายรังสี UV ฆ่าแบคทีเรียอีกจะได้ครบเครื่อง จะใช้แค่เครื่องดูดฝุ่นธรรมดาอาจจะยังไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดตัวเรือดที่กำลังระบาดได้อีกด้วย

แบรนด์ Jimmy สร้างสรรค์สินค้าได้ดี ผ่านการรับรองจาก Allergy UK Foundation แถมรีวิวของชาว Pantip ก็น่าจะเป็นสิ่งยืนยันในคุณภาพของ Jimmy ได้เป็นอย่างดี ถ้าได้ดูจากสเปคก็จะมาพร้อม พลังแรงดูดสูง(รุ่นกลาง ๆ ขึ้นมา) สามารถกำจัดเชื้อโรคด้วยแสง UV มี Ultrasound หรือระบบความร้อนเพื่อช่วยทำลายไรฝุ่น ใครงบน้อยก็มี Jimmy JV12 ราคาไม่เกิน 2,000 รอช่วงโปรวันคู่ กลางเดือน ปลายเดือน ลดราคาแล้ว เก็บคูปองส่วนลดอีก ราคาก็จะถูกลงไปอีก ส่วนใครที่มีงบมากขึ้นอีกนิดแนะนำให้ขยับขึ้นมาเป็น Jimmy BX5 / BX6 / BX6 Pro / BX7 Pro ก็จะยิ่งดีขึ้น มีฟังก์ชั่นกำจัดไรฝุ่นที่ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีเครื่องดูดไรฝุ่นไร้สายอย่าง Jimmy BD7 Pro มาให้เลือกใช้อีกด้วย ร้าน Official รับประกันยาวนานถึง 2 ปีอีกด้วย มั่นใจในคุณภาพได้เลย สนใจก็กดลิงก์ในรีวิวได้เลย เป็นร้าน Official ที่มั่นใจได้ครับ

ไรฝุ่นเป็นสิ่งที่มีขนาดเล็กเล็กเกินกว่าจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในสภาวะที่เหมาะสม ไรฝุ่นสามารถเจริญเติบโตจากไข่เป็นตัวเต็มวัยภายใน 1 เดือน แล้วมีชีวิตอยู่ต่ออีก 1-2 เดือน ตัวเมียสามารถวางไข่ได้ถึง 50 ฟองก่อนตาย อุณหภูมิที่เหมาะแก่การเจริญเติบโต 23.8 – 26.6 องศา และมีความชื้นประมาณ 70-80% แต่ถ้าความชื้นน้อยกว่า 60% ก็จะขาดน้ำตาย เพราะไรฝุ่นต้องการน้ำจากความชื้น ไรฝุ่นชอบอาศัยในเนื้อผ้า และกินเศษซากผิวที่หนังที่ตายแล้วของคนเรา สัตว์เลี้ยง ของเสียจากไรฝุ่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเราเกิดภูมิแพ้ อาการคัน และหอบหืดอีกด้วย

  1. เปิดแอร์โดยใช้โหมด Dry หรือใช้เครื่องลดความชื้น ให้ความชื้นน้อยกว่า 60% ต้องมีที่วัดความชื้นไว้ตรวจด้วย
  2. ซักเครื่องนอน ด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิเกิน 60 องศา
  3. เอาผ้าปูที่นอน ผ้าห่มไปอบใยเครื่องอบผ้า หรือตากแดด

วิธีการเลือกจัดอันดับสินค้า – ทดสอบประสิทธิภาพ
เรารวบรวมข้อมูลจากผู้ที่เคยใช้งานจริง รวมถึงความคิดเห็นต่าง ๆ ในกลุ่มบนเฟสบุ๊ก พันทิพ มาประกอบการตัดสินใจคัดเลือกสินค้า

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x