เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยี่ห้อไหนดี รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ

รูปภาพปกบทความ เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยี่ห้อไหนดี รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ

กำลังมองหาและอยากซื้อ “เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว” ยี่ห้อไหนดี กันอยู่ใช่ไหมล่ะครับ ?? ก็คลิกเข้ามาได้ถูกที่ถูกบทความแล้ว เพราะที่นี่ ทางผมได้ไปรวบรวมเครื่องยี่ห้อที่น่าสนใจ ยี่ห้อที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และมีความถูกต้องแม่นยำสูงในการวัดค่าออกซิเจน รวมถึงมีราคาหลากหลายตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง มาให้ดูกันถึง 10 ยี่ห้อ 10 เครื่องกันเลยทีเดียว และบอกเลยว่าถ้าได้อ่านเนื้อหารีวิวกันทั้งหมดล่ะก็ จะได้ไอเดีย หรืออยากซื้อ ไม่เครื่องใดก็เครื่องหนึ่งกันอย่างแน่นอนครับ



เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ใช้ยังไง ?

เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ใช้ยังไง ?

หากใครรู้วิธีการใช้งานเครื่องนี้กันดีอยู่แล้ว ก็ข้ามผ่านหัวข้อนี้ไปได้เลยนะครับ แต่ถ้าอยากจะอ่านสักหน่อยล่ะก็ ทางผมขอแนะนำให้เข้าไปอ่านเนื้อหาได้ที่ เว็บไซต์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้เลยครับ เนื้อหาครบถ้วน สรุปเข้าใจง่ายกันอย่างแน่นอน ส่วนจะซื้อเครื่องยี่ห้อไหนดีนั้น ผมก็ขอแนะนำให้ไปอ่านเนื้อหาด้านล่างต่อกันเลยครับ


ตารางเปรียบเทียบรีวิว เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยี่ห้อไหนดี

ตารางเปรียบเทียบรีวิว เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยี่ห้อไหนดี

เผื่อใครที่อยากจะเห็นเจ้าเครื่องวัดออกซิเจนที่นิ้วแบบพร้อม ๆ กัน รวมถึงสามารถเลื่อนตารางไปมาซ้ายขวา เพื่อทำการเปรียบเทียบรายละเอียด,​ ฟังกชัน, ดีไซน์, การใช้งาน รวมถึงราคากันได้แบบง่าย ๆ ทางผมก็อยากให้กดที่ปุ่มด้านล่าง เพื่อเข้าไปดูตารางเปรียบเทียบกันได้เลยครับ



1. Rycom รุ่น P-01

เล็ก เบา พกพาสะดวก ใช้งานง่ายด้วยปุ่มเดียว ถือเป็นคุณสมบัติหลักที่สำคัญในการเป็นเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้มีอยู่ใน Rycom P-01 และที่สำคัญ เจ้าเครื่องนี้ก็ยังสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี แม้จะมีค่าตัวไม่ถึง 300 บาท แต่ผลที่ได้ก็เที่ยงตรงแม่นยำ เนื่องจากมีระบบป้องกันการสั่นสะเทือนขณะวัด ซึ่งความแม่นยำในการวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในฮีโมโกลบินที่เม็ดเลือดแดง จะอยู่ที่บวก-ลบไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเองครับ

อีกทั้งยังสามารถวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้ตั้งแต่ 70 – 99 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่า หากเกิดสภาวะไม่ปกติก็สามารถรู้ได้ (ค่าปกติจะอยู่ที่ 96 – 100 เปอร์เซ็นต์) และแน่นอนว่าต้องวัดค่าชีพจรได้ด้วย ซึ่งก็สามารถวัดได้ตั้งแต่ 30 – 240 ครั้ง/นาที ค่าความแม่นยำบวก-ลบไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์ ก็ค่อนข้างแม่นยำมาก ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ ก็มีระบบประหยัดพลังงาน โดยจะปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานใน 8 วินาที มีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ เมื่อหมดก็แค่เปลี่ยนใหม่ใช้อัลคาไลน์ AAA เพียง 2 ก้อนครับ

ขนาด3.1 x  5.7 x 3.2 cm
น้ำหนัก50 g (รวมแบต)
ค่าความแม่นยำ± 2%
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือด70-99%
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร

2. ALLWELL รุ่น JPD-500D

JPD-500D เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว จาก ALLWELL รุ่นนี้ ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั้งในหน่วยงานทางการแพทย์และในโรงพยาบาล ด้วยคุณภาพระดับสูง เที่ยงตรง แม่นยำ สามารถวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนเพียงบวก-ลบ 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และยังมีการนำไปทดสอบร่วมกับเครื่องมอนิเตอร์ในโรงพยาบาล ผลปรากฎว่าวัดค่าได้เท่ากันเป๊ะ สิ่งนี้ยืนยันได้ถึงประสิทธิภาพสมกับที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยกฎหมายสหภาพยุโรป และ ISO 13485 คุณภาพอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ทั้งยังได้รับอนุญาตจำหน่ายจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอย่างถูกต้องด้วยครับ

นอกจากนี้ ยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือ Pulse Rate (PR) และค่าการไหลเวียนของเลือด หรือ Perfusion Index (PI) ได้ โดยทั้งหมดจะแสดงผลพร้อมกันบนหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 2.4 x 1.2 เซนติเมตร มีรูปแบบการแสดงผลให้เลือกมากถึง 6 แบบ พร้อมความสว่างที่สามารถปรับได้ถึง 5 ระดับ ทั้งนี้หากระดับออกซิเจนในเลือดและอัตราชีพจรมีความผิดปกติ ตัวเครื่องก็จะมีเสียงแจ้งเตือนด้วย ส่วนในเซ็ตก็มีอุปกรณ์มาครบชุด รวมถึงกระเป๋าใส่ตัวเครื่องและสายคล้องคอให้สะดวกพกพาไว้คอยเช็คได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการเลยครับ

ขนาดN/A
น้ำหนักN/A
ค่าความแม่นยำ± 2%
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือดN/A
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร, การไหลเวียนเลือด

3. Yonker รุ่น YK-81C

Fingertip Pulse Oximeter YK-81C เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วจาก Yonker แบรนด์จีนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอนุญาตให้นำเข้ามาขายในประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมาย ออกแบบมาสำหรับการใช้งานตามบ้าน คลินิก ไปจนถึงโรงพยาบาล สามารถวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ได้ทั้งแบบที่แสดงผลเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์และรูปแบบภาพคลื่น (SpO2 wave) กับอัตราการเต้นของหัวใจ (PR) ที่แสดงผลเป็นตัวเลขจำนวนครั้ง/นาที (BPM) พร้อมแถบแสดงผลแบบกราฟด้วยครับ

ส่วนหน้าจอ OLED ก็มีขนาดใหญ่ 0.96 นิ้ว หมุนแสดงผลได้ทั้ง 4 ทิศทาง และมากถึง 6 รูปแบบ สามารถวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้ตั้งแต่ 70 – 99 เปอร์เซ็นต์ ระดับความแม่นยำสูง 80 – 99 เปอร์เซ็นต์ หรือบวก-ลบไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการวัดค่าชีพจรสามารถวัดได้ตั้งแต่ 30 – 240 ครั้ง/นาที ค่าความแม่นยำบวก-ลบไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์ หรือแค่เท่ากับ 1 ครั้ง/นาที เท่านั้น ใช้งานง่ายเพียงสอดนิ้วเข้าไปแล้วกดปุ่มใช้งาน ไม่เกิน 10 วินาที ก็เรียบร้อยครับ

ขนาด5.8 x 3.5 x 3 cm
น้ำหนัก32 g
ค่าความแม่นยำ± 2%
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือด70 – 99%
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร


4. Commy รุ่น OX500

2 สิ่งที่เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วทุกเครื่องต้องทำได้ก็คือ ตรวจวัดออกซิเจนในเลือด หรือที่เรียกว่า SpO2 กับอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตรวจวัดชีพจร ที่เรียกว่า PR แต่จะมีเป็นบางรุ่นเท่านั้นที่สามารถวัดค่า PI (Perfusion Index) ค่าการไหลเวียนของเลือดได้ ซึ่ง OX500 เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วจาก commy รุ่นนี้ทำได้ บอกเลยว่าการมีเจ้า PI ช่วยให้สามารถมั่นใจในผลของ SpO2 ได้เลยนะ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบความแม่นยำของค่าที่วัดได้ในขณะนั้น หากค่า PI สูง ก็จะเชื่อถือได้มาก เพราะสัญญาณชีพจรแรง แต่หากค่า PI ต่ำ ค่า SpO2 ที่ได้อาจไม่ใช่ค่าจริงครับ

ทั้งยังมั่นใจได้ในคุณภาพ เพราะได้การรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา มีการรับประกันให้ 1 ปี แถมอายุการใช้งานยังนานตั้ง 5 ปีเลยทีเดียวสำหรับราคาไม่ถึงครึ่งพันแบบนี้คุ้มค่ามาก ขนาดก็เล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก 6 x 3.05 x 3.25 เซนติเมตร กับ 35 กรัม แถมยังมีสายคล้องมือมาให้พร้อมอีก 1 เส้น หน้าจอแสดงผลดิจิตอล 4 สี ขนาดใหญ่ 0.96 นิ้ว สีสด ภาพคมชัด สว่างในที่มืด อ่านค่าง่าย หมุนได้อัตโนมัติ ประมวลผลไวภายใน 10 วินาที และใช้ถ่าน AAA เพียงแค่ 2 ก้อน ก็มีระยะเวลาการใช้งานได้นานไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมงแล้วล่ะครับ

ขนาด6 x 3.05 x 3.25 cm
น้ำหนัก35 g
ค่าความแม่นยำ± 2%
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือด70 – 100%
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร, การไหลเวียนเลือด

5. Beurer รุ่น PO-30

beurer PO 30 pulse oximeter เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วแบบ 2-in-1 สามารถวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด (SpO2) และแสดงอัตราการเต้นของหัวใจ (PRbpm) ได้ มาพร้อมด้วยจอสี แสดงผลได้ 4 รูปแบบ ปรับความสว่างได้ หมุนได้อัตโนมัติ ตัวเครื่องเล็กกะทัดรัด 6.1 x 3.6 x 3.2 เซนติเมตร น้ำหนักเบาเพียง 58 กรัม พกพาสะดวกด้วยสายคล้องพร้อมกระเป๋าใส่ตัวเครื่องที่ให้มาในเซ็ตครับ

ส่วนการใช้งาน ก็เพียงแค่ใส่ถ่าน AAA จำนวน 2 ก้อน หากหมดก็รู้ได้ทันทีเพราะมีตัวบ่งชี้ระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และยังมีการรับประกันที่นานถึง 5 ปี ก็สมกับที่เป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องมือแพทย์มาตรฐานเยอรมัน แต่พอเป็นของเมืองนอก ทำให้ราคาจึงสูงลิ่วกว่ายี่ห้อทั่ว ๆ ไปในบ้านเรา แต่ก็มั่นใจได้มากกว่าในมาตรฐานการผลิต ทนทาน คุณภาพสูง ถือว่าจ่ายค่าความไว้วางใจ ไม่มีคำว่าแพงจริงไหมล่ะครับ

ขนาด6.1 x 3.6 x 3.2 cm
น้ำหนัก5ึ8 g (รวมแบต)
ค่าความแม่นยำN/A
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือดN/A
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร

6. JUMPER รุ่น JPD-500G (LED)

ใครมองหาเครื่องวัดออกซิเจนที่หน้าตาไม่เป็นเครื่องมือทางการแพทย์จนเกินไป ยี่ห้อนี้ก็จัดว่าเก๋ เพราะดีไซน์มีความเรียบหรูดูมินิมอล สำหรับ JUMPER รุ่น JPD-500G ที่มีหน้าจอ LED จอเรียบแสดงผลตัวใหญ่ดูง่ายชัดเจน สามารถปรับความสว่างหน้าจอได้ ฟังก์ชันก็เพียบพร้อม วัดได้ทั้งค่าออกซิเจนในเลือด, อัตราการเต้นของหัวใจ และค่าการไหลเวียนเลือด โดยมีช่วงการวัดออกซิเจนที่ 70 – 99% และมีค่าความแม่นยำ ± 2 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่าตรงมาตรฐานทั่วไปเลยครับ

ส่วนตัวเครื่องก็มีระบบปิดอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งานใน 10 วินาที ไม่ต้องห่วงว่าจะเปลืองแบต และมีสัญญาณเตือนเมื่อแบตใกล้หมด รวมทั้งมีเสียงเตือนเมื่อวัดแล้วค่าออกซิเจนและชีพจรสูงเกินปกติให้ด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อบลูทูทเพื่อใช้งานแอป JUMPER HEALTH ช่วยบันทึกค่าต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสุขภาพส่วนตัวได้อีก ส่วนที่ใช้วัดก็มีการหุ้มซิลิโคนอย่างดี มีความนุ่มไม่แข็งไม่บีบนิ้วแน่นอนครับ

ขนาด5.82 × 3.22 × 3.2 cm
น้ำหนัก51.5 g
ค่าความแม่นยำ± 2%
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือด70 – 99%
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร, การไหลเวียนเลือด


7. UNiGO รุ่น C101A3

สอดปุ๊บวัดปั๊บ เครื่องวัดออกซิเจน UNiGO รุ่น C101A3 ตัวนี้ วัดได้ทั้งค่าออกซิเจนในเลือด และวัดชีพจร หรืออัตราการเต้นของหัวใจก็ได้ แค่สอดนิ้วเข้าไป ตัวเครื่องก็จะทำการวัดอัตโนมัติเลยทุก ๆ 5 วินาที ส่วนใครที่คิดว่าจะเปลืองไฟเปลืองแบตก็ไม่ต้องห่วง เพราะเมื่อไม่มีสัญญาณภายใน 8 วินาที เครื่องจะปิดให้เองอัตโนมัติ และยังเปิด-ปิดเครื่องด้วยปุ่มเดียว ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากครับ

ส่วนของหน้าจอนั้นเป็น OLED สีสดแจ่มชัด แถมดูง่ายไม่ต้องหมุนมือหมุนแขนให้วุ่นวาย เพราะหน้าจอหมุนได้ 4 ทิศทาง ขยับมือไปไหนก็หมุนตามให้เอง ในเซ็ตมีสายคล้องมือมาให้พร้อม ไม่ต้องกลัวทำตกหล่นเสียหาย ขนาดก็กะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาง่าย จะใช้วัดเวลาไปออกกำลังกายเล่นกีฬาเพื่อเช็คการเต้นของหัวใจก็สะดวก หรือเก็บไว้เป็นไอเทมจำเป็นประจำบ้านก็ยิ่งดีครับ

ขนาด5.8 × 3.6 × 3.3 cm
น้ำหนักN/A
ค่าความแม่นยำN/A
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือด70 – 99%
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร

8. SAFA รุ่น P-04

ถูกและดีมีตรงนี้แล้วหนึ่ง กับเครื่องวัดออกซิเจนจาก SAFA รุ่น P-04 ซึ่งแม้ว่าจะราคาประหยัด แต่รับรองได้ในคุณภาพผ่านมาตรฐาน อย.เรียบร้อย ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยและแม่นยำ ซึ่งเครื่องนี้นอกจากวัดค่าออกซิเจนในเลือดแล้ว ก็ยังวัดชีพจรได้อีกด้วย สามารถตรวจวัดผลได้รวดเร็วภายใน 10 วินาที แค่สอดนิ้วเข้าไปแป๊บเดียวก็รู้ผลทันทีครับ

หน้าจอ OLED แสดงผลแบบ 2 สี ตัวเลขขนาดใหญ่เห็นชัดอ่านง่าย ใช้แบตขนาด 3A จำนวน 2 ก้อน ประหยัดพลังงานด้วยการปิดอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งาน และการที่ราคาจับต้องได้ไม่แพง ยอดขายเลยสูงพอสมควร ซึ่งคะแนนรีวิวก็ค่อนข้างดี ใช้งานได้ตามมาตรฐาน ในเมื่อเป็นของที่ยุคนี้ทุกคนต้องมีติดบ้านกันแล้ว ราคานี้ถือว่าน่าสนใจมาก ใครยังไม่มีควรซื้อไว้สักเครื่องเลยครับ

ขนาด6.2 × 3.6 × 3.3 cm
น้ำหนักN/A
ค่าความแม่นยำN/A
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือดN/A
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร

9. Bluedot รุ่น B-PO011

มาดูเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วยี่ห้อ Blue Dot รุ่น B-PO011 ที่ดีไซน์ภายนอกก็จะมีรูปร่างเหมือน ๆ กับเครื่องยี่ห้ออื่น ๆ ตามมาตรฐานปกติ แต่ใช้สีขาวสะอาดตา ทำให้มีความเรียบหรูดูดี หน้าจอก็ 2 สี ช่วยให้อ่านง่ายและแจ่มชัดกว่าสีเดียว สามารถวัดได้ทั้งค่าออกซิเจนในเลือด SpO2, วัดชีพจรหรืออัตราการเต้นของหัวใจ PR และค่าการไหลเวียนเลือด PI เวลาวัดแล้วค่าสูงหรือต่ำผิดปกติ ก็จะมีเสียงเตือนแจ้งให้รู้ด้วยครับ

ส่วนตัวหน้าจอก็แสดงผลสามารถหมุนได้ 4 ทิศทาง โดยที่เรากดปุ่มปรับได้เอง ซึ่งถ้าใครที่ไม่ค่อยชอบรุ่นที่หน้าจอหมุนเองอัตโนมัติน่าจะโอเคกับตัวนี้มากกว่า อยากหมุนตอนไหนค่อยกดเอา ส่วนขนาดนิ้วมือที่ใช้วัดได้อยู่ที่ 8 – 25.4 มิลลิเมตร ก็เรียกว่าได้ทุกขนาดนิ้วของคนปกติ  แบตเตอรี่ก็ใช้ถ่าน AAA 2 ก้อนเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมทั้งสายคล้องคอ และกระเป๋าเก็บอย่างดี เอาเป็นว่าใครที่กลัวตัวเองจะทำหายบ้าง ทำหล่นตกแตกพังบ้าง จับคล้องคอไว้เลยจะได้ปลอดภัยครับ

ขนาด5.7 x 3 x 3.1 cm
น้ำหนัก28 g
ค่าความแม่นยำN/A
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือดN/A
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร, การไหลเวียนเลือด

10. HIP รุ่น CMS50D

เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว HIP รุ่น CMS50 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ สามารถวัดได้ทั้งค่าออกซิเจนในเลือด และอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงค่าการไหลเวียนเลือดด้วย โดยหน้าจอแสดงผลแบบ OLED 2 สี คือน้ำเงินและเหลือง ตัวเลขใหญ่ชัดเจน และมีระบบหมุนหน้าจอเองอัตโนมัติ ซึ่งหมุนได้ทั้ง 4 ทิศทาง จะหันมือไปทางไหนก็หมุนตามได้ทุกทิศครับ

การตั้งค่าต่าง ๆ ก็ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ใช้แบต AAA 2 ก้อน ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 20 – 36 ชั่วโมง ส่วนของเรื่องคุณภาพมาตรฐานก็ไม่ต้องห่วง เพราะผ่านการรับรองทั้งมาตรฐานยุโรป CE และ ISO ดังนั้นก็มั่นใจได้ในความแม่นยำตรงปก ดูราคาแล้วไม่แพง คุณภาพดีเชื่อถือได้แบบนี้จัดว่าคุ้มค่าน่าสอยไว้ติดบ้านมากครับ

ขนาดN/A
น้ำหนักN/A
ค่าความแม่นยำN/A
ช่วงการวัดค่าออกซิเจนในเลือด0 – 100%
แบตเตอรี่AAA x 2
ค่าอื่น ๆ ที่วัดได้ชีพจร

เป็นยังไงกันบ้างครับทุก ๆ ท่าน หลังจากที่ได้เห็นรีวิว “เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว” ยี่ห้อไหนดี กันไปแล้วถึง 10 ยี่ห้อ 10 เครื่องด้วยกัน ไม่ทราบว่าสนใจ อยากจะซื้อยี่ห้อไหน เครื่องไหน ไปใช้วัดค่าออกซิเจนที่บ้าน ไปวัดค่าอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงชีพจรกันบ้างครับ ?? ก็จากที่เห็น ๆ มาเนี่ย ตัวเครื่องก็มีกันหลากหลายราคาเลยทีเดียว บางยี่ห้อก็แพงสะ เครื่องละหลายพันบาท แต่ก็คุณภาพดี มาตรฐานสูง บางยี่ห้อก็ไม่แพงเลย ราคาร้อยนิด ๆ ซื้อง่ายใช้ง่ายด้วย ยังไงก็ขอให้ได้เครื่องที่ถูกใจ ใช้แล้วชอบ ตอบโจทย์กันด้วยครับ


Leave a Comment