ไบโอติน (Biotin) ยี่ห้อไหนดี รีวิว 10 ยี่ห้อ

รูปภาพปกบทความ ไบโอติน (Biotin) ยี่ห้อไหนดี รีวิว 10 ยี่ห้อ

เคยเป็นกันไหมครับ อยู่ดี ๆ เส้นผมก็ดูแห้ง ดูไม่มีน้ำหนัก รวมถึงขาดหลุดร่วงมากกว่าปกติแบบเห็นได้ชัด แค่หวีผมก็มีเส้นผมหลุดมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด ทั้ง ๆ ที่ก็ใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ทานอาหารแบบเดิม ๆ แล้วมีปัญหาเส้นผมได้ยังไง? สาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ร่างกายกำลังขาดวิตามิน B7 หรือ “ไบโอติน” (Biotin) อยู่หรือเปล่า? ยิ่งถ้าขาดแคลนสารอาหารตัวนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะยิ่งทำให้เส้นผมมีปัญหาหนักเข้าไปอีกนะครับ ดังนั้นเพื่อการป้องกันปัญหาเส้นผม และการเติมไบโอตินให้กับร่างกาย วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือ การทานอาหารเสริมไบโอตินหรือพวกวิตามินบํารุงผมนั้นเอง ว่าแต่จะซื้ออาหารเสริมบำรุงผมยี่ห้อไหนดีละ? ก็ตามมาดูรีวิวกันเลยครับ



สารอาหารอย่าง “ไบโอติน” ช่วยบำรุงเส้นผมกับหนังศีรษะได้อย่างไร?

สารอาหารอย่าง "ไบโอติน" ช่วยบำรุงเส้นผมกับหนังศีรษะได้อย่างไร?

หลาย ๆ คนน่าจะรู้กันว่า เส้นผมของคนเรานั้นประกอบไปด้วยโปรตีน Keratin จำนวนมาก (รวมถึงผิวกายและเล็บมือด้วย) ซึ่งเจ้าสารอาหารอย่างไบโอตินก็จะไปช่วยบำรุงและปรับสภาพให้โครงสร้างของโปรตีน Keratin มีความแข็งแรงอยู่เสมอ จึงช่วยให้เส้นผมดูนุ่มนวล มีน้ำหนัก ไม่แห้งเสียได้ง่าย ๆ และดูสุขภาพดีนั้นเอง นอกจากนี้ จากงานศึกษากลุ่มคนที่มีผมเส้นเล็ก ร่วง แห้ง และไม่แข็งแรง เมื่อได้รับไบโอตินอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 90 วัน ก็พบว่า มีเส้นผมเกิดใหม่จำนวนมากในบริเวณหนังศีรษะที่ผมร่วง อีกทั้งเส้นผมที่เคยขาดหลุดร่วงบ่อย ๆ ก็ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญครับ

ปริมาณ “ไบโอติน” ที่ควรทาน และจะเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี?

ปริมาณ "ไบโอติน" ที่ควรทาน และจะเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี?

เนื่องจากการขาดแคลนสารอาหารอย่างไบโอตินนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก จึงไม่มีองค์กรไหน ๆ มาแนะนำในเรื่องของปริมาณที่ควรทาน แต่ก็มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้ระบุว่า สำหรับผู้ใหญ่ทั่ว ๆ ไปควรได้รับไบโอตินวันละ 30-100 ไมโครกรัม เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดแคลนไบโอตินอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะเน้นทานเพื่อการบำรุงเส้นผมและบำรุงโปรตีน Keratin แล้วละก็ เขาก็ได้แนะนำให้ทานวันละ 2,000-5,000 mcg ต่อวันครับ

แล้วจะเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี ยังไงดีละ? ด้วยความที่ Biotin นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มของวิตามินที่ละลายในน้ำ ซึ่งถ้าร่างกายดูดซึมไม่หมด หรือเอาไปใช้ได้ไม่ทัน ก็จะทำการขับออกจากร่างเป็นฉี่สีเหลือง ๆ นั้นเอง ดังนั้นผมจึงอยากแนะนำว่า ให้เลือกซื้อ Biotin ที่ความเข้มข้นน้อย ๆ จะดีกว่าความเข้มข้นสูง ๆ แล้วแบ่งไปทานเช้ากับเย็น หรือ 3 เวลาจะดีกว่าครับ เช่น เลือกซื้อแบบ 2,000 mcg แล้วทาน 3 เวลา ก็จะได้ 6,000 mcg แทนที่จะทานเม็ดเดียว 10,000 mcg ทั้งวันครับ


ตารางเปรียบเทียบรีวิว วิตามินบํารุงผม ยี่ห้อไหนดี

ตารางเปรียบเทียบรีวิว วิตามินบํารุงผม ยี่ห้อไหนดี

เผื่อใครที่ไม่มีเวลาอ่านเนื้อหาทั้งหมด หรืออยากจะเห็นวิตามินบํารุงผมของแต่ละยี่ห้อมาวางเรียงเปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด ว่ายี่ห้อไหนจะมี Biotin ที่เข้มข้นมากที่สุด ยี่ห้อไหนจะให้สารอารหารอื่น ๆ เพิ่มเติมอะไรบ้าง ก็กดเข้าไปดูตารางที่ปุ่มด้านล่างได้เลยครับ



1. วิตามินบํารุงผม ยี่ห้อ DHC Biotin

DHC ยี่ห้ออาหารเสริมจากดินแดนปลาดิบที่คนไทยหลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันอย่างแน่นอน ซึ่งทางแบรนด์เขาก็มีขายอาหารเสริมหลายชนิดเอามาก ๆ แม้แต่วิตามินบํารุงผมก็มีเช่นกันครับ กับ DHC Biotin ซองสีชมพูอ่อน โดยถ้าดูข้อมูลจากตารางด้านล่างแล้ว จะเห็นว่า ให้ Biotin ที่ 500 mcg เท่านั้น ก็ถือว่าค่อนข้างน้อย และน้อยกว่ายี่ห้อ 21st Century Biotin ตัวด้านบน อีกทั้งมีราคาที่แพงกว่าด้วย ดูรวม ๆ แล้วเหมือนจะไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไรนัก

แต่ ๆๆๆ วิตามินบํารุงผมตัวนี้ เวลาทานจะค่อย ๆ “ละลายอย่างช้า ๆ” ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมเอา Biotin ไปใช้บำรุงร่างกายได้ทัน หรือสูญเสียน้อยมากนั้นเอง ก็แนะนำสำหรับคนที่อยากทานอาหารเสริมแบบใหม่ ๆ ครับ

ประเภทเม็ด
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด500 mcg
วิตามินเพิ่มเติม
แร่ธาตุเพิ่มเติม
ส่วนผสมอื่น ๆ
ปริมาณที่ควรทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติญี่ปุ่น

2. ไบโอติน ยี่ห้อ Nature’s Bounty EXTRA STRENGTH

2. ไบโอติน ยี่ห้อ Nature's Bounty EXTRA STRENGTH

ราคาโดยประมาณ 299 / 550 บาท ต่อ 60 / 150 เม็ด

ถ้ากำลังคิดว่าจะทานไบโอตินเพื่อบำรุงเส้นผมอยู่ละก็ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ก็รวดทานยี่ห้อที่เน้นบำรุงเรื่องความงามด้านอื่น ๆ เช่น ผิวพรรณและเล็บมือไปด้วยเลยสิครับ ขอแนะนำ Nature’s Bounty สูตร EXTRA STRENGTH โดยทางแบรนด์เขาจะมีสูตรแบบธรรมดาวางขายอยู่ด้วย แต่แบบ EXTRA STRENGTH จะมีส่วนผสมเรื่องความงามที่มากกว่า และมีความเข้มข้นที่สูงกว่า จึงบำรุงได้ดีกว่านั้นเอง ส่วนราคาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แนะนำซื้อสูตร EXTRA เถอะครับ คุ้มกว่าโคตร ๆ

และถ้าดูข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการจากตารางด้านล่างแล้ว จะเห็นว่า มีไบโอตินสูงถึง 1,667 mcg ต่อเม็ด เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่จะมาช่วยบำรุงเน้นเรื่องความงามอีกเพียบ!! ไม่ว่าจะวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ รวมถึงยังมีส่วนผสมอย่าง Argan Oil, คอลลาเจน และกรดไฮยาที่จะมาช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยอีกด้วย พูดง่าย ๆ ว่า ทานแค่ยี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียว ก็บำรุงครบ สวย จบ เรื่องความงามเลยครับ (แต่ราคาก็จะแพงกว่าพวกยี่ห้อที่มีแต่ไบโอตินเพียว ๆ เน้อ)

ประเภทเม็ดนิ่ม
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด1,667 mcg
วิตามินเพิ่มเติมA, 500 mcg / C, 20 mg / D, 6.7 mcg / E, 3.33 mg / B1, 1.6 mg / B2, 1.6 mg / B3, 8.3 mg / B6, 1.3 mg / B9, 111 mcg / B12, 2.6 mcg / B5, 5 mg
แร่ธาตุเพิ่มเติมIron 1 mg / Zinc 2.5 mg / Selenium 4.16 mcg / Manganese 1.6 mg /
ส่วนผสมอื่น ๆArgan Oil 8.33 mg / PABA 3.33 mg / Choline 3.33 mg / ALA 3.33 mg / หญ้าหางม้า 1 mg / คอลลาเจน 16.67 mg / กรดไฮยา 10 mg
ปริมาณที่ควรทานทางแบรนด์แนะนำ วันละ 3 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติสหรัฐอเมริกา

3. ไบโอติน ยี่ห้อ 21st Century Biotin

3. ไบโอติน ยี่ห้อ 21st Century Biotin

ราคาโดยประมาณ 139 / 240 / 279 บาท ต่อ 110 / 110 / 120 เม็ด

ถ้ากำลังมองหาไบโอตินที่มีราคาย่อมเยาและคุณภาพดีสักยี่ห้อละก็ ขอแนะนำ 21st Century Biotin กระปุกสีเหลืองจากสหรัฐอเมริกากันเลยครับ โดยจุดเด่นที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่น ๆ ก็คือ เขาจะมีปริมาณความเข้มข้นของ Biotin ให้เลือกซื้อ ซึ่งก็จะมีความเข้มข้นอยู่ที่ 800, 5,000 และ 10,000 mcg อีกทั้งยังได้เสริมแคลเซียมเพิ่มเติมมาด้วย (ดูความเข้มข้นของแคลเซียมได้จากตารางด้านล่าง) ก็ช่วยบำรุงได้ทั้งเส้นผม, เล็บ, ผิวกาย รวมถึงกระดูกและฟันด้วยครับ

แล้วจะซื้อความเข้มข้นที่เท่าไรดี? ผมก็แนะนำว่า ถ้าไม่มีปัญหาเส้นผมอะไรมาก ผมยังแข็งแรง แค่อยากจะบำรุงเพิ่มเติมเฉย ๆ ก็ทานตัว 800 mcg ก็พอ (ราคาถูกที่สุดด้วย) แต่ถ้าคิดว่า ความเข้มข้นน้อยไป ก็เลือกแบบ 5,000 mcg ได้ แต่เอาจริง ๆ อยากให้ทานแบบ 800 mcg แบ่งเป็นเช้ากับเย็น วันละ 2 เม็ด จะดีกว่า เพราะถ้าทานพวกความเข้มข้นสูง ๆ แล้วร่างกายดูดซึมได้ไม่หมด ก็จะกลายเป็นฉี่สีเหลือง ๆ ไปซะเปล่า ๆ แต่ถ้าขี้เกียจอยากทานเม็ดเดียวจบ ก็แล้วแต่สะดวกเลยครับ

ประเภทเม็ด / แคปซูล
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด800 / 5,000 /10,000 mcg
วิตามินเพิ่มเติม
แร่ธาตุเพิ่มเติมCalcium 90 / 113 / 96 mg
ส่วนผสมอื่น ๆ
ปริมาณที่ควรทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติสหรัฐอเมริกา


4. วิตามินบํารุงผม ยี่ห้อ Nature’s Bounty Gummies

พูดถึงยี่ห้อ Nature’s Bounty รุ่น EXTRA STRENGTH ไปแล้ว ต้องขอพูดอีกถึง Nature’s Bounty กันสักรุ่นหนึ่งนั้นก็คือรุ่น Gummies ที่รับได้ความนิยมค่อนข้างสูงเลยครับ โดยตัวเม็ดจะเป็นแบบเยลลีที่สามารถเคี้ยว ๆ ให้ความรู้สึกเหนียว ๆ หนึบ ๆ หวาน ๆ เหมือนกำลังทานขนมอยู่ และด้วยการที่เป็นเยลลีนี้เอง ก็เหมาะสำหรับซื้อไว้เป็นไบโอตินสำรองที่เอาไปเคี้ยวเล่น ๆ ที่ทำงาน หรือจะเคี้ยวเล่น ๆ ระหว่างวันก็ทำได้ ก็ทำให้ร่างกายจะได้รับไบโอตินอยู่ตลอด และบำรุงเส้นผมสม่ำเสมอด้วย (ดีกว่าพวกยี่ห้อที่ความเข้มข้นสูง ๆ แล้วร่างกายดูดซึมไม่ทัน) อีกทั้งยังมีรสชาติให้เลือกซื้อกันถึง 2 รสด้วยคือ รสส้มกับรสสตรอว์เบอร์รี ชอบรสไหนก็เลือกซื้อรสนั้นกันได้ครับ

อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบเรื่องสารอาหารกับรุ่น EXTRA STRENGTH แล้ว รุ่นนี้ก็จะแพ้ราบคาบ ไม่ว่าจะความเข้มข้นของไบโอตินที่น้อยกว่า หรือสารอาหารเพิ่มเติมอย่างวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ก็ไม่มี จะมีเพียงแค่วิตามิน C และ E เสริมเพิ่มเติมมาเท่านั้น ก็ถ้าเน้นเรื่องความเข้มข้นและสารอาหารแล้วละก็ ต้องซื้อรุ่น EXTRA STRENGTH แต่ถ้าเบื่อ ๆ อยากทานอาหารเสริมบำรุงผมเหมือนกับขนมละก็ จัดรุ่น Gummies ไปเลยครับ (รุ่น Gummies เขาจะมีอีกรุ่นที่เป็นกระปุกสีม่วง และมีความเข้มข้นของไบโอตินที่มากกว่าที่เยลลีละ 3,000 mcg ถ้าคิดว่าผมเสียมาก ก็ซื้อกระปุกม่วงทานก็ได้ครับ แต่ก็แพงกว่าด้วยเน้อ)

ประเภทเยลลี
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด1,250 mcg
วิตามินเพิ่มเติมC, 7.5 mg / E, 3.35 mg
แร่ธาตุเพิ่มเติม
ส่วนผสมอื่น ๆ
ปริมาณที่ควรทานทางแบรนด์แนะนำ วันละ 2 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติสหรัฐอเมริกา

5. ไบโอติน ยี่ห้อ Blackmores Nails Hair and Skin

ถ้าพูดถึงเรื่องอาหารเสริมไม่ว่าจะชนิดไหน ๆ จะขาดยี่ห้ออย่าง Blackmores จากออสเตรเลีย ไปได้อย่างไรกันละครับ ซึ่งเอาจริง ๆ เนี่ย อาหารเสริมบำรุงผมที่มีแค่เฉพาะไบโอตินทาง Blackmores เขาก็มีขายนะ แต่ผมว่า ตัว Nails Hair and Skin จะดีกว่า เพราะให้ความเข้มข้นของไบโอตินในระดับที่กำลังดี ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป อีกทั้งยังให้สารอาหารอื่น ๆ โดยเฉพาะ Zinc ที่ค่อนข้างสูงมากถึง 7.5 mg และวิตามิน C ที่ 30 mg มาให้ด้วย พอรวม ๆ สารอาหารกันแล้ว ก็จะมาช่วยกันบำรุงให้ทั้งเส้นผม, ผิวพรรณ รวมถึงเล็บมือมีสุขภาพดีขึ้นกว่าการทานแค่ไบโอตินเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามราคาอาจจะแอบสูงไปนิด แต่ถ้าเรื่องคุณภาพละก็ วางใจ Blackmores ได้เลยครับ

ประเภทเม็ด
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด1,250 mcg
วิตามินเพิ่มเติมC, 30 mg / B5, 20 mg / B9, 150 mcg
แร่ธาตุเพิ่มเติมSilica 25 mg / Zinc 7.5 mg / Iron 3 mg / Manganese 1 mg
ส่วนผสมอื่น ๆหญ้าหางม้า 467 mg / Betacarotene 1 mg
ปริมาณที่ควรทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติออสเตรเลีย

6. วิตามินบํารุงผม ยี่ห้อ Puritan’s Pride Biotin

6. วิตามินบํารุงผม ยี่ห้อ Puritan's Pride Biotin

ราคาโดยประมาณ 140 – 370 บาท ต่อ 60 – 120 เม็ด

ถ้ากำลังมองหาไบโอตินยี่ห้อที่มีความเข้มข้นสูง ๆ แต่ราคาย่อมเยาอยู่ละก็ ลอง ๆ ดูยี่ห้อ Puritan’s Pride Biotin จากสหรัฐอเมริกากันสิครับ เพราะมีความเข้มข้นสูงมากถึง 5,000, 7,500 และ 10,000 mcg ให้เลือกซื้อกัน อีกทั้งราคาก็ตกเม็ดละประมาณ 2-4 บาทเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น) แต่เอาจริง ๆ อยากจะให้เลือกซื้อตัว 5,000 mcg เท่านั้น เพราะพวกความเข้มข้นสูง ๆ ร่างกายอาจจะไม่สามารถดูดซึมได้ทัน หรือไม่งั้นก็ทานเพิ่มเป็น 2 เม็ด ก็เพิ่มโดสให้เท่ากับ 10,000 mcg ได้ เท่านั้นยังไม่พอ ตัว 5,000 mcg ยังมีสารอาหาร Calcium เพิ่มเสริมเข้ามาให้ด้วย ดูรวม ๆ แล้ว 5,000 mcg คุ้มค่าที่สุดครับ

ประเภทเม็ด / เม็ดนิ่ม / แคปซูล
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด5,000 / 7,500 / 10,000 mcg
วิตามินเพิ่มเติม
แร่ธาตุเพิ่มเติมCalcium 222 mg เฉพาะรุ่น 5,000 เท่านั้น
ส่วนผสมอื่น ๆ
ปริมาณที่ควรทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติสหรัฐอเมริกา


7. ไบโอติน ยี่ห้อ Haru Biotin Max

Haru Biotin Max เป็นยี่ห้ออาหารเสริมบำรุงผมจากประเทศญี่ปุ่นที่น่าสนใจ และมียอดขายในระดับ 1,000+ ในอินเตอร์เน็ท แต่ถ้าดูจากตารางข้อมูลด้านล่างแล้ว จะเห็นว่าให้ไบโอตินเพียงแค่ 150 mcg เท่านั้น​ ซึ่งถือว่าน้อยมาก และน้อยที่สุดจากทุกยี่ห้อที่ผ่านมาด้วย แล้วมีข้อดีที่ตรงไหน? ก็ตรงที่มีส่วนผสมอื่น ๆ ที่จะมาช่วยเสริมการบำรุงเส้นผมทดแทนนั้นเอง เช่น Zinc เข้มข้นถึง 15 mg, หญ้าหางม้า 300 mg ที่อุดมไปด้วย Silica ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเส้นผม, ผิวพรรณ​ และเล็บ รวมถึงตัวเด็ดที่พิเศษกว่าใครก็คือ สารสกัดบริเวอร์ยีสต์ที่อุดมไปด้วยวิตามิน, แร่ธาตุ และกรดอะมิโนหลากหลายชนิด จึงช่วยบำรุงเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยครับ

นอกจากนี้ ก็มีเสียงรีวิวจากผู้ที่ได้ซื้อไปทานในด้านบวก ๆ กันหลายคนเลย พวกเขาต่างบอกกันว่า ทานแค่กระปุกแรกก็รู้สึกถึงผมสวยขึ้น มีน้ำหนักขึ้น และผมร่วงน้อยลงด้วย หลายคนประทับใจมาก ทานเรื่อย ๆ จนกระปุกที่ 3-4 กันแล้ว อีกทั้งราคาก็ไม่ได้แพงมากมายเลย ถ้ายังไงไม่รู้จะซื้อวิตามินบํารุงผมยี่ห้อไหนดี ลองเริ่มจาก Haru Biotin Max ดูก่อนสิครับ

ประเภทแคปซูล
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด150 mcg
วิตามินเพิ่มเติม
แร่ธาตุเพิ่มเติมZinc 15 mg / magnesium 1.85 mg
ส่วนผสมอื่น ๆหญ้าหางม้า 300 mg / สารสกัดบริเวอร์ยีสต์ 150 mg
ปริมาณที่ควรทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติญี่ปุ่น

8. วิตามินบํารุงผม ยี่ห้อ Natrol Biotin

ถ้าพูดถึงวิตามินบํารุงผมยี่ห้อที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และมียอดขายที่ดีมาก ๆ ในบ้านเรา คงต้องยกให้กับยี่ห้อ Natrol ตัว Biotin จากสหรัฐอเมริกากันเลยครับ โดยเป็นยี่ห้อที่มีความเข้มข้นของไบโอตินที่หลากหลายให้เลือกซื้อเช่นกัน มีทั้งแบบ 1,000 (ไม่ได้รับความนิยม), 5,000 และ 10,000 mcg ซึ่งตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะเป็นแบบ 10,000 mcg ก็จะเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมเอามาก ๆ มีเส้นผมเสียหายหนัก รวมถึงปัญหาเส้นผมหลุดร่วงขาดบ่อยด้วย แต่เอาจริง ๆ การทานแบบ 5,000 mcg 2 เม็ด ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีกว่าครับ

ส่วนถ้าอยากจะซื้อแบบความเข้มข้น 10,000 mcg ทางแบรนด์เขาก็จะมีให้เลือกซื้อกันอยู่ 2 แบบ คือ แบบเม็ดกลืนกับแบบเม็ดอม โดยแบบเม็ดกลืนก็เหมือนการทานยาปกติ ส่วนเม็ดอมก็อมไว้ก่อนให้ตัวเม็ดค่อย ๆ ละลาย จะแอบอร่อยกว่า มีรสชาติหวาน ๆ ทานง่ายกว่าสำหรับคนไม่ชอบทานยานั้นเอง ก็ชอบแบบไหนก็เลือกซื้อแบบนั้นกันได้ แต่แบบเม็ดกลืนจะพิเศษกว่าตรงที่มี Calcium เพิ่มเติมมาให้ 66 mg ต่อเม็ดด้วย ก็แอบช่วยบำรุงได้หลากหลายกว่า ส่วนแบบอื่น ๆ จะมีแค่ Biotin เท่านั้นครับ

ประเภทเม็ด / เม็ดอม
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด1,000 / 5,000 / 10,000 mcg
วิตามินเพิ่มเติม
แร่ธาตุเพิ่มเติมCalcium 66 mg เฉพาะรุ่น 10,000 แบบเม็ดกลืน
ส่วนผสมอื่น ๆ
ปริมาณที่ควรทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติสหรัฐอเมริกา

9. ไบโอติน ยี่ห้อ Natrol Gummies Hair, Skin & Nails

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มาดูไบโอตินยี่ห้อ Natrol กันอีกสักรุ่นอย่าง Gummies Hair, Skin & Nails ที่ตัวเม็ดจะเป็นแบบเยลลีรสราสเบอรี่ ก็ทำให้ทานได้ง่ายกว่า เหมือนกำลังทานขนม เคี้ยวแล้วก็หนึบ ๆ หนับ ๆ ดี จึงเหมาะสำหรับใครที่เบื่อ ๆ การทานอาหารเสริมบำรุงผมแบบเดิม ๆ ด้วย อีกทั้งความเข้มข้นของไบโอตินก็อยู่ที่ 2,500 mcg พร้อมด้วยวิตามิน E อีก 7.5 mg ก็ทำให้เหมาะมาก ๆ สำหรับใครที่กลัวทานไบโอตินความเข้มข้นสูง ๆ แล้วร่างกายจะดูดซึมไม่หมด ก็สามารถแบ่งทานเจ้าเยลลีนี้ออกเป็นเช้ากับเย็นรวมกันได้ไบโอติน 5,000 mcg ก็ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบเรื่องราคากับพวกแบบเม็ด ๆ แล้ว แบบเยลลีจะค่อนข้างแพงกว่านะครับ ถ้าเน้นความคุ้มค่า ไปทานแบบเม็ด ๆ เถอะครับ

ประเภทเยลลี
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด2,500 mcg
วิตามินเพิ่มเติมE, 7.5 mg
แร่ธาตุเพิ่มเติม
ส่วนผสมอื่น ๆ
ปริมาณที่ควรทานทางแบรนด์แนะนำ วันละ 2 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติสหรัฐอเมริกา

10. วิตามินบํารุงผม ยี่ห้อ Biotin Zinc คณะเภสัช จุฬา

ได้เห็นไบโอตินของยี่ห้อต่างประเทศกันไปหลายยี่ห้อแล้ว คราวนี้ลองมาดูของไทยจากคณะเภสัชจุฬากันดีกว่าครับ กับยี่ห้อ Biotin Zinc ที่ต้องยอมรับเลยว่า ทางจุฬาเขาจัดแต่สารอาหารตัว Top ๆ ที่เน้นในเรื่องของการบำรุงเส้นผมโดยเฉพาะอย่างไบโอตินกับซิงค์ และไม่มีสารอาหารอื่น ๆ เพิ่มเติมมาให้เสียเวลากันเลยทีเดียว

แต่ถ้าสังเกตความเข้มข้นของสารอาหารจากตารางด้านล่างแล้ว จะเห็นว่ามี Biotin เพียงแค่ 150 mcg ต่อเม็ดเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก น้อยในระดับเดียวกับ Haru Biotin Max ตัวด้านบนเลย แต่ Haru ยังมีสารอาหารเพิ่มเติมที่มากกว่า รวมถึงมี Zinc ที่เท่ากัน และราคาแอบแพงกว่ายี่ห้อนี้นิดหนึ่ง ก็ถ้าเทียบ ๆ กันแล้ว ผมว่าไปทานยี่ห้อ Haru Biotin Max จะดีกว่า คุ้มค่ากว่า ส่วนยี่ห้อนี้ ถ้ามีเส้นผมที่สุขภาพดีอยู่แล้ว จะทานตัวนี้เพื่อบำรุงก็ถือว่าโอเคอยู่ หรือถ้าอยากสนับสนุนของไทยก็จัดไปครับ

ประเภทเม็ด
ปริมาณ Biotin ต่อเม็ด150 mcg
วิตามินเพิ่มเติม
แร่ธาตุเพิ่มเติมZinc 15 mg
ส่วนผสมอื่น ๆ
ปริมาณที่ควรทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
สัญชาติไทย

อย่าลืมทาน Zinc เพิ่มเติมด้วย !

อย่าลืมทาน Zinc เพิ่มเติมด้วย !

และนอกจาก Biotin แล้ว ยังมีสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยในการบำรุงเส้นผม รวมถึงป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผมด้วยนั้นก็คือ Zinc ดังนั้นเพื่อการบำรุงเส้นผมที่ดีมากที่สุด ก็ควรจะทานทั้ง Biotin กับ Zinc ไปพร้อม ๆ กันเลย ซึ่งการเลือกซื้ออาหารเสริมบำรุงผมที่มีสารอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้ ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี แต่ส่วนใหญ่ยี่ห้อที่ทำแบบนี้ จะมีความเข้มข้นของสารอาหารทั้ง 2 ค่อนข้างน้อย ถ้ามีปัญหาเส้นผมหนักมาก การแยกทานแบบโดด ๆ จะให้ความเข้มข้นที่มากกว่าและดีกว่าครับ ถ้ายังไงสนใจ อาหารเสริมบำรุงผมที่มี Zinc เป็นส่วนประกอบหลัก ก็ขอฝากบทความด้านล่างด้วยครับ


ได้เห็นรีวิว “ไบโอติน” หรือ “วิตามินบํารุงผม” ยี่ห้อไหนดีกันไปแล้ว ถึง 10 ยี่ห้อด้วยกัน สาว ๆ หนุ่ม ๆ สนใจอยากจะซื้อยี่ห้อไหนไปทานเพื่อบำรุงเส้นผมกันบ้างครับ?? ก็จากที่ดู ๆ ความเข้มข้นของ Biotin มา ก็เห็นได้ว่า มีตั้งแต่ระดับน้อย ๆ อย่าง 500 mcg ไปจนถึงเข้มข้นสูงมากในระดับ 10,000 mcg กันเลยทีเดียว ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ถ้าเน้นบำรุงก็เลือกทานยี่ห้อความเข้มข้นน้อย ๆ ก่อน ถ้าผมเสียหายอย่างหนัก เส้นผมขาดหลุดร่วง ก็ไปทานความเข้มข้นสูง ๆ เอาครับ สุดท้ายก็ขอให้ได้ยี่ห้อที่โดน ยี่ห้อที่ดีต่อใจ ทานแล้วเส้นผมกลับมามีน้ำหนัก มีความแข็งแรงกันด้วยเน้ออ



0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x