ในยุคนี้แท็บเล็ต (Tablet) ถือเป็นอีกอุปกรณ์ไอทีที่แทบทุกบ้านต้องการ ไม่ว่าจะใช้เรียนหนังสือ ใช้ทำงาน ดูหนัง หรือเล่นเกม ก็อยู่ที่เครื่องนี้เพียงเครื่องเดียว แล้วยังสามารถพกพาได้สะดวก แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน จอมีขนาดใหญ่ดูได้สบายตา แต่ทว่าก็ดันมีหลายยี่ห้อหลายรุ่น แล้วเราจะเลือกซื้อ แท็บเล็ต ยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับยี่ห้อที่น่าสนใจ พร้อมวิธีการเลือกซื้อ มีรุ่นไหนบ้างเลื่อนไปอ่านกันเลยครับ
สารบัญ
วิธีการเลือกซื้อ แท็บเล็ต (Tablet)
จุดประสงค์การใช้งาน เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับแรก เพื่อให้ได้แท็บเล็ตที่ถูกใจ อยากจะใช้จดโน้ต วาดรูป ก็ต้องดูรุ่นที่รองรับการใช้งานปากกาได้ อย่าง Samsung Tab S , iPad , Surface อยากจะใช้ต่อ HDMI เพื่อพรีเซนต์งาน ก็แนะนำ Samsung Tab S , iPad , Surface ด้วยเหมือนกัน ส่วน Andriod รุ่นราคาปานกลาง ๆ หรือราคาถูกมักจะไม่รองรับการต่อสาย HDMI ต้อง Cast ไปยัง TV ด้วย Wi-Fi (Wi-Fi มักจะไม่ค่อยเสถียร) หรือถ้าแค่เอาไปดูซีรีย์การเลือก iPad จะแสดงผลได้ไม่เต็มจอ เพราะ iPad จะมีสัดส่วนจอที่สั้นว่าหนังซีรีย์ หากใครอยากจะเล่นเกมด้วยก็อย่าลืมเลือก CPU ให้เร็วด้วยครับ
CPU เป็นหัวใจของความเร็ว ยิ่งถ้าเลือก Android ที่ไม่ใช่รุ่นท็อป หลายยี่ห้อมักจะลดสเปคในส่วนนี้กัน ดังนั้นใครที่ไม่อยากทนรอเปิดโปรแกรม เบื่อความไม่สมูทของภาพในการเล่นเกม จำเป็นต้องดู CPU ให้ดี ขอแนะนำ iPad9 และ Xiaomi Pad 5 ราคาประมาณหมื่นต้น ๆ ที่ให้ CPU มาแรงกว่า Galaxy Tab A7 อย่างเห็นได้ชัด ใครที่อยากได้รุ่นที่เร็วและแรงขึ้นอีก อาจจะเพิ่มเงินอีกนิดเลือก iPad 9 หรือ Xiaomi Pad 5 จะดีกว่า ด้านล่างเราทำการเปรียบเทียบระดับความเร็ว CPU ให้แบบคร่าว ๆ ดังนี้
เร็วมาก M1 (iPad Pro 11″ 3) / A14 (iPad Air 4) / Snapdragon 8 Gen 1 (Tab S8) / Intel® Core™ i7-1065G7 (Surface)
เร็ว A13 (iPad 9) / Snapdragon 860 (Xiaomi Pad 5)
ปานกลาง Snapdragon 662 (Tab A7)
ช้า MediaTek Helio A22 Tab (Lenovo Tab M8 HD) / Mediatek MT8768 (MatePad T8) / Unisoc Octa-Core SC9863A (Teclast P20HD)
RAM + ROM อีกจุดที่จำเป็นต้องดูในรุ่นที่ราคาถูก บางยี่ห้อใส่ RAM มาแค่ 2 GB เปิดหลายโปรแกรมช้าแน่นอน ส่วน ROM หรือพื้นที่ในเครืองของเราถ้ามีน้อย จะโหลด App มาลงเครื่องได้น้อยตามนะครับ
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “แท็บเล็ต สำหรับดูหนัง เรียนออนไลน์” ยี่ห้อไหนดี
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูแท็บเล็ต แบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, ขนาด, หน่วยประมวลผล(โปรเซสเซอร์), ความจุแบตเตอรี่, กล้อง และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ
1. HUAWEI MatePad T 8
ราคาโดยประมาณ 4,290 – 4,890 บาท
ด้วยขอบที่บางเฉียบ เพียง 4.9 มิลลิเมตร กับอัตราส่วนหน้าจอที่มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของตัวเครื่อง ทำให้ HUAWEI MatePad T 8 แท็บเล็ตจอใหญ่ถึง 8 นิ้ว แต่ไซส์ของตัวเครื่องก็ยังสามารถพกพาได้สะดวก ด้วยพลังของชิปเซ็ต Mediatek MT8768 รุ่นเล็ก มีความแรงเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปได้ น่าเสียดายที่ให้ RAM / ROM น้อยไปสำหรับแอปในยุคนี้ มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5100 มิลลิแอมป์ ดูหนังได้นาน 12 ชั่วโมง ไม่ต่ำกว่า 5 เรื่อง หรือถ้าเป็นซีรีส์ก็ได้เกือบจบทั้งเรื่องกันเลยครับ
แต่สำหรับใครที่มีคุณลูกวัยกำลังเรียนออนไลน์ คงต้องแบ่งเวลาดูหนังให้ลูกเอาไปใช้ศึกษาเล่าเรียน แต่เอาเข้าจริง บ้านไหนมีเด็ก พ่อ-แม่ไม่ได้แตะแท็บเล็ตหรอก ลูกครองทั้งวัน ไหนจะเรียนออนไลน์ เล่นเกม ดูการ์ตูน ตรงส่วนนี้ผู้ปกครองก็คงต้องควบคุมดูแลการใช้งานของเด็ก ๆ ด้วยตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาลูกติดมือถือ แต่ถ้าเป็นในเรื่องสายตานั้น MatePad T 8 มีโหมดถนอมสายตา Eye Comfort Mode ช่วยป้องกันแสงสีน้ำเงินจากหน้าจอ พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อเด็ก ๆ กำลังใช้ในลักษณะนอนราบ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสายตาได้ครับ
สี | Deepsea Blue |
ขนาด / น้ำหนัก | 121.1 x 199.7 x 8.55 mm / 310 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 8″ / LCD |
โปรเซสเซอร์ | Mediatek MT8768 |
RAM / ROM | 2 GB / 16, 32 GB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 5 MP / 2 MP |
แบตเตอรี่ | 5100 mAh |
จุดเด่น | ราคาไม่สูง / Eye Comfort Mode / ระบบแจ้งเตือนเมื่อใช้ในลักษณะนอนราบ |
2. SAMSUNG Galaxy Tab A7
ราคาโดยประมาณ 8,490 บาท
ในการมองหาแท็บเล็ตสำหรับดูหนังสักเครื่อง สิ่งที่ต้องการก็คงจะเป็นหน้าจอแจ่ม ๆ ที่ให้ภาพคมชัด ยิ่งได้เสียงที่ดังกระหึ่มรอบทิศทางด้วยก็แจ๋วเลย ด้วยเหตุนี้ SAMSUNG Galaxy Tab A7 จึงมาพร้อมหน้าจอ LTPS ขนาด 10.4 นิ้ว ที่ให้ภาพคมชัดทุกองศา กับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby ATMOS ที่ดังกระหึ่มออกมาจากลำโพงทั้ง 4 ตัว ด้วยหน่วยประมวลผล Snapdragon 662 Octa-Core และแรมขนาด 3 GB ทำให้การใช้งานตัวเครื่องไหลลื่น ไม่มีสะดุดตะกุกตะกัก โหลดหนังได้อย่างรวดเร็ว เล่นเกมทั่วไปได้สบาย แต่ถ้าอยากเล่นเกมสเปคสูง ลองดูรุ่นที่หน่วยประมวลผลเร็วกว่านี้ดีกว่าครับ
และสำหรับพ่อ-แม่ที่ต้องปล่อยลูกไว้กับแท็บเล็ต นอกจากต้องใช้เรียนออนไลน์แล้ว เด็ก ๆ ก็คงจะต้องเอาไปเล่นเกมหรือดูการ์ตูนด้วย ก็มี SAMSUNG Kids Mode ที่ช่วยจำกัดระยะเวลาการใช้งาน เพื่อไม่ให้เด็ก ๆ ติดจอมากจนเกินไป รวมไปถึงจำกัดการเข้าแอปพลิเคชันต่าง ๆ ป้องกันการใช้งานแอปที่ไม่เหมาะสม พร้อมแสดงรายงานการใช้งานได้ด้วย ถือเป็นแท็บเล็ตที่ตอบโจทย์ครอบครัวสมัยใหม่ ฟังก์ชั่นอัดแน่น ดีไซน์ก็สวยสะดุดตา สวยงามด้วยวัสดุโลหะพรีเมียม ดีไซน์เพรียวบางเพียง 7 มิลลิเมตรเท่านั้นเองครับ
สี | Dark Gray / Gold |
ขนาด / น้ำหนัก | 157.4 x 247.6 x 7 mm / 476 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 10.4″ / LTPS |
โปรเซสเซอร์ | Qualcomm SM6115 Snapdragon 662 |
RAM / ROM | 3 GB / 64 GB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 8 MP / 5 MP |
แบตเตอรี่ | 7040 mAh |
จุดเด่น | Dolby ATMOS / SAMSUNG Kids Mode / SAMSUNG Knox ระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากมัลแวร์ |
3. Microsoft Surface Pro 7 (i7) + Signature Type Cover
ราคาโดยประมาณ 48,290 บาท
เซ็ตคู่สุดคุ้มที่เหมาะกับการเรียนออนไลน์แบบสุด ๆ Microsoft Surface Pro 7 (i7) ที่มาพร้อม Signature Type Cover อุปกรณ์เสริมที่เพิ่มเข้ามาเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้เป็นแบบแล็ปท็อปอย่างแท้จริง ด้วยแป้นพิมพ์เรืองแสงที่ตอบสนองไว รวมไปถึงแทรคแพดแบบมัลติทัชขนาดใหญ่ ที่มีให้เลือกถึง 4 สี ดำ, ไอซ์บลู, ชาร์โคล และแดง ให้เลือกจับคู่กับตัวเครื่อง Surface Pro 7 สีดำด้านสุดคลาสสิค พร้อมตอกย้ำประสิทธิภาพระดับแล็ปท็อปอย่างแท้จริง ด้วย Intel® Core™ Processor ที่สามารถช่วยให้ทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างพร้อมกันในเวลาเดียวครับ
อย่างการเรียนออนไลน์ทาง Zoom ไปพร้อมการเปิดแอปจดเลคเชอร์ก็สะดวกสบาย ไม่ต้องวุ่นวายหากระดาษ-ปากกา เพียงมีปากกา Surface ก็เขียนทุกอย่างลงบนหน้าจอได้เลย ส่วนประสิทธิภาพทางด้านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์นั้นก็สมจริง ฝั่งผู้เรียนไม่ต้องห่วงเลยว่าผู้สอนจะไม่ได้ยินเสียงหรือเห็นหน้าไม่ชัด เพราะมี Studio Mic แบบรับเสียงจากระยะไกล พร้อมกล้อง HD ให้ในตัว ซึ่งตัวผู้เรียนเองก็จะเสมือนอยู่ในห้องเรียนกับอาจารย์ตัวเป็น ๆ เช่นกัน ด้วยระบบวิดีโอคุณภาพเยี่ยม พร้อมระบบเสียงระดับ Dolby® Audio™ แน่นอนว่าประโยชน์ของประสิทธิภาพระดับนี้ไม่ใช่แค่กับการเรียนออนไลน์เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับการดูหนังดูซีรีส์มาก ๆ เลยล่ะครับ
สี | Matte Black (Surface Pro 7 [i7]) Black / Ice Blue / Charcoal / Poppy Red (Signature Type Cover) |
ขนาด / น้ำหนัก | 292 x 201 x 8.5 mm / 790 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 12.3″ / PixelSense™ |
โปรเซสเซอร์ | Intel® Core™ i7-1065G7 แบบ Quad-core เจนเนอเรชัน 10 |
RAM / ROM | 16 GB / 256 GB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 8 MP / 5 MP |
แบตเตอรี่ | 5702 mAh |
จุดเด่น | รูปแบบการใช้งานแบบ 2 in 1 (Laptop / Tablet) มีแป้นพิมพ์กับแทรคแพดแบบมัลติทัช / ขาตั้งในตัว / อัปเกรดเป็น Windows 11 ฟรี (เดิมเป็น Windows 10 Home) / ใช้ Microsoft 365 ได้ฟรี 30 วัน / Dolby® Audio™ |
4. iPad Air 4th generation (Wi‑Fi)
ราคาโดยประมาณ 19,900 – 24,900 บาท
50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่กำลังมองหาแท็บเล็ตสักเครื่อง แน่นอนว่าต้องมีชื่อ iPad อยู่ในใจแล้ว 1 ยิ่งถ้าเป็นสาวกแบรนด์นี้ไม่มีปันใจไปให้แบรนด์อื่นแน่นอน แต่ตัว iPad เองก็มีอยู่หลายรุ่น อย่าง iPad Air 4th generation นี้ เป็นตัวใหม่ล่าสุดจากซีรีส์ Air แท็บเล็ตไซส์กลางของบ้าน Apple ที่ประสิทธิภาพไม่แพ้บิ๊กไซส์ จะซื้อมาใช้แค่ดูหนังกับเรียนออนไลน์ก็ดี ยิ่งเล่นเกมส์นี่ดีมากแรงจริง ๆ ใครที่เป็นสายครีเอทีฟที่สามารถใช้เจ้าเครื่องนี้เป็นครีเอทีฟสตูดิโอแบบพกพาได้เลยครับ
อย่างการถ่ายวิดีโอระดับ 4K แล้วตัดต่อได้ทันที จบในตัวเลยไม่ต้องมีกล้องวิดีโอหรือคอมพิวเตอร์อีกแล้ว หรือถ้าเป็นสายอาร์ตก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานลงบนหน้าจอได้เลยเพียงมี Apple Pencil 2nd generation ถึงจะต้องซื้อเพิ่มแต่ได้ใช้คุ้มแน่นอน นำมาใช้กับการเรียนออนไลน์ จดโน้ต แต่งภาพ ฯลฯ ซึ่งในการทำงานกลุ่ม แม้ไม่ได้มานั่งทำด้วยกัน แต่ก็มีฟีเจอร์ให้สามารถแชร์เอกสารเพื่อทำงานร่วมกันได้ด้วยนะ ขอทิ้งท้ายด้วยประสิทธิภาพที่ให้คุณได้เต็มที่กับความบันเทิงแบบทะลุจอ ด้วยกราฟิกสุดล้ำ, จอภาพ Liquid Retina สวยสะดุดตาน่าทึ่ง และเต็มอิ่มกับประสบการณ์เสียงจากลำโพงสเตอริโอแนวนอนคุณภาพสูง Work Hard Play Hard ตัวจริงต้องแบบนี้ครับ
สี | Silver / Space Grey / Rose Gold / Green / Sky Blue |
ขนาด / น้ำหนัก | 178.5 x 247.6 x 6.1 mm / 458 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 10.9″ / Liquid Retina |
โปรเซสเซอร์ | A14 Bionic chip with Neural Engine |
RAM / ROM | 4 GB / 64, 256 GB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 12 MP / 7 MP |
แบตเตอรี่ | 11560mAh |
จุดเด่น | ตัวเครื่องมีให้เลือกหลายสี / ถ่ายวิดีโอและตัดต่อได้ระดับ 4K / ฟรี APPLE TV+ 3 เดือน |
5. iPad 9th generation (Wi‑Fi)
ราคาโดยประมาณ 11,400 – 16,900 บาท
เอาใจสาวก Apple ที่อยากได้ iPad รุ่นล่าสุด แต่งบมีจำกัดอยู่หมื่นนิด ๆ iPad 9th generation ตัวนี้ เป็นรุ่นล่าสุดของซีรีส์ไอแพดแบบปกติ ที่ไม่ใช่มินิ, แอร์ หรือโปร ใช้ชิป A13 Bionic ที่ช่วยให้การทำงานต่าง ๆ เร็วขึ้น ไม่ว่าจะส่งไลน์ ส่งเมล เสิร์ชหาข้อมูล ไปจนถึงการใช้งานพร้อมกันหลาย ๆ แอปพลิเคชัน หรือแม้กระทั่งกล้องหลังที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ช่วยให้สามารถสแกนเอกสารได้อย่างชัดแจ๋ว ทั้งหมดนี้นับเป็นคุณสมบัติที่เอื้อต่อการเรียนออนไลน์มาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะครับ
และด้วยจอ Retina ขนาด 10.2 นิ้ว ที่ให้สีสันสดใส พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone ปรับจอภาพให้เหมาะกับอุณหภูมิสีของห้อง เพื่อความสบายตาในทุกสภาพแสง ก็เหมาะสำหรับการชมภาพยนตร์เรื่องโปรดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถรับชมด้วยกันได้แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผ่าน FaceTime ให้ฟีลใกล้กันเสมอแม้เธอต้อง Distancing โรแมนติกสุด ๆ ไปเลย ที่สำคัญเครื่องรุ่นนี้สามารถเล่นเกมได้ลื่นที่สุดในช่วงราคา 11,400 ด้วยครับ
สี | Silver / Space Gray |
ขนาด / น้ำหนัก | 174.1 x 250.6 x 7.5 mm / 487 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 10.2″ / Retina |
โปรเซสเซอร์ | A13 Bionic chip with Neural Engine |
RAM / ROM | 3 GB / 64, 256 GB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 8 MP / 12 MP |
แบตเตอรี่ | 8557 mAh |
จุดเด่น | กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ความละเอียดสูง / ใช้ Apple Pencil 1st Generation ได้ |
6. iPad Pro 11-in. 3rd generation (Wi‑Fi)
ราคาโดยประมาณ 26,700 – 66,400 บาท
มาถึงคิวของซีรีส์ Pro ตัวท็อปแห่งบ้านไอแพดกันบ้าง โดยรุ่นที่จะแนะนำนี้เป็น iPad Pro 11-in. 3rd generation รุ่นล่าสุดของหน้าจอ 11 นิ้ว ที่มีชิป M1 ให้การทำงานที่รวดเร็วมากที่สุดในบรรดาอุปกรณ์ประเภทเดียวกัน ดูหนังได้อย่างสมูท ลื่นไหลไม่มีสะดุด และด้วยจอภาพ Liquid Retina ที่ไม่เพียงแต่ให้สีสันสวยสดงดงามเท่านั้น ยังมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำอีกมากมาย อย่างการแสดงผลแบบ True Tone ปรับจอภาพให้เหมาะกับอุณหภูมิสีของห้อง เพื่อความสบายตาในทุกสภาพแสง ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มความสนุกให้กับภาพยนตร์เรื่องโปรดได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นซีนไฮไลท์อลังการ ๆ อย่างกาแล็คซี่เอย หรือฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อมในหนังแอ็คชั่นเอย ก็ดูสมจริงมาก ๆ เลยครับ
ในส่วนของการเรียนออนไลน์ก็หายห่วงได้เลยว่าตัวเราจะหลุดออกจากเฟรมให้อาจารย์ได้เรียกหา เพราะด้วยฟีเจอร์ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” Center Stage ที่กล้องจะแพนตามการเคลื่อนไหวของคุณโดยอัตโนมัติ เพื่อให้คุณอยู่กลางเฟรมเสมอ พร้อมด้วยไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอถึง 5 ตัว ปัญหาเสียงหายจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ยกเว้นสัญญาณอินเทอร์เน็ตจะมีปัญหา iPad Pro มาพร้อมตัวเลือกในการจัดเก็บแอปและคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่มากถึง 2 เทระไบต์ แต่ยิ่งสูงก็ยิ่งแพง เลือกที่เหมาะกับการใช้งานของเราจึงน่าจะดีที่สุดครับ
สี | Silver / Space Gray |
ขนาด / น้ำหนัก | 178.5 x 247.6 x 5.9 mm / 466 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 11″ / Liquid Retina |
โปรเซสเซอร์ | M1 chip |
RAM / ROM | 8 GB / 128, 256, 512 GB 16 GB / 1, 2 TB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 12 MP + 10 MP / 12 MP |
แบตเตอรี่ | 7538 mAh |
จุดเด่น | ชิป Apple M1 / กล้องหลัง 2 ตัว ไวด์กับอัลตร้าไวด์ / กล้องหน้า TrueDepth และอัลตร้าไวด์ความละเอียดสูง พร้อม Animoji และ Memoji / ถ่ายวิดีโอและตัดต่อได้ระดับ 4K / Center Stage / Dolby ATMOS / ไมโครโฟนระดับสตูดิโอ 5 ตัว |
7. Xiaomi Pad 5
ราคาโดยประมาณ 12,990 บาท
แท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ 11 นิ้ว จากค่ายยักษ์ฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ Xiaomi Pad 5 ที่ยกหน้าจอนี่ล่ะขึ้นมาชูเป็นจุดขาย เพราะนอกจากเรื่องของขนาดแล้ว ยังมีความละเอียดสูงระดับ WQHD+ สีสันสว่างสดใส ดูหนังได้อารมณ์แบบสุด ๆ พร้อม True Display เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิสี และ Sunlight Display เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงรอบทิศทาง ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้จะช่วยปรับการแสดงผลของภาพให้เข้ากับสภาพแสงรอบข้างได้อย่างแม่นยำ จึงรับชมภาพยนตร์เรื่องโปรดได้อย่างสบายตาไม่ว่าจะเวลาไหน เพราะสบายใจว่าดวงตาจะได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ
พร้อมระบบเสียงจากลำโพงระดับเรือธงรอบทิศทางทั้ง 4 ตัว ที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในแนวตั้งและแนวนอน อีกทั้งยังเป็นลำโพงแอมพลิจูดสูงพิเศษที่ให้เสียงทรงพลังและหนักแน่นเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ ที่สำคัญในช่วงราคานี้ Xiaomi Pad 5 เร็วกว่าหลายยี่ห้อมาก (เร็วใกล้เคียงกับ iPad Gen9) ใช้ชิป Qualcomm® Snapdragon™ 860 จะเล่นเกมสเปคสูงก็ให้ภาพลื่นไหลแน่นอน สามารถใช้ต่อเนื่องยาวนานกว่า 16 ชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 8,720 มิลลิแอมป์ ส่วนในด้านการเรียนออนไลน์ก็มีฟีเจอร์ดี ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกอย่างการเปิด 2 แอปพร้อมกันบนหน้าจอ ฝั่งหนึ่งอาจจะเป็น Zoom ไว้ดูที่อาจารย์สอน ส่วนอีกฝั่งก็เปิดแอปจดเลคเชอร์จะได้ไม่พลาดเนื้อหาสำคัญที่อาจออกสอบยังไงล่ะครับ
สี | Pearl White / Cosmic Gray |
ขนาด / น้ำหนัก | 166.25 x 254.69 x 6.85 mm / 511 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 11″ / IPS LCD |
โปรเซสเซอร์ | Qualcomm® Snapdragon™ 860 |
RAM / ROM | 6 GB / 128, 256 GB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 13 MP / 8 MP |
แบตเตอรี่ | 8720 mAh |
จุดเด่น | จอแสดงผล WQHD+ / True Display + Sunlight Display / Dolby VISION / ลำโพงแอมพลิจูดสูงพิเศษระดับเรือธงรอบทิศทาง 4 ตัว / Dolby ATMOS / Hi-Res AUDIO & Hi-Res AUDIO WIRELESS |
8. Lenovo Tab M8 HD
ราคาโดยประมาณ 4,190 บาท
พักหายใจหายคอมาที่แท็บเล็ตราคาเบา ๆ ไม่ถึงครึ่งหมื่นกันบ้างดีกว่า สำหรับ Lenovo Tab M8 HD ที่เคลมตัวเองไว้ว่ามีหมัดฮุกคู่ด้านความบันเทิงทั้งภาพและเสียง คือจอภาพแบบสัมผัส IPS HD ที่มีพื้นที่แสดงผลกว่า 82 เปอร์เซ็นต์ของหน้ากว้างตัวเครื่อง ซึ่งข้อดีของจอขนาด 8 นิ้วแบบนี้ทำให้สามารถจับถือได้ค่อนข้างถนัดมือ อีกทั้งยังไม่เล็กเกินไปสำหรับใช้รับชมภาพยนตร์ด้วย ส่วนด้านเสียงก็มีลำโพงที่ได้รับการปรับจูนระดับ Dolby Audio ใช้หน่วยประมวลผล Helio A22 ที่เพียงพอต่อการใช้งานระดับพื้นฐาน มี RAM 3 GB และ ROM 32 GB ที่น่าจะเพียงพอสำหรับคนที่ไม่ได้ลงโปรแกรมเยอะ ครับ
สำหรับคุณพ่อ-คุณแม่ที่มีลูกวัยกำลังโต กำลังเรียนออนไลน์ ใช้แท็บเล็ตต่อเนื่องหลายชั่วโมง ทั้งเรียน เล่นเกม ดูการ์ตูน ก็สบายใจได้เพราะจอภาพได้การรับรองจาก TÜV® ว่าช่วยลดแสงสีฟ้าที่อาจเป็นอันตรายต่อสายตา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรให้เด็ก ๆ ใช้ภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาลูกติดมือถือซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและบุคลิกภาพได้ ฟีดแบคดี ชอบอกชอบใจที่ราคาไม่แพงแถมยังมีฟิล์มกันรอยหน้าจอพร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง และเคสฝาพับแบบ Folio Case ให้มาด้วยในกล่องอย่างเสร็จสรรพ ตัวเครื่องเองอาจมีหน่วง ๆ อยู่บ้าง แต่ไม่เป็นปัญหาในการใช้งาน เมื่อเทียบกับราคาแล้วต่างก็รับกันได้เป็นอย่างดีครับ
สี | Platinum Grey / Iron Grey |
ขนาด / น้ำหนัก | 121.8 x 199.1 x 8.15 mm / 305 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 8″ / IPS HD |
โปรเซสเซอร์ | MediaTek Helio A22 Tab |
RAM / ROM | 3 GB / 32 GB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 5 MP / 2 MP |
แบตเตอรี่ | 5100 mAh |
จุดเด่น | ราคาไม่สูง / Dolby Audio / จอภาพได้การรับรองจาก TÜV® |
9. SAMSUNG Galaxy Tab S8 (5G)
ราคาโดยประมาณ 30,900 บาท
ใครที่มีแพลนจะถอยแท็บเล็ตเครื่องใหม่ แต่รอได้ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้ เชียร์ให้พรีออเดอร์ตัวนี้เลย SAMSUNG Galaxy Tab S8 ใหม่ล่าสุด ยังไม่มีวางจำหน่าย ทำได้เพียงสั่งซื้อล่วงหน้าเท่านั้น นอกจากรุ่นนี้แล้วก็ยังมี S8+ กับ S8 Ultra ที่หน้าจอใหญ่กว่า แต่แค่หน้าจอ 11 นิ้วของ S8 ก็โอเคแล้วนะ ราคาย่อมเยากว่าด้วย แล้วก็ยังได้ S Pen รุ่นใหม่ล่าสุดมาเหมือนกัน จะใช้จดเลคเชอร์ระหว่างเรียนออนไลน์ หรือวาดภาพออกแบบงานดีไซน์ต่าง ๆ ก็ทำได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุดเมื่อใช้ร่วมกับแอปพลิเคชันในเครื่อง แล้วยังสามารถเปลี่ยนลายมือให้เป็นข้อความได้อีกด้วยนะครับ
SAMSUNG Galaxy Tab S8 มาพร้อมฟีเจอร์ Multi Window ที่ช่วยให้แบ่งหน้าจอ 2 ส่วน ดูอาจารย์สอนพร้อมจดโน้ตกันลืมในหน้าจอที่แบ่งไว้ ช่วยให้การเรียนออนไลน์สะดวกและง่ายขึ้นมาก ๆ เห็นราคาขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องมีหวั่น ๆ กลัวจะทำตกทำหล่นให้เกิดริ้วรอยใช่ไหมล่ะ แต่ขอบอกว่าตัวเครื่องผลิตจาก Armor Aluminum อะลูมิเนียมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ทางแบรนด์เคยนำมาใช้ จึงช่วยปกป้องทุกแรงกระแทกและการตกหล่น ถือเป็นแท็บเล็ตที่ทนทานที่สุดในจักรวาลซัมซุงเลยทีเดียวครับ
สี | Graphite / Silver |
ขนาด / น้ำหนัก | 165.3 x 253.8 x 6.3 mm / 507 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 11″ / LTPS TFT |
โปรเซสเซอร์ | Qualcomm SM8450 Snapdragon 8 Gen 1 |
RAM / ROM | 8 GB / 128 GB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 13 MP + 6 MP / 12 MP |
แบตเตอรี่ | 8000 mAh |
จุดเด่น | มาพร้อม S Pen / สเปคสูง / กล้องหลัง 2 ตัว ไวด์กับอัลตร้าไวด์ / กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ความละเอียดสูง / ถ่ายวิดีโอและตัดต่อได้ระดับ 4K / วัสดุ Armor Aluminum ทนทานที่สุด |
10. TECLAST P20HD
ราคาโดยประมาณ 4,499 บาท
ปิดท้ายกันที่แท็บเล็ตราคาเบา ๆ จากแบรนด์ชื่อไม่ค่อยหูคุ้นสักเท่าไร TECLAST แต่นี่คือแบรนด์ใหญ่ระดับต้น ๆ ในประเทศจีน ที่มีผู้ใช้มากกว่า 10 ล้านคน และส่งออกมากกว่า 33 ประเทศทั่วโลก โดย P20HD เครื่องนี้ ทางค่ายขึ้นป้ายแขวนไว้เลยว่านี่คือ Cinema in your Hand โรงภาพยนตร์ในมือคุณ ด้วยจอภาพ Full HD ขนาด 10.1 นิ้ว ส่วนหน่วยประมวลผลจะเป็น UNISOC SC9863A เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าเล่นเกมละก็แนะนำให้เพิ่มเงิน เอารุ่นที่หน่วยประมวลผลเร็วนี้กว่าแทนจะดีกว่า ตัวเครื่องให้หน่วยความจำ RAM 4 GB และ ROM 64 GB มากกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ในช่วงราคาเดียวกัน เลยทำให้ขายดีครับ
ตัวเครื่องมาพร้อม T-Color Technology เพิ่มประสิทธิภาพของสีด้วยอัลกอริธึม ปรับภาพให้คมชัด สีสันสดใสกว่าที่เคย จะซื้อมาดูหนังแล้วยังให้ลูกใช้เรียนออนไลน์ได้ด้วย สมบุกสมบันได้เลยไม่ค่อยกังวลเพราะราคาไม่ได้แรงขนาดที่ว่าไม่กล้าจับ ของแถมที่ให้มาก็อย่างแน่น ทั้งปากกาสไตลัสให้ลูกขีด ๆ เขียน ๆ ระหว่างเรียน, หูฟัง, แท่นวางแท็บเล็ต, OTG แล้วก็ฟิล์มกันรอยหน้าจอด้วย ฟีดแบคดี ถือเป็นม้ามืดสำหรับตลาดแท็บเล็ตราคาถูกเลย ใครที่ทุนไม่หนา หรือแค่ต้องการซื้อมาให้ลูกใช้ อาจจะมียืมไปใช้ดูหนังบ้าง รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจดีทีเดียวครับ
สี | Silver |
ขนาด / น้ำหนัก | 163 x 243 x 9.3 mm / 530 g |
ขนาด/ประเภทจอ | 10.1″ / IPS FHD |
โปรเซสเซอร์ | Unisoc Octa-Core SC9863A |
RAM / ROM | 4 GB / 64 GB |
กล้อง (หลัง / หน้า) | 5 MP / 2 MP |
แบตเตอรี่ | 6000mAh |
จุดเด่น | ราคาไม่สูง |
อ่านกันมาถึงตรงนี้คงจะได้คำตอบสำหรับ แท็บเล็ต ยี่ห้อไหนดี กันแล้วแน่เลย ใครอยากได้เครื่องทำงานเร็ว ๆ หรือเน้นเล่นเกม แนะนำ iPad ทุกรุ่น เลือกตามงบที่มีได้เลย ไม่ผิดหวังแน่นอน ส่วนชาว Android ก็อาจจะต้องเลือก Samsung Galaxy Tab S8 ที่เป็นระดับธง ถ้าหากงบน้อยลงมาหน่อย Xiaomi Pad 5 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก เครื่องเร็ว ทัชไว ไหลลื่นสุด ๆ แต่ถ้าอยากได้เครื่องที่ราคาถูก Teclast P20HD ก็ดูจะน่าสนใจตรงที่ได้ RAM ROM มากกว่ายี่ห้ออื่นในช่วงราคา 5,000 บาท แต่เรื่องศูนย์บริการก็อาจจะยังสู้แบรนด์ดังอื่น ๆ ไม่ได้ สุดท้ายนี้ก็ขอให้เลือกได้แท็บเล็ตที่ถูกใจ ใช้งานยาวนานกันนะครับ
ทำงานด้านสื่อโฆษณามานานกว่า 5 ปี เป็นนักซื้อตัวยง ที่มีประสบการณ์ใช้สินค้ามากมายหลายอย่าง เลยมีบทความใหม่ๆ ออกมาชวนผู้อ่านให้ซื้อสินค้ากันบ่อย ๆ ทั้งของอาหารเสริม เทคโนโลยี แกดเจ็ต ของใช้ในบ้าน และอื่น ๆ คัดเลือกสินค้ามาแล้วซื้อตามไม่มีผิดหวังแน่ ๆ