เครื่องลดความชื้น ยี่ห้อไหนดี รีวิว 5 รุ่นที่ดูดน้ำได้ดีจริง ๆ

Dehumidifier Cover

เครื่องลดความชื้นเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกำจัดความชื้นภายในอาคารหรือห้องต่าง ๆ โดยทั่วไปเราควรควบคุมความชื้นให้อยู่ที่ประมาณ 40-60% ถ้าความชื้นเกินกว่านี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาเชื้อรา กลิ่นอับ ทำให้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์เสื่อมเร็วอีกด้วย แล้วเราจะมีวิธีการเลือกซื้ออย่างไรบ้าง บทความนี้จะแนะนำ 5 อันดับ เครื่องลดความชื้นสำหรับบ้านในไทย ที่ได้รับการรีวิวจากผู้ใช้จริงในโลกออนไลน์แล้วว่าใช้งานได้ดีครับ

แนะนำ 5 อันดับ เครื่องลดความชื้น ที่คนรีวิวจริงว่าดูดน้ำได้ดี

1. LG PuriCare Dehumidifier 19 MD19GQGA1.ATH

เครื่องลดความชื้น LG ประสิทธิภาพสูง และมากด้วยคุณสมบัติ เหมาะสำหรับใช้งานในบ้าน

รูปภาพ LG PuriCare Dehumidifier 19 MD19GQGA1.ATH

ราคา 14,990 บาท
หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้

เครื่องลดความชื้น LG ดูดความชื้นได้ดี เพียงแค่คืนเดียวดูดน้ำได้เต็มถัง สามารถต่อท่อระบายน้ำทิ้งแบบต่อเนื่องได้ เคลื่อนย้ายง่ายด้วยดีไซน์ด้ามจับที่สะดวก สามารถควบคุมผ่านแอปบนมือถือได้อย่างสะดวก

จุดเด่น

  • อุปกรณ์เสริม ท่อเป่ารองเท้า ตู้เสื้อผ้า
  • ดูดน้ำได้ 30/19 ลิตรต่อวัน (ความชื้น 80%/60%)
  • เชื่อมต่อแอพได้ ตั้งเวลา ดูการใช้พลังงาน เตือนถังน้ำเต็ม ความชื้นสูง
  • มีระบบฟอกอากาศนาโนไอออน กำจัดแบคทีเรีย
  • มีศูนย์บริการ

จุดด้อย

  • ราคาสูง
ขนาด415 x 715 x 296 mm
น้ำหนัก16.7 kg
ถาดน้ำ5.3 L
กำลังไฟฟ้าN/A
ความดัง33 – 39 dB


2. SHARP Dehumidifier DW-D20A-W

เครื่องดูดความชื้น SHARP Dehumidifier DW-D20A-W ดูดน้ำได้ 20L ในงบ 10,000 บาท

รูปภาพ SHARP Dehumidifier DW-D20A-W

ราคา 9,999 – 13,990 บาท
หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้


เครื่องดูดความชื้น Sharp ทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพ เปิดทำงานเพียง 2 ชั่วโมงก็สามารถสร้างน้ำได้ถึง 1.2 ลิตร มีล้อเลื่อนทำให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก และยังช่วยฟอกอากาศด้วยการปล่อยอนุภาคไฟฟ้า ที่สำคัญราคา Shopee / Lazada ก็ถูกกว่าในห้างอีกด้วย

จุดเด่น

  • ดูดน้ำได้ 20/12.5 ลิตรต่อวัน (ความชื้น 80%/60%)
  • มีโหมดเป่าผ้า
  • ปล่อยอนุภาคไฟฟ้า ลดแบคทีเรีย และกลิ่นอับ
  • มีศูนย์บริการ

จุดด้อย

  • ราคาสูง
ขนาด374x620x250 mm
น้ำหนัก14.1 kg
ถาดน้ำ4.2 L
กำลังไฟฟ้าN/A
ความดังN/A


3. Xiaomi Mi Mijia Smart Dehumidifier 22L

เครื่องดูดความชื้น Xiaomi ที่ตั้งค่าสั่งการอัตโนมัติได้เยอะมากในแอพ Mi Home

รูปภาพ Xiaomi Mi Mijia Smart Dehumidifier 22L

ราคา 8,990 บาท
หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้

เครื่องดูดความชื้น Xiaomi รุ่นนี้ สามารถดูดน้ำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การใช้งานเป็นที่น่าพอใจ แต่เสียดายที่คู่มือใช้งานเป็นภาษาจีน และ Night Mode อาจจะยังได้ยินเสียงอยู่พอสมควร การเชื่อมต่อกับแอปก็ไม่ยาก ถ้าเคยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi ที่ต้องต่อเชื่อมแอปกับโซนประเทศจีน

จุดเด่น

  • ดูดน้ำได้ 22 ลิตรต่อวัน (ความชื้น 80%)
  • เชื่อมต่อ APP ได้ ถ้ามีอุปกรณ์ของ Mi Smart IoT ทั้งหลาย เซ็ทโหมดอัตโนมัติกันสนุกเลย

จุดด้อย

  • ราคาสูง
  • ตัวเครื่องรุ่น CN เวลาต่อ App ต้องเลือกโซนประเทศจีน
  • เครื่องจีนเข้าศูนย์ Xiaomi ในไทยไม่ได้
ขนาด300x300x660 mm
น้ำหนัก12.5 kg
ถาดน้ำ4.5 L
กำลังไฟฟ้า255 – 450 W
ความดัง35.5 – 41 dB


4. Xiaomi Widetech Dehumidifier WDH312NW1

เครื่องลดความชื้น Xiaomi อีกรุ่น หน้าตามินิมอล ต่อแอพ Mi Home (China) ได้ มี 3 ขนาด 12/18/30 L ให้เลือกซื้อ

รูปภาพ Xiaomi Widetech Dehumidifier WDH312NW1

ราคา 3,999 – 6,000 บาท (12 L)
หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้


เมื่อใช้เครื่องลดความชื้น Xiaomi Widetech รุ่น 18 L นี้เปิดไว้เกิน 3 ชั่วโมง ได้น้ำเกือบครึ่งถัง ตัวเครื่องดูดน้ำมาก สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันของ Xiaomi (Mi Home) ได้เพื่อควบคุมและสั่งการแบบอัตโนมัติ แต่จำเป็นต้องเลือกเชื่อมต่อ Server โซนประเทศจีน

จุดเด่น

  • ราคาไม่แพง (ราคาโปรโมชั่นลดแล้ว)
  • ดูดน้ำได้ 12 ลิตรต่อวัน (ความชื้น 80%)
  • เชื่อมต่อแอพ Mi Home ได้ (Zone China)

จุดด้อย

  • ถ้าเป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้น ราคาไม่แพ้ยี่ห้อ เกาหลี ญี่ปุ่น
  • ตัวเครื่องรุ่น CN เวลาต่อ App ต้องเลือกโซนประเทศจีน
  • เครื่องจีนเข้าศูนย์ Xiaomi ในไทยไม่ได้
ขนาด305x194x467 mm
น้ำหนัก9.7 kg
ถาดน้ำ2.2 L
กำลังไฟฟ้า165 W
ความดัง38 dB


5. HOMEMATE Dehumidifier HOM-1612L2

เครื่องลดความชื้น 12 L ที่เหมาะสำหรับใช้งานในห้อง 12-15 ตรม. มีศูนย์บริการ

รูปภาพ HOMEMATE Dehumidifier HOM-1612L2

ราคา 6,690 บาท
หาซื้อได้ที่

รีวิวจากผู้ใช้

ตัวเครื่องดูดความชื้นมีประสิทธิภาพดี แต่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำที่สามารถดูดได้กับยี่ห้ออื่น ๆ ไม่ค่อยมีฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่น่าตื่นเต้นให้เลือกใช้

จุดเด่น

  • ดูดน้ำได้ 12 ลิตรต่อวัน (ความชื้น N/A)
  • มีศูนย์บริการ

จุดด้อย

  • ราคาค่อนข้างสูง
ขนาด256x203x415 mm
น้ำหนัก10 kg
ถาดน้ำ2 L
กำลังไฟฟ้า175 W
ความดัง42 dB

วิธีการเลือกซื้อ เครื่องลดความชื้น

การเลือกซื้อ นอกจากจะดูแค่ราคา ขนาด น้ำหนัก ระดับเสียง การกินไฟแล้ว ยังมีที่สำคัญสุด ๆ อีกครับ

  1. ดูความสามารถในการดูดความชื้น ส่วนใหญ่จะนิยมบอกได้น้ำกี่ลิตรต่อวัน ที่ความชื้น 80% อาจจะได้น้ำ 20-30 ลิตร แต่ถ้าความชื้น 60% อาจจะได้น้ำเพียง 12 ลิตรเท่านั้น อาจจะเปรียบเทียบยากสักนิดสำหรับบางรุ่น
  2. ไม่แนะนำเครื่องที่ราคาถูก 1-2000 บาท เนื่องจากดูดน้ำได้ราว ๆ 1 ลิตร จึงมีคนบ่นกันเยอะมากว่าลดความชื้นได้น้อย แต่โฆษณาว่าเหมาะกับพื้นที่ห้องเกินตัวมาก ๆ ถ้าลองคำนวณจำนวนลิตรต่อวันกับรุ่นที่เราคัดเลือกมา จะต่างกันถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
  3. ดูฟังก์ชั่นเสริม หลายรุ่นมาพร้อมการเชื่อมต่อ APP ควบคุมการทำงาน ตั้งเวลา ดูการใช้พลังงาน แจ้งเตือนถังน้ำเต็ม ความชื้นสูง แถมยังมี อุปกรณ์เสริมสำหรับ เป่ารองเท้า ตู้เสื้อผ้า ซึ่งมีโอกาสได้จริงใช้สูง บางรุ่นยังใส่ระบบฟอกอากาศมาด้วย

เครื่องลดความชื้น มีประโยชน์อย่างไร

  1. ช่วยลดปัญหาการเกิดเชื้อราที่ ผนัง เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงเครื่องหนังต่าง ๆ ลำบากในการทำความสะอาดอีกด้วย
  2. ช่วยลดกลิ่นอับ
  3. ช่วยลดปัญหาสุขภาพ ใครมีปัญหาภูมิแพ้ ไอ-จามบ่อย ช่วยได้จริงครับ
  4. ช่วยลดการเกิดสนิมบนโลหะบางชนิด
  5. ช่วยยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อันนี้ขอยืนยันในฐานะ ที่เคยทำงานเกี่ยวกับการซ่อมอุปกรณ์ IT เห็นชัดจริง ๆ ว่าพื้นที่ไหนมีความชื้นสูง หรือถ้ายิ่งใกล้ทะเล อุปกรณ์เหล่านี้อายุการใช้งานสั้นลงอย่างเห็นได้ชัดจริง ๆ ครับ

วิธีการเลือกจัดอันดับสินค้า – ทดสอบประสิทธิภาพ
เรารวบรวมข้อมูลจากผู้ที่เคยใช้งานจริง รวมถึงความคิดเห็นต่าง ๆ ในกลุ่มบนเฟสบุ๊ก พันทิพ มาประกอบการตัดสินใจคัดเลือกสินค้า

Leave a Comment