5 หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี เสียงดี ตัดเสียงรบกวน

หูฟังไร้สายเดี๋ยวนี้นอกจากราคาจะถูกลงแล้ว ความสามารถในการตัดเสียงรบกวนก็ทำได้ดีไม่แพ้แบรนด์ที่มีราคาแพงอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ที่อยู่กันคนละแพลตฟอร์มพร้อมกัน จะเป็นมือถือ แทบเล็ต คอมพิวเตอร์ ก็สามารถสลับอุปกรณ์ได้ทันที เรียกได้ว่ามหัศจรรย์เอามาก ๆ ไม่ต้องมาคอยปิดบลูทูธเพื่อเลือกเชื่อมอีกอุปกรณ์เหมือนในอดีตอีกต่อไป ในบทความนี้เราได้ทดลองใช้งานหูฟังไร้สายแบบจริงจัง เปรียบเทียบกับ AirPods Pro 2 ที่หลาย ๆ คนหลงรัก จะต่างกันขนาดไหน แล้วจะมีวิธีเลือกซื้ออย่างไรบ้าง (อยู่ท้ายบทความ) ตามไปอ่านกันเลยครับ

1. SOUNDPEATS Capsule 3 Pro

หูฟังไร้สาย ตัดเสียงรบกวนดี เสียงไมค์เป็นธรรมชาติ ปรับ Equalizer ได้หลายความถี่

ราคา 2,299 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากทีมงาน Plus Around

Sound Peat Capsule 3 Pro เรื่องเสียงเบสหนักแน่นแบบล้น ๆ แต่ก็มีสิ่งที่เรียกว่า Equalizer ที่ปรับได้ค่อนข้างละเอียด ใครรู้สึกเบสหนักไป ปรับลดปุ๊บ เสียงแหลมดูโดดเด่นเป็นสง่าขึ้นมาทันที ถ้ายังไม่พอใจไปกดเสียงแหลมเพิ่มอีกสักหน่อยก็ได้ จุดเด่นที่ชอบมากอีกอย่างคือมีไมค์ 6 ตัว ตอนแรกก็งง ๆ จะมีไมค์เยอะแยะทำไม ก็เอาไว้ตัดเสียงรบกวน ANC (ฟัง) และ ENC (พูด) นี่ละ ใช้ AirPods Pro 2 แล้วรู้สึกเสียงไมค์ (ENC) เวลาพูดมันทุ้ม ๆ เหมือนอยู่ในโอ่ง ตัวนี้ไม่เป็นนะ แต่เรื่องการตัดเสียงรบกวน (ANC) ก็ถือว่าทำได้ดี แค่ยังไม่โดดเด่นเหมือนหูฟังเทพอย่าง AirPods Pro 2 โหมด Transparent ยังไม่ค่อยดีเหมือน AirPods Pro 2 ไม่ชอบอยู่อย่างเดียว เผลอทำตกบ่อย จนหูฟังเสีย ดีไซน์แย่ไปหน่อย

รูปแสดงการปรับตั้งค่า หูฟังไร้สาย SOUNDPEAT CASPSULE 3 PRO

จุดเด่น

  • ไมค์ 6 ตัว ให้เสียงพูดดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่อุดอู้เหมือนยี่ห้ออื่น ๆ (ENC)
  • Equalizer ใน App ปรับเสียงได้ละเอียด

จุดด้อย

  • ดีไซน์ผิวด้าน หยิบหลุดมือหล่นง่ายมาก เลยทำให้เสียเร็ว

ตารางสเปค

ตัดเสียงรบกวนHybrid ANC 43 dB
การเชื่อมต่อBluetooth 5.3 / LDAC/AAC/SBC
ระยะเวลาใช้งาน6-8 ชม. + เคส 40-48 ชม.


2. HUAWEI FreeBuds 5i

หูฟังไร้สาย ดีที่สุด ในสายตาเรา ราคาไม่แพง คุณสมบัติดีมาก เชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์ Gesture เหมือน Air Pod Pro 2

ราคา 2,299 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากทีมงาน Plus Around

ถ้าจะมีหูฟังสักตัวที่ให้เสียงละม้ายคล้ายคลึงกับ AirPods Pro 2 ในงบ 2-3,000 บาท คงหนีไม่พ้น Huawei Freebuds 5i ซื้อโปรวันคู่ 1,999 บาท เซ็ตเสียงมาใกล้เคียงจริง ๆ ให้ใครฟังก็บอกว่าเหมือน แถมยังเชื่อม 2 อุปกรณ์พร้อมกันแบบที่ AirPods Pro 2 ทำได้อีก แต่อันนี้พิเศษใส่ไข่ตรงที่ข้ามค่าย สามารถใช้ได้ทั้ง PC Android iOS ฟังเพลงบนมือถือ iPhone กดหยุด เปิดยูทูปใน PC ต่อได้ทันที ถึงจะมีความรวนอยู่บ้าง (แก้ด้วยการอย่าเปิดซ้อนกัน) การตัดเสียงรบกวน ANC / ENC ถือว่าดีเลยทีเดียว สู้ SoundPeat Edifier ได้สบาย ๆ ถ้าไม่เอาไปเทียบกับผลไม้ แต่ผลไม้แพ้เรื่องราคาขาดลอยนะ จุดอ่อนคงมีแค่เพิ่ม เบส หรือ เสียงแหลม ไม่ได้มี Equalizer ที่ปรับได้หลายความถี่แบบ Capsule 3 Pro เท่านั้น แต่ส่วนตัวคิดว่า Huawei Freebuds 5i เซ็ตเสียงมาดีงามขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะปรับอะไรเพิ่มอีกครับ

รูปแสดงการปรับตั้งค่าของแอป Huawei FreeBuds 5i

จุดเด่น

  • เชื่อม 2 อุปกรณ์พร้อมกัน Android iOS Windows แบบไร้รอยต่อ
  • ANC / ENC ดีงาม
  • เสียงที่ถูกเซ็ทมาดูแพง สไตล์เสียงคล้าย AirPods Pro 2

จุดด้อย

  • ปรับ Equalizer แบบละเอียดไม่ได้ มีให้เลือกเพิ่ม Treble / Bass

ตารางสเปค

ตัดเสียงรบกวนHybrid ANC 42 dB
การเชื่อมต่อBluetooth 5.2 / LDAC/AAC/SBC
ระยะเวลาใช้งาน7.5 ช.ม. + เคส 28 ชม.


3. EDIFIER TWS NB2 Pro

หูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวน ANC ได้ดี ดีไซน์สวย ใส่ออกกำลังกายก็ดี หูฟังไม่หลุดง่าย

ราคา 1,749 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากทีมงาน Plus Around

ได้ยินเสียงเล่าลือกันว่าหูฟัง Edifier TWS NB2 Pro นี้เสียงดีพอ ๆ กับ AirPods Pro 2 กันเลยทีเดียว ขอมายืนยันอีกเสียงว่า ทำได้ใกล้เคียงกันจริง ๆ ทั้งสไตล์เสียงแหลมใสกรุ๊งกริ๊ง แหลมโดดมามากกว่า AirPods Pro 2 เบสชัดเจนไม่ออกอาการบวม จะแตกต่างกันตรงเรื่องเวทีเสียง ที่ AirPods Pro 2 น่าจะทำได้ดูมีมิติมากกว่า แต่ผมว่า AirPods Pro 2 ก็แอบเพี้ยนมากกว่าตามไปด้วย การคุย ENC ก็ถือว่าทำได้ดี อยู่ใกล้คอนโดที่กำลังสร้าง เสียงไมค์ก็ยังชัดดีอยู่ กรองเสียงก่อสร้างได้พอสมควร คุยรู้เรื่องแน่นอน ส่วน Ambient Sound ดูดเสียงรอบข้างได้ค่อนข้างดี ไม่ต้องมาคอยถอดหูฟังเพื่อฟังเสียงข้างบ่อย ๆ ส่วนเรื่อง ANC ตัดเสียงรบกวนทำได้ดีพอสมควร ข้อเสียที่เจอคือ ปรับ Equalizer ไม่ได้ (แนะนำเพิ่มเงินไปเอารุ่น NeoBuds Pro ที่แพงกว่าถึงจะทำได้) ปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงไม่มี แต่ด้วยราคา ก็ทำให้รุ่นนี้ดูน่าสนใจมากเลย

จุดเด่น

  • ANC / ENC / Transparent Mode ดี

จุดด้อย

  • ไม่มี Equalizer ให้ปรับ
  • เสียงแหลมเยอะไปหน่อย
  • Gesture ปุ่มมีน้อย / App ปรับตั้งค่าได้น้อย

ตารางสเปค

ตัดเสียงรบกวนHybrid ANC 38 dB
การเชื่อมต่อBluetooth 5.0 / LDAC/AAC/SBC
ระยะเวลาใช้งาน9 ช.ม. + เคส 23 ชม.


4. HUAWEI FreeBuds SE 2

หูฟังไร้สาย ราคาถูก เสียงดีเกินราคา

ราคา 1,099 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากทีมงาน Plus Around

หูฟัง Huawei FreeBuds SE2 ได้ฟังแล้วตกใจกับคุณภาพเสียงมาก ถึงกับต้องหยิบมารีวิวเลย เบสดีพอประมาณ มีความนุ่มนวล ผิดกับทรงหูฟังแบบ earbud ที่เบสมักจะมาน้อย ให้เสียงร้องชัดเจน ด้านเสียงแหลมมีคมชัดละมุนไม่บาดหู ให้ความแหลมแบบดูแพงเกินราคาเอามาก ๆ น้ำหนักเบา 3.8 กรัม ใส่สบายหูสุด ๆ แบตเตอรี่ก็ยาวนานถึง 9 ชั่วโมง รวมเคสอีกก็ลากไป 40 ชั่วโมงเลยที คนใช้ AirPods Pro 2 ยังไม่นานเท่านี้เลย แถมยังเชื่อมต่อแอพ HUAWEI AI Life เลือกเพิ่ม BASS หรือ TREBLE ได้อีก เซ็ตการทัชได้น้อยไปหน่อย ใครอยากได้ฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นก็แนะนำให้ไปรุ่น 5i ก่อนหน้านี้แล้วกัน โหดเกินราคาจริง ๆ ส่วนใครชอบของถูกแบบที่สุด ก็แนะนำให้ไปหาคูปองมาลดเพิ่มอีก ตอนนี้เจอ Huawei FreeBuds SE2 อยู่ใน Lazada ช่วงวันคู่ เหลืออยู่ 799 บาท

จุดเด่น

  • หูฟังไร้สายราคาถูก เสียงดี
  • หูฟังทรง ear bud ใส่สบายหู

จุดด้อย

  • Gesture การทัชทำได้น้อย
  • ไม่มี ANC / Transparent Mode

ตารางสเปค

ตัดเสียงรบกวน
การเชื่อมต่อBluetooth 5.3 /AAC/SBC
ระยะเวลาใช้งาน9 ช.ม. + เคส 40 ชม.


5. SOUNDPEATS Air 3

หูฟังไร้สาย ราคาถูก ไมค์ดี เสียงดี จากกองอวยแห่ง Pantip

ราคา 1,599 บาท

หาซื้อได้ที่

รีวิวจากทีมงาน Plus Around

อยากได้ไมค์ชัด ๆ คุยกลางห้างสรรพสินค้าก็ยังไหวในราคาเบา ๆ ยกให้ SoundPEATS Air 3 เลย เสียงไมค์ชัดเจนจนกองอวยแห่ง Pantip ยกให้เป็นหูฟังไร้สายเสียงดีอันดับ 1 ในราคาพันกลาง ๆ นอกจากไมค์จะโดดเด่นแล้ว โทนเสียงที่เซ็ทมาให้ก็ถือว่าดูดี (ไม่บ้าเบสเหมือน SoundPEATS รุ่นอื่น ๆ) เสียงแหลมมีความใส ให้ความรู้สึกจัดจ้านกำลังพอดี ส่วนเสียงเบสพอมีดูนิ่มนวล มีพลังพอสมควร หูฟังเป็นทรง earbud ใส่สบายหู ถ้าไม่ซีเรียสกับระบบตัดเสียงรบกวน ANC และ ระบบจำลองเสียงภายนอก Transparent Mode แล้วละก็ ตัวนี้ใช้งานได้ดีเลยครับ

จุดเด่น

  • ไมค์ชัดเจน เทียบชั้นตัวแพง ๆ ได้เลย
  • หูฟังทรง ear bud ใส่สบายหู

จุดด้อย

  • ไม่มี ANC / Transperant Mode

ตารางสเปค

ตัดเสียงรบกวน
การเชื่อมต่อBluetooth 5.2 /AAC/SBC
ระยะเวลาใช้งาน5 ช.ม. + เคส 12.5 ชม.

เลือกทีมีระบบ ANC (Active Noise Cancelling) ทำหน้าที่ตัดเสียงรบกวนภายนอก เป็นอีกฟังก์ชั่นที่ผมชอบเปิด-ปิดบ่อยเอามาก ๆ เลย ซึ่งรุ่นราคาประหยัดมักจะไม่ให้มากัน ถ้าอยากมีโลกส่วนตัวก็อย่าลืมดูฟังก์ชั่นนี้กันนะ

เลือกทีมีระบบ Ambient Sound หรือ Transparent Mode จะช่วยให้เสียงจากภายนอกเข้าสู่หูฟัง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินถนนที่อาจจะต้องหลบรถยนต์จากด้านหลัง ด้านข้าง รวมถึงไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังเพื่อคุยกับคนข้าง ๆ อีกด้วย

เลือกทีมีระบบ ENC (Environmental Noise Cancellation) หูฟังหลายรุ่นเวลาพูด ปลายสายมักจะได้ยินเสียงแวดล้อมด้วย ถ้าเป็นรุ่นราคาถูก บางทีเสียงรอบข้างกลบไปหมดเลย เค้าเลยพัฒนาฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนขณะพูด ให้เหลือเสียงเราที่เป็นคนพูด ส่วนใหญ่ถ้ามี ANC หรือไมค์หลายตัว มักจะให้ฟังก์ชั่นนี้คู่มาโดยอัตโนมัติ ถ้ารุ่นไหนไม่มี ANC แนะนำให้อ่านรีวิวคุณภาพไมค์เพิ่มด้วยครับ

ดูวัสดุ และ ดีไซน์ นอกจากความสวยงาม หรูหราแล้ว ยังพ่วงไปถึงโอกาสหล่นอีกด้วย รุ่นไหนดีไซน์โค้งมนแล้ว วัสดุออกแนวด้าน ๆ มักจะหล่นบ่อยชัวร์ โดยเฉพาะ SoundPeat แค่หยิบออกจากกล่องก็หล่นแล้ว

เลือก Earbuds หรือ In-Ear

  • แบบ Earbuds (หูฟังรุ่นเก่า) เน้นใส่สบายทำให้ใช้งานได้ยาวนาน และก็ยังคงได้ยินเสียงรอบข้าง ตัวหูฟังหลุดหล่นได้ง่าย
  • แบบ In-Ear (จุกยาง) ให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด แบบสอดเข้าไปในหู ใช้นาน ๆ อาจจะไม่ค่อยสบายหู แนะนำให้ลองเปลี่ยนขนาดจุกยาง จะลดอาการปวดหูได้ อาจช่วยให้การเกาะหูดีขึ้นอีกด้วย ป้องกันเสียงรอบข้างได้ดี โอกาสหลุดหล่นน้อยลงน้อยกว่าแบบ Earbuds

วิธีการเลือกจัดอันดับสินค้า – ทดสอบประสิทธิภาพ
ทีมงาน PlusAround ได้ทดสอบการใช้งานมาสักระยะ เปรียบเทียบกับรุ่นแพง ๆ ยอดนิยมจาก Apple AirPods Pro 2

Leave a Comment